บทนำ
สวัสดีครับเพื่อนๆ! ยินดีต้อนรับเข้าสู่สมรภูมิที่ดุเดือดที่สุดในวงการมือถือ นั่นคือ “มือถืองบ 5,000 บาท” ครับ! บอกเลยว่าเป็นช่วงราคาที่การแข่งขันสูงปรี๊ด ทุกแบรนด์ต่างก็งัดของดีมาสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่เป็น “เจ้าพ่อแห่งความคุ้มค่า” หรือ “King of Value” ในใจหลายๆ คน คงหนีไม่พ้น Redmi จริงไหมครับ? ด้วยสเปกที่จัดเต็มเกินราคาค่าตัว ทำให้มือถือ Redmi กลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่มองหาของดีราคาประหยัดเสมอ แต่คำถามโลกแตกที่ผมโดนถามบ่อยมากก็คือ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ล่ะ?
เพราะ Redmi เองก็ขยันเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ออกมาถี่ยิบเหลือเกิน ทั้งซีรีส์ C, ซีรีส์ A, หรือบางทีรุ่นเก่าจากซีรีส์ Note ก็ราคาหล่นลงมาอยู่ในงบนี้ด้วย ทำเอาเราสับสนตาลายกันไปหมด (ใครเคยเป็นบ้างยกมือขึ้น!) วันนี้ผมเลยขออาสาเป็นเพื่อนซี้ที่รู้ใจเพื่อนๆ สวมบทนักสืบไปรวบรวมข้อมูล, เปรียบเทียบสเปก, และเช็กรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพื่อมาจัดอันดับ 10 รุ่นเด็ด อัปเดตล่าสุดปี 2025 นี้กันครับ เราจะมาเจาะลึกกันแบบหมดเปลือกว่าในงบ 5,000 บาทเนี่ย รุ่นไหนให้สเปกคุ้มสุด รุ่นไหนกล้องดีพอไปวัดไปวาได้ หรือรุ่นไหนแบตอึดถึกทนเหมาะกับสายลุย สำหรับใครที่สงสัยว่าภาพรวมของ โทรศัพท์ Redmi ดีไหม บทความนี้มีคำตอบให้แน่นอนครับ
การตัดสินใจเลือกซื้อ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ในปีนี้ถือว่าสนุกมากครับ เพราะเทคโนโลยีมันขยับลงมาให้เราได้ใช้ของดีในราคาที่ถูกลงเยอะมาก ทั้งจอ 90Hz, กล้อง 50MP, หรือแบต 5000mAh กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของงบนี้ไปแล้ว แต่ถ้าเพื่อนๆ บางคนรู้สึกว่างบ 5,000 บาทยังตึงไปนิด อยากได้แบบประหยัดสุดๆ จริงๆ เราก็มีไกด์สำหรับ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 3000 รุ่นไหนดี ให้ลองไปศึกษาดูก่อนได้นะครับ แต่สำหรับวันนี้ ใครที่กำเงิน 5,000 บาทไว้แน่นๆ แล้ว และพร้อมจะหาคู่หูเครื่องใหม่แล้วล่ะก็… ไปลุยกันเลยครับ! รับรองว่าอ่านจบแล้ว ได้คำตอบที่ชัดเจน เอาไปกดสั่งซื้อตามได้ทันทีแน่นอน! ถ้าอยากรู้ภาพรวมว่า โทรศัพท์ Redmi รุ่นไหนดี ที่สุดในทุกช่วงราคา ก็คลิกไปอ่านบทความหลักของเราได้นะครับ เอาล่ะ… ลุย!
จัดอันดับ 10 โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกกันทีละรุ่นว่า โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด ผมทำตารางเปรียบเทียบสเปกเด่นๆ และคะแนนภาพรวมของทั้ง 10 รุ่นมาให้ดูกันก่อนครับ ตารางนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้นว่าแต่ละตัวมีอะไรเด็ดๆ บ้าง!
ตารางเปรียบเทียบสรุป โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000
1. Redmi 13C (4+128GB) ★★★★★
“แชมป์ความคุ้มค่าแห่งปี! จอ 90Hz ลื่นๆ กล้อง 50MP ชัดๆ ในราคาที่ใครก็เอื้อมถึง”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
เปิดตัวมาที่อันดับ 1 ของเราแบบไม่ค้านสายตาครับ กับ Redmi 13C รุ่นเริ่มต้น 4+128GB นี่คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่ให้ความสมดุลในทุกด้านครับ ด้วยราคาเปิดตัวที่มักจะอยู่ในช่วง 3,000 ปลายๆ แต่สเปกที่ได้มานั้นโหดเกินราคาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว ที่อัปเกรดมาให้เป็น 90Hz แล้ว ทำให้การไถฟีดโซเชียลลื่นไหลเนียนตากว่าเดิมแบบคนละเรื่อง, กล้องหลักที่ให้มาถึง 50MP, และแบตเตอรี่ 5000mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน นี่คือมือถือที่เกิดมาเพื่อฆ่าทุกตัวในงบเดียวกันจริงๆ ครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.74 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1600 x 720), อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G85
- RAM: 4GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8)
- กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า: 8MP (f/2.0)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, รองรับชาร์จไว 18W (ในกล่องให้ที่ชาร์จ 10W)
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
รีวิวแบบเจาะลึก
ต้องบอกว่า Redmi 13C เป็นการอัปเกรดที่ “ถูกจุด” มากๆ ครับ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง 12C สิ่งที่เปลี่ยนไปและเห็นผลชัดเจนที่สุดคือ “หน้าจอ” การที่ Redmi กล้าให้จอ 90Hz มาในมือถือราคาเท่านี้ ถือว่าใจถึงมากครับ มันเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานไปเลย การไถ Facebook, TikTok, หรือ Twitter มันลื่นติดนิ้วกว่าจอ 60Hz แบบรู้สึกได้ทันที แม้ความละเอียดจะเป็นแค่ HD+ แต่สำหรับจอขนาด 6.74 นิ้ว ก็ถือว่าคมชัดเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ดู YouTube หรือ Netflix ได้สบายๆ ดีไซน์ตัวเครื่องก็ทำได้สวยงามขึ้นมาก โมดูลกล้องดูทันสมัย และการที่มีสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ด้านข้างก็สะดวกและรวดเร็วมากๆ ครับ นี่คือหนึ่งใน โทรศัพท์ Redmi C Series ที่ออกแบบมาได้ลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ในส่วนของประสิทธิภาพ ชิป MediaTek Helio G85 ถือเป็นชิปยอดนิยมในงบนี้ครับ มันอาจจะไม่ใช่ชิปที่แรงที่สุด แต่ก็เป็นชิปที่ “ไว้ใจได้” สำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นแอปโซเชียลลื่นๆ ไม่มีสะดุด ส่วนการเล่นเกม ถ้าเป็นเกมอย่าง RoV หรือ Free Fire สามารถปรับกราฟิกกลางๆ เล่นได้สบายครับ แต่ถ้าเป็นเกมหนักๆ อย่าง Genshin Impact อาจจะต้องปรับต่ำสุดและอาจมีอาการกระตุกบ้างเป็นธรรมดาของมือถืองบนี้ครับ แต่จุดแข็งจริงๆ ของมันคือแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่อยู่คู่กับชิปที่จัดการพลังงานได้ดี ทำให้มันสามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนาน 1.5 – 2 วันแบบสบายๆ เลยครับ ข้อสังเกตเล็กน้อยคือถึงแม้จะรองรับชาร์จ 18W แต่ในกล่องดันให้มาแค่ 10W ซึ่งถ้าอยากชาร์จเร็วเต็มสปีดก็ต้องไปหาซื้ออะแดปเตอร์เพิ่มเองครับ
มาถึงเรื่องกล้อง กล้องหลัก 50MP (f/1.8) ของ Redmi 13C ทำผลงานได้น่าประทับใจมากในสภาพแสงกลางวันครับ ให้ภาพที่คมชัด รายละเอียดดี สีสันค่อนข้างตรง แต่ในที่แสงน้อยก็จะมี Noise และรายละเอียดหายไปบ้างตามธรรมชาติของเซนเซอร์ในราคานี้ ส่วนกล้อง Macro 2MP ก็มีไว้ให้ครบๆ ตามสเปกมากกว่าจะใช้งานจริงจัง แต่โดยรวมแล้ว สำหรับการถ่ายรูปอัปโหลดลงโซเชียล ถือว่าทำได้ดีเกินราคาไปมากครับ กล้องหน้า 8MP ก็เพียงพอสำหรับวิดีโอคอลหรือเซลฟี่สวยๆ ครับ สรุปแล้ว Redmi 13C 4+128GB คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ได้จอสวยลื่นๆ แบตอึด และกล้องที่ดีพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันครับ
คะแนนที่ได้
9.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“จอ 90Hz ลื่นจริงครับ ซื้อให้แม่ใช้ แม่ชอบมาก จอใหญ่ดี แบตก็อึดมากครับ ชาร์จทีอยู่ได้ 2 วันเลย” – กอล์ฟ, อายุ 30
“ราคาแค่นี้แต่ได้กล้อง 50MP ถือว่าคุ้มมากค่ะ ถ่ายรูปเล่นๆ ลงเฟซบุ๊กสวยเลยค่ะ เครื่องไม่ช้าด้วย” – ฝ้าย, อายุ 25
2. Redmi 13C (6+128GB) ★★★★☆
“อัปเกรด RAM เพื่ออนาคต! เพิ่มเงินอีกนิด เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลกว่าเดิม”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
อันดับที่ 2 ของเราก็ยังคงเป็น Redmi 13C ครับ แต่คราวนี้เป็นรุ่นอัปเกรด RAM เป็น 6+128GB ทำไมถึงต้องแยกอันดับ? เพราะการเพิ่ม RAM อีก 2GB ในมือถืองบนี้ มันส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานจริงที่แตกต่างกันพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะในระยะยาว ถ้าเพื่อนๆ มีงบขยับขึ้นมาได้อีกสัก 500-700 บาท รุ่นนี้คือตัวเลือกที่ “ฉลาดกว่า” สำหรับคนที่วางแผนจะใช้เครื่องนี้ไปอีก 2-3 ปี และเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีของโจทย์ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เน้นความลื่นไหลครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.74 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1600 x 720), อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G85
- RAM: 6GB (LPDDR4X) (เพิ่มได้อีก 6GB ด้วย Memory Extension)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8)
- กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า: 8MP (f/2.0)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, รองรับชาร์จไว 18W (ในกล่องให้ที่ชาร์จ 10W)
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
รีวิวแบบเจาะลึก
สเปกทุกอย่างของ Redmi 13C (6+128GB) นั้นเหมือนกับรุ่น 4GB ที่เรารีวิวไปในอันดับ 1 ทุกประการครับ ทั้งจอ 90Hz, ชิป Helio G85, กล้อง 50MP, และแบต 5000mAh แต่สิ่งที่ทำให้มันขยับขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคน คือ “RAM 6GB” นั่นเองครับ ในยุคที่แอปต่างๆ ทั้ง Facebook, Line, TikTok, และแอปธนาคาร กินทรัพยากรเครื่องมากขึ้นทุกวัน การมี RAM ที่เยอะกว่าย่อมได้เปรียบครับ RAM 4GB อาจจะ “เพียงพอ” ในวันนี้ แต่ RAM 6GB จะช่วยให้ “ลื่นไหล” และ “เพียงพอสำหรับอนาคต” มากกว่าครับ
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของ RAM 6GB คือการทำ Multitasking หรือการสลับแอปไปมาครับ เพื่อนๆ จะสังเกตได้เลยว่า อาการแอป “รีโหลด” หรือ “ค้าง” เวลาสลับแอปจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น คุณกำลังพิมพ์แชตใน Line แล้วสลับไปเปิด Facebook ดูฟีด กลับมาที่ Line แชตของคุณก็ยังอยู่ ไม่ต้องรอแอปเริ่มใหม่ หรือเปิดแอปกล้องถ่ายรูปแล้วสลับไปแต่งรูปในแอปอื่น ก็จะทำได้รวดเร็วกว่า นี่คือคุณภาพชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ที่ RAM 6GB มอบให้ครับ นอกจากนี้ Redmi 13C ยังมีฟีเจอร์ Memory Extension ที่สามารถดึงพื้นที่ ROM มาทำเป็น Virtual RAM ได้อีก 6GB (รวมเป็น 6+6 = 12GB) แม้ว่ามันจะไม่ได้เร็วเท่า RAM จริง แต่ก็ช่วยประคองให้เราเปิดแอปค้างไว้ได้มากขึ้นครับ ใครที่กำลังสงสัยเรื่องสเปก แนะนำให้อ่าน วิธีดูสเปกมือถือ Redmi ก่อนซื้อ ประกอบการตัดสินใจได้เลยครับ
ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่ใช้งานมือถือค่อนข้างหนัก เปิดหลายแอปพร้อมกัน หรือแค่ไม่อยากหงุดหงิดกับอาการแอปรีโหลดบ่อยๆ การเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยบาทเพื่ออัปเกรดเป็นรุ่น 6GB ผมมองว่า “คุ้มค่ามาก” ครับ มันคือการลงทุนเพื่อประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นในระยะยาว และทำให้ Redmi 13C รุ่นนี้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เน้นการใช้งานจริงจังและยาวนานครับ
คะแนนที่ได้
9.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“ตอนแรกจะซื้อ 4GB ครับ แต่ร้านแนะนำ 6GB เพิ่มเงินนิดเดียว สรุปว่าลื่นกว่าเครื่องเก่าคนละเรื่องเลยครับ เปิดแอปเร็วดี” – บอย, อายุ 35
“ใช้ 6GB ค่ะ สลับแอปไปมาเวลาทำงานสะดวกมากค่ะ ไม่ค่อยค้างเลย ถือว่าคุ้มที่เพิ่มเงินค่ะ” – นัท, อายุ 28
3. Redmi 12 (8+128GB) ★★★★☆
“พลิกโผ! รุ่นเก่าที่สเปกดีกว่า จอ FHD+ คมชัด RAM 8GB แถมได้กล้อง Ultrawide!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอันดับ 3 ที่อาจจะทำให้หลายคนแปลกใจครับ นั่นคือ Redmi 12 (8+128GB) ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาก่อน 13C แต่สเปกหลายอย่างที่ให้มานั้น “เหนือกว่า” รุ่นน้องซะอีก! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หน้าจอ” ที่ให้ความละเอียดมาถึง FHD+ (คมชัดกว่า HD+ ของ 13C) และ “RAM” ที่อัดมาให้สะใจถึง 8GB! แถมยังมี “กล้อง Ultrawide” ที่ 13C ไม่มีอีกด้วย ปัจจุบันราคามันลดลงมาจนอยู่ในงบ 5,000 บาท (หรืออาจจะเกินนิดหน่อยแล้วแต่โปร) ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่เน้นจอสวยและ RAM เยอะครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: DotDisplay 6.79 นิ้ว, ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080), อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G88
- RAM: 8GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง:
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8)
- กล้อง Ultrawide 8MP (f/2.2)
- กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า: 8MP (f/2.1)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, รองรับชาร์จไว 18W (ในกล่องให้ที่ชาร์จ 18W)
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง, ดีไซน์ฝาหลังกระจก
รีวิวแบบเจาะลึก
Redmi 12 คือม้ามืดที่แท้จริงครับ ถ้าคุณเป็นคนเสพคอนเทนต์ ดูหนัง ดูซีรีส์ หรืออ่านการ์ตูนบนมือถือบ่อยๆ “จอ FHD+” ของ Redmi 12 จะมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าจอ HD+ ของ 13C อย่างชัดเจนครับ ความคมชัดของตัวอักษรและภาพมันแตกต่างกันจริงๆ แม้ว่าทั้งคู่จะได้จอ 90Hz เหมือนกันก็ตาม นี่คือจุดขายที่ใหญ่ที่สุดของรุ่นนี้เลยครับ ประกอบกับการที่มันให้ RAM มาถึง 8GB ทำให้การใช้งานทั่วไป การสลับแอป หรือแม้กระทั่งการเล่นเกม (ที่กราฟิกไม่หนักมาก) ทำได้ลื่นไหลไร้กังวลมากกว่า RAM 4GB หรือ 6GB แน่นอนครับ
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์คือ “ดีไซน์” ครับ Redmi 12 มาพร้อมฝาหลังที่เป็น “กระจก” (Glass Back) ซึ่งหาได้ยากมากใน โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นอื่นๆ มันให้สัมผัสที่พรีเมียม หรูหรา และจับแล้วรู้สึกดีกว่าฝาหลังพลาสติกมากๆ ครับ การออกแบบโมดูลกล้องแบบ 3 ตัวเรียงกันก็ดูสะอาดตาและมินิมอลมากๆ และใน 3 ตัวนั้น มี “กล้อง Ultrawide 8MP” ที่ใช้งานได้จริงแถมมาให้ด้วย! นี่คือสิ่งที่ 13C ไม่มี ทำให้ Redmi 12 ถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมองกว่า ทั้งถ่ายวิวทิวทัศน์ หรือถ่ายรูปกลุ่มเพื่อนในที่แคบๆ ได้ดีกว่าครับ สำหรับใครที่มองหา โทรศัพท์ Redmi กล้องสวย ในงบนี้ การมีเลนส์ Ultrawide ถือเป็นแต้มต่อที่สำคัญมากครับ
ส่วนของชิปเซ็ต Helio G88 นั้น มีประสิทธิภาพโดยรวมใกล้เคียงกับ G85 ของ 13C มากครับ แทบไม่รู้สึกต่างกันในการใช้งานจริง แต่ G88 ถูกปรับแต่งมาให้รองรับจอ FHD+ และกล้องความละเอียดสูงได้ดีกว่า สรุปแล้ว ถ้าเพื่อนๆ สามารถเพิ่มงบขึ้นมาอีกนิด (หรือเจอรุ่นนี้ในช่วง Flash Sale ที่ราคาชนกับ 13C) และให้ความสำคัญกับ “จอคมชัด”, “RAM เยอะ”, “วัสดุพรีเมียม” และ “กล้อง Ultrawide” มากกว่าความใหม่สด… Redmi 12 (8+128GB) คือตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” และเป็นคำตอบที่น่าสนใจมากสำหรับคำถาม โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ครับ
คะแนนที่ได้
9.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“จอสวยมากครับ ชัดกว่าเครื่องเก่าเยอะเลย RAM 8GB ลื่นจริงครับ เปิดแอปทิ้งไว้เยอะๆ ก็ไม่ค้าง” – แม็ก, อายุ 29
“ชอบที่ฝาหลังเป็นกระจกค่ะ ดูแพงมาก! กล้อง Ultrawide ก็ได้ใช้บ่อยเวลาไปเที่ยวถ่ายวิว คุ้มค่ะ” – ปอ, อายุ 32
4. Redmi 12C (6+128GB) ★★★★☆
“รุ่นเก๋าที่ยังแรง! สเปก G85 + RAM 6GB ในราคาที่ประหยัดลงไปอีก”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาต่อกันที่อันดับ 4 กับ Redmi 12C (6+128GB) ครับ นี่คือรุ่นพี่ยอดนิยมก่อนที่ 13C จะเปิดตัว และในวันนี้ที่ราคามันปรับลดลงมาเยอะมาก ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่าแบบสุดๆ” สำหรับคนที่อยากได้ประสิทธิภาพของชิป Helio G85 และ RAM 6GB แต่มีงบประมาณที่จำกัดจริงๆ แม้ว่าสเปกบางอย่างจะสู้รุ่นน้องไม่ได้ แต่ “หัวใจ” หรือ “ชิปเซ็ต” ของมันยังคงแรงเท่ากันครับ นี่คือตัวเลือกสำหรับคนฉลาดซื้อที่เน้นประสิทธิภาพต่อบาทที่คุ้มที่สุดครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.71 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1650 x 720), อัตรารีเฟรช 60Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G85
- RAM: 6GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 50MP (f/1.8)
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: พอร์ต Micro-USB, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
รีวิวแบบเจาะลึก
Redmi 12C คือตัวอย่างคลาสสิกของคำว่า “รุ่นเก๋าที่ยังเก๋า” ครับ ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความลื่นไหลของจอ 90Hz หรือดีไซน์ที่ใหม่ล่าสุด แต่เน้น “ประสิทธิภาพการใช้งาน” เป็นหลัก รุ่นนี้คือคำตอบที่น่าสนใจมาก การที่มันใช้ชิป Helio G85 และให้ RAM 6GB เหมือนกับ 13C รุ่นท็อป นั่นหมายความว่า การใช้งานทั่วไป การเล่นเกม (ระดับกลาง) และการสลับแอป มันทำได้ดีไม่แพ้รุ่นน้องเลยครับ แถมราคายังถูกกว่าหลายร้อยหรืออาจจะถึงพันบาท (แล้วแต่โปรโมชัน) ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” ในแง่ของ “ประสิทธิภาพต่อบาท” ที่สุดตัวหนึ่งในลิสต์นี้เลยครับ
อย่างไรก็ตาม การที่มันราคาถูกกว่าก็ต้องมี “จุดที่ต้องแลก” ครับ จุดที่ใหญ่ที่สุดคือ “พอร์ตชาร์จ” ที่ยังคงเป็น Micro-USB ในขณะที่รุ่นใหม่ๆ (รวมถึง 13C) ไปเป็น Type-C กันหมดแล้ว นี่อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับบางคน แต่ก็หมายความว่าคุณอาจจะต้องพกสายชาร์จเฉพาะของมัน หรือชาร์จไฟได้ช้ากว่า (รองรับแค่ 10W) จุดต่อมาคือหน้าจอที่เป็น 60Hz ซึ่งถ้าคุณไม่เคยใช้จอ 90Hz มาก่อน คุณก็จะไม่รู้สึกอะไรครับ มันคือมาตรฐานปกติ แต่ถ้าเคยใช้ 90Hz แล้วมาใช้ 60Hz จะรู้สึกถึงความต่างได้ทันที และสุดท้ายคือกล้องหน้าที่ให้มาแค่ 5MP ซึ่งอาจจะให้รายละเอียดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ 8MP ของรุ่นใหม่ครับ
ดังนั้น Redmi 12C (6+128GB) จึงเหมาะกับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เน้น “ความแรงของชิปและ RAM” เป็นอันดับหนึ่ง และยอมรับข้อด้อยเรื่องพอร์ต Micro-USB และจอ 60Hz ได้ ถ้าคุณเจอดีลดีๆ ที่ราคามันถูกกว่า 13C (6GB) อย่างชัดเจน (เช่น 500 บาทขึ้นไป) นี่คือตัวเลือกที่ฉลาดและช่วยประหยัดงบในกระเป๋าได้มากเลยครับ ในสมรภูมินี้ Redmi vs Infinix ก็สู้กันดุเดือดมาก และ 12C ก็ยังเป็นหนึ่งในทหารผ่านศึกที่ยังสู้ไหวครับ
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อตอนลดราคา คุ้มมากครับ ได้ G85 กับ RAM 6GB ในราคา 3 พันนิดๆ เล่นเกมลื่นดีครับ ไม่สนจอ 60Hz อยู่แล้ว” – เอก, อายุ 27
“ข้อเสียคือพอร์ต Micro-USB นี่แหละค่ะ นอกนั้นดีหมดเลย แบตอึด กล้องชัดใช้ได้ค่ะ” – มิ้นท์, อายุ 30
5. Redmi A3 (4+128GB) ★★★★☆
“น้องเล็กดีไซน์ล้ำ! จอ 90Hz ในราคาสบายกระเป๋าที่สุด เหมาะใช้งานเบาๆ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงซีรีส์ “A” ที่เน้นความประหยัดขั้นสุดกันบ้างครับกับ Redmi A3 (4+128GB) นี่คือมือถือที่ทำมาเพื่อเจาะตลาดล่างสุดๆ แต่ Redmi ก็ยังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการให้ “จอ 90Hz” มาในมือถือราคา 2-3 พันบาทได้! ถึงแม้ชิปเซ็ตจะไม่ได้แรงเท่าซีรีส์ C แต่ดีไซน์และฟีเจอร์ที่ได้มาก็ถือว่าน่าสนใจมากสำหรับคนที่เน้นใช้งานเบาๆ อย่างแท้จริงครับ ถ้าโจทย์ของคุณคือ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่ถูกที่สุด แต่ยังได้จอสวยๆ ลื่นๆ รุ่นนี้คือคำตอบครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.71 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1650 x 720), อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G36
- RAM: 4GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 8MP (f/2.0) + เลนส์เสริม
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- ระบบปฏิบัติการ: Android 14 (Go Edition)
รีวิวแบบเจาะลึก
Redmi A3 คือมือถือที่เน้น “จุดขาย” ชัดเจนครับ นั่นคือ “ดีไซน์” และ “จอ 90Hz” ในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดีไซน์ฝาหลังที่ทำเป็นโมดูลกล้องวงกลมขนาดใหญ่ (ที่ Redmi เรียกว่า “Circular Camera Deco”) นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ซีรีส์เรือธง ทำให้มันดูโดดเด่นและแพงกว่าราคาจริงมากครับ และการที่มันให้จอ 90Hz มาด้วย ก็ช่วยให้ประสบการณ์การไถฟีดเป็นไปอย่างลื่นไหล ซึ่งเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในมือถือคู่แข่งราคาเดียวกันเลยครับ นี่คือจุดที่ต้องชม Redmi จริงๆ ที่กล้าให้ฟีเจอร์นี้ลงมาในตลาดล่างสุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกขนาดนี้ ก็ต้องมีการ “ลดทอน” ในส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “ชิปเซ็ต” ครับ MediaTek Helio G36 เป็นชิปเซ็ตระดับเริ่มต้นอย่างแท้จริง มันถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานพื้นฐาน เช่น โทรเข้า-ออก, เล่น Line, ดู Facebook, ดู YouTube แบบเบาๆ เท่านั้นครับ “ห้าม” คาดหวังเรื่องการเล่นเกมหนักๆ หรือการสลับแอปที่รวดเร็วจากชิปตัวนี้เด็ดขาด นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android (Go Edition) ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ตัดทอนฟีเจอร์บางอย่างออกไป เพื่อให้ทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่สเปกไม่สูงได้ลื่นไหลขึ้นครับ
ในส่วนของกล้องหลัก 8MP ก็ถือว่ามีไว้ให้ใช้งานครับ คุณภาพอยู่ในระดับที่ “พอถ่ายได้” ในที่แสงจ้า แต่ก็ไม่สามารถคาดหวังรายละเอียดหรือสีสันที่สวยงามเหมือนกล้อง 50MP ในซีรีส์ C ได้ครับ แต่ข้อดีคือมันยังให้แบต 5000 mAh, พอร์ต Type-C, และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาครบถ้วน ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ยังชอบใช้ หูฟังมีสาย อยู่ครับ สรุปแล้ว Redmi A3 เหมาะสำหรับเป็นเครื่องสำรอง, มือถือเครื่องแรกให้ลูกหลาน, หรือสำหรับผู้ใหญ่ที่ใช้งานไม่ซับซ้อน แต่ยังอยากได้จอที่ลื่นไหลและดีไซน์ที่ดูทันสมัยครับ ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ในซีรีส์อย่าง Redmi A5 (ถ้ามีในอนาคต) รุ่นนี้ก็ถือเป็นพื้นฐานที่ดีครับ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อให้พ่อใช้ครับ พ่อชอบมาก จอใหญ่ดี แล้วก็ลื่นกว่าเครื่องเก่าของพ่อเยอะเลยครับ” – อาร์ม, อายุ 31
“ดีไซน์สวยมากค่ะ ไม่เหมือนมือถือราคา 2 พันเลย จอ 90Hz ก็ลื่นดีค่ะ แต่กล้องเฉยๆ ค่ะ” – แอน, อายุ 24
6. Redmi A3 (6+128GB) ★★★★☆
“น้องเล็ก อัป RAM! เพิ่มความลื่นไหลให้จอ 90Hz ในราคาสบายกระเป๋า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
อันดับที่ 6 ไม่ใช่รุ่นอื่นไกลครับ แต่เป็น Redmi A3 ในเวอร์ชันที่อัปเกรด RAM เป็น 6GB ครับผม! โดยพื้นฐานแล้ว นี่คือมือถือเครื่องเดียวกับอันดับ 5 ทุกประการ ทั้งดีไซน์กล้องวงแหวนสุดเท่, จอ 90Hz, ชิป Helio G36 และแบต 5000mAh แต่การที่มันมี RAM 6GB ทำให้มันน่าสนใจขึ้นมาอีกขั้นสำหรับคนที่รู้สึกว่า 4GB อาจจะน้อยเกินไปสำหรับการใช้งานในปัจจุบันครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.71 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1650 x 720), อัตรารีเฟรช 90Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G36
- RAM: 6GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1) (เพิ่ม microSD Card ได้)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 8MP (f/2.0) + เลนส์เสริม
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- ระบบปฏิบัติการ: Android 14 (Go Edition)
รีวิวแบบเจาะลึก
คำถามหลักที่เพื่อนๆ คงสงสัยคือ “จำเป็นมั้ย RAM 6GB กับชิป Helio G36?” ต้องตอบแบบเพื่อนแนะนำเพื่อนเลยครับว่า “มีก็ดีกว่าไม่มี” ครับ แม้ว่าตัวชิป G36 จะเป็นชิประดับเริ่มต้นที่เน้นการใช้งานเบาๆ และรันบน Android Go Edition แต่การที่มันมี RAM เยอะถึง 6GB ก็ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีขึ้นจริงครับ โดยเฉพาะการสลับแอปพื้นฐาน เช่น สลับจาก Line ไป Facebook หรือเปิดเบราว์เซอร์หลายๆ แท็บ อาการแอป “บังคับปิด” หรือ “รีโหลด” ใหม่ จะเกิดขึ้นน้อยกว่ารุ่น 4GB อย่างแน่นอนครับ
ลองนึกภาพการใช้งานจริงครับ เวลาเราเปิดแอปแผนที่นำทาง แล้วสลับไปแอปเพลง แล้วก็สลับกลับมารับสายใน Line ถ้า RAM น้อย (เช่น 3-4GB) โอกาสที่แอปใดแอปหนึ่งจะถูกระบบปิดไปเพื่อคืนพื้นที่ RAM นั้นมีสูงมาก แต่พอเป็น 6GB มันก็มีพื้นที่ “หายใจ” มากขึ้น ทำให้การใช้งานไม่สะดุดครับ นี่คือจุดที่รุ่น 6GB ได้เปรียบครับ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้ชิป G36 เล่นเกมหนักๆ ไหวขึ้นมาก็ตาม แต่มันทำให้การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน “หงุดหงิดน้อยลง” ครับ
ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ ชอบดีไซน์และจอ 90Hz ของ Redmi A3 มากๆ แต่ก็กังวลว่า 4GB จะไม่พอใช้ในระยะยาว การเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยบาท (ปกติส่วนต่างจะอยู่ที่ 300-500 บาท) เพื่อขยับมาเป็นรุ่น 6GB ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ “Make Sense” ครับ มันเป็นทางเลือกที่อยู่ตรงกลางระหว่างรุ่นประหยัดสุดๆ กับรุ่นที่ชิปแรงกว่าอย่าง 13C ถ้าโจทย์ของคุณคือ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่ถูกและลื่น (ในแง่การสลับแอป) รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ
คะแนนที่ได้
8.7/10
รีวิวสั้น ๆ
“เลือก 6GB มาเลยครับ สบายใจดี เปิดแอปไม่ค่อยค้างครับ จ่ายเพิ่มนิดหน่อยคุ้มกว่า” – ต้น, อายุ 34
“เครื่องสวย จอลื่น RAM 6GB ราคา 3 พันนิดๆ หาที่ไหนไม่ได้แล้วค่ะ ใช้งานทั่วไปลื่นดีค่ะ” – จ๋า, อายุ 26
7. Redmi 10A (4+128GB) ★★★★☆
“รุ่นเก่า ราคาดิ่ง! ตัวเลือกประหยัดสุดๆ สำหรับคนที่ต้องการ 128GB”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถอยหลังกลับไปอีกนิดกับ Redmi 10A (4+128GB) ครับ รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นเก่าที่ยังคงมีสินค้าค้างสต็อกขายในราคาที่ “ถูกแบบช็อกโลก” บางครั้งเราอาจจะเห็นราคาของมันต่ำกว่า 2,500 บาท! นี่คือตัวเลือกสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่มีโจทย์แค่ว่า “ขอ ROM 128GB ที่ถูกที่สุด” เท่านั้นจริงๆ ครับ สเปกโดยรวมอาจจะสู้รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้เลย แต่ด้วยราคาของมัน ก็ทำให้มันยังพอมีที่ยืนอยู่บ้างครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.53 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1600 x 720), อัตรารีเฟรช 60Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G25
- RAM: 4GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (eMMC 5.1)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 13MP (f/2.2) + กล้องจับความลึก 2MP
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: พอร์ต Micro-USB, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
รีวิวแบบเจาะลึก
เราต้องคุยกันแบบตรงไปตรงมาครับ Redmi 10A เป็นมือถือที่ “เก่า” และ “ช้า” เมื่อเทียบกับมาตรฐานปี 2025 ครับ ชิปเซ็ต MediaTek Helio G25 นั้นมีประสิทธิภาพต่ำกว่า G36 ใน Redmi A3 เสียอีก มันเหมาะสำหรับการใช้งานที่ “เบา” ยิ่งกว่าเบาครับ เช่น ใช้เป็นเครื่องสำรองรับสาย-โทรออก, เล่น Line ไว้คุยงาน, หรือให้ผู้สูงอายุใช้ที่ไม่เน้นฟีเจอร์อะไรเลย การคาดหวังความลื่นไหลจากการไถฟีดโซเชียลอาจจะเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อยครับ
จุดที่ต้องพิจารณาหนักๆ คือ พอร์ต Micro-USB และ จอ 60Hz ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ตกรุ่นไปแล้วอย่างชัดเจน แต่… ทำไมมันถึงยังอยู่ในลิสต์นี้? คำตอบเดียวเลยคือ “ราคา” ครับ ในช่วงลดราคาหนักๆ ราคาของ Redmi 10A (4+128GB) สามารถดิ่งลงไปแตะ 2,000 บาทต้นๆ ได้ ซึ่งนั่นคือราคาที่ถูกจนน่าตกใจสำหรับมือถือที่ให้ ROM มาถึง 128GB ครับ มันอาจจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บรูปเยอะๆ (ที่ไม่สนคุณภาพรูปมากนัก) หรือเก็บไฟล์งาน PDF, ไฟล์เพลง โดยไม่ได้เน้นการใช้งานแอปที่รวดเร็วครับ
สรุปสำหรับ Redmi 10A ครับ ถ้าเพื่อนๆ มีงบจำกัดจริงๆ และไปเจอตัวนี้ในราคาที่ถูกกว่า Redmi A3 (อันดับ 5) อย่างชัดเจน (เช่น 500 บาทขึ้นไป) และรับได้กับความช้าของมัน แลกกับการได้ ROM 128GB มาเก็บของ… มันก็ยัง “พอไปได้” ครับ แต่ถ้าในราคาที่ใกล้เคียงกัน ผมแนะนำให้ข้ามไปเล่น Redmi A3 หรือ 12C จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ามากครับ นี่คือตัวเลือกสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี แบบเน้นถูกและเก็บของได้เยอะจริงๆ ครับ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อมาใช้เป็นเครื่องสำรองครับ ถูกดี ได้ 128GB ก็โอเคแล้ว ช้าหน่อยแต่รับได้ครับ” – ลุงชัย, อายุ 55
“เครื่องช้าค่ะ ไม่ค่อยทันใจเท่าไหร่ แต่แบตอึดมาก ซื้อตอนลดราคา 2 พันนิดๆ ก็ตามราคาค่ะ” – นิ่ม, อายุ 28
8. Redmi 10C (4+128GB) ★★★★☆
“ม้ามืดตกรุ่น! ชิป Snapdragon 680 + UFS 2.2 เร็วกว่าที่คิด!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงรุ่นที่ผมอยากให้เพื่อนๆ “ตั้งใจอ่าน” เป็นพิเศษครับ Redmi 10C (4+128GB) นี่คืออีกหนึ่งรุ่นตกรุ่นที่ “สเปกภายใน” ของมันโหดกว่ารุ่นใหม่ๆ ในงบเดียวกันซะอีก! แม้ว่าราคามันอาจจะยังค้างๆ อยู่แถว 4,000 ปลายๆ จนเกือบ 5,000 ทำให้ดูไม่คุ้ม แต่ถ้าคุณเจอมันในช่วงลดราคาดีๆ นี่คือ “ของดี” ที่หลายคนมองข้ามครับ จุดเด่นของมันคือชิป “Snapdragon” และ “UFS 2.2” ครับ!
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.71 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1650 x 720), อัตรารีเฟรช 60Hz
- ชิปเซ็ต: Snapdragon 680
- RAM: 4GB (LPDDR4X)
- ROM: 128GB (UFS 2.2)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 50MP (f/1.8) + กล้องจับความลึก 2MP
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, รองรับชาร์จไว 18W
- การเชื่อมต่อ: USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
รีวิวแบบเจาะลึก
Redmi 10C คือตัวเลือกสำหรับ “คนที่รู้สเปก” ครับ เพื่อนๆ อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเชียร์ตัวนี้ ทั้งที่จอก็ 60Hz แถม RAM ก็แค่ 4GB? คำตอบมี 2 อย่างครับ: Snapdragon 680 และ UFS 2.2 ครับ! อย่างแรก ชิป Snapdragon 680 แม้จะไม่ใช่ชิปสำหรับเล่นเกมหนักๆ แต่ก็เป็นชิปที่ “เสถียร” และ “จัดการความร้อนได้ดี” มากๆ หลายคนชอบฟีลลิ่งของ Snapdragon มากกว่า MediaTek ในแง่ของความนิ่งครับ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าอย่างที่สอง… UFS 2.2 ครับ!
เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่ามือถือส่วนใหญ่ในลิสต์นี้ (13C, 12C, A3, 10A) ใช้หน่วยความจำแบบ eMMC 5.1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเก่าและ “ช้า” ครับ แต่ Redmi 10C ให้ UFS 2.2 มา ซึ่งเป็นมาตรฐานหน่วยความจำที่ “เร็วกว่า eMMC 5.1 หลายเท่าตัว” ครับ! ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร? มันคือ “ความเร็วในการเปิดแอป”, “ความเร็วในการติดตั้งแอป” และ “ความเร็วในการโหลดเกม” ที่ไวกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ แม้ว่า RAM จะแค่ 4GB แต่การที่ ROM มันอ่านเขียนได้เร็ว มันช่วยชดเชยและทำให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวม “รู้สึกเร็ว” ขึ้นมาได้ครับ
ดังนั้น ถ้าต้องเลือกระหว่าง Redmi 13C (4GB, G85, eMMC 5.1, จอ 90Hz) กับ Redmi 10C (4GB, SD680, UFS 2.2, จอ 60Hz) ในราคาที่เท่ากัน มันคือการชั่งใจครับ คุณจะเอา “ความลื่นไหลของจอ 90Hz” (13C) หรือ “ความเร็วในการเปิดแอป UFS 2.2” (10C)? สำหรับผม ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องจอ 90Hz แต่หงุดหงิดเวลารอแอปโหลดนานๆ Redmi 10C คือตัวเลือกที่ “ฉลาด” มากๆ และเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ครับ
คะแนนที่ได้
8.4/10
รีวิวสั้น ๆ
“เปิดแอปเร็วจริงครับ เคยใช้ eMMC มาก่อน พอมาใช้ UFS 2.2 คือรู้สึกได้เลยว่าไวกว่า” – พี, อายุ 30
“กล้อง 50MP สวยดีค่ะ ชิป Snapdragon ก็โอเคเลย ไม่ค่อยร้อนเวลาเล่นนานๆ เสียดายจอ 60Hz อย่างเดียว” – ใบเตย, อายุ 27
9. Redmi A2 (3+64GB) ★★★★☆
“รุ่นพื้นฐานของปีที่แล้ว! Helio G36 แต่ RAM/ROM น้อยกว่า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
เดินทางมาถึงอันดับ 9 ครับ กับ Redmi A2 (3+64GB) นี่คือรุ่นพี่ของ Redmi A3 ที่เราเพิ่งรีวิวไปนั่นเองครับ พูดง่ายๆ คือมันคือ A3 ที่ “ยังไม่ได้อัปเกรด” ครับ มันใช้ชิปเซ็ต Helio G36 ตัวเดียวกัน แต่มาพร้อมกับ RAM 3GB, ROM 64GB และที่สำคัญคือหน้าจอยังเป็น 60Hz ครับ นี่คือตัวเลือกสำหรับคนที่มีงบจำกัดมากๆ และต้องการมือถือพื้นฐานจริงๆ ครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: Dot Drop 6.52 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1600 x 720), อัตรารีเฟรช 60Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G36
- RAM: 3GB (LPDDR4X)
- ROM: 64GB (eMMC 5.1)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 8MP (f/2.0) + เลนส์เสริม
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: พอร์ต Micro-USB, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
รีวิวแบบเจาะลึก
Redmi A2 คือภาพสะท้อนของมือถือ “งบประหยัด” แบบดั้งเดิมครับ มันมีสเปกที่ “พอเพียง” ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบพื้นฐานที่สุด ชิป Helio G36 ที่มันใช้ ก็คือตัวเดียวกับ A3 ดังนั้นในแง่ “ความแรง” มันไม่ต่างกันครับ คือเหมาะกับการเล่น Line, Facebook Lite, ดู YouTube ที่ความละเอียดไม่สูงมาก และรันบน Android Go Edition ครับ
แต่จุดที่มัน “ด้อยกว่า” A3 อย่างชัดเจนคือ 1. หน้าจอ 60Hz (A3 ได้ 90Hz) 2. RAM/ROM ที่ 3+64GB (A3 ได้ 4+128GB) และ 3. พอร์ต Micro-USB (A3 ได้ Type-C) ครับ การที่ RAM มีแค่ 3GB หมายความว่าคุณแทบจะสลับแอปไม่ได้เลย เปิดแอปเดียวก็เกือบเต็มแล้ว และ ROM 64GB ก็อาจจะเต็มได้ง่ายๆ ถ้าคุณลงแอปเยอะหรือถ่ายรูปเล่นบ้างครับ
ดังนั้น Redmi A2 จะเหมาะกับคุณก็ต่อเมื่อ: คุณเจอมันในราคาที่ “ถูกกว่า Redmi A3 (4+128GB)” มากๆ (เช่น ถูกกว่า 500-700 บาท) และคุณมั่นใจว่าคุณใช้งานมือถือ “เบา” จริงๆ ชนิดที่ว่ามีแค่ Line กับ Facebook Lite ก็พอใจแล้ว ถ้าเป็นกรณีนี้ มันก็ยังเป็นตัวเลือกที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ครับ แต่โดยส่วนตัว ถ้าเพิ่มเงินอีกนิดเดียวไปเอา A3 หรือ 12C ได้ ประสบการณ์ใช้งานจะดีกว่าแบบก้าวกระโดดเลยครับ
คะแนนที่ได้
8.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อมาเป็นเครื่องสำรองที่ร้านครับ ใช้แค่รับออเดอร์กับโทรเข้าออก ก็โอเคครับ แบตอึดดี” – เฮียไก่, อายุ 45
“ช้าค่ะ เปิดหลายแอปไม่ได้เลย แต่ก็ซื้อมา 2 พันต้นๆ ก็ตามราคาค่ะ” – ส้ม, อายุ 22
10. Redmi 9A Sport (3+32GB) ★★★★☆
“รุ่นคุณทวด! 3+32GB ที่ยังพอมีขาย (ถ้าหาได้ในราคาถูกจริงๆ)”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายอันดับ 10 ของเราด้วยรุ่นที่ “เก่าที่สุด” ในลิสต์ครับ Redmi 9A Sport (3+32GB) นี่คือมือถือที่เปิดตัวมานานมากแล้ว แต่ยังมีสต็อกเหลือขายอยู่บ้างในบางร้านค้าออนไลน์ ที่มันติดอันดับมาได้ก็เพราะ “ราคา” ที่อาจจะดิ่งลงไปต่ำสุดๆ ในบางช่วงครับ แต่… ผมต้องบอกเพื่อนๆ ตรงนี้เลยว่าสเปก 3+32GB ในปี 2025 นั้น “ไม่เพียงพอ” ต่อการใช้งานปกติแล้วครับ
สเปกเด่น
- จอแสดงผล: 6.53 นิ้ว, ความละเอียด HD+ (1600 x 720), อัตรารีเฟรช 60Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Helio G25
- RAM: 3GB
- ROM: 32GB (eMMC 5.1)
- กล้องหลัง: กล้องหลัก 13MP (f/2.2)
- กล้องหน้า: 5MP (f/2.2)
- แบตเตอรี่: 5000 mAh, ชาร์จ 10W
- การเชื่อมต่อ: พอร์ต Micro-USB, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
รีวิวแบบเจาะลึก
ผมขอพูดในฐานะเพื่อนเลยนะครับ Redmi 9A Sport คือรุ่นที่เพื่อนๆ “ควรหลีกเลี่ยง” ในปี 2025 ครับ! เว้นแต่เพื่อนๆ จะเจอมันในราคาไม่เกิน 1,500 บาทจริงๆ (ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้) ปัญหาหลักของมันคือ ROM 32GB ครับ ในยุคนี้ แค่ตัวระบบ Android, แอปพื้นฐาน (Line, Facebook, Google Maps) และ Cache ของแอป ก็แทบจะกินพื้นที่ 32GB ไปหมดแล้วครับ เพื่อนๆ จะไม่เหลือพื้นที่ไว้ถ่ายรูป หรือลงแอปอื่นๆ ที่จำเป็นเลยครับ มันจะ “เต็ม” เร็วมาก และเมื่อ ROM เต็ม เครื่องก็จะ “อืด” และ “ค้าง” จนใช้งานแทบไม่ได้ครับ
ชิป Helio G25, RAM 3GB, จอ 60Hz, และพอร์ต Micro-USB ล้วนเป็นสเปกที่ตกรุ่นไปหมดแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ “ราคา” ที่เราเจอบนร้านค้าออนไลน์ (ตามลิสต์ที่ให้มา) มันอยู่ที่ 3,000+ บาท! ซึ่งราคานี้ “แพงกว่า” Redmi A3 (อันดับ 5) ที่ได้จอ 90Hz, ชิป G36 (ที่ใหม่กว่า), RAM 4GB, ROM 128GB, และพอร์ต Type-C ซะอีก! นี่คือ “ดีลที่แย่มาก” ครับ
ที่ผมยังใส่รุ่นนี้ไว้ในลิสต์ ก็เพื่อ “เตือน” เพื่อนๆ ครับว่า อย่าเห็นแก่ของที่ดูเหมือนจะถูก หรือชื่อรุ่นที่คุ้นเคยครับ ให้ดูสเปกเทียบกันดีๆ ครับ Redmi 9A Sport ไม่ใช่คำตอบของ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ในปี 2025 อย่างแน่นอนครับ การเพิ่มเงินอีกไม่กี่ร้อยบาทไปเอารุ่น A3 หรือ 12C จะเป็นประสบการณ์ที่ “ดีกว่า” ราวฟ้ากับเหวครับผม
คะแนนที่ได้
8.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“อย่าซื้อเลยครับ 32GB ใช้ไม่ได้จริง แค่ระบบก็กินไปครึ่งแล้วครับ” – แบงค์, อายุ 28
“ซื้อมาให้ยายใช้โทรอย่างเดียวจริงๆ ครับ แต่ก็ยังช้าเลย เพิ่มเงินไปรุ่นอื่นดีกว่าค่ะ” – ออย, อายุ 30
มุมมองจากสื่อและผู้เชี่ยวชาญ: ทำไม Redmi ถึงครองตลาดงบ 5,000?
ไม่ใช่แค่ในบ้านเรานะครับ แต่ในตลาดโลก GSMArena หรือ TechRadar ต่างก็ยกให้ Redmi เป็น “ราชาแห่งความคุ้มค่า” (King of Value) ในกลุ่มมือถือราคาประหยัดมาโดยตลอด นักวิเคราะห์มองว่ากลยุทธ์ของ Redmi นั้นชัดเจนมากครับ
“Redmi ประสบความสำเร็จในการนำฟีเจอร์ ‘เรือธง’ ของเมื่อ 2 ปีก่อน มาใส่ในมือถือราคา 5,000 บาทของวันนี้ได้สำเร็จ… ผู้บริโภคจึงรู้สึกว่าพวกเขาได้ ‘ของดี’ เกินราคาที่จ่ายไป”
เทคโนโลยีที่ “ตกทอด” (Trickle-Down Tech) คือหัวใจ
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สิ่งที่ทำให้ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 โดดเด่น คือการที่ Redmi กล้า “ตัด” ฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นออกไป (เช่น วัสดุพรีเมียม, กันน้ำระดับสูง, ชาร์จไร้สาย) แต่ “คงไว้” ซึ่งฟีเจอร์หลักที่ผู้ใช้สัมผัสได้จริง
- จอ 90Hz: การที่แม้แต่มือถือราคา 2-3 พันอย่าง Redmi A3 ยังได้จอ 90Hz ถือเป็นการ “เขย่าตลาด” ที่ทำให้แบรนด์อื่นต้องปรับตัวตาม
- กล้อง 50MP: การใส่เซนเซอร์ 50MP มาเป็นมาตรฐานในรุ่น C Series (13C, 12C, 10C) ทำให้ผู้ใช้รู้สึก “คุ้มค่า” แม้ว่าในทางปฏิบัติ คุณภาพของภาพจะขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์และขนาดเซนเซอร์ด้วยก็ตาม แต่ในแง่การตลาด มันคือ “จุดขาย” ที่ทรงพลังมาก
- แบต 5000 mAh: Redmi “ตอกย้ำ” เรื่องนี้มาตลอดจนกลายเป็น DNA ของแบรนด์ไปแล้วว่า มือถือ Redmi ต้องแบตอึด ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานในกลุ่มนี้ที่ต้องการมือถือที่ใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องพก พาวเวอร์แบงค์ ครับ
บทวิเคราะห์จากทีมงาน ToplistPlus
“การต่อสู้ในสมรภูมิ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ในปี 2025 ไม่ใช่แค่การเทียบสเปกบนกระดาษอีกต่อไปครับ แต่มันคือการ ‘เลือกจุดด้อย’ ที่เรารับได้… คุณรับได้ไหมกับจอ 60Hz (12C, 10C) เพื่อแลกกับชิปที่ดีกว่า (10C) หรือพอร์ตเก่าๆ (12C)? หรือคุณยอมรับชิปที่ช้าลง (A3) เพื่อแลกกับจอ 90Hz และดีไซน์ที่สวย? Redmi 13C คือรุ่นที่ ‘สมดุล’ ที่สุด เพราะจุดด้อยของมัน (เช่น จอ HD+, ชาร์จ 10W ในกล่อง) เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ ‘รับได้’ เมื่อเทียบกับสิ่งที่มันมอบให้ครับ”
นี่คือ 5 เหตุผลหลักที่คนเลือก Redmi มากกว่าแบรนด์อื่น นั่นคือความสมดุลของ “สิ่งที่ได้” กับ “สิ่งที่ต้องแลก” ในราคาที่จ่ายไปนั่นเองครับ
คู่มือเลือกซื้อฉบับจับมือทำ: เลือกโทรศัพท์ Redmi งบ 5,000 ยังไงให้ปัง!
หลังจากดูรีวิวมาทั้ง 10 รุ่น บางคนอาจจะยังลังเลใจอยู่ใช่ไหมครับ? ไม่เป็นไรครับ ผมสรุป คู่มือเลือก Redmi ฉบับเร่งรัดมาให้แล้วครับ ถ้าคุณกำลังจะซื้อ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ให้เช็ก 5 ข้อนี้ก่อนตัดสินใจครับ!
- 1. ชิปเซ็ต (CPU): หัวใจของความเร็ว
- ใช้งานทั่วไป + เล่นเกมบ้าง (RoV, Free Fire): มองหา MediaTek Helio G85 / G88 (ใน Redmi 13C, 12, 12C) หรือ Snapdragon 680 (ใน Redmi 10C) ครับ นี่คือขั้นต่ำที่ทำให้คุณใช้งานได้ลื่นไหลและพอจะเล่นเกมได้บ้างครับ
- ใช้งานเบาๆ (Line, Facebook, YouTube): ถ้าคุณใช้แค่นี้จริงๆ ชิป MediaTek Helio G36 (ใน Redmi A3, A2) ก็ “พอไหว” และช่วยให้คุณประหยัดเงินได้เยอะมากครับ
- ควรเลี่ยง: ชิป Helio G25 (ใน 10A, 9A) มัน “เก่าและช้า” เกินไปสำหรับปี 2025 แล้วครับ
- 2. หน้าจอ (Display): ประสบการณ์ที่สัมผัสได้
- 90Hz (ลื่นไหล): นี่คือ “ของมันต้องมี” ในปีนี้ครับ! การไถฟีดจะลื่นเนียนตากว่า 60Hz มาก (พบใน Redmi 13C, 12, A3)
- FHD+ (คมชัด): ถ้าคุณชอบดู Netflix หรือ YouTube แบบชัดๆ Redmi 12 เป็นตัวเลือกเดียวในงบนี้ที่ให้จอ FHD+ คมกริบครับ รุ่นอื่นๆ (13C, 12C, A3) จะเป็น HD+ ซึ่งความคมชัดน้อยกว่าครับ
- 3. แรม และ รอม (RAM & ROM): พื้นที่ทำงานและเก็บข้อมูล
- RAM: 4GB คือขั้นต่ำที่ “พอใช้” (ใน 13C, 10C, A3) แต่ถ้าเป็นไปได้ การขยับไป 6GB (ใน 13C, 12C, A3) หรือ 8GB (ใน 12) จะช่วยให้สลับแอปได้ลื่นไหลและใช้งานได้ยาวนานกว่าครับ
- ROM: 128GB คือมาตรฐานใหม่ครับ (13C, 12, 12C, 10C, A3, 10A) “ห้าม” ซื้อ 32GB (9A Sport) เด็ดขาด และ 64GB (A2) ก็ควรเลี่ยงถ้าเป็นไปได้ครับ
- *เคล็ดลับขั้นสูง:* มองหา UFS 2.2 (ใน Redmi 10C) มันเร็วกว่า eMMC 5.1 (ในรุ่นอื่นๆ) มากครับ!
- 4. กล้อง (Camera): เก็บความทรงจำ
- ถ้าคุณชอบถ่ายรูปเล่นบ้าง: เลือกตัวที่ให้กล้องหลัก 50MP (ใน 13C, 12, 12C, 10C) คุณภาพไฟล์จะดีกว่ากล้อง 8MP หรือ 13MP อย่างเห็นได้ชัดครับ (แม้จะไม่ใช่ Redmi กล้องสวย เทพๆ แต่ก็ดีที่สุดในงบนี้)
- ถ้าอยากได้มุมกว้าง: Redmi 12 เป็นรุ่นเดียวที่มี “กล้อง Ultrawide” ครับ
- 5. พอร์ตชาร์จ (Port): ความทันสมัย
- USB Type-C: คือมาตรฐานปัจจุบันครับ (ใน 13C, 12, A3, 10C) เสียบง่าย ชาร์จเร็ว หาสายง่าย
- Micro-USB: คือของตกรุ่นครับ (ใน 12C, 10A, A2, 9A) ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงครับ นอกจากว่ามันจะ “ถูกกว่า” จริงๆ
Redmi C Series vs. Redmi A Series: เลือกสายไหนดี?
อีกหนึ่งคำถามที่คนงงกันมากคือ สรุป Redmi C Series (13C, 12C) กับ Redmi A Series (A3, A2) มันต่างกันยังไง? ผมสรุปให้ง่ายๆ แบบนี้ครับ
- Redmi C Series (เช่น 13C, 12C): “สายคุ้มค่า ตัวหลัก”
- เป้าหมาย: เป็นมือถือ “เครื่องหลัก” ของคนงบประหยัด
- จุดเด่น: เน้น “ประสิทธิภาพ” ที่สมดุล ชิปเซ็ตจะแรงกว่า (เช่น G85) และให้ กล้องที่ดีกว่า (50MP)
- เหมาะกับ: นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน, หรือใครก็ตามที่ต้องการมือถือเครื่องเดียวที่ “จบ” ใช้งานทั่วไปได้ดี เล่นเกมได้บ้าง และกล้องพอใช้ได้
- Redmi A Series (เช่น A3, A2): “สายประหยัด เครื่องสำรอง”
- เป้าหมาย: เป็นมือถือ “เครื่องสำรอง” หรือเครื่องแรกสำหรับคนที่ “ใช้งานเบามาก”
- จุดเด่น: เน้น “ราคา” ที่ถูกที่สุด และเดี๋ยวนี้เริ่มเน้น “ฟีเจอร์จอลื่น” (A3 ได้ 90Hz) ชิปเซ็ตจะช้ากว่า (เช่น G36) และ กล้องจะธรรมดากว่า (8MP)
- เหมาะกับ: ผู้สูงอายุที่ใช้แค่โทร-รับสาย, คนที่ต้องการเครื่องสำรองรับ OTP, หรือให้ลูกหลานใช้เครื่องแรกแบบไม่กลัวพัง
ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี สำหรับเป็น “เครื่องหลัก” ผมแนะนำให้มอง C Series (13C, 12) เป็นหลักครับ แต่ถ้าเน้นประหยัดสุดๆ และใช้งานเบาจริงๆ A Series ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ
UFS 2.2 vs. eMMC 5.1: ความเร็วที่ซ่อนอยู่ (แบบเข้าใจง่าย)
ในรีวิวด้านบน ผมพูดถึง UFS 2.2 (ใน Redmi 10C) กับ eMMC 5.1 (ในรุ่นอื่นๆ) บ่อยมาก มันคืออะไร? พูดแบบง่ายๆ ครับ มันคือ “ประเภทของหน่วยความจำ” หรือ “ฮาร์ดดิสก์” ในมือถือครับ
- eMMC 5.1: เหมือนคุณใช้ “จานหมุน” (Harddisk) ในคอมรุ่นเก่า มัน “ทำงานได้” แต่ “ช้า” ครับ เวลาเปิดแอป, ติดตั้งแอป, หรือย้ายไฟล์ มันจะใช้เวลานานกว่า
- UFS 2.2: เหมือนคุณใช้ “SSD” ในคอมรุ่นใหม่ มัน “เร็วกว่ามาก” ครับ! การอ่าน-เขียนข้อมูลเร็วกว่า eMMC 5.1 หลายเท่าตัว
ผลกระทบคืออะไร? มือถือที่ใช้ UFS 2.2 (อย่าง Redmi 10C) จะ “รู้สึก” เร็วกว่าครับ แอปจะเปิดปุ๊บปั๊บกว่า แม้ว่าชิปจะแรงเท่ากันหรือช้ากว่าเล็กน้อยก็ตาม นี่คือ “สเปกแฝง” ที่หลายคนมองข้าม แต่ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานจริงมากๆ ครับ ถ้าคุณเป็นคนใจร้อนและเกลียดการรอโหลด Redmi 10C จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ!
แบต 5000 mAh + 18W: มาตรฐานความอึดที่ต้องมี
ข่าวดีคือ มือถือ Redmi ในงบนี้ “ทุกรุ่น” ในลิสต์ให้แบตเตอรี่มาที่ 5000 mAh ครับ! นี่คือ DNA ของแบรนด์ที่ผมพูดถึงในตอนต้น (ดู ประวัติแบรนด์ Redmi ได้ครับ) มันการันตีว่าไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน คุณจะได้มือถือที่ “แบตอึด” ใช้งานทั่วไปข้ามวันได้สบายๆ แน่นอนครับ
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ “ความเร็วในการชาร์จ” ครับ
- รองรับ 18W: (เช่น 13C, 12, 10C) นี่คือมาตรฐานที่ “ควรมี” ครับ มันจะชาร์จแบต 5000 mAh จาก 0-100% ได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือเร็วกว่านั้น
- รองรับ 10W: (เช่น A3, A2, 10A, 9A) นี่คือการชาร์จที่ “ช้า” ครับ อาจจะใช้เวลา 2.5 – 3 ชั่วโมงในการชาร์จให้เต็ม
*จุดตลกร้าย:* แม้ว่า Redmi 13C จะ “รองรับ” ชาร์จ 18W แต่ในกล่องดัน “แถมที่ชาร์จ 10W” มาให้ครับ! (บ้าจริง!) ในขณะที่ Redmi 12 (รุ่นเก่ากว่า) กลับ “แถมที่ชาร์จ 18W” มาในกล่องเลย… นี่เป็นจุดเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่า Redmi 12 มันคุ้มค่าแค่ไหนครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000
- ถาม: โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เล่นเกมพอไหว?
ตอบ: ถ้าเน้นเล่นเกม (แบบไม่หนักมาก) ให้มองหารุ่นที่ใช้ชิป Helio G85/G88 (เช่น Redmi 13C, Redmi 12) หรือ Snapdragon 680 (Redmi 10C) ครับ ชิปเหล่านี้มีพลัง GPU ที่ดีพอสำหรับ RoV หรือ Free Fire ในการตั้งค่ากราฟิกกลางๆ ครับ แต่ไม่แนะนำสำหรับเกมอย่าง Genshin Impact ครับ (ถ้าอยากรู้ว่ารุ่นไหนเล่นเกมดีจริงๆ ลองดู Redmi เล่นเกมลื่น รุ่นที่สูงกว่าครับ) - ถาม: ในงบ 5,000 บาท Redmi ถ่ายรูปสวยไหม?
ตอบ: “สวยในระดับราคาของมัน” ครับ! รุ่นที่ใช้กล้อง 50MP (13C, 12, 12C, 10C) จะให้ภาพที่คมชัดและสีสันที่ดีใน “สภาพแสงกลางวัน” ครับ แต่ในที่แสงน้อยก็จะมี Noise ตามปกติครับ อย่าคาดหวังว่ามันจะสวยเท่าพวกรุ่น Redmi Note Series ตัวท็อปๆ ครับ แต่ถ้าอยากรู้เทคนิค ลองอ่าน วิธีถ่ายรูปสวยด้วย Redmi ดูครับ - ถาม: Redmi 12C (พอร์ต Micro-USB) ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปี 2025?
ตอบ: “น่าซื้อ” ถ้าคุณเจอมันในราคาที่ “ถูกกว่า Redmi 13C” มากๆ ครับ (เช่น 500-800 บาท) เพราะสเปกภายใน (G85, 50MP, RAM 6GB) มันยังแรงมาก แต่คุณต้องรับได้กับจอ 60Hz และพอร์ตที่ตกรุ่นครับ - ถาม: Redmi A3 (จอ 90Hz) กับ Redmi 13C (จอ 90Hz) เลือกอะไรดี?
ตอบ: ถ้าคุณ “ใช้งานทั่วไป” (โซเชียล, เล่นเกมบ้าง) ไป Redmi 13C “เท่านั้น” ครับ! เพราะชิป G85 แรงกว่า G36 ของ A3 แบบคนละเรื่อง และกล้อง 50MP ก็ดีกว่า 8MP มากครับ A3 เหมาะสำหรับคนที่ “ใช้งานเบาจริงๆ” (แค่ Line, โทร) และอยากประหยัดเงินสุดๆ เท่านั้นครับ - ถาม: ทำไมไม่พูดถึง Redmi Note เลย?
ตอบ: เพราะโดยทั่วไป Redmi Note Series จะมีราคาสูงกว่า 5,000 บาทครับ (มักจะเริ่มที่ 6,000-7,000 บาท) แต่… ถ้าคุณโชคดี อาจจะเจอ Redmi Note 14 5G หรือรุ่นเก่าๆ ที่ตกรุ่นและลดราคาหนักๆ ลงมาอยู่ในงบ 5,000 บาทได้ ซึ่งถ้าเจอ… มันมักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในงบนั้นทันทีครับ! (แต่ในลิสต์นี้เราเน้นรุ่นที่หาง่ายในงบ 5,000 ครับ)
บทสรุป: รุ่นไหนคือ “คำตอบ” ของ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี 2025?
เดินทางกันมาอย่างยาวนานครับเพื่อนๆ! ผมว่าตอนนี้หลายคนน่าจะได้คำตอบในใจแล้วว่า โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
ถ้าให้ผมฟันธง “ตัวที่คุ้มที่สุดและสมดุลที่สุด” ในปี 2025 นี้ ผมขอยกให้ 🥇 Redmi 13C (ทั้งรุ่น 4GB และ 6GB) ครับ มันคือจุดลงตัวของทุกสิ่ง ทั้งจอ 90Hz ที่ลื่นไหล, กล้อง 50MP ที่ดีเพียงพอ, แบต 5000mAh, และพอร์ต Type-C นี่คือ “มาตรฐานใหม่” ของมือถืองบ 3-4 พันบาทที่ทำได้ดีมากครับ
แต่… ถ้าเพื่อนๆ เป็น “สายเสพคอนเทนต์” ที่ชอบจอคมๆ และ “สาย Multitasking” ที่ชอบ RAM เยอะๆ การเพิ่มเงินไป 🥉 Redmi 12 ที่ได้จอ FHD+ และ RAM 8GB (แถมฝาหลังกระจก!) ก็เป็นตัวเลือกที่ “พรีเมียม” และ “คุ้มค่า” อย่างน่าเหลือเชื่อครับ
และสำหรับ “สายสเปกแฝง” ที่เกลียดการรอแอปโหลด Redmi 10C ที่มี UFS 2.2 ก็ยังเป็นม้ามืดที่น่าสนใจมากๆ ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องจอ 60Hz ครับ
สุดท้ายนี้ ไม่มีมือถือรุ่นไหนดีที่สุดสำหรับทุกคนครับ มือถือที่ดีที่สุดคือมือถือที่ “ตอบโจทย์” การใช้งานและ “พอดี” กับงบประมาณของเราครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และมีความสุขกับมือถือ Redmi เครื่องใหม่นะครับ! ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน: โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นไหนดี
- รายละเอียดเรื่องสเปก, ราคา, หรือการรับประกัน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจาก Xiaomi/Redmi ประเทศไทย หรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแต่ละแบรนด์ด้วยครับ (เช่น Jaymart, TG Fone, BaNANA)
- บทความนี้เขียนขึ้นอย่างเป็นกลาง ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือชี้นำครับจากแบรนด์ใด ๆ จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุด หากกดลิงก์เพื่อตรวจสอบราคา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนการทำงานและพัฒนาเว็บไซต์ของเรา แต่รับรองได้ว่าจะไม่กระทบต่อการจัดอันดับหรือคำแนะนำสินค้าแน่นอนครับ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายความเป็นส่วนตัว
- บทความนี้จัดทำโดยใช้ AI ช่วยในการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลจากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อคลาดเคลื่อน แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือร้านค้าโดยตรง ทั้งนี้ข้อมูลในบทความอ้างอิงจากสเปกและข่าวสารช่วงล่าสุด ซึ่งคุณสมบัติหรือราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ
- คะแนน (เช่น 9.5/10 หรือ 8.0/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน ToplistPlus อ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, ราคา, และรีวิวผู้ใช้จริงจากแหล่งต่างๆ เช่น GSMArena, Reddit, และคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานในไทยครับ
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “[ชื่อเล่น], อายุ …”) เป็นตัวอย่างสมมุติที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้จริงมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเท่านั้นครับ













