10 โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 10000 รุ่นไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025 คัดเน้น ๆ รีวิวจัดเต็ม!

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO X7 Pro
• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว AMOLED, ความละเอียด 1.5K (1220×2712), รีเฟรชเรท 120Hz
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 8400-Ultra
• RAM / ROM: 8GB+256GB | 12GB+512GB
• แบตเตอรี่: 6000mAh (typ), ชาร์จไว 90W
• กล้องหลัง: 50MP (หลัก) พร้อม OIS
• กันน้ำ/ฝุ่น: IP68
• ระบบปฏิบัติการ: Android 15 (HyperOS)

รีวิวแบบเจาะลึก

ถ้าพูดถึง POCO X7 Pro สิ่งแรกที่ต้องตะโกนออกมาคือ “ความแรง” ครับ! ชิป MediaTek Dimensity 8400-Ultra นี่ไม่ใช่ชิปเล่น ๆ นะครับ มันคือชิปเซ็ตระดับเกือบเรือธงที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่แรงกว่า Snapdragon 8 Gen 2 ในบางการทดสอบเสียอีก นี่คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคนที่ถามหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 10000 รุ่นไหนดี สำหรับสาย เล่นเกมลื่น ๆ ครับ ไม่ว่าคุณจะเล่น Genshin Impact, RoV, หรือ Call of Duty Mobile ปรับกราฟิกสุด, เปิดเฟรมเรท 120Hz (ในเกมที่รองรับ) ได้แบบลื่น ๆ ไม่มีกระตุกให้หัวร้อนแน่นอน แถมยังได้ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่ POCO เขาถนัด ทำให้เล่นเกมนาน ๆ เครื่องก็ยังนิ่งอยู่ครับ การที่ได้ RAM LPDDR5X และ ROM UFS 4.0 (ในรุ่น 12GB+512GB) ยิ่งตอกย้ำความเป็นนักฆ่าเรือธงเข้าไปอีก การเปิดแอป, โหลดเกม, หรือย้ายไฟล์จะเร็วปรู๊ดปร๊าดแบบคนละโลกกับมือถือที่ใช้ UFS 2.2 หรือ 3.1 เลยครับ นี่คือประสิทธิภาพที่คุณต้องจ่ายเงิน 2-3 หมื่นบาทเพื่อให้ได้มาเมื่อปีที่แล้ว แต่วันนี้ POCO X7 Pro จัดมาให้ในงบหมื่นเดียวครับ

ความบ้าคลั่งยังไม่จบแค่นั้นครับ มาดูที่ “จอ” กับ “แบต” กันต่อ จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ไม่ใช่แค่ 120Hz ธรรมดา ๆ แต่ให้ความละเอียดมาถึง 1.5K (1220×2712) ซึ่งคมชัดกว่า Full HD+ ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด การไถฟีด, ดู Netflix, หรือดู YouTube จะเต็มอิ่มทุกอณูสี แถมยังลื่นไหลสุด ๆ ด้วยรีเฟรชเรท 120Hz อีก ส่วนแบตเตอรี่ 6000mAh… ใช่ครับ หกพัน! นี่คือแบตที่อึดแบบลืมชาร์จ ใช้งานทั่วไปอยู่ได้ 2 วันสบาย ๆ หรือถ้าเล่นเกมหนัก ๆ ก็ยังลากได้เต็มวันแบบเหลือ ๆ และต่อให้แบตหมด ก็ไม่ต้องกลัวครับ เพราะเขให้ที่ชาร์จ 90W มาในกล่อง! เสียบชาร์จแป๊บเดียว (คาดว่าประมาณ 30-35 นาที) ก็เต็ม 100% แล้วครับ นี่คือสเปกที่ทำลายล้างทุกคู่แข่งในงบนี้จริง ๆ ยังไม่นับเรื่องกล้องหลัก 50MP ที่อุตส่าห์ใส่ OIS (ระบบกันสั่น) มาให้ ทำให้การถ่ายรูปในที่แสงน้อยหรือการถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้นมาก ๆ เทียบกับ Xiaomi กล้องสวย รุ่นอื่น ๆ ได้เลยครับ

และปิดท้ายด้วยสิ่งที่ทำให้ผมอ้าปากค้างที่สุดคือ “IP68” ครับ มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นระดับนี้คือระดับเดียวกับ iPhone 15 Pro หรือ Samsung Galaxy S25 เลยนะครับ! นี่เป็นครั้งแรก ๆ ที่เราได้เห็นฟีเจอร์นี้ในมือถือราคาหมื่นเดียว (ที่ไม่ใช่แบรนด์จีนอินดี้) มันหมายความว่าคุณไม่ต้องกลัวฝน ไม่ต้องกลัวมือถือตกน้ำ (ตื้น ๆ) อีกต่อไป นี่คือการยกระดับมาตรฐานมือถือมิดเรนจ์อย่างแท้จริงครับ การที่ได้ระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่เบาและลื่นไหลมาตั้งแต่แกะกล่องก็เป็นอีกจุดที่ยอดเยี่ยมมาก มันทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์โหด ๆ นี้ได้อย่างลงตัว ทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมมัน “สมบูรณ์” แบบสุด ๆ ครับ สรุปสั้น ๆ ถ้าคุณมีงบประมาณ 10,000 บาท แล้วอยากได้มือถือที่ “แรงที่สุด”, “แบตอึดที่สุด”, “ชาร์จไวที่สุด” และ “ทนทานที่สุด” ในงบ… POCO X7 Pro คือคำตอบที่หนึ่งเดียวในใจผมครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: Redmi Note 14 Pro
• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว CrystalRes AMOLED, ความละเอียด 2712×1220 (1.5K), รีเฟรชเรท 120Hz
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 7300-Ultra (หรือ Helio G100-Ultra ในบางตลาด)
• RAM / ROM: 8GB+256GB | 12GB+512GB
• แบตเตอรี่: 5500mAh (typ), ชาร์จไว 45W
• กล้องหลัง: 200MP (หลัก) พร้อม OIS + 8MP (Ultra-wide) + 2MP (Macro)
• ขนาด/น้ำหนัก: 162.3 x 74.4 x ~8.4 mm / ~190g

รีวิวแบบเจาะลึก

ไฮไลท์ของ Redmi Note 14 Pro ที่ทำให้มันโดดเด่นออกมาคือ “กล้อง 200MP” ครับ ความละเอียดระดับนี้ไม่ได้มีไว้แค่โฆษณาเท่ ๆ แต่มันหมายถึงการเก็บรายละเอียดของภาพถ่ายที่คมชัดแบบสุด ๆ คุณสามารถซูมเข้าไปในภาพที่ถ่ายแล้ว หรือจะครอปภาพบางส่วนมาใช้งานก็ยังคงความคมชัดไว้ได้อย่างน่าทึ่ง เทคโนโลยี Pixel Binning (การรวมพิกเซล) จะช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีนอยส์ (Noise) ลดลงและสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และการที่มันมาพร้อมกับ OIS (Optical Image Stabilization) หรือระบบกันสั่นในตัวเลนส์ ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมเลยครับ มันช่วยให้การถ่ายภาพในเวลากลางคืนด้วยมือเปล่านิ่งขึ้น ลดการสั่นไหวของภาพได้มหาศาล ใครที่มือไม่นิ่งหรือชอบถ่าย VLOG, ถ่ายวิดีโอเดินไปพูดไป OIS คือสิ่งที่คุณขาดไม่ได้เลยครับ นี่คือหนึ่งใน โทรศัพท์ Xiaomi กล้องสวย ที่ดีที่สุดในงบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ใครที่ชอบถ่ายรูปแล้วอยากได้ไฟล์ดิบ ๆ ไปแต่งต่อ หรือชอบซูมดูรายละเอียด Redmi Note 14 Pro คือคำตอบครับ

แน่นอนว่านอกจากกล้องแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็จัดเต็มไม่แพ้กันครับ หน้าจอ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (เท่ากับ POCO X7 Pro) ให้สีสันที่สวยสด สมจริง และสว่างสู้แดดได้สบาย ๆ การดูคอนเทนต์ HDR บน Netflix หรือ YouTube คือฟินมากครับ ด้านประสิทธิภาพ ชิป MediaTek Dimensity 7300-Ultra อาจจะไม่ได้แรงเท่า 8400-Ultra ในตัว POCO แต่เดี๋ยวก่อนครับ… มันไม่ได้ช้าเลย! ชิปตัวนี้ถูกจูนมาให้ประหยัดพลังงานแต่ยังคงความแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ คุณสามารถเล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ ได้ในระดับที่ดี (อาจจะไม่สุดเท่า POCO) และการใช้งานทั่วไปอย่างการไถโซเชียล, ดูหนัง, ทำงานหลายแอปพร้อมกัน คือลื่นไหลหายห่วงครับ นี่คือความสมดุลที่ Redmi Note ทำได้ดีเสมอมา คือประสิทธิภาพที่ดี บวกกับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ครบเครื่อง

ในส่วนของแบตเตอรี่ 5500mAh ก็ถือว่าให้มาเยอะมาก ๆ ครับ ใช้งานทั่วไปอยู่ได้ 1.5-2 วันสบาย ๆ แต่จุดที่อาจจะดูดรอปไปนิดเมื่อเทียบกับที่ 1 คือระบบชาร์จไว 45W ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช้านะครับ (คาดว่าชาร์จ 0-100% ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง) แต่แค่ไม่เร็วเท่า 90W ของ POCO X7 Pro นั่นเอง แต่ก็แลกมาด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูพรีเมียม, บางเบา, และจับถนัดมือกว่า เหมาะกับการเป็นมือถือเครื่องหลักที่พกพาไปทุกที่ครับ ดังนั้นการตัดสินใจระหว่าง 2 รุ่นนี้จึงชัดเจนมาก ถ้าคุณคือเกมเมอร์ที่ต้องการความแรงสุดขั้ว ไป POCO X7 Pro ครับ แต่ถ้าคุณคือสายถ่ายรูป, สายเสพคอนเทนต์, ต้องการมือถือที่ “ครบเครื่อง” และ “ดูดี” Redmi Note 14 Pro คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: Redmi Note 13
• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว AMOLED, รีเฟรชเรท 120Hz
• ชิปเซ็ต: Snapdragon 685 (6nm)
• RAM / ROM: 6GB+128GB | 8GB+256GB
• แบตเตอรี่: 5000mAh
• กล้องหลัง: 108MP (หลัก)
• ระบบปฏิบัติการ: MIUI (อัปเกรดเป็น HyperOS ได้)

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดขายหลักของ Redmi Note 13 (4G) ที่ทำให้มันโดดเด่นคือ “ความคุ้มค่า” ครับ ในราคาที่มักจะอยู่ในช่วง ไม่เกิน 8000 บาท หรือ ไม่เกิน 7000 บาท (ช่วงโปรโมชัน) คุณได้จอ AMOLED 120Hz ครับ! นี่คือสิ่งที่บ้ามาก จอภาพที่ได้คือสวย คมชัด สีสันสดใส และลื่นไหลไม่ต่างจากรุ่น Pro เลย การไถฟีด Facebook, TikTok, หรือดูซีรีส์ คือดีงามมาก ๆ ขอบจอก็บางเฉียบ ทำให้ตัวเครื่องดูพรีเมียมเกินราคาไปไกลครับ นี่คือจุดที่ Xiaomi มักจะทำได้ดีกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันเสมอ คือให้จอที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาให้ก่อนเลย และสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ใช้เวลา 80% กับหน้าจอมือถือ นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดครับ

ในด้านประสิทธิภาพ ชิป Snapdragon 685 (6nm) คือหัวใจสำคัญครับ แม้ว่ามันจะเป็นชิป 4G และคะแนน AnTuTu อาจจะไม่สูงลิ่ว แต่มันคือชิปที่ “ไว้ใจได้” ครับ มันถูกผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ทำให้มันประหยัดพลังงานมาก ๆ เมื่อรวมกับแบตเตอรี่ 5000mAh มันสามารถพาคุณใช้งานข้ามวันไปได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดครับ สำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล, แชท, ดู YouTube, หรือแม้แต่เล่นเกมยอดนิยมอย่าง RoV หรือ Free Fire ในการตั้งค่ากราฟิกกลาง ๆ ก็ยังทำได้ลื่นไหลครับ แต่ถ้าคุณเป็นสายเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์ที่ต้องการเล่น Genshin Impact ปรับสุด… รุ่นนี้ไม่ใช่คำตอบครับ (ต้องไป POCO X7 Pro) นี่คือมือถือสำหรับ “คนทั่วไป” ที่ต้องการความเสถียร, ความประหยัดแบต, และไม่อยากเจอปัญหาจุกจิกครับ

ส่วนเรื่องกล้อง 108MP ก็ถือเป็นจุดขายที่ดีครับ ในสภาวะแสงแดดจ้าหรือแสงเพียงพอ มันสามารถถ่ายภาพที่ให้รายละเอียดสูงมาก ๆ ได้ แต่ต้องยอมรับว่าพอเป็นที่แสงน้อยหรือกลางคืน การที่ไม่มี OIS (กันสั่น) ก็จะทำให้ภาพมีโอกาสสั่นไหวหรือมีนอยส์ได้ง่ายกว่ารุ่น Pro ครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนถ่ายรูปเล่น ๆ อัปสตอรี่ IG หรือส่งให้เพื่อนดู มันก็ให้คุณภาพที่ดีเพียงพอแล้วครับ สรุปแล้ว Redmi Note 13 (4G) คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 10000 รุ่นไหนดี ที่เน้นความคุ้มค่า, จอสวยสุด ๆ, แบตอึด, และไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ 5G ในตอนนี้ครับ มันคือ “มาตรฐาน” ของมือถือราคาประหยัดที่ทำได้ดีเกือบทุกอย่างครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO M7 Pro 5G
• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว AMOLED, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด ~2100 nits
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 7025-Ultra (6nm)
• RAM / ROM: 6GB+128GB | 8GB+256GB
• แบตเตอรี่: 5110mAh, ชาร์จไว 45W
• กล้องหลัง: 50MP (หลัก) พร้อม OIS
• ระบบปฏิบัติการ: HyperOS (Android 15)

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่ทำให้ POCO M7 Pro โดดเด่นกว่าใครในระดับราคา 6,000 – 8,000 บาท คือการใส่ “OIS” (กันสั่น) มาให้ในกล้องหลัก 50MP ครับ! นี่คือฟีเจอร์ที่ปกติเราต้องจ่ายเงินเกือบหมื่นหรือหมื่นอัพถึงจะได้มา การมี OIS จะช่วยเปลี่ยนคุณภาพการถ่ายรูปและวิดีโอของคุณไปเลยครับ โดยเฉพาะการถ่ายในที่แสงน้อย การเดินถ่าย VLOG หรือการซูมถ่ายวิดีโอ ภาพที่ได้จะนิ่งขึ้นมาก ลดอาการเบลอจากการสั่นของมือได้อย่างชัดเจนครับ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปแต่มีงบจำกัด นี่คือฟีเจอร์ที่ “จำเป็น” มากกว่าความละเอียด 108MP หรือ 200MP ที่ไม่มี OIS เสียอีกครับ การที่ POCO กล้าใส่ฟีเจอร์นี้มาในซีรีส์ M ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานที่น่าชื่นชมมากครับ และนี่คือเทคนิคการเรียนรู้ วิธีถ่ายรูปสวยด้วย Xiaomi ที่ดีที่สุด คือการมีฮาร์ดแวร์ที่ดีอย่าง OIS มาช่วยครับ

จุดเด่นที่สองคือ “หน้าจอ” ครับ แม้จะเป็น AMOLED 120Hz เหมือนรุ่นอื่น ๆ แต่ POCO M7 Pro เคลมความสว่างสูงสุด (Peak Brightness) ไว้สูงถึง ~2100 nits ครับ! นี่คือระดับความสว่างที่ปกติจะอยู่ในมือถือเรือธงเท่านั้น มันหมายความว่าการใช้งานกลางแดดจ้า ๆ จะไม่มีปัญหาอีกต่อไป คุณจะยังคงเห็นหน้าจอได้ชัดเจน นี่เป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หรือขับรถส่งของที่ต้องดูแผนที่บ่อย ๆ ครับ ส่วนชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7025-Ultra ก็เป็นชิป 5G ระดับกลางที่ประสิทธิภาพดีครับ มันอาจจะไม่ใช่ชิปสำหรับเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป, เล่นเกมกลาง ๆ, และใช้งาน 5G ถือว่าลื่นไหลและประหยัดพลังงานมาก ๆ ครับ

และสุดท้ายคือแบตเตอรี่ 5110mAh และชาร์จไว 45W ซึ่งเป็นสเปกที่ลงตัวมาก ๆ ครับ แบตอึดพอใช้งานข้ามวันได้ และชาร์จ 45W ก็ถือว่าเร็วเพียงพอ (เร็วกว่า Redmi Note 13 ตัวธรรมดาด้วยซ้ำ) เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งจอที่สว่างสู้แดด, กล้องมี OIS, รองรับ 5G, และแบตอึดชาร์จไว ทั้งหมดนี้ในราคาที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง ไม่เกิน 7000 บาท นี่คือ “ม้ามืด” ที่อาจจะมาแย่งซีนรุ่นอื่น ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ มันคือตัวเลือกที่ “ฉลาด” มาก ๆ สำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และไม่อยากจ่ายแพงครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO C75
• หน้าจอ: 6.88 นิ้ว Dot Drop Display, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่าง ~600 nits (HBM)
• ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G81-Ultra
• RAM / ROM: 6GB+128GB | 8GB+256GB
• แบตเตอรี่: 5160mAh, ชาร์จไว 18W
• กล้องหลัง: 50MP (หลัก) + กล้องหน้า 13MP
• ระบบปฏิบัติการ: HyperOS / Android รุ่นล่าสุด

รีวิวแบบเจาะลึก

POCO C75 คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 5000 หรือ ไม่เกิน 4000 บาท ครับ จุดขายหลักของมันคือ “จอใหญ่” และ “แบตอึด” ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อ จอ 6.88 นิ้ว นี่คือเกือบจะเท่าแท็บเล็ตมินิแล้วครับ เหมาะมากสำหรับการดู YouTube, ดูซีรีส์, หรือเรียนออนไลน์ แถมยังได้รีเฟรชเรท 120Hz มาอีก (แม้ว่าจะเป็นจอ LCD ก็ตาม) ทำให้การไถฟีดลื่นไหลกว่าจอ 60Hz หรือ 90Hz ทั่วไปในราคานี้อย่างชัดเจนครับ ความสว่าง 600 nits (HBM) ก็เพียงพอต่อการใช้งานในที่ร่มหรือในที่ที่มีแสงไม่จ้ามากครับ

ชิป MediaTek Helio G81-Ultra เป็นชิป 4G ระดับเริ่มต้นที่ถูกจูนมาให้ใช้งานทั่วไปได้ดีครับ การเล่น Facebook, LINE, TikTok, หรือดูวิดีโอความละเอียดสูง ทำได้ไม่มีปัญหาครับ แต่อย่างที่บอกครับว่ามันไม่เหมาะกับการเล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ แต่จุดที่น่าสนใจคือ POCO มักจะให้ RAM และ ROM มาเยอะมากในรุ่น C-Series คุณอาจจะได้รุ่น 8GB+256GB ในราคาแค่ 4,000 กว่าบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับการใช้งานระยะยาว การมี RAM เยอะจะช่วยให้การสลับแอปไปมาลื่นไหลขึ้นครับ

แบตเตอรี่ 5160mAh ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง ใช้งานทั่วไป 2 วันได้สบาย ๆ ครับ แต่ข้อควรพิจารณาคือมันรองรับชาร์จไวแค่ 18W ซึ่งเมื่อเจอกับแบต 5000+ mAh อาจจะต้องใช้เวลาชาร์จ 0-100% เกือบ 2 ชั่วโมงครับ ดังนั้นมือถือรุ่นนี้จะเหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนมากกว่าครับ ส่วนกล้อง 50MP ก็ถือว่าให้มาดีเกินราคาครับ สามารถถ่ายรูปในสภาวะแสงดีได้สวยงาม และกล้องหน้า 13MP ก็ให้คุณภาพที่ดีสำหรับการวิดีโอคอลหรือถ่ายเซลฟี่เล่น ๆ ครับ สรุปแล้ว POCO C75 คือมือถือสำหรับ “การใช้งานจริง” ในงบที่ประหยัดที่สุดครับ เหมาะสำหรับซื้อให้ผู้ใหญ่ใช้, ให้ลูกหลานเรียนออนไลน์, หรือเป็นเครื่องสำรองสำหรับคนขับรถส่งของที่ต้องการจอใหญ่และแบตอึดครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO C85
• หน้าจอ: 6.9 นิ้ว display, รีเฟรชเรท 120Hz, ความละเอียด 1600×720 (HD+)
• ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G81 Ultra
• RAM / ROM: 6GB+128GB | 8GB+256GB
• แบตเตอรี่: 6000mAh (typ), ชาร์จไว 33W
• กล้องหลัง: 50MP + auxiliary sensor
• ระบบปฏิบัติการ: HyperOS 2.0 (Android 15)

รีวิวแบบเจาะลึก

POCO C85 คือการอัปเกรดที่ตรงจุดมาก ๆ จากรุ่น C75 ครับ โดยเน้นไปที่สิ่งที่คนใช้มือถือราคาประหยัดต้องการที่สุด นั่นคือ “แบตเตอรี่” การที่ให้มาถึง 6000mAh ทำให้มันกลายเป็น Power Bank ขนาดย่อม ๆ ไปเลยครับ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ, ไรเดอร์ส่งอาหาร, หรือคนที่ขี้เกียจชาร์จมือถือทุกวัน ใช้งานทั่วไปลากยาวไป 2 วันครึ่งถึง 3 วันได้เลยครับ และการที่อัปเกรดชาร์จไวเป็น 33W ก็ถือว่า “จำเป็น” มาก ๆ ครับ เพราะการชาร์จแบต 6000mAh ด้วย 18W (แบบ C75) มันคือนรกดี ๆ นี่เองครับ การชาร์จ 33W จะช่วยย่นเวลาไปได้เกือบครึ่ง ทำให้การใช้งานจริงสะดวกขึ้นมากครับ นี่คือหนึ่งใน โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 4000 ที่แบตอึดและชาร์จไวที่สุดครับ

ในส่วนของจอก็ยังคงให้มาใหญ่ยักษ์ที่ 6.9 นิ้ว และ 120Hz เหมือนเดิมครับ ซึ่งดีมากสำหรับการดูวิดีโอแบบเต็มตา แต่จุดที่ต้องพิจารณาคือ “ความละเอียด” ครับ รุ่นนี้ให้มาที่ HD+ (1600×720) ซึ่งเมื่อมันอยู่บนจอที่ใหญ่ถึง 6.9 นิ้ว อาจจะทำให้บางคนสังเกตเห็นความไม่คมชัดบ้าง (เห็นเม็ดพิกเซล) ถ้าเทียบกับจอ Full HD+ แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องนี้ หรือซื้อไปให้ผู้ใหญ่ที่เน้นตัวอักษรใหญ่ ๆ ชัด ๆ จอ HD+ ก็จะช่วยให้ชิป Helio G81 Ultra ทำงานได้ลื่นไหลขึ้นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นไปอีกครับ

ชิปเซ็ต Helio G81 Ultra ก็คือตัวเดียวกับ C75 ครับ เพียงพอต่อการใช้งานโซเชียล, ดู YouTube, และเล่นเกมฆ่าเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ กล้อง 50MP ก็ยังคงให้มาเป็นมาตรฐาน ซึ่งดีพอสำหรับการถ่ายรูปทั่วไปในชีวิตประจำวันครับ การได้ HyperOS 2.0 มาตั้งแต่เกิดก็เป็นข้อดีที่ทำให้มั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์จะใหม่และลื่นไหลครับ สรุปแล้ว POCO C85 คือตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการ “ที่สุดของความอึด” ในราคาที่ประหยัดที่สุดครับ ถ้าคุณยอมแลกความคมชัดของจอ (HD+) กับแบต 6000mAh + ชาร์จ 33W ได้ นี่คือตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: Redmi 14C
• หน้าจอ: 6.88 นิ้ว display, รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz
• ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G81 Ultra
• RAM / ROM: 4GB+128GB | 6GB+…
• แบตเตอรี่: 5160mAh (typ)
• กล้องหลัง: 50MP (ในบางรุ่น)
• ระบบปฏิบัติการ: HyperOS

รีวิวแบบเจาะลึก

การรีวิว Redmi 14C ก็คือการรีวิว POCO C75 อีกรอบนั่นแหละครับ 555+ แต่มันคือเรื่องจริงครับ! คุณจะได้มือถือจอใหญ่ 6.88 นิ้ว ที่ลื่นไหลด้วย 120Hz (คาดว่าเป็น HD+), แบตเตอรี่อึด ๆ 5160mAh, และชิป Helio G81 Ultra ที่ไว้ใจได้สำหรับการใช้งานทั่วไปครับ ข้อดีคือมันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 5000 ที่ให้สเปกจอและแบตมาแบบไม่กั๊กเลยครับ การใช้งานโซเชียล, ดู YouTube, หรือเรียนออนไลน์บนจอใหญ่นี้คือสบายตามาก ๆ ครับ

ความแตกต่างจริง ๆ จะอยู่ที่ “ดีไซน์” และ “การวางจำหน่าย” ครับ บางที Redmi 14C อาจจะมากับสีสันที่ดูพรีเมียมกว่า หรือมีการจัดโปรโมชันร่วมกับโอเปอเรเตอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกระหว่าง Redmi 14C กับ POCO C75 แทบจะ 100% ขึ้นอยู่กับว่า 1. คุณชอบหน้าตาของแบรนด์ไหนมากกว่ากัน? และ 2. ในขณะที่คุณกำลังจะซื้อ… ตัวไหนจัดโปรโมชันแล้วราคาถูกกว่ากัน? ครับ 555+ ให้เล็ง 2 รุ่นนี้ไว้เป็นคู่เทียบกันได้เลยครับ ถ้าเจอตัวไหนลดราคาเหลือ 3,000 ต้น ๆ ก็จัดได้เลยครับ คุ้มค่าทั้งคู่!

สิ่งที่น่าสนใจคือ Redmi 14C จะได้ HyperOS มาเลย ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานลื่นไหลและมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้เล่นมากกว่า Android รุ่นเก่า ๆ ครับ และกล้อง 50MP ก็ยังคงเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับมือถือราคานี้ครับ ถ่ายกลางวันสวย ๆ ได้สบาย สรุปแล้ว Redmi 14C คือ “มาตรฐานใหม่ของมือถือสายประหยัด” ครับ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการความแรง, ไม่ได้ต้องการชาร์จไว, แต่ต้องการ “จอใหญ่” และ “แบตอึด” ในลุคที่ดูดี… นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO C71
• หน้าจอ: 6.88 นิ้ว display
• ชิปเซ็ต: Unisoc T7250 (Octa-core)
• RAM / ROM: 4GB+64GB | 6GB+128GB
• แบตเตอรี่: 5200mAh (typ)
• กล้องหลัง: 32MP AI dual camera
• ระบบปฏิบัติการ: Android 15 (Go Edition)

รีวิวแบบเจาะลึก

POCO C71 คือมือถือสำหรับ “การใช้งานพื้นฐาน” อย่างแท้จริงครับ อย่าคาดหวังการเล่นเกม 3D หรือการสลับแอปไปมาแบบรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดจากมัน แต่สิ่งที่มันทำได้ดีคือ “การใช้งานที่จำเป็น” ครับ ด้วย Android Go Edition แอปที่ใช้จะเป็นเวอร์ชัน “Go” (เช่น YouTube Go, Maps Go, Gmail Go) ซึ่งถูกออกแบบมาให้กินแรมน้อยและประหยัดเน็ต ทำให้แม้จะมี RAM 4GB หรือ 6GB ก็ยังสามารถใช้งานพื้นฐานอย่างการโทร, เล่น LINE, รับ-ส่งอีเมล, หรือดู YouTube ได้อย่างไม่ติดขัดครับ

ชิป Unisoc T7250 ก็เป็นชิป 4G ระดับเริ่มต้นที่เน้นการประหยัดพลังงานเป็นหลักครับ เมื่อมันทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ 5200mAh และจอ (ที่คาดว่าจะเป็น HD+ 60Hz/90Hz) ทำให้ POCO C71 เป็นมือถือที่แบตอึดมาก ๆ อีกตัวหนึ่งครับ ใช้งานทั่วไป 2-3 วันได้สบาย ๆ ครับ จอ 6.88 นิ้ว ก็ยังคงเป็นจุดเด่น ทำให้มันเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการมือถือจอใหญ่ ๆ ตัวอักษรชัด ๆ หรือซื้อไว้เป็นเครื่องสำรองสำหรับรับสาย-โทรออกโดยเฉพาะครับ

ส่วนกล้อง 32MP ก็มีไว้ให้ “พอถ่ายได้” ครับ อย่าคาดหวังความคมชัดหรือสีสันที่สวยงามมากนัก โดยเฉพาะในที่แสงน้อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีครับ สรุปแล้ว POCO C71 ไม่ใช่มือถือสำหรับทุกคนครับ แต่มันคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ต้องการมือถือ “ราคาถูกที่สุด” เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อการใช้งานพื้นฐาน, เป็นเครื่องสำรอง, หรือสำหรับผู้สูงอายุที่เน้นโทรและรับสายครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: POCO C65
• หน้าจอ: 6.74 นิ้ว IPS LCD, รีเฟรชเรท 90Hz, ความละเอียด 1600×720 (HD+)
• ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G85 (12nm)
• RAM / ROM: 6GB+128GB | 8GB+256GB
• แบตเตอรี่: 5000mAh (typ), ชาร์จไว 18W
• กล้องหลัง: 50MP AI triple camera
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 (MIUI) (อาจได้อัปเดตเป็น HyperOS)

รีวิวแบบเจาะลึก

POCO C65 คือ “ตัวเลือกของคนฉลาด” ที่รอจังหวะซื้อของถูกครับ แม้ว่าสเปกบางอย่างจะดูเก่ากว่ารุ่นใหม่ (เช่น จอ 90Hz เทียบกับ 120Hz, หรือชิป 12nm เทียบกับ 6nm) แต่จุดที่มันชนะคือ “ชิปเซ็ต” ครับ MediaTek Helio G85 คือชิปที่พิสูจน์ตัวเองมานานหลายปีว่ามัน “นิ่ง” และ “แรงพอ” สำหรับการใช้งานทั่วไปและเล่นเกม RoV หรือ Free Fire ได้แบบลื่น ๆ ครับ ซึ่งบางทีอาจจะให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีกว่า Helio G81 Ultra ใน C75/C85 เสียอีกครับ

ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 4000 และให้ความสำคัญกับ “ความเสถียร” และ “ประสิทธิภาพชิป” มากกว่า “ความสดใหม่” ของหน้าจอ 120Hz… การเลือกซื้อ POCO C65 ในราคาโปรโมชัน 2,000 ปลาย ๆ อาจจะเป็นดีลที่คุ้มค่าที่สุดในลิสต์นี้เลยก็เป็นได้ครับ! คุณยังคงได้กล้อง 50MP ที่ดี, แบต 5000mAh ที่อึด, และจอ 90Hz ที่ลื่นกว่า 60Hz ทั่วไปครับ

ข้อควรพิจารณาคือมันมาพร้อมกับ Android 13 (MIUI) ซึ่งอาจจะต้องรออัปเดตเป็น HyperOS ในอนาคต (ถ้ามี) และการชาร์จ 18W ที่ต้องใช้เวลาชาร์จ 5000mAh นานหน่อยครับ แต่ถ้าคุณรับ 2 ข้อนี้ได้ นี่คือมือถือราคาประหยัดที่ “เก๋า” และ “คุ้ม” มาก ๆ ครับ

สเปกเด่น

• รุ่น: Redmi 15C (หรือ Redmi 15C 5G)
• หน้าจอ: 6.9 นิ้ว Dot-Drop display, รีเฟรชเรท 120Hz (ในบางรุ่น)
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 6300 (6nm)
• RAM / ROM: 4GB+128GB | 6GB+256GB
• แบตเตอรี่: 6000mAh (typ)
• กล้องหลัง: 50MP (หลัก)
• ระบบปฏิบัติการ: HyperOS

รีวิวแบบเจาะลึก

Redmi 15C คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการ “เตรียมพร้อมสู่อนาคต” ในงบที่จำกัดครับ การที่มันรองรับ 5G ด้วยชิป Dimensity 6300 (6nm) ทำให้มันเป็นมือถือที่ใช้งานได้ยาว ๆ ครับ ชิป 6nm ตัวนี้ไม่เพียงแต่รองรับ 5G แต่ยังประหยัดพลังงานมาก ๆ ซึ่งเมื่อมาเจอกับแบตเตอรี่ 6000mAh ผลลัพธ์ก็คือมือถือ 5G ที่แบตอึดแบบสุด ๆ ครับ! ใช้งานทั่วไป 2 วันแบบเปิด 5G (ในพื้นที่ที่มีสัญญาณ) ได้สบาย ๆ ครับ นี่คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 6000 ที่รองรับ 5G ครับ

สเปกส่วนอื่น ๆ ก็คล้ายกับซีรีส์ C/Redmi C รุ่นอื่น ๆ ครับ คือได้จอใหญ่ 6.9 นิ้ว (อาจจะได้ 120Hz) ซึ่งเหมาะกับการดูวิดีโอ, กล้อง 50MP ที่เพียงพอต่อการใช้งาน, และได้ HyperOS มาเลยครับ ข้อควรพิจารณาอาจจะเป็นเรื่องความเร็วชาร์จ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่อย่างแย่ที่สุดก็คือ 18W ซึ่งจะชาร์จ 6000mAh นานมากครับ (อาจจะต้องภาวนาให้ได้ 33W เหมือน POCO C85 ครับ!)

สรุปแล้ว Redmi 15C คือมือถือสำหรับคนที่ต้องการ 2 อย่างชัด ๆ คือ “5G” และ “แบต 6000mAh” ครับ ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ 5G ครอบคลุมแล้ว และอยากได้มือถือที่แบตอึดที่สุดเพื่อใช้งาน 5G ได้เต็มวัน… นี่คือตัวเลือกที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้แล้วครับ!