7 อันดับ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025 จอใหญ่ 90Hz แบต 5000mAh คุ้มๆ

รูปหน้าปกบทความ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี แสดงดีไซน์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพื่อประกอบรีวิวสินค้า

บทนำ

สวัสดีครับเพื่อนๆ! วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของยาก (แต่ทำได้จริง!) กันหน่อยครับ นั่นคือการตามหา “โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี” ในยุคอัปเดตล่าสุด 2025 นี้ ที่เราต่างก็รู้กันดีว่าข้าวยากหมากแพงขึ้นทุกวัน แค่พูดว่า “มือถืองบ 2,000” หลายคนอาจจะส่ายหัวแล้วคิดว่า ซื้อมาจะไปทำอะไรได้จริงมั้ย? จะค้าง จะหน่วงรึเปล่า? หรือแค่แอปฯ ธนาคารจะไหวไหม? แต่เดี๋ยวก่อนครับ… ถ้าโจทย์นี้มีชื่อแบรนด์ “Xiaomi” พ่วงมาด้วย เรื่องมันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิดครับ!

ต้องยอมรับเลยว่า ประวัติแบรนด์ Xiaomi เค้าขึ้นชื่อเรื่องการเป็น “นักฆ่าเรือธง” และการทำของดีในราคาที่จับต้องได้มาแต่ไหนแต่ไร และในตลาดระดับเริ่มต้น (Entry-Level) ที่งบประมาณจำกัดสุดๆ แบบนี้ Xiaomi ก็ยังคงไม่ทิ้งแฟนๆ ครับ เขายังคงมีตัวเลือกที่ออกมาตอบโจทย์คนที่ต้องการสมาร์ทโฟนเครื่องแรก, เครื่องสำรอง, ให้ผู้สูงอายุใช้งาน หรือสำหรับน้องๆ นักเรียนที่ต้องการมือถือไว้ติดต่อสื่อสารและเรียนออนไลน์ โดยไม่ต้องจ่ายแพง วันนี้ผมเลยขออาสาเป็นเพื่อนซี้สายแกดเจ็ต ขันอาสาไปลุยค้นหาข้อมูล รวบรวมและจัดอันดับมาให้เพื่อนๆ แล้วครับว่า ถ้าวันนี้เรามีงบจำกัดจริงๆ แค่สองพันบาท (อาจจะมีบวกลบนิดหน่อยตามโปรโมชัน) โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ยังพอหาซื้อได้ (ทั้งมือหนึ่งหรือเครื่องค้างสต็อกราคาพิเศษ) และยัง “ใช้งานได้จริง” ในปี 2025 นี้

เราจะมาเจาะลึกกันแบบหมดเปลือกทีละรุ่นเลยครับว่าแต่ละตัวมีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหน เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง บอกเลยว่าถึงงบจะน้อย แต่เราก็ต้องเลือกให้คุ้มค่าที่สุด! แน่นอนครับว่าในราคานี้ เราคงไปคาดหวังให้มันแรงทะลุจอ เล่นเกมกราฟิกหนักๆ หรือถ่ายรูปสวยปิ๊งเหมือน โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 10000 หรือจะไปเทียบกับคู่แข่งอย่าง Xiaomi vs Samsung ในรุ่นกลางๆ ก็คงไม่ได้ แต่สำหรับการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้า-ออก, เล่น LINE, Facebook, ดู YouTube, หรือใช้แอปฯ ธนาคาร มันทำได้แน่นอนครับ และถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่พอจะขยับงบขึ้นมาได้อีกนิด เราก็มีรีวิว โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 3000 หรือถ้าขยับไปได้อีกหน่อยก็ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 5000 ให้อ่านประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของไกด์ใหญ่ที่เราตั้งใจทำเพื่อช่วยเพื่อนๆ เลือก โทรศัพท์ Xiaomi รุ่นไหนดี ที่ครอบคลุมทุกรุ่นทุกช่วงราคาครับผม อ้อ! และแน่นอนว่ามือถืองบประหยัดแบบนี้ แบตเตอรี่อาจจะเป็นจุดที่ต้องพิจารณา การมี พาวเวอร์แบงค์ Eloop ดีๆ สักตัวพกติดกระเป๋าไว้ก็ช่วยให้อุ่นใจขึ้นเยอะเลยครับ เอาล่ะ! ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับว่า 7 อันดับ “โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี” ที่ผมคัดมาวันนี้ จะมีรุ่นไหนเข้าตาเพื่อนๆ บ้าง!

🦉 เลือกอ่านหัวข้อ

จัดอันดับ 7 โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกรายละเอียดของแต่ละรุ่น ผมขอสรุปภาพรวมของ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 ทั้ง 7 รุ่นมาให้ดูในรูปแบบตารางเปรียบเทียบกันก่อนนะครับ เพื่อนๆ จะได้เห็นสเปกเด่นๆ จุดที่แตกต่าง และช่วงราคาอัปเดตล่าสุดกันแบบชัดๆ ไปเลยครับ จะได้พอมีธงในใจก่อนว่ารุ่นไหนน่าจะตอบโจทย์เรามากที่สุด!

ตารางเปรียบเทียบสรุป 7 โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

คุณสมบัติ Xiaomi Redmi A3 (3+64GB) Xiaomi Redmi A2 (3+32GB / 3+64GB) Xiaomi Redmi A1 (2+32GB) Xiaomi Redmi 9A (2+32GB) Xiaomi Redmi 9C (2+32GB) Xiaomi Redmi 10A (2+32GB) Xiaomi Redmi A2+ (3+32GB)
อันดับที่ 🥇 🥈 🥉 4 5 6 7
รูปภาพสินค้า Xiaomi Redmi A3 (3+64GB) Xiaomi Redmi A2 (3+32GB / 3+64GB) Xiaomi Redmi A1 (2+32GB) Xiaomi Redmi 9A (2+32GB) Xiaomi Redmi 9C (2+32GB) Xiaomi Redmi 10A (2+32GB) Xiaomi Redmi A2+ (3+32GB)
ชื่อสินค้า (กดดูรีวิว) Xiaomi Redmi A3 (3+64GB) Xiaomi Redmi A2 (3+32GB / 3+64GB) Xiaomi Redmi A1 (2+32GB) Xiaomi Redmi 9A (2+32GB) Xiaomi Redmi 9C (2+32GB) Xiaomi Redmi 10A (2+32GB) Xiaomi Redmi A2+ (3+32GB)
สเปกเด่น จอ 6.71″ 90Hz, ดีไซน์พรีเมียม (กระจก/หนัง), แบต 5000mAh, USB-C จอ 6.52″, Helio G36, Android 13 (Go), แบต 5000mAh, คุ้มค่า จอ 6.52″, Android 12 (Go) คลีนๆ, ดีไซน์ฝาหลังหนัง, แบต 5000mAh จอ 6.53″, Helio G25, แบตอึด 5000mAh, กล้อง 13MP, รุ่นเก๋าทนทาน จอ 6.53″, Helio G35, กล้อง 3 ตัว, “มีสแกนนิ้ว”, แบต 5000mAh จอ 6.53″, Helio G25, “มีสแกนนิ้ว”, ดีไซน์กล้องใหม่, แบต 5000mAh จอ 6.52″, Helio G36, “มีสแกนนิ้ว”, Android 13 (Go), แบต 5000mAh
คะแนน ★★★★☆ (8.8/10) ★★★★☆ (8.6/10) ★★★★☆ (8.5/10) ★★★☆☆ (8.2/10) ★★★☆☆ (8.1/10) ★★★☆☆ (8.0/10) ★★★☆☆ (7.9/10)
เหมาะกับใคร ใช้งานทั่วไป, เน้นจอสวยดีไซน์หรู, เครื่องหลักงบประหยัด ใช้งานพื้นฐาน, เครื่องสำรอง, ผู้สูงอายุ, เน้นความคุ้มค่า ผู้สูงอายุ (จอใหญ่), เครื่องสำรอง (เน้นโทร/ไลน์), ชอบ Android คลีนๆ คนที่หาเครื่องสำรองราคาถูกสุดๆ, เน้นจอใหญ่ แบตอึด คนที่ต้องการสแกนนิ้วในงบจำกัด, ใช้งานพื้นฐานทั่วไป คนที่ต้องการสแกนนิ้ว, ใช้งานทั่วไป, ดีไซน์ใหม่กว่า 9A/9C คนที่ต้องการสเปก Redmi A2 แต่อยากได้ “สแกนนิ้ว” เพิ่ม
ช่วงราคา ต่ำสุด-สูงสุด ฿2,299 – ฿3,199 ฿4,800 – ฿6,000 (ประมาณ) ฿2,299 – ~฿2,499 ฿2,526 – ~฿2,900 ฿3,300 – ~฿3,900 ฿3,600 – ~฿4,992 ฿4,400 – ~฿5,000
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee


1. Xiaomi Redmi A3 (3+64GB) ★★★★☆

“ดีไซน์หรูเกินราคา จอ 90Hz ลื่นเกินคาด ในงบสองพันมีทอน! นี่แหละคำตอบของปี 2025”

Xiaomi Redmi A3 (3+64GB) - โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

เปิดตัวมาที่อันดับ 1 ของเราเลยครับ กับ Xiaomi Redmi A3 ที่ต้องบอกว่าเป็นการยกระดับมือถืองบประหยัดไปอีกขั้น! ถ้าเพื่อนๆ ถืองบมาสองพันแล้วถามผมว่า โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ได้ความรู้สึกพรีเมียมที่สุด จอสวยที่สุด และใหม่ที่สุดในปี 2025 นี้ คำตอบของผมคือรุ่นนี้เลยครับ Redmi A3 ฉีกทุกกฎของมือถือราคาถูก ด้วยดีไซน์ฝาหลังที่มีให้เลือกทั้งแบบกระจก (สีดำ/น้ำเงิน) และแบบผิวสัมผัสคล้ายหนัง (สีเขียว) แถมยังให้จอ 90Hz ที่ลื่นไหลเกินคาด และพอร์ต USB-C ที่ปกติหากยากมากในราคานี้ นี่คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนที่อยากได้เครื่องหลักไว้ใช้งานทั่วไปแบบไม่อายใครครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.71 นิ้ว, IPS LCD, 90Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1650 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G36 (12 nm)
  • RAM: 3GB (LPDDR4X)
  • ROM: 64GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 8 MP (Wide) + เลนส์ AI
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: USB Type-C 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 14 (Go Edition)
  • อื่น ๆ : สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง, กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 3
ข้อดี
  • ดีไซน์สวยหรูเกินราคามาก โดยเฉพาะฝาหลังกระจก
  • หน้าจอ 90Hz ทำให้การไถฟีดลื่นไหลกว่า
  • ได้พอร์ต USB Type-C ทันสมัย
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดทน ใช้งานได้ทั้งวัน
  • ได้ Android 14 (Go Edition) ที่ค่อนข้างใหม่
ข้อควรพิจารณา
  • ชิป Helio G36 ใช้งานทั่วไปได้ แต่ไม่เหมาะกับการเล่นเกมหนัก
  • ยังคงได้ ROM แบบ eMMC 5.1 อาจจะช้าบ้างตอนเปิดแอปฯ
  • กล้อง 8MP คุณภาพพอใช้ถ่ายเอกสารหรือ QR Code

รีวิวแบบเจาะลึก

ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นที่สุดของ Redmi A3 ผมขอยกให้เรื่อง “ดีไซน์และหน้าจอ” เลยครับ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 อย่างแท้จริง ปกติงบนี้เราจะได้แค่เครื่องพลาสติกธรรมดาๆ ใช่ไหมครับ แต่ Redmi A3 ให้ฝาหลังมาเป็นกระจก! (ในสี Midnight Black และ Star Blue) ซึ่งให้ความรู้สึกพรีเมียมเวลาจับถือเหมือนมือถือราคาครึ่งหมื่นเลยทีเดียว หรือถ้าใครไม่ชอบกระจกเพราะกลัวเป็นรอยนิ้วมือง่าย เขาก็มีตัวเลือกสี Forest Green ที่เป็นฝาหลังแบบ “Vegan Leather” หรือผิวสัมผัสคล้ายหนังที่ดูหรูหราไปอีกแบบ โมดูลกล้องวงกลมขนาดใหญ่ตรงกลาง หรือที่หลายคนเรียกว่า “ดีไซน์โอรีโอ” ก็ทำให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นและสมมาตรสวยงามมากๆ พลิกมาด้านหน้า เราจะได้เจอกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.71 นิ้ว ซึ่งใหญ่สะใจมากสำหรับการดู YouTube หรือ Netflix (แม้จะเป็นความละเอียด HD+ ก็ตาม) แต่ไฮไลท์จริงๆ คือการที่มันรองรับ Refresh Rate 90Hz ครับ! ในขณะที่มือถืองบนี้ทั้งหมดให้มาแค่ 60Hz การได้จอ 90Hz มาใน Redmi A3 หมายความว่าทุกการไถฟีด Facebook, TikTok หรืออ่านเว็บ มันจะลื่นไหลสบายตากว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ นี่คือฟีเจอร์ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีมากๆ แถมยังได้กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 มาให้อีก ถือว่าจัดเต็มมากๆ สำหรับงบนี้ครับ

ในแง่ของ “ประสิทธิภาพและการใช้งานจริง” ต้องบอกว่า Redmi A3 ทำได้ดีตามมาตรฐานของ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ครับ ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G36 ที่เป็นชิปตัวเดียวกับในรุ่นพี่อย่าง Redmi A2/A2+ จับคู่มากับ RAM 3GB และ ROM 64GB ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานครับ มันรันบนระบบปฏิบัติการ Android 14 (Go Edition) ที่ออกแบบมาให้เบาและกินทรัพยากรน้อยอยู่แล้ว จากการใช้งานจริง แอปฯ โซเชียลอย่าง LINE, Facebook, Messenger, TikTok หรือแอปฯ ธนาคารต่างๆ สามารถใช้งานได้ครับ อาจจะมีการรอโหลดแอปฯ บ้างเล็กน้อยตามสไตล์ ROM แบบ eMMC 5.1 แต่ไม่ถึงกับหงุดหงิดครับ การสลับแอปฯ ไปมาอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าไหร่เพราะ RAM 3GB แต่ถ้าใช้ทีละแอปฯ ถือว่าโอเคเลย ส่วนเรื่องเกม อาจจะพอเล่นเกมเบาๆ อย่าง Candy Crush หรือ Subway Surfers ได้ แต่ถ้าเป็น ROV หรือ Free Fire อาจจะต้องปรับกราฟิกต่ำสุดและอาจมีกระตุกบ้างครับ จุดเด่นอีกอย่างคือแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่เมื่อรวมกับชิปประหยัดพลังงานและจอ HD+ แล้ว บอกเลยว่าใช้งานทั่วไปอยู่ได้ 1-2 วันสบายๆ ครับ และที่สำคัญคือมันให้พอร์ต USB Type-C มาแล้ว! ทำให้เราไม่ต้องพกสาย micro-USB เก่าๆ อีกต่อไป ส่วนกล้อง 8MP นั้น คุณภาพก็ตามราคาครับ ถ่ายกลางวันแสงดีๆ พอไหว ถ่ายเอกสาร สแกน QR Code ชัดเจน แต่ถ้าแสงน้อยก็อาจจะต้องทำใจนิดนึงครับ สรุปโดยรวม Redmi A3 คือตัวเลือกที่ “ครบเครื่อง” และ “ดูดี” ที่สุดในงบนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อให้แม่ใช้ครับ แม่ชอบมาก จอใหญ่ดี แล้วเครื่องก็สวยมาก ดูไม่เหมือนมือถือราคาถูกเลยครับ จอลื่นกว่าที่คิดด้วย” – ต้น, อายุ 32

“หนูซื้อมาเป็นเครื่องสำรองค่ะ ไวเล่น TikTok ดูยูทูป จอใหญ่ดี 90Hz ก็ลื่นจริงค่ะ แบตอึดมาก ชาร์จทีลืมเลย” – มายด์, อายุ 19


2. Xiaomi Redmi A2 (3+32GB / 3+64GB) ★★★★☆

“รุ่นยอดนิยม คุ้มค่าคงกระพัน! สเปกสมดุล ใช้งานพื้นฐานลื่นไหล แบตอึด”

Xiaomi Redmi A2 (3+32GB / 3+64GB) - โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

อันดับที่ 2 ขอยกให้รุ่นคลาสสิกยอดนิยมอย่าง Xiaomi Redmi A2 ครับ แม้ว่า Redmi A3 จะเปิดตัวมาใหม่กว่า แต่ Redmi A2 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” และ “สมดุล” มากๆ สำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่เน้นความแน่นอนและประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้ รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Helio G36 ตัวเดียวกับ A3 เลยครับ ทำให้การใช้งานพื้นฐานลื่นไหลไม่แพ้กัน มาพร้อม RAM 3GB และมีตัวเลือก ROM ทั้ง 32GB และ 64GB ดีไซน์อาจจะไม่หวือหวาเท่ารุ่นน้อง แต่ก็มีความคลาสสิกและทนทานในแบบของมัน และที่สำคัญคือแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่อึดทนหายห่วงครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.52 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G36 (12 nm)
  • RAM: 3GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB / 64GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 8 MP (Wide) + เลนส์ AI
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 (Go Edition)
  • อื่น ๆ : ดีไซน์ฝาหลังกันรอยนิ้วมือ
ข้อดี
  • ประสิทธิภาพดีในงบนี้ ด้วยชิป Helio G36 และ RAM 3GB
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดมากๆ
  • ระบบ Android 13 (Go Edition) ลื่นไหลและประหยัดทรัพยากร
  • ฝาหลังมี Texture กันรอยนิ้วมือและจับถนัดมือ
  • ราคามักจะย่อมเยากว่า A3
ข้อควรพิจารณา
  • ยังคงใช้พอร์ต micro-USB
  • หน้าจอ 60Hz (ซึ่งเป็นมาตรฐานในราคานี้)
  • ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ (ต้องใช้รหัสหรือ PIN)

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดแข็งที่สุดของ Redmi A2 คือ “ความสมดุลของสเปก” ครับ ในขณะที่ Redmi A3 เอาใจสายดีไซน์และจอลื่น, Redmi A2 คือม้างานที่เน้นการใช้งานจริงจังครับ การที่มันใช้ชิป MediaTek Helio G36 เหมือนกัน หมายความว่าในแง่ของ “ความเร็ว” ในการประมวลผลพื้นฐาน มันแทบไม่ต่างจาก A3 เลย การมี RAM 3GB ก็เป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ “ควรมี” ในปี 2025 นี้ครับ ซึ่งมันช่วยให้การสลับแอปฯ หรือการใช้งานทั่วไปลื่นไหลกว่าพวกรุ่น 2GB อย่างเห็นได้ชัด ระบบปฏิบัติการ Android 13 (Go Edition) ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีครับ มันถูกปรับแต่งมาให้เบา, กินแรมน้อย, และใช้พื้นที่น้อยลง ทำให้แม้จะมี ROM 32GB (ซึ่งผมแนะนำให้เพิ่มเงินอีกนิดไป 64GB ถ้าทำได้) ก็ยังพอมีพื้นที่เหลือให้ลงแอปฯ ที่จำเป็นได้ครับ ถ้าถามว่า โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่เน้นใช้งานจริงจัง ไม่เน้นหน้าตาสวยหรู Redmi A2 คือคำตอบที่ตรงไปตรงมาที่สุดครับ มันคือโทรศัพท์ที่ออกแบบมาเพื่อ “ใช้งาน” จริงๆ ทั้งการติดต่อสื่อสาร, การไถฟีดโซเชียล, และการดูคอนเทนต์ต่างๆ บนจอขนาด 6.52 นิ้ว ที่แม้จะเป็น 60Hz แต่ก็ให้สีสันที่สดใสและคมชัดเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ

ในส่วนของ “การใช้งานในชีวิตประจำวันและแบตเตอรี่” Redmi A2 ยังคงเป็นแชมป์เรื่องความอึดครับ แบตเตอรี่ 5000 mAh เป็นอะไรที่ไว้ใจได้เสมอสำหรับซีรีส์นี้ ใช้งานปกติทั่วไป โทรบ้าง เล่นไลน์บ้าง ดูยูทูปบ้าง ยังไงก็อยู่ได้ข้ามวันสบายๆ ครับ อาจจะอยู่ได้ถึง 2 วันด้วยซ้ำถ้าไม่ได้ใช้งานหนัก นี่คือจุดเด่นที่สำคัญมากสำหรับคนที่มองหามือถือเครื่องสำรอง หรือซื้อให้ผู้ใหญ่ที่ไม่สะดวกชาร์จไฟบ่อยๆ ครับ ส่วนดีไซน์ตัวเครื่อง แม้จะเป็นพลาสติก แต่ฝาหลังมีการทำ Texture เป็นลวดลายที่ช่วยให้จับได้ถนัดมือ ไม่ลื่น และที่สำคัญคือ “ไม่เป็นรอยนิ้วมือ” ครับ ซึ่งเป็นข้อดีที่หลายคนอาจจะชอบมากกว่าฝาหลังกระจกของ A3 ด้วยซ้ำ ข้อสังเกตหลักๆ ของรุ่นนี้เมื่อเทียบกับ A3 ก็คือพอร์ตชาร์จที่ยังเป็น micro-USB ซึ่งอาจจะดูล้าสมัยไปหน่อย และการที่ไม่มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ครับ (ซึ่งมีในรุ่น A2+) แต่ถ้าคุณไม่ได้ซีเรียสกับสองจุดนี้ และแค่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 ที่สเปกภายในคุ้มค่าและไว้ใจได้ Redmi A2 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ และมักจะหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า A3 ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ “คุ้ม” ที่สุดในแง่ของประสิทธิภาพต่อราคาครับ

คะแนนที่ได้

8.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ผมใช้เป็นเครื่องสำรองไว้รับงานครับ แบตอึดมากกก ลื่นกว่าที่คิดไว้เยอะ RAM 3GB ช่วยได้จริงครับ เล่นไลน์ เล่นเฟซสบายๆ” – พี่วิน, อายุ 34

“ซื้อให้ตาใช้ค่ะ แกชอบที่จอใหญ่ ตัวหนังสือชัดดี แบตก็ทนมาก ไม่ต้องชาร์จให้แกบ่อยๆ ใช้งานง่ายดีค่ะ” – ป้านิด, อายุ 60


3. Xiaomi Redmi A1 (2+32GB) ★★★★☆

“ดีไซน์หนังหรู! Android Go แบบคลีนๆ ใช้งานง่ายสุดๆ เหมาะเป็นเครื่องสำรอง หรือผู้สูงอายุ”

Xiaomi Redmi A1 (2+32GB) - โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับอันดับที่ 3 ผมขอพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ Xiaomi Redmi A1 ครับ รุ่นนี้อาจจะดูเป็นรุ่นน้องเล็กสุดในตระกูล A-Series แต่มีความพิเศษที่รุ่นอื่นไม่มี นั่นคือ “ระบบปฏิบัติการ Android Go แบบคลีนๆ” ที่ใกล้เคียงกับ Pure Android มากที่สุดครับ! ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบ MIUI หรือรู้สึกว่ามันหนักเครื่อง และกำลังมองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานลื่นไหลแบบพื้นฐานที่สุด Redmi A1 คือคำตอบที่น่าสนใจมากครับ ไฮไลท์อีกอย่างคือดีไซน์ฝาหลังแบบ Leather-texture ที่ดูดีเกินราคา และแน่นอน แบตเตอรี่ 5000 mAh ที่เป็นมาตรฐานของซีรีส์นี้ครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.52 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio A22 (12 nm)
  • RAM: 2GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 8 MP (Wide) + เลนส์ AI
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 (Go Edition) – Stock Android
  • อื่น ๆ : ดีไซน์ฝาหลัง Leather-texture
ข้อดี
  • ระบบ Android 12 (Go) แบบคลีนมาก ไม่มี MIUI มากวนใจ
  • ดีไซน์ฝาหลังคล้ายหนัง ดูดี ไม่เป็นรอยนิ้วมือ
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดทนสุดๆ
  • ราคาประหยัดมาก หาซื้อได้ง่าย
  • จอใหญ่ 6.52 นิ้ว ใช้งานทั่วไปได้ดี
ข้อควรพิจารณา
  • RAM 2GB ถือว่าน้อยมากสำหรับปี 2025
  • ชิป Helio A22 เหมาะกับการใช้งานพื้นฐานจริงๆ
  • ยังใช้พอร์ต micro-USB
  • ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดขายที่ทำให้ Redmi A1 แตกต่างจากรุ่นอื่นในลิสต์นี้อย่างสิ้นเชิงคือ “ซอฟต์แวร์” ครับ ในขณะที่รุ่น 9A, 9C, 10A ใช้ MIUI ซึ่งเป็นรอมของ Xiaomi ที่มีฟีเจอร์เยอะแต่ก็ค่อนข้างหนักเครื่อง แต่ Redmi A1 (รวมถึง A2 และ A3) หันมาใช้ Android (Go Edition) ที่ในรุ่น A1 นี้เป็นเวอร์ชันที่ “คลีน” มากๆ แทบจะเป็น Stock Android เลยครับ ไม่มีแอปฯ ขยะจาก Xiaomi ติดมาให้รกเครื่อง ทำให้ระบบโดยรวมมัน “เบา” มากๆ นี่คือจุดที่มาชดเชยข้อด้อยเรื่องสเปกได้เป็นอย่างดีครับ เพราะรุ่นนี้ให้ RAM มาเพียง 2GB และใช้ชิป Helio A22 ซึ่งถ้าเจอกับ MIUI บอกเลยว่าอาจจะไม่ไหวครับ แต่พอมาเป็น Android 12 (Go) ที่ปรับแต่งมาสำหรับเครื่องสเปกต่ำโดยเฉพาะ มันจึงยัง “พอไปไหว” ครับ นี่จึงเป็นคำตอบของคำถาม “โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี” สำหรับคนที่เกลียดความยุ่งยาก, ไม่ชอบแอปฯ ที่ไม่ได้ใช้, หรือซื้อให้ผู้สูงอายุที่ต้องการความเรียบง่ายครับ การใช้งานหลักๆ อย่างการโทร, รับสาย, เล่น LINE ส่งข้อความ, หรือดู YouTube Go ทำได้ครับ แต่อาจจะต้องใจเย็นๆ นิดนึง อย่าคาดหวังการสลับแอปฯ ที่รวดเร็ว นี่คือมือถือที่เหมาะกับการใช้งานทีละอย่าง (Single-tasking) ครับ

ในส่วนของ “ดีไซน์และแบตเตอรี่” Redmi A1 ทำคะแนนได้ดีมากครับ ดีไซน์ฝาหลังแบบ Leather-texture (ผิวสัมผัสคล้ายหนัง) ทำให้ตัวเครื่องดูดีเกินราคาไปไกลเลยครับ มันให้สัมผัสการจับถือที่ดี ไม่ลื่น และไม่เก็บรอยนิ้วมือเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของมือถือฝาหลังเงาๆ ทั่วไป ตัวเครื่องประกอบได้แน่นหนาดีครับ จอขนาด 6.52 นิ้วก็เป็นขนาดมาตรฐานที่ใหญ่เพียงพอสำหรับการดูคอนเทนต์ต่างๆ และแน่นอน พระเอกของงานยังคงเป็น “แบตเตอรี่ 5000 mAh” ครับ ด้วยสเปกที่ประหยัดพลังงานอย่าง Helio A22, RAM 2GB และระบบ Android Go ที่เบาหวิว ทำให้ Redmi A1 กลายเป็นหนึ่งในมือถือที่แบต “อึดที่สุด” ในลิสต์นี้เลยครับ ใช้งานทั่วไปแบบไม่หนักมาก ลากยาว 2-3 วันได้แบบไม่ต้องกังวลเลยครับ นี่คือจุดแข็งที่ทำให้มันเหมาะมากที่จะเป็นเครื่องสำรองติดกระเป๋า, เครื่องสำหรับไรเดอร์ที่ต้องเปิด GPS นำทาง (แต่ต้องใช้แอปฯ Go นะครับ) หรือสำหรับผู้ใหญ่ที่ลืมชาร์จแบตบ่อยๆ ครับ แม้ว่ามันจะมีข้อจำกัดเรื่อง RAM 2GB และพอร์ต micro-USB แต่ด้วยราคาที่มักจะถูกที่สุดในบรรดาทุกรุ่น, ดีไซน์ที่สวย และซอฟต์แวร์ที่คลีนมากๆ มันจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในอันดับต้นๆ ครับ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อให้อาม่าใช้ครับ เครื่องมันไม่มีแอปฯ อะไรเยอะแยะดี แกเรียนรู้ไว ใช้ง่ายดีครับ จอใหญ่แบตอึด ถูกใจแกเลย” – เอก, อายุ 40

“ผมใช้เป็นเครื่องสำรองไว้รับสายลูกค้าอย่างเดียวเลยครับ แบตมันอึดมากจริงๆ 3 วันยังไม่ชาร์จเลย ดีไซน์ก็สวยดีครับ” – โจ, อายุ 25


4. Xiaomi Redmi 9A (2+32GB) ★★★☆☆

“รุ่นเก๋าในตำนาน! จอใหญ่ แบตอึด 5000mAh ชิป Helio G25 ยังพอไหว”

Xiaomi Redmi 9A (2+32GB) - โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาถึงรุ่นเก๋าในตำนานที่ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่อง กับ Xiaomi Redmi 9A ครับ รุ่นนี้คือหนึ่งในคำตอบที่คลาสสิกที่สุดของคำถาม “โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นโมเดลที่ออกมาสักพักแล้ว แต่ด้วยราคาที่มักจะลงมาอยู่ในจุดที่ “ถูกที่สุด” และสเปกที่ยังคง “ใช้งานได้” ทำให้มันยังเป็นตัวเลือกสำหรับคนงบน้อยจริงๆ ครับ จุดเด่นของมันคือหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.53 นิ้ว, ชิปเซ็ต MediaTek Helio G25 ที่ไว้ใจได้ และแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่อึดทนเหมือนเดิมครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.53 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G25 (12 nm)
  • RAM: 2GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 13 MP (Wide)
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 10 (MIUI 12)
  • อื่น ๆ : จอใหญ่ 6.53 นิ้ว, ดีไซน์ทนทาน
ข้อดี
  • ราคามักจะถูกที่สุดในลิสต์ หาซื้อง่าย
  • จอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดมาก
  • กล้องหลัง 13MP ให้คุณภาพดีกว่า 8MP ในรุ่น A-Series
  • บอดี้พลาสติกทนทาน
ข้อควรพิจารณา
  • RAM 2GB น้อยมากสำหรับ MIUI
  • ใช้ระบบ MIUI 12 (บนฐาน Android 10) ซึ่งเก่าและหนักเครื่อง
  • ใช้พอร์ต micro-USB
  • ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ

รีวิวแบบเจาะลึก

Xiaomi Redmi 9A คือตัวเลือกของ “คนจริง” ที่เน้นงบประหยัดสุดๆ และรับได้กับข้อจำกัดบางอย่างครับ จุดที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยคือ Redmi 9A (รวมถึง 9C และ 10A) นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ MIUI ของ Xiaomi ซึ่งแตกต่างจากตระกูล A-Series ที่ใช้ Android Go ครับ ข้อดีของ MIUI คือมีฟีเจอร์ลูกเล่นเยอะกว่า แต่ข้อเสียคือมัน “หนักเครื่อง” และ “กินทรัพยากร” มากกว่าครับ เมื่อ MIUI 12 มาเจอกับ RAM 2GB มันจึงเป็นคอขวดที่ใหญ่ที่สุดของรุ่นนี้ครับ การใช้งานทั่วไปอย่าง LINE, Facebook Lite (ย้ำว่า Lite นะครับ) พอไหว แต่ถ้าเปิด Facebook ตัวเต็ม หรือสลับแอปฯ บ่อยๆ อาการหน่วงหรือแอปฯ รีเฟรชตัวเองใหม่จะเกิดขึ้นแน่นอนครับ นี่คือ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 ที่ผู้ซื้อต้อง “ใจเย็น” กับมันสักหน่อยครับ อย่างไรก็ตาม ชิปเซ็ต Helio G25 นั้นถือว่ามีความเสถียรและจัดการพลังงานได้ดี และจุดที่มันทำได้ดีกว่า A-Series คือ “กล้อง” ครับ การที่มันให้กล้องหลักมา 13MP ทำให้ภาพถ่ายในที่แสงจ้ามีรายละเอียดและความคมชัดที่ดีกว่ากล้อง 8MP อย่างรู้สึกได้ครับ ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้กล้องถ่ายรูปบ้าง (ที่ไม่ใช่แค่สแกน QR) Redmi 9A จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Redmi A1/A2/A3 ครับ

ในด้านอื่นๆ Redmi 9A ก็ยังมีจุดแข็งที่ชัดเจนครับ “หน้าจอขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว” เป็นข้อดีสำหรับการดูวิดีโอหรืออ่านข้อความต่างๆ มันใหญ่เต็มตาดีครับ และ “แบตเตอรี่ 5000 mAh” ก็ยังคงเป็นพระเอกที่ไว้ใจได้ ทำให้มันเป็นมือถือที่อึดถึกทนอีกหนึ่งรุ่น เหมาะสำหรับเป็นเครื่องสำรองที่ชาร์จครั้งเดียวอยู่ได้หลายวัน หรือให้เด็กๆ ดูการ์ตูน YouTube ครับ ตัวเครื่องเป็นพลาสติก Unibody ที่ทนทานต่อการใช้งาน ไม่ต้องดูแลอะไรมาก ข้อสังเกตคือมันไม่มีสแกนลายนิ้วมือ และยังใช้พอร์ต micro-USB ครับ สรุปแล้ว ถ้าคุณถามว่า โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ และคุณรับได้กับความช้าที่เกิดจาก RAM 2GB + MIUI แต่ได้จอใหญ่และกล้อง 13MP มาแทน Redmi 9A (ในราคาโปรโมชันแรงๆ) ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าเก็บไปพิจารณาครับผม แนะนำว่าให้พยายามเคลียร์แอปฯ ที่ไม่ใช้ออกบ่อยๆ จะช่วยให้เครื่องลื่นไหลขึ้นครับ

คะแนนที่ได้

8.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อมาใช้เป็นเครื่องสำรองที่ร้านครับ เอาไว้รับออเดอร์ แบตมันอึดดี จอใหญ่ดูง่าย ก็ช้าบ้างแต่รับได้ครับ เทียบกับราคาคือคุ้ม” – เฮียตง, อายุ 48

“หนูซื้อมาให้ลูกดูยูทูปค่ะ ทนมาก ทำตกหลายรอบแล้วยังไม่พังเลย แบตก็อึดดีค่ะ” – ฝน, อายุ 30


5. Xiaomi Redmi 9C (2+32GB) ★★★☆☆

“ชิป Helio G35, กล้อง 3 ตัว และมีสแกนนิ้ว! ตัวเก๋าที่ฟีเจอร์ครบเครื่องที่สุดในกลุ่ม”

Xiaomi-Phones-Under-2000-Baht-Xiaomi-Redmi-9C-(2+32GB)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ขยับขึ้นมาจาก 9A อีกนิด เราจะเจอกับ Xiaomi Redmi 9C ครับ รุ่นนี้คือการเอารุ่น 9A มาอัปเกรดให้ครบเครื่องยิ่งขึ้น! ถ้าคุณกำลังมองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ให้ฟังก์ชันการใช้งานมา “ครบ” ที่สุดในบรรดารุ่นเก่า Redmi 9C คือคำตอบครับ สิ่งที่มันให้มาเพิ่มจาก 9A คือ “ชิป Helio G35” ที่แรงขึ้นเล็กน้อย, “กล้อง 3 ตัว” (AI Triple Camera) และที่สำคัญที่สุดคือ “มีสแกนลายนิ้วมือ” ด้านหลังเครื่องครับ! ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกและปลอดภัยขึ้นมาก โดยเฉพาะกับแอปฯ ธนาคารครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.53 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G35 (12 nm)
  • RAM: 2GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 13 MP (Wide) + 2 MP (Macro) + 2 MP (Depth)
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 10 (MIUI 12)
  • อื่น ๆ : สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง), ดีไซน์กล้องสี่เหลี่ยม
ข้อดี
  • มีสแกนลายนิ้วมือ สะดวกและปลอดภัย
  • ชิป Helio G35 ประสิทธิภาพดีกว่า G25 เล็กน้อย
  • กล้องหลัง 3 ตัว (มีเลนส์ Macro/Depth)
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดทน
  • จอใหญ่ 6.53 นิ้ว
ข้อควรพิจารณา
  • RAM 2GB ยังคงเป็นคอขวดหลัก
  • ระบบ MIUI 12 ที่หนักเครื่อง
  • ยังใช้พอร์ต micro-USB
  • เลนส์ Macro/Depth คุณภาพไม่ได้ดีมาก

รีวิวแบบเจาะลึก

เหตุผลหลักที่ Redmi 9C ยังคงน่าสนใจในปี 2025 (หากหาซื้อได้ในราคาไม่เกิน 2,000) คือ “สแกนลายนิ้วมือ” ครับ นี่คือฟีเจอร์ Quality of Life ที่สำคัญมากจริงๆ การต้องมานั่งกด PIN หรือวาดแพทเทิร์นทุกครั้งที่เปิดเครื่องมันค่อนข้างเสียเวลา โดยเฉพาะเวลาที่ต้องใช้แอปฯ ธนาคารเร่งด่วน การมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วที่ด้านหลังเครื่อง ช่วยให้เราปลดล็อกได้รวดเร็วและปลอดภัยขึ้นเยอะครับ นี่คือจุดที่ทำให้ 9C ชนะ 9A และ A-Series (ยกเว้น A2+/A3) แบบขาดลอยครับ ในส่วนของ “ประสิทธิภาพ” ชิป Helio G35 นั้นขยับความเร็วขึ้นมาจาก G25 นิดหน่อย ทำให้การตอบสนองโดยรวมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยครับ แต่ก็ยังคงเจอปัญหาเดิมคือ RAM 2GB ที่ต้องต่อสู้กับ MIUI 12 ครับ ดังนั้น คำแนะนำเดิมคือ “ใจเย็น” และ “ขยันเคลียร์แอปฯ” ครับผม ถ้าคุณรับข้อจำกัดนี้ได้ เพื่อแลกกับความสะดวกของสแกนนิ้ว มันก็เป็นดีลที่น่าสนใจครับ

มาดูกันที่ “กล้อง” ที่อัปเกรดมาเป็น 3 ตัวบ้างครับ Redmi 9C ให้กล้องหลัก 13MP (ตัวเดียวกับ 9A) เพิ่มเติมด้วยเลนส์ Macro 2MP และเลนส์ Depth 2MP ครับ ต้องพูดกันตามตรงว่าเลนส์ 2MP ทั้งสองตัวนี้ คุณภาพไม่ได้ดีอะไรมากมายครับ เลนส์ Macro ก็ต้องถ่ายในที่แสงดีจริงๆ ถึงจะพอเห็นรายละเอียด ส่วนเลนส์ Depth ก็ช่วยในการถ่ายภาพ Portrait (หน้าชัดหลังเบลอ) ได้ดีขึ้นนิดหน่อย แต่หลักๆ แล้วเราก็ยังคงได้ใช้แค่กล้องหลัก 13MP เป็นส่วนใหญ่อยู่ดีครับ ซึ่งก็ให้คุณภาพที่ดีในระดับราคานี้ครับ สรุปแล้ว ถ้าคุณถามว่า โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่มีสแกนนิ้วและดูมี “ลูกเล่น” กล้องเยอะที่สุด (แม้จะใช้จริงไม่กี่ตัว) Redmi 9C คือคำตอบนั้นครับ เมื่อรวมกับจอใหญ่ 6.53 นิ้ว และแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่อึดทนเหมือนเดิม มันจึงเป็นมือถือรุ่นเก๋าที่ “ฟีเจอร์ครบ” ที่สุดในกลุ่มนี้ แม้จะต้องแลกมากับความลื่นไหลที่ลดลงไปบ้างครับ

คะแนนที่ได้

8.1/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อมาใช้กับแอปฯ ธนาคารโดยเฉพาะเลยครับ เพราะมันมีสแกนนิ้ว สะดวกดีครับ ไม่ต้องใส่รหัสบ่อยๆ” – น้าต๋อง, อายุ 50

“ก็โอเคนะคะ ช้าบ้างแต่ก็ใช้แอปฯ เป๋าตัง คนละครึ่ง ได้ปกติ ถ่ายรูปก็พอได้อยู่ค่ะ” – แอน, อายุ 30


6. Xiaomi Redmi 10A (2+32GB) ★★★☆☆

“รุ่นอัปเกรดดีไซน์! มีสแกนนิ้ว จอใหญ่ แบตอึด ตัวเลือกพื้นฐานจากตระกูล Redmi”

Xiaomi-Phones-Under-2000-Baht-Xiaomi-Redmi-10A-(2+32GB)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาต่อกันที่อันดับ 6 ครับกับ Xiaomi Redmi 10A รุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตระกูลที่ใช้ MIUI ครับ มันเหมือนเป็นการนำ Redmi 9A มาปรับปรุงดีไซน์ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยย้ายโมดูลกล้องไปรวมอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง พร้อมกับเพิ่ม “สแกนลายนิ้วมือ” เข้ามาในโมดูลนั้นด้วยครับ ถ้าคุณเป็นแฟนดีไซน์ของ Redmi 10 Series และกำลังมองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่มีสแกนนิ้วไว้ใช้งาน Redmi 10A ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าสเปกภายในจะยังคงใกล้เคียงกับรุ่น 9A ครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.53 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G25 (12 nm)
  • RAM: 2GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 13 MP (Wide)
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 11 (MIUI 12.5)
  • อื่น ๆ : สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง), ดีไซน์ใหม่
ข้อดี
  • มีสแกนลายนิ้วมือ เพิ่มความสะดวก
  • ดีไซน์ฝาหลังดูทันสมัย
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดทน
  • กล้องหลัก 13MP คุณภาพดีในงบ
  • จอใหญ่ 6.53 นิ้ว
ข้อควรพิจารณา
  • RAM 2GB ยังคงเป็นปัญหาหลักเมื่อใช้กับ MIUI
  • ชิป Helio G25 (ตัวเดียวกับ 9A) ไม่ได้อัปเกรด
  • ยังใช้พอร์ต micro-USB

รีวิวแบบเจาะลึก

Redmi 10A ถือเป็น Minor Change ของ Redmi 9A ที่เน้นไปที่ 2 จุดครับ คือ “ดีไซน์” และ “สแกนลายนิ้วมือ” การออกแบบโมดูลกล้องใหม่ให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่สีดำ ทำให้ตัวเครื่องด้านหลังดูมีอะไรมากขึ้นกว่า 9A ที่ดูเรียบๆ ครับ และการเพิ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้ามาก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เพราะมันช่วยให้การปลดล็อกเครื่องและการยืนยันตัวตนในแอปฯ ธนาคารสะดวกขึ้นจริงๆ ครับ นี่คือจุดที่ทำให้มันน่าใช้กว่า 9A อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ “ประสิทธิภาพ” ต้องบอกว่ามันแทบไม่ต่างจาก Redmi 9A เลยครับ เพราะยังคงใช้ชิปเซ็ต Helio G25 และ RAM 2GB เท่าเดิม ทำให้มันต้องเจอกับความท้าทายเดิมๆ คือการรับมือกับ MIUI 12.5 (ที่อัปเดตขึ้นมาจาก 12) ซึ่งก็ยังคง “หนักเครื่อง” สำหรับ RAM 2GB อยู่ดีครับ ดังนั้น หากคุณจะเลือกรุ่นนี้ คุณต้องรับให้ได้กับความหน่วงที่จะเกิดขึ้นเมื่อเปิดหลายแอปฯ หรือสลับแอปฯ ไปมาครับ มันเป็น โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 ที่เหมาะกับการใช้งานทีละแอปฯ มากกว่าครับ ถ้าคุณเข้าใจจุดนี้และเน้น วิธีดูสเปกมือถือ Xiaomi ก่อนซื้อ จะเห็นว่ามันคือการเทรดความลื่นไหลเล็กน้อยเพื่อแลกกับดีไซน์ใหม่และสแกนนิ้วครับ

ข้อดีอื่นๆ ก็ยังคงเดิมครับ จอใหญ่ 6.53 นิ้ว ทำให้การดู YouTube หรืออ่านบทความต่างๆ ทำได้เต็มตาดีครับ กล้องหลัก 13MP ก็ยังคงให้คุณภาพของภาพถ่ายที่ดีกว่ากล้อง 8MP ในตระกูล A-Series อย่างชัดเจนในสภาพแสงที่ดี และแน่นอน แบตเตอรี่ 5000 mAh ก็คือจุดแข็งที่ไว้ใจได้เสมอ ใช้งานทั่วไปข้ามวันได้สบายๆ ครับ สรุปแล้ว Redmi 10A คือตัวเลือกสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่มีสแกนนิ้ว, ดีไซน์ดูทันสมัย, และไม่ซีเรียสเรื่องความเร็วมากนัก โดยเน้นใช้งานพื้นฐาน, จอใหญ่, และแบตอึดเป็นหลักครับ ถ้าคุณหา 9C (ที่มีชิป G35 ดีกว่า) ไม่ได้แล้ว Redmi 10A ก็เป็นตัวเลือกถัดมาที่น่าสนใจในกลุ่ม MIUI ครับผม

คะแนนที่ได้

8.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ดีไซน์สวยดีครับ ชอบตรงที่สแกนนิ้วมันอยู่ในกรอบกล้องเลย ดูเท่ดี ก็ช้าบ้างแต่ใช้แค่รับสาย-โอนเงิน ก็โอเคครับ” – บอย, อายุ 28

“ซื้อมาใช้เป็นเครื่องที่ทำงานค่ะ เอาไว้สแกนเอกสาร ถ่ายรูปหน้างาน กล้อง 13MP มันชัดกว่ารุ่นถูกๆ ตัวอื่น แบตก็ทนดีค่ะ” – นิ่ม, อายุ 35


7. Xiaomi Redmi A2+ (3+32GB) ★★★☆☆

“ส่วนผสมที่ลงตัว! ได้ความลื่นของ A2 (RAM 3GB) + สแกนนิ้ว จบในเครื่องเดียว”

Xiaomi Redmi A2+ (3+32GB) - โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายลิสต์ของเราด้วย Xiaomi Redmi A2+ ครับ รุ่นนี้อาจจะทำให้หลายคนสับสนเล็กน้อย แต่นิยามของมันง่ายมากครับ “Redmi A2+ ก็คือ Redmi A2 ที่เพิ่มสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเข้ามา” แค่นั้นเลยครับ! ดังนั้น ถ้าคุณชอบสเปกและความลื่นไหลของ Redmi A2 (ที่เป็นอันดับ 2 ของเรา) แต่ติดอยู่เรื่องเดียวคือมันไม่มีสแกนนิ้ว… Redmi A2+ ก็คือคำตอบที่คุณตามหาครับ มันคือการรวมเอาข้อดีของตระกูล A-Series (RAM 3GB + Android Go) มาบวกกับฟีเจอร์ที่จำเป็นของตระกูล 9C/10A (สแกนนิ้ว) นั่นเองครับ

สเปกเด่น

  • หน้าจอ: 6.52 นิ้ว, IPS LCD, 60Hz, ความละเอียด HD+ (720 x 1600 pixels)
  • ชิปเซ็ต (CPU): MediaTek Helio G36 (12 nm)
  • RAM: 3GB (LPDDR4X)
  • ROM: 32GB (eMMC 5.1) (รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง: 8 MP (Wide) + เลนส์ AI
  • กล้องหน้า: 5 MP
  • แบตเตอรี่: 5000 mAh (รองรับชาร์จ 10W)
  • พอร์ตเชื่อมต่อ: micro-USB 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 (Go Edition)
  • อื่น ๆ : สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง), ดีไซน์ฝาหลังกันรอยนิ้วมือ
ข้อดี
  • มีสแกนลายนิ้วมือ สะดวกและปลอดภัย
  • ได้ RAM 3GB และ Helio G36 (สเปกเดียวกับ A2/A3)
  • ระบบ Android 13 (Go) ลื่นไหล ประหยัดทรัพยากร
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh อึดทน
  • ฝาหลังมี Texture กันรอยนิ้วมือ
ข้อควรพิจารณา
  • ยังคงใช้พอร์ต micro-USB
  • ดีไซน์เหมือน A2 (ไม่พรีเมียมเท่า A3)
  • หน้าจอ 60Hz (ไม่ลื่นเท่า A3)
  • ราคามักจะใกล้เคียงกับ A3 ซึ่งใหม่กว่า

รีวิวแบบเจาะลึก

Redmi A2+ คือตัวเลือกที่ “เพลย์เซฟ” และ “ครบเครื่อง” ในแบบของมันครับ ถ้าคุณมองหา โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ไม่ต้องการดีไซน์หรูหราแบบ A3, ไม่ต้องการจอ 90Hz, และไม่ซีเรียสเรื่องพอร์ต micro-USB แต่ขอแค่ “RAM 3GB”, “ระบบ Android Go ลื่นๆ” และ “มีสแกนนิ้ว” รุ่นนี้คือคำตอบที่ตรงประเด็นที่สุดครับ การที่มันได้ RAM 3GB และชิป Helio G36 ทำให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวม (การเปิดแอปฯ, การสลับแอปฯ) ลื่นไหลกว่าพวก RAM 2GB (9A, 9C, 10A, A1) อย่างชัดเจนครับ และการที่มันใช้ Android 13 (Go Edition) ก็ทำให้มันไม่หน่วงเครื่องเหมือนพวกที่ใช้ MIUI ครับ มันจึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมากๆ สำหรับการใช้งานพื้นฐานที่ต้องการความเสถียรและความสะดวกสบายครับ

อย่างไรก็ตาม การมาถึงของ Redmi A3 (อันดับ 1) ทำให้ Redmi A2+ ตกอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างลำบากครับ เพราะ Redmi A3 นั้นให้ “ทุกอย่าง” ที่ A2+ มี (RAM 3GB, Helio G36, สแกนนิ้ว) แต่ให้ในสิ่งที่ “ดีกว่า” ด้วย นั่นคือ ดีไซน์ที่พรีเมียมกว่า (ฝาหลังกระจก), หน้าจอที่ลื่นไหลกว่า (90Hz), และพอร์ตที่ทันสมัยกว่า (USB-C) ในราคาที่มักจะใกล้เคียงกันหรือแพงกว่าเพียงเล็กน้อยครับ ดังนั้น ถ้าคุณถามผมในปี 2025 นี้ว่าระหว่าง A2+ กับ A3 เลือกอะไรดี ผมคงต้องตอบว่า “ไป A3 เถอะครับ” แต่ถ้า… คุณบังเอิญไปเจอ Redmi A2+ ในราคา Flash Sale ที่ถูกกว่า A3 อย่างชัดเจน (เช่น A3 ราคา 2,299 แต่ A2+ ลดเหลือ 1,899) มันก็ยังเป็นดีลที่ “คุ้มค่า” มากๆ ครับ เพราะคุณได้สเปกภายในที่แทบจะเหมือนกันในราคาที่ถูกกว่าครับ นี่คือ คู่มือเลือก Xiaomi ฉบับย่อเลยครับ คือต้องเทียบราคาต่อสเปกกันช็อตต่อช็อตจริงๆ

คะแนนที่ได้

7.9/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ผมใช้ตัวนี้อยู่ครับ ซื้อตอนมันลดราคา ลื่นดีนะครับเพราะเป็น Android Go แล้วก็มีสแกนนิ้วด้วย สะดวกดีครับ” – อาร์ม, อายุ 30

“ก็โอเคนะคะ ใช้งานทั่วไปได้หมด ไลน์ เฟซบุ๊ก แอปฯ ธนาคาร แบตอึดดีค่ะ ชอบตรงมีสแกนนิ้วนี่แหละ” – กิ๊ฟ, อายุ 27


มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: ความท้าทายของมือถืองบ 2,000 บาท

สื่อเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง GSMArena หรือ TechRadar มักจะวิเคราะห์ตลาดนี้ไว้ว่า เป็นตลาดที่ “ถูกลืม” แต่ “มีความต้องการสูง” ครับ Xiaomi ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่ยังคงทำตลาดนี้อย่างจริงจัง

“ความท้าทายของมือถือราคาประหยัด (Ultra-Budget) ไม่ใช่การใส่ฟีเจอร์ที่ว้าวที่สุด แต่คือการ ‘ตัด’ ฟีเจอร์ออกอย่างไรให้ยัง ‘ใช้งานได้’ Xiaomi ทำการบ้านได้ดีในการคง ‘แบตเตอรี่ 5000 mAh’ และ ‘จอขนาดใหญ่’ ไว้เป็นมาตรฐาน แม้ในรุ่นที่ถูกที่สุดก็ตาม”

ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญในตลาดนี้ด้วยครับ

ปัจจัยสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำในตลาดนี้

    • การต่อสู้ของ RAM 2GB vs 3GB: ผู้เชี่ยวชาญมองว่า RAM 2GB ในปี 2025 นั้น “ไม่เพียงพอ” อีกต่อไปแล้วสำหรับประสบการณ์การใช้งานที่ดี แม้จะเป็น Android Go ก็ตาม การที่ Xiaomi เริ่มขยับรุ่นเริ่มต้นอย่าง Redmi A2/A3 ให้มาใช้ RAM 3GB ถือเป็นก้าวที่ถูกต้องและสำคัญมาก มันสร้างความแตกต่างระหว่าง “แค่พอใช้ได้” กับ “ใช้งานได้ดี” อย่างชัดเจนครับ
    • MIUI vs. Android Go คือตัวตัดสิน: นี่คือประเด็นที่นักรีวิวพูดถึงมากที่สุดครับ การที่ Xiaomi ให้ทางเลือกกับผู้บริโภคถือเป็นเรื่องดี สำหรับคนที่คุ้นเคยกับฟีเจอร์ของ MIUI ก็ยังมี Redmi 9/10 Series รองรับ แต่สำหรับมือใหม่หรือผู้สูงอายุ Android Go ใน A-Series คือตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันช่วยให้ฮาร์ดแวร์ที่จำกัดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
    • ดีไซน์ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป: การมาของ Redmi A3 ที่ใช้ฝาหลังกระจกและจอ 90Hz แสดงให้เห็นว่า Xiaomi เริ่มเข้าใจแล้วว่า แม้แต่คนที่ซื้อมือถือราคาถูก ก็ยังต้องการ “ความรู้สึกพรีเมียม” และ “ประสบการณ์ใช้งานที่ดี” ไม่ใช่แค่ Xiaomi 14 Series เท่านั้นที่ต้องสวยงามครับ

บทวิเคราะห์จากทีมงาน ToplistPlus

“ทีมงานของเรามองว่า การเลือก โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ในปี 2025 คือการเลือกระหว่าง ‘ความใหม่’ กับ ‘ความคุ้ม’ ครับ รุ่นใหม่อย่าง Redmi A3 ชนะขาดในเรื่องดีไซน์และฟีเจอร์ (จอ 90Hz, USB-C) แต่รุ่นเก่าที่สเปกใกล้เคียงกันอย่าง Redmi A2+ ก็อาจหาซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่ากว่าในช่วงลดราคา สิ่งสำคัญคือ ‘อย่าซื้อรุ่น RAM 2GB ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ’ การเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยบาทเพื่อให้ได้ RAM 3GB จะยืดอายุการใช้งานและความสุขในการใช้มือถือของคุณไปได้อีกนานครับ อย่าคาดหวังว่ามันจะเป็น โทรศัพท์ Xiaomi เล่นเกมลื่น นะครับ แต่มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ยอดเยี่ยมในงบของมันครับ”


คู่มือเลือกซื้อ: โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณ

คู่มือเลือกซื้อ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

หลังจากดูรีวิวไปครบทั้ง 7 รุ่นแล้ว เพื่อนๆ อาจจะยังมีคำถามในใจว่า “แล้วตกลง…รุ่นไหนเหมาะกับฉันที่สุดล่ะ?” ผมขอสรุปเป็นไกด์ไลน์ง่ายๆ ให้ตัดสินใจกันเลยครับว่าควรเลือก โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ครับ

  1. ถ้าคุณต้องการ “ความใหม่, ดีไซน์หรู, จอลื่น, พอร์ตทันสมัย”:➡️ คำตอบเดียวคือ Redmi A3 (อันดับ 1) ครับ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2025 นี้ มันให้ในสิ่งที่มือถืองบนี้ไม่เคยให้ ทั้งจอ 90Hz, ฝาหลังกระจก และ USB-C จบที่ตัวนี้ถ้าคุณมีงบถึง (ซึ่งมักจะเกิน 2,000 มาเล็กน้อยครับ)
  2. ถ้าคุณต้องการ “ความคุ้มค่า, สเปกสมดุล, ลื่นไหล (RAM 3GB), ไม่สนดีไซน์”:➡️ Redmi A2 (อันดับ 2) คือคำตอบครับ มันคือ “ม้างาน” ที่แท้จริง สเปกภายใน (Helio G36, RAM 3GB) เหมือน A3 แต่ใช้ Android Go ที่เบาเครื่อง ทำให้ใช้งานพื้นฐานได้ลื่นไหลมาก ข้อเสียคือยังเป็น micro-USB และไม่มีสแกนนิ้วครับ
  3. ถ้าคุณต้องการ “มีสแกนนิ้ว” และ “เครื่องลื่น (Android Go)”:➡️ Redmi A2+ (อันดับ 7) ครับ มันคือการเอา Redmi A2 มาบวกสแกนนิ้ว แต่ถ้าคุณหา Redmi A3 (ที่มีสแกนนิ้วเหมือนกัน) ในราคาที่ใกล้เคียงกันได้ ให้ข้ามไป A3 เลยครับ
  4. ถ้าคุณต้องการ “ความเรียบง่าย, Android คลีนๆ, ไม่ชอบ MIUI, ให้ผู้ใหญ่ใช้”:➡️ Redmi A1 (อันดับ 3) คือตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แม้ RAM 2GB จะน้อย แต่ได้ระบบ Android Go ที่คลีนมาก ใช้ง่าย และดีไซน์ฝาหลังหนังก็ดูดีครับ
  5. ถ้าคุณต้องการ “สแกนนิ้ว” แต่ชอบ “MIUI” และ “กล้อง 13MP”:➡️ Redmi 9C (อันดับ 5) หรือ Redmi 10A (อันดับ 6) คือคำตอบครับ ทั้งคู่มีสแกนนิ้วและกล้อง 13MP แต่ต้องแลกมากับ RAM 2GB + MIUI ที่จะ “หน่วง” กว่ากลุ่ม A-Series ที่เป็น RAM 3GB นะครับ
  6. ถ้าคุณต้องการ “ราคาถูกที่สุด” เท่าที่จะเป็นไปได้ (ช่วง Flash Sale):➡️ Redmi 9A (อันดับ 4) มักจะเป็นตัวที่ทำราคาได้ต่ำที่สุดครับ แต่ก็ต้องแลกมากับ RAM 2GB, ไม่มีสแกนนิ้ว และเครื่องที่หน่วงครับผม

การเปรียบเทียบสเปกแบบนี้ทำให้เห็นภาพชัดขึ้นใช่ไหมครับว่าไม่มีรุ่นไหนดีที่สุดในทุกด้าน มันคือการเลือกว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร ระหว่างความลื่น (RAM 3GB + Android Go) กับฟีเจอร์ (สแกนนิ้ว, กล้อง 13MP) หรือดีไซน์ (A3) ซึ่งถ้าเพื่อนๆ พอขยับงบได้อีกนิด การดู โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 4000 หรือ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 6000 ก็จะเปิดโลกไปอีกระดับเลยครับ แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในงบนี้ การที่ Xiaomi ให้สเปกมาขนาดนี้ก็ถือว่าใจป้ำมากแล้วครับ ไม่แปลกใจเลยถ้าจะเทียบ Xiaomi vs Vivo ในตลาดล่างแล้ว Xiaomi มักจะดูคุ้มค่ากว่าครับ


การใช้งานจริง: โทรศัพท์ Xiaomi งบ 2,000 บาท เล่นแอปฯ ธนาคาร, LINE, Facebook ไหวไหม?

นี่คือคำถามสำคัญที่สุดที่หลายคนอยากรู้เลยใช่ไหมครับว่า โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ซื้อมาแล้วจะใช้แอปฯ พื้นฐานในชีวิตประจำวันเหล่านี้ไหว?

ผมขอตอบให้ชื่นใจตรงนี้เลยครับว่า “ไหวแน่นอนครับ… แต่มีเงื่อนไข”

  • แอปฯ ธนาคาร (K PLUS, SCB Easy, Krungthai NEXT ฯลฯ): ใช้งานได้ทุกรุ่นครับ แอปฯ เหล่านี้ไม่ได้กินสเปกสูงมาก แต่เน้นความปลอดภัย แนะนำอย่างยิ่งให้เลือกรุ่นที่มี “สแกนลายนิ้วมือ” (เช่น Redmi A3, A2+, 9C, 10A) จะช่วยให้การยืนยันตัวตนสะดวกและปลอดภัยกว่าการกดรหัส PIN ทุกครั้งครับ
  • LINE (ไลน์): ใช้งานได้สบายๆ ทุกรุ่นครับ ทั้งการแชท, ส่งรูป, วิดีโอคอล อาจจะมีการหน่วงบ้างตอนเปิดแอปฯ ครั้งแรกในรุ่น RAM 2GB แต่เมื่อแอปฯ รันแล้วก็ใช้งานได้ปกติครับ
  • Facebook (เฟซบุ๊ก): นี่คือจุดที่ “แตกต่าง” ครับ
    • สำหรับรุ่น RAM 2GB (A1, 9A, 9C, 10A): ผม “ไม่แนะนำ” ให้ลงแอปฯ Facebook ตัวเต็มครับ มันจะทั้งใหญ่, หนัก, และหน่วงเครื่องมาก แนะนำให้ใช้ “Facebook Lite” แทนครับ ซึ่งจะเบาและลื่นไหลกว่ามาก ใช้งานฟีเจอร์หลักๆ ได้ครบถ้วนครับ
    • สำหรับรุ่น RAM 3GB (A3, A2, A2+): รุ่นเหล่านี้ “พอใช้งาน Facebook ตัวเต็มไหว” ครับ อาจจะไม่ลื่นปรื๊ดเหมือนมือถือแพงๆ แต่ก็อยู่ในระดับที่ใช้งานได้ ไม่หงุดหงิดครับ
  • YouTube / TikTok: ดูได้สบายๆ ทุกรุ่นครับ จอ HD+ ก็คมชัดเพียงพอสำหรับการดูคอนเทนต์เหล่านี้ แต่รุ่น Redmi A3 (จอ 90Hz) จะได้เปรียบตอน “ไถฟีด” TikTok ที่จะลื่นไหลสบายตากว่ารุ่นอื่นที่เป็นจอ 60Hz ครับ
  • การถ่ายรูป: อย่างที่บอกไปครับว่าอย่าคาดหวังเรื่องนี้ กล้อง 8MP หรือ 13MP ในงบนี้ เอาไว้ใช้สแกน QR Code, ถ่ายเอกสาร, หรือถ่ายรูปกลางแจ้งแสงจ้าๆ พอได้ครับ ถ้าอยากรู้ วิธีถ่ายรูปสวยด้วย Xiaomi จริงๆ คงต้องขยับไปเล่นรุ่นที่แพงกว่านี้ครับ

สรุปคือ ใช้งานพื้นฐานไหวครับ แต่ต้อง “เลือกแอปฯ” ให้เหมาะกับสเปก (เช่น ใช้ Lite) และ “เลือกรุ่น” ให้เหมาะกับการใช้งาน (เลือก RAM 3GB ถ้าทำได้) ครับ


Android Go (ใน Redmi A-Series) คืออะไร? ดีกว่า MIUI (ใน Redmi 9/10 Series) ยังไง?

อีกหนึ่งจุดตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในการเลือก โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 คือเรื่องของ “ระบบปฏิบัติการ (OS)” ครับ ซึ่งในลิสต์นี้แบ่งเป็น 2 ค่ายชัดเจน:

1. Android (Go Edition) (ใช้ใน Redmi A1, A2, A2+, A3)

  • มันคืออะไร?: คือระบบปฏิบัติการ Android “เวอร์ชันเบา” ที่ Google ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับมือถือสเปกต่ำ (โดยเฉพาะรุ่นที่ RAM น้อยกว่า 4GB)
  • ข้อดี:
    • ลื่นไหลกว่า: มันตัดฟีเจอร์หนักๆ และอนิเมชันที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ระบบโดยรวม “เบา” และ “เร็ว” กว่ามาก แม้จะอยู่บนฮาร์ดแวร์เดียวกัน
    • ประหยัดพื้นที่: ตัวระบบและแอปฯ ที่ติดตั้งมา (เช่น Maps Go, Gmail Go, YouTube Go) มีขนาดเล็กกว่าเวอร์ชันเต็ม ทำให้เหลือพื้นที่ ROM (เช่น 32GB) ไว้ใช้งานได้มากขึ้น
    • คลีน/เรียบง่าย: หน้าตาเมนูต่างๆ จะเหมือน Android แท้ๆ (Stock Android) ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่มีแอปฯ แถม (Bloatware) จาก Xiaomi มารกเครื่อง เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่ชอบความยุ่งยากครับ
  • ข้อควรพิจารณา: ฟีเจอร์ลูกเล่นต่างๆ จะน้อยกว่า MIUI เช่น การแบ่ง 2 หน้าจอ, การโคลนแอปฯ หรือธีมสวยๆ อาจจะไม่มีให้ใช้ครับ

2. MIUI (ใช้ใน Redmi 9A, 9C, 10A)

  • มันคืออะไร?: คือระบบปฏิบัติการที่ Xiaomi “สร้างครอบ” Android อีกที (เหมือนเป็น Skin) เพื่อใส่เอกลักษณ์และฟีเจอร์ของตัวเองลงไป
  • ข้อดี:
    • ฟีเจอร์เยอะ: มีลูกเล่นแพรวพราวให้ปรับแต่งเยอะมาก เช่น ธีม, การแบ่งหน้าจอ, Dual Apps (โคลนแอปฯ เล่น 2 บัญชี), Game Turbo ฯลฯ
    • หน้าตาเป็นเอกลักษณ์: ถ้าคุณใช้ Xiaomi มาก่อน ก็จะคุ้นเคยกับหน้าตาและเมนูแบบนี้ครับ
  • ข้อควรพิจารณา:
    • หนักเครื่อง: ฟีเจอร์ที่เยอะเหล่านี้ต้องแลกมากับการที่มัน “กิน RAM” และ “ใช้ทรัพยากร” มากกว่า Android Go ครับ
    • ปัญหาหลักเมื่อ RAM น้อย: พอ MIUI มาเจอกับ RAM 2GB (ในรุ่น 9A, 9C, 10A) มันจึงเกิดอาการ “คอขวด” ทำให้เครื่องหน่วง, แอปฯ โหลดช้า และแอปฯ ถูกปิดบ่อย (รีเฟรชใหม่) ครับ

สรุปให้ครับ: สำหรับ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 ที่สเปกจำกัด (โดยเฉพาะ RAM) Android (Go Edition) ในตระกูล A-Series เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและลื่นไหลกว่า MIUI อย่างชัดเจนครับ


ควรเพิ่มงบไปเล่น โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 3000 หรือไม่?

นี่เป็นคำถามที่ดีมากครับ หลังจากที่เราพยายามหาตัวเลือกที่ดีที่สุดในงบ 2,000 บาทแล้ว ถ้าถามผมว่า “คุ้มไหมที่จะเพิ่มเงินอีกซัก 500 – 1,000 บาท?”

ผมตอบเลยว่า “คุ้มค่ามากครับ!”

การขยับงบประมาณจาก 2,000 บาท ไปเป็น 3,000 บาท (หรืออาจจะแตะๆ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 4000) คือจุดที่ “ประสบการณ์การใช้งาน” จะเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดดครับ สิ่งที่คุณมักจะได้เพิ่มมาคือ:

  1. RAM 4GB: นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดครับ การได้ RAM 4GB (จาก 2GB หรือ 3GB) จะทำให้การใช้งาน Multitasking หรือสลับแอปฯ ไปมา ลื่นไหลขึ้นมาก แอปฯ จะไม่รีเฟรชบ่อย ใช้งาน Facebook ตัวเต็มได้สบายๆ
  2. ชิปเซ็ต (CPU) ที่แรงขึ้น: คุณจะได้ขยับจากซีรีส์ Helio G2x/G3x ไปเป็นซีรีส์ที่แรงขึ้น เช่น Helio G85, G88 หรือ G9x (หรืออาจจะได้ชิป Dimensity ในบางรุ่น) ซึ่งนอกจากจะใช้งานทั่วไปลื่นแล้ว ยัง “พอเล่นเกม” อย่าง ROV ได้ดีขึ้นมากครับ
  3. พื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) 64GB หรือ 128GB: เพียงพอต่อการใช้งานในระยะยาว ไม่ต้องคอยลบรูป ลบแอปฯ บ่อยๆ
  4. กล้องที่ดีขึ้น: อาจจะได้กล้องหลัก 48MP หรือ 50MP ที่ให้รายละเอียดภาพดีกว่า 8MP/13MP แบบชัดเจน
  5. การชาร์จที่เร็วขึ้น: บางรุ่นอาจจะเริ่มรองรับชาร์จเร็ว 18W (จาก 10W) ทำให้ประหยัดเวลาชาร์จแบต 5000 mAh ได้ครับ

ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้ติดขัดเรื่องงบประมาณจริงๆ การเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยเพื่อขยับไปเล่น โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 3000 หรือ 4,000 บาท จะทำให้คุณได้มือถือที่มีประสิทธิภาพดีกว่า, ใช้งานได้ลื่นไหลกว่า, และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอย่างแน่นอนครับ มันจะช่วยตอบคำถามที่ว่า โทรศัพท์ Xiaomi ดีไหม ได้เต็มปากมากขึ้นครับ แต่ถ้าโจทย์ของคุณคือ “ประหยัดที่สุด” จริงๆ 7 รุ่นในลิสต์นี้ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ


เทคนิคการใช้มือถือสเปกต่ำ (RAM 2GB/3GB) ให้ลื่นไหลในปี 2025

ไม่ว่าคุณจะเลือก โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ก็ตาม สเปกที่ได้มักจะมี RAM 2GB หรือ 3GB ซึ่งถือว่าน้อยในปัจจุบัน ผมมีเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วย “รีดพิษ” หรือทำให้เครื่องของคุณลื่นไหลขึ้นได้ครับ

  • ใช้แอปฯ “Lite” หรือ “Go”: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดครับ! พยายามใช้ Facebook Lite, Messenger Lite, Maps Go, YouTube Go, Gmail Go แอปฯ เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เบา, กินแรมน้อย, และประหยัดเน็ตกว่าแอปฯ ตัวเต็มมากครับ
  • หมั่นเคลียร์แอปฯ ที่ไม่ใช้ (Clear Recent Apps): หลังจากใช้แอปฯ เสร็จ ให้กดปุ่ม Recent Apps (ปุ่มสี่เหลี่ยม) แล้วปัดแอปฯ ที่ไม่ใช้งานทิ้งไป อย่าเปิดค้างไว้เยอะๆ เพราะมันจะกิน RAM ที่มีอยู่น้อยนิดของเราครับ
  • รีสตาร์ทเครื่องบ่อยๆ (Restart): การรีสตาร์ทเครื่องอย่างน้อยวันละครั้ง หรือ 2-3 วันครั้ง จะช่วยเคลียร์ RAM และ “คืนความสดชื่น” ให้กับระบบได้ดีมากครับ ตื่นเช้ามากดรีสตาร์ทซักทีนึงครับ
  • ลบแอปฯ ที่ไม่จำเป็น (Uninstall): แอปฯ ไหนที่ไม่ได้ใช้, เกมที่ไม่ได้เล่น ลบทิ้งไปเลยครับ นอกจากจะคืนพื้นที่ ROM แล้ว ยังช่วยไม่ให้มันแอบรันเบื้องหลังกิน RAM เราด้วย
  • ปิดการอัปเดตแอปฯ อัตโนมัติ: เข้าไปที่ Play Store แล้วตั้งค่า “ไม่อัปเดตแอปฯ อัตโนมัติ” ครับ เพราะถ้ามันอัปเดตเองตอนเรากำลังใช้งาน, เครื่องจะค้างและช้ามาก ให้เราเลือกอัปเดตเองเฉพาะตอนที่เราไม่ได้ใช้เครื่อง (เช่น ตอนกลางคืน)
  • ลดอนิเมชัน (สำหรับสายแอดวานซ์): ถ้าคุณเปิด “โหมดนักพัฒนา” (Developer Options) ได้ ให้เข้าไปตั้งค่า “Window animation scale”, “Transition animation scale”, และ “Animator duration scale” ให้เหลือ 0.5x หรือ ปิด (Off) ไปเลย จะทำให้การเปิด-ปิดหน้าต่างเร็วขึ้นแบบรู้สึกได้ครับ

แค่ทำตามนี้ มือถือ RAM 2GB/3GB ของคุณก็จะลื่นไหลขึ้นอีกเยอะเลยครับ นี่คือหนึ่งใน 5 เหตุผลที่คนเลือก Xiaomi เลยครับ เพราะแม้จะเป็นรุ่นถูก แต่ก็ยังมีวิธีปรับจูนให้มันใช้งานได้ดีครับ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000

คำถามที่พบบ่อย โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี

  • ถาม: โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ที่ใหม่ที่สุดในลิสต์นี้?
    ตอบ: Redmi A3 (อันดับ 1) ครับ เป็นรุ่นที่เปิดตัวล่าสุดในปี 2024-2025 นี้เลยครับ ทำให้ได้ดีไซน์ที่ทันสมัยที่สุด, จอ 90Hz, พอร์ต USB-C และ Android 14 (Go Edition) ที่ใหม่ที่สุดครับ
  • ถาม: ในงบ 2,000 บาท, รุ่นไหนเหมาะให้ผู้สูงอายุใช้ที่สุด?
    ตอบ: แนะนำ Redmi A1 (อันดับ 3) หรือ Redmi A2 (อันดับ 2) ครับ เพราะทั้งคู่ใช้ระบบ Android (Go Edition) ที่หน้าตาเมนูเรียบง่าย, คลีน, ไม่มีอะไรรกตา และตัวหนังสือค่อนข้างใหญ่ชัดเจน แถมแบตอึดมาก เหมาะกับผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบความยุ่งยากครับ
  • ถาม: Redmi A3 กับ Redmi A2+ รุ่นไหนดีกว่ากัน?
    ตอบ: Redmi A3 (อันดับ 1) ดีกว่าชัดเจนครับ แม้ว่าทั้งคู่จะมี RAM 3GB และมีสแกนลายนิ้วมือเหมือนกัน แต่ Redmi A3 ให้ในสิ่งที่ A2+ ไม่มี นั่นคือ “ดีไซน์ฝาหลังกระจก” ที่หรูกว่า, “หน้าจอ 90Hz” ที่ลื่นไหลกว่า และ “พอร์ต USB-C” ที่ทันสมัยกว่าครับ ถ้าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยได้ ไป A3 คุ้มกว่าครับ
  • ถาม: กล้อง 13MP (ใน Redmi 9A/9C/10A) กับ 8MP (ใน Redmi A-Series) ต่างกันเยอะไหม?
    ตอบ: ต่างกันในแง่ของ “รายละเอียด” ครับ ในที่แสงแดดจ้าๆ กล้อง 13MP จะซูมดูรายละเอียดได้ดีกว่า 8MP เล็กน้อย แต่ในแง่ของสีสันหรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อย คุณภาพ “พอๆ กัน” ครับ คือแค่พอใช้ได้ ไม่ได้ดีเด่อะไรทั้งคู่ สรุปคืออย่าใช้กล้องเป็นตัวตัดสินหลักในมือถือราคานี้ครับ ถ้าอยากได้ โทรศัพท์ Xiaomi กล้องสวย จริงๆ ต้องขยับงบไป โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 7000 เลยครับ
  • ถาม: ราคานี้เล่น ROV หรือ Free Fire ไหวไหม?
    ตอบ: “ไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ” โดยเฉพาะรุ่น RAM 2GB (9A, 9C, 10A, A1) คือเล่นไม่ได้เลยครับ ส่วนรุ่น RAM 3GB (A3, A2, A2+) อาจจะ “พอเปิดเกมได้” แต่การเล่นจริงจะกระตุกมาก ปรับกราฟิกต่ำสุดก็ยังไม่ลื่นครับ มือถือกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเลยครับ ถ้าอยากเล่นเกมจริงๆ อย่างน้อยควรมอง โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 8000 ครับ

บทสรุป: เลือกให้ตรงโจทย์ คือคุ้มค่าที่สุดในงบ 2,000 บาท

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบทสรุปกันแล้วนะครับเพื่อนๆ สำหรับการตามหา “โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี” ในปี 2025 นี้ ผมว่าเพื่อนๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันบ้างแล้วนะครับ จะเห็นได้ว่าในงบประมาณที่จำกัดมากๆ นี้ มันคือ “เกมแห่งการเลือกและแลกเปลี่ยน” (Trade-offs) อย่างแท้จริงครับ

ถ้าคุณต้องการความ “ใหม่” และ “ประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด” ในงบนี้ Redmi A3 (อันดับ 1) คือผู้ชนะที่ชัดเจน ด้วยจอ 90Hz, ดีไซน์กระจก, และ USB-C มันสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาดนี้เลยครับ

แต่ถ้าคุณเน้น “ความคุ้มค่า” ที่สุด Redmi A2 (อันดับ 2) ที่มี RAM 3GB และ Android Go ลื่นๆ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ฉลาดมาก หรือถ้าคุณต้องการ “ฟีเจอร์” อย่างสแกนนิ้วในงบที่ประหยัดลงมา Redmi A2+ (อันดับ 7) หรือ Redmi 9C (อันดับ 5) ก็ยังพอตอบโจทย์ได้ แม้จะต้องแลกกับความหน่วงของ RAM 2GB + MIUI ก็ตาม

สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำก็คือ “การจัดการความคาดหวัง” ครับ ต้องยอมรับว่าราคาเปิดตัวหรือราคาปกติของหลายๆ รุ่น (ตามที่ผมอัปเดตในตาราง) อาจจะเกิน 2,000 บาทไปบ้างเล็กน้อย เช่น 2,299 หรือ 2,499 บาท แต่มือถือกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ “ใกล้เคียงงบ 2,000” ที่สุดแล้ว และที่สำคัญคือ Xiaomi มักจะจัดโปรโมชัน Flash Sale โหดๆ บ่อยมากครับ! โดยเฉพาะใน Shopee หรือ Lazada ที่ราคามันจะตกลงมาอยู่ในงบ 1,xxx – 2,099 บาท อยู่เป็นประจำ นี่คือจังหวะที่คุณต้องคว้าไว้ครับ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือก โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี ก็ตาม ขอให้เลือกรุ่นที่ “ตรงกับความต้องการใช้งาน” ของคุณหรือคนที่คุณจะซื้อให้มากที่สุดครับ ซื้อให้ผู้ใหญ่ เน้น A-Series (Android Go) ใช้ง่ายๆ, ซื้อมาใช้แอปฯ ธนาคาร เน้นรุ่นมีสแกนนิ้ว, ซื้อมาใช้เอง พยายามเอารุ่น RAM 3GB ครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ ขอให้มีความสุขกับมือถือเครื่องใหม่ และถ้ามีงบเหลือๆ ก็อย่าลืมหา หูฟัง Monster ดีๆ สักตัวมาใช้คู่กัน รับรองฟินครับผม!

บทสรุป โทรศัพท์ Xiaomi ราคาไม่เกิน 2000 รุ่นไหนดี


หมายเหตุจากผู้เขียน:

  • รายละเอียดเรื่องสเปก, สีที่มีจำหน่าย, หรือการรับประกัน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจาก Xiaomi ประเทศไทย หรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ
  • บทความนี้เขียนขึ้นอย่างเป็นกลาง ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือชี้นำจากแบรนด์ใด ๆ ครับ จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุด หากเพื่อนๆ กดลิงก์เพื่อตรวจสอบราคา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนการทำงานและพัฒนาเว็บไซต์ของเรา แต่รับรองได้ว่าจะไม่กระทบต่อการจัดอันดับหรือคำแนะนำสินค้าแน่นอนครับ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • บทความนี้จัดทำโดยใช้ AI ช่วยในการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลจากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อคลาดเคลื่อน แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือร้านค้าโดยตรง ทั้งนี้ข้อมูลในบทความอ้างอิงจากสเปกและข่าวสารช่วงล่าสุด ซึ่งคุณสมบัติหรือราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ
  • ข้อสำคัญเรื่องราคา: ราคาที่แสดงเป็นราคา ณ วันที่อัปเดตบทความ (ซึ่งบางรุ่นอาจเป็นราคาเปิดตัว หรือราคากลาง) และบางรุ่นอาจมีราคาสูงกว่า 2,000 บาท แต่เป็นรุ่นที่ “ใกล้เคียงงบ 2,000” ที่สุดแล้ว และมักจะจัดโปรโมชัน Flash Sale ลดราคาลงมาอยู่ในงบประมาณนี้ (1,xxx – 2,xxx บาท) บ่อยครั้ง แนะนำให้กดลิงก์เข้าไปเช็คราคาโปรโมชันล่าสุดครับ
  • คะแนน (เช่น 8.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน ToplistPlus อ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, ราคา, และรีวิวผู้ใช้จริงจากแหล่งต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบกัน “ภายในกลุ่มงบประมาณเดียวกัน” ครับ
  • รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “[ชื่อเล่น], อายุ …”) เป็นตัวอย่างสมมุติที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้จริงมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเท่านั้นครับ

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ขอบพระคุณครับ