บทนำ
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวคนรักเสียงดนตรีทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่เชื่อว่าอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนที่กำลังอยากมีกีต้าร์โปร่งคู่ใจสักตัว นั่นก็คือคำถามที่ว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และปลุกไฟในการเล่นดนตรีของเราให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งในปี 2025 นี้ครับ การเลือกกีต้าร์โปร่งตัวแรกหรือตัวใหม่ก็เหมือนการเลือกเพื่อนร่วมทางเลยนะครับ ต้องหาตัวที่ “ใช่” ทั้งเสียงที่ชอบ สัมผัสที่คุ้นมือ และดีไซน์ที่เห็นแล้วใจสั่น ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดจับคอร์ด หรือเป็นนักดนตรีที่มองหากีต้าร์ตัวใหม่มาเสริมทัพ การตัดสินใจเลือกซื้อท่ามกลางตัวเลือกมากมายในตลาดก็อาจทำให้ปวดหัวได้ไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ
ดังนั้น ไม่ต้องกังวลไปครับ! เพราะวันนี้ผมได้ทำหน้าที่เพื่อนซี้ คัดสรรและรวบรวมข้อมูลมาให้แบบจัดเต็ม กับการจัดอันดับ 10 กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่สุดแห่งปี 2025 มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองพิจารณากันครับ ในบทความนี้เราจะเจาะลึกกันทุกแง่มุม ตั้งแต่สเปกไม้ วัสดุ รูปทรง ไปจนถึงคาแรคเตอร์เสียงของแต่ละรุ่น พร้อมรีวิวจากประสบการณ์ตรงและเสียงจากผู้ใช้งานจริง เพื่อให้เพื่อน ๆ เห็นภาพชัดเจนที่สุดว่ากีต้าร์ตัวไหนจะเหมาะกับสไตล์การเล่นและงบประมาณของเรามากที่สุด สำหรับใครที่มองหาอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อย่าง ไมโครโฟนไร้สาย ไว้สำหรับแสดงสด หรือ หูฟังครอบหู ดี ๆ ไว้ซ้อมส่วนตัว ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านบทความอื่น ๆ ของเราได้เลยครับ
เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้วที่จะค้นหาคำตอบว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นกีต้าร์คู่ใจตัวใหม่ของเพื่อน ๆ เรามาเริ่มจากการดูตารางเปรียบเทียบภาพรวมของทั้ง 10 รุ่นที่เราคัดมาให้กันก่อนเลยดีกว่าครับ ไปดูกันเลย!
จัดอันดับ 10 กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ตารางเปรียบเทียบนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดครับ ผมสรุปข้อมูลเด่น ๆ ของแต่ละรุ่นมาให้เห็นภาพรวมกันแบบชัด ๆ ก่อนที่เราจะลงลึกไปในรายละเอียดรีวิวของแต่ละตัว ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลยครับ!
ตารางเปรียบเทียบสรุป
1. Yamaha F310 ★★★★★
“กีต้าร์มหาชนสำหรับมือใหม่ เสียงดีเกินราคา มาตรฐาน Yamaha ที่ไว้ใจได้เสมอ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Yamaha F310 คือคำตอบแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของนักดนตรีแทบทุกคนเมื่อถูกถามว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี สำหรับผู้เริ่มต้น และนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยครับ เพราะ F310 ได้พิสูจน์ตัวเองมาอย่างยาวนานในฐานะ “กีต้าร์ครู” ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐานของ Yamaha ทำให้ได้กีต้าร์ที่แข็งแรงทนทาน งานประกอบเรียบร้อยสวยงาม ในราคาที่จับต้องได้ง่ายมาก ๆ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่อยากลงทุนสูง แต่ต้องการกีต้าร์ที่เล่นแล้วไม่ท้อใจไปซะก่อน รุ่นนี้ให้เสียงที่สมดุล มีความกังวานพอดี ๆ ไม่ทึบหรือแหลมจนเกินไป ทำให้การฝึกซ้อมตีคอร์ดหรือเกาเพลงง่าย ๆ เป็นเรื่องที่สนุกและเพลิดเพลินครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Traditional Western (Dreadnought)
- ไม้หน้า: สปรูซ (Spruce)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: เมอรันติ (Meranti)
- คอ: นาโต้ (Nato)
- ฟิงเกอร์บอร์ดและบริดจ์: โรสวูด (Rosewood)
- ความยาวสเกล: 634 มม. (25 นิ้ว)
- ลูกบิด: Covered Chrome (TM-14P)
รีวิวแบบเจาะลึก
ถ้าจะให้เจาะลึกลงไปว่าทำไม Yamaha F310 ถึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคำถามที่ว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องเริ่มจาก “หัวใจ” ของมันเลยครับ นั่นคือการเลือกใช้ไม้หน้าเป็นไม้สปรูซ (Spruce) ซึ่งเป็นไม้มาตรฐานที่นิยมใช้ในกีต้าร์โปร่งราคาสูง ๆ เพราะให้คาแรคเตอร์เสียงที่ใส พุ่ง และกังวาน เมื่อรวมกับไม้ข้างและหลังที่เป็นไม้เมอรันติ (Meranti) ซึ่งให้โทนเสียงกลางที่อุ่น ทำให้ซาวด์โดยรวมของ F310 มีความสมดุล ไม่ได้เด่นย่านใดย่านหนึ่งจนเกินไป สามารถเล่นได้ดีทั้งการตีคอร์ดหนัก ๆ ในเพลงร็อก หรือจะเล่นเกาใส ๆ ในเพลงป๊อปก็ได้เช่นกันครับ รูปทรงแบบ Dreadnought ที่เป็นทรงมาตรฐานยังช่วยให้เสียงที่ออกมาดังและมีพลัง เหมาะกับการเล่นแบบไม่ต้องใช้เครื่องขางเสียงได้เป็นอย่างดี ส่วนคอกีต้าร์ที่ทำจากไม้นาโต้ก็ให้ความรู้สึกในการจับที่ถนัดมือ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ช่วยให้มือใหม่ที่ยังจับคอร์ดไม่คล่องสามารถวางนิ้วได้อย่างสบายมากขึ้นครับ แม้ว่า Action หรือความสูงของสายที่ตั้งมาจากโรงงานอาจจะสูงไปบ้างสำหรับบางคน แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถนำไปให้ช่างปรับตั้ง (set up) ใหม่ได้ง่าย ๆ ด้วยงบประมาณเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้กีต้าร์ตัวนี้เล่นง่ายขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยครับ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ F310 ครองใจมหาชนคือ “ความทนทาน” และ “คุณภาพที่สม่ำเสมอ” ครับ ขึ้นชื่อว่า Yamaha แล้ว เรื่อง QC (Quality Control) นี่หายห่วงได้เลย ทุกส่วนของกีต้าร์ถูกประกอบมาอย่างดี ตั้งแต่ลูกบิดที่หมุนได้ลื่นและตั้งสายได้ค่อนข้างตรง ไปจนถึงการเคลือบผิวที่ทำมาอย่างเรียบร้อยสวยงาม ทำให้กีต้าร์ตัวนี้ทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะพกไปเล่นกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย หรือเอาไปออกค่ายทำกิจกรรม ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะพังง่าย ๆ ครับ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม F310 ถึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะใช้เป็นตัวเริ่มต้นและสามารถอยู่กับเราไปได้อีกนานหลายปีโดยไม่ต้องซ่อมจุกจิก มันเป็นกีต้าร์ที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างแท้จริง เป็นการลงทุนครั้งแรกที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยสร้างพื้นฐานและแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีให้กับเราได้อย่างดีเยี่ยมครับ
คะแนนที่ได้
9.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ตัวแรกในชีวิตเลยครับ ใช้มา 5 ปียังเสียงดีเหมือนเดิม ทนมาก ๆ แนะนำเลยสำหรับมือใหม่” – นนท์, อายุ 24
“ซื้อให้ลูกชายหัดเล่นค่ะ เสียงดี ไม่เพี้ยนง่าย ลูกชอบมาก คุ้มราคาจริง ๆ ค่ะ” – พี่จอย, อายุ 45
2. Kazuki All Lite AS41C ★★★★☆
“นวัตกรรมใหม่แห่งกีต้าร์โปร่ง น้ำหนักเบา ทนทานทุกสภาพอากาศ เสียงใสเกินตัว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
หากเพื่อน ๆ กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่ฉีกกรอบเดิม ๆ และมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ผมขอแนะนำ Kazuki All Lite AS41C เลยครับ รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุ HPL (High-Pressure Laminate) มาทำทั้งตัวกีต้าร์ ตั้งแต่ไม้หน้า ไม้ข้าง ไปจนถึงไม้หลัง ซึ่งข้อดีหลัก ๆ ของ HPL คือ “ความทนทาน” และ “ความไม่จุกจิก” ครับ มันทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี และที่สำคัญคือไม่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเหมือนไม้แท้ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะพากีต้าร์ไปเล่นริมทะเลที่มีความชื้นสูง หรือเก็บไว้ในห้องแอร์ที่แห้ง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าไม้จะบวมหรือคอจะโก่งง่าย ๆ แถมยังมีน้ำหนักที่เบามาก ๆ ทำให้การพกพาไปไหนมาไหนสะดวกสุด ๆ ครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Auditorium Cutaway
- ไม้หน้า/ข้าง/หลัง: HPL (High-Pressure Laminate) ลายไม้ Koa
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ฟิงเกอร์บอร์ด: ริชไลท์ (Richlite)
- ภาคไฟฟ้า: มีให้เลือกทั้งแบบไม่มีภาคไฟฟ้าและมีภาคไฟฟ้า
- จุดเด่น: น้ำหนักเบา ทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่ต้องดูแลรักษามาก
รีวิวแบบเจาะลึก
คำถามสำคัญที่หลายคนอาจจะสงสัยคือ แล้วเสียงของกีต้าร์ที่ทำจาก HPL เป็นอย่างไร? มันจะสู้กีต้าร์ไม้ได้เหรอ? จากที่ผมได้ลองเล่น Kazuki All Lite AS41C ต้องบอกเลยว่าเสียงของมัน “ดีเกินคาด” ไปมากครับ! คาแรคเตอร์เสียงจะออกไปทางใส ๆ สว่าง ๆ มีความกังวานและคมชัดของโน้ตแต่ละตัวที่ดีมาก เหมาะกับการเล่นแนวฟิงเกอร์สไตล์ หรือเพลงป๊อปใส ๆ ที่เน้นเสียงเกากีต้าร์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่กำลังหาว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ซาวด์โมเดิร์นและแตกต่างออกไป ทรง Auditorium Cutaway ของมันยังช่วยให้การเล่นในเฟรตลึก ๆ ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วยครับ แม้ว่ามิติความลึกและความซับซ้อนของเสียงอาจจะยังไม่เท่ากีต้าร์ไม้แท้ (All Solid) ในราคาสูง ๆ แต่ถ้าเทียบกับกีต้าร์ไม้ลามิเนตในระดับราคาเดียวกันแล้ว บอกเลยว่า Kazuki All Lite สู้ได้สบาย ๆ แถมยังได้เปรียบเรื่องความทนทานและการไม่ต้องดูแลรักษาที่จุกจิกมาเป็นของแถมอีกด้วย
นอกจากเรื่องวัสดุและเสียงแล้ว ดีไซน์ของ Kazuki All Lite ก็เป็นอีกจุดที่ต้องพูดถึงครับ การใช้ HPL ลายไม้ Koa ทำให้กีต้าร์ตัวนี้ดูสวยงามและพรีเมียมเกินราคาไปมาก ลายไม้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร บวกกับงานประกอบที่ทำออกมาได้เรียบร้อยดี ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่ไม่ได้มีดีแค่ฟังก์ชัน แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่สวยงามได้อีกด้วยครับ สำหรับใครที่เป็นนักเดินทาง หรือคนที่ต้องนำกีต้าร์ไปเล่นในสถานที่ต่าง ๆ บ่อย ๆ หรือแม้กระทั่งมือใหม่ที่กังวลเรื่องการดูแลรักษากีต้าร์ตัวแรกของตัวเอง ผมมองว่า Kazuki All Lite AS41C เป็นอีกหนึ่งคำตอบของคำถาม กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่น่าสนใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัวที่สุดครับ มันคือกีต้าร์ที่พร้อมจะลุยไปกับคุณในทุก ๆ ที่ โดยที่คุณไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องสภาพอากาศเลยแม้แต่น้อย
คะแนนที่ได้
9.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“เบามากครับ! แบกไปเล่นที่ไหนก็สบาย เสียงใสดีด้วย ชอบที่ไม่ต้องกลัวเรื่องอากาศเลย” – เต้, อายุ 28
“ดีไซน์สวยมากค่ะ ลายไม้ Koa ดูแพงเกินราคา เสียงก็เล่นง่าย เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเรามากค่ะ” – ฝน, อายุ 25
3. Blueridge BR-140 All Solid ★★★★☆
“จิตวิญญาณแห่งกีต้าร์วินเทจในราคาที่เอื้อมถึง เสียงไม้แท้ All Solid ที่กังวานและพัฒนาไปตามกาลเวลา”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับผู้เล่นที่ขยับขึ้นมาจากระดับเริ่มต้นและกำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ซาวด์แบบ “ไม้แท้” ที่มีพัฒนาการของเสียง หรือที่เรียกกันว่าเสียง “เปิด” มากขึ้นตามระยะเวลาที่เล่น ผมขอชี้เป้าไปที่ Blueridge BR-140 All Solid เลยครับ ตัวนี้คือที่สุดของความคุ้มค่าสำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ของกีต้าร์ All Solid (ไม้แท้ทั้งตัว) ในราคาที่ไม่แรงจนเกินไป Blueridge เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำกีต้าร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีต้าร์ Martin ยุค Pre-war ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก และ BR-140 ก็ถ่ายทอด DNA นั้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ เสียงของมันมีทั้งความดัง ความกังวาน และความซับซ้อนของฮาร์โมนิกส์ที่กีต้าร์ไม้ลามิเนตไม่สามารถให้ได้ครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Dreadnought
- ไม้หน้า: Solid Sitka Spruce (ไม้แท้)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: Solid Mahogany (ไม้แท้)
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ฟิงเกอร์บอร์ด: โรสวูด (Rosewood)
- โครงสร้าง: Pre-war forward shifted X bracing
- Nut & Saddle: กระดูก (Bone)
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ Blueridge BR-140 คือการเป็นกีต้าร์ “All Solid” ครับ ไม้หน้าเป็น Solid Sitka Spruce ที่ให้เสียงกลาง-แหลมที่คมชัดและพุ่ง ในขณะที่ไม้ข้างและหลังเป็น Solid Mahogany ที่ให้เสียงกลางที่อุ่น หนา และมีเบสที่นุ่มนวล การจับคู่ไม้สองชนิดนี้เป็นสูตรคลาสสิกที่ให้เสียงสมดุลและเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักดนตรีบลูแกรสและโฟล์ค แต่สิ่งที่ทำให้ BR-140 พิเศษกว่านั้นคือโครงสร้างการวาง Bracing (โครงไม้ด้านใน) แบบ Pre-war forward shifted X bracing ซึ่งเป็นดีไซน์เดียวกับที่ใช้ในกีต้าร์วินเทจราคาสูง ทำให้ไม้หน้าสามารถสั่นสะเทือนได้อย่างอิสระมากขึ้น ผลลัพธ์คือเสียงที่ดังสนั่น มีหางเสียง (Sustain) ที่ยาว และตอบสนองต่อไดนามิกการเล่นได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าคุณจะดีดเบาหรือหนัก กีต้าร์ก็จะถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน นี่คือคาแรคเตอร์ที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วต้องถามหาว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เป็น All Solid และ BR-140 ก็คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบครับ
นอกเหนือจากเรื่องเสียงแล้ว รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ BR-140 ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจครับ ตั้งแต่การใช้ Nut และ Saddle ที่ทำจากกระดูกแท้ ซึ่งช่วยเรื่องการสั่นสะเทือนและ Sustain ได้ดีกว่าพลาสติก ไปจนถึงการตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ดูคลาสสิก ทำให้กีต้าร์ตัวนี้มีรูปลักษณ์ที่เหนือกาลเวลา อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าของกีต้าร์ All Solid ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบในการดูแลรักษาที่มากขึ้นครับ เพื่อน ๆ จะต้องใส่ใจเรื่องการควบคุมความชื้นให้เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาไม้แตกหรือท้องป่อง แต่ถ้าหากดูแลมันอย่างดี Blueridge BR-140 ตัวนี้จะเป็นเพื่อนร่วมทางทางดนตรีที่จะเติบโตและให้เสียงที่ไพเราะขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับคุณ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับนักดนตรีที่จริงจังและต้องการยกระดับประสบการณ์การเล่นของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีกขั้นครับ
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“เสียงเปิดและกังวานมากครับ ยิ่งเล่นยิ่งเพราะ สมกับเป็น All Solid จริง ๆ คุ้มมากครับตัวนี้” – อาร์ม, อายุ 35
“อัพเกรดมาจาก F310 ค่ะ เสียงต่างกันคนละเรื่องเลย ตัวนี้เสียงมีมิติกว่ามาก เล่นแล้วฟินสุด ๆ ค่ะ” – ปริม, อายุ 29
4. Yamaha APX600 ★★★★☆
“กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าทรงสวย เล่นง่าย คอเล็ก สายนุ่ม พร้อมลุยทุกเวที”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงคิวของกีต้าร์โปร่งไฟฟ้ากันบ้างครับ! สำหรับเพื่อน ๆ ที่เล่นดนตรีในร้านอาหาร เล่นเปิดหมวก หรือต้องแสดงสดบนเวที และกำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่พร้อมใช้งานภาคไฟฟ้าได้ทันที Yamaha APX600 คือหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาลครับ จุดเด่นที่สุดของซีรีส์ APX คือรูปทรงแบบ Thinline ที่มีบอดี้บางกว่ากีต้าร์โปร่งทั่วไป ทำให้โอบกระชับและเล่นได้สบายมาก ๆ โดยเฉพาะเวลายืนเล่น ไม่รู้สึกเกะกะเลยครับ บวกกับคอที่ค่อนข้างเล็กและสายนุ่ม ๆ ที่เซ็ตอัพมาจากโรงงาน ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่ “เล่นง่าย” มาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่คุ้นเคยกับกีต้าร์ไฟฟ้า หรือมือกีต้าร์ที่ต้องเล่นนาน ๆ แล้วไม่อยากเมื่อยล้าครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: APX Thinline Cutaway
- ไม้หน้า: สปรูซ (Spruce)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: นาโต้ (Nato)
- ความยาวสเกล: 634 มม. (สั้นกว่าปกติเล็กน้อย)
- ภาคไฟฟ้า: SYSTEM65 + SRT Piezo Pickup
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, 3-band EQ (Low, Mid, High), Tuner, AMF (Adjustable Mid-range Frequency)
รีวิวแบบเจาะลึก
แน่นอนว่าเมื่อเป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ภาคไฟฟ้า” ครับ และ Yamaha APX600 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการติดตั้งปรีแอมป์ SYSTEM65 ที่มาพร้อมกับ SRT Piezo Pickup ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จำลองเสียงของไมโครโฟนคุณภาพสูงในสตูดิโอมาผสมกับเสียงจากปิ๊กอัพ ทำให้ซาวด์ที่ออกมาตอนต่อแอมป์มีความเป็นธรรมชาติและสมจริงมาก ๆ ลดความแข็งกระด้างแบบ “เปี๊ยะ ๆ” ที่มักจะได้ยินจากปิ๊กอัพใต้แซดเดิ้ลทั่วไปได้เป็นอย่างดีครับ บนตัวปรีแอมป์ยังมีฟังก์ชันให้ปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น EQ 3 แบนด์ (ทุ้ม-กลาง-แหลม) และที่เด็ดที่สุดคือปุ่ม AMF (Adjustable Mid-range Frequency) ที่ให้เราสามารถเลือก “ย่านเสียงกลาง” ที่ต้องการจะบูสต์หรือคัดได้ ซึ่งมีประโยชน์มากในการแก้ปัญหาเสียงหอน (Feedback) หรือปรับซาวด์ให้เข้ากับลำโพงของแต่ละสถานที่ครับ นอกจากนี้ยังมีจูนเนอร์ในตัวที่หน้าจอสว่างและอ่านง่าย ทำให้การตั้งสายบนเวทีที่มืด ๆ เป็นเรื่องสะดวกและรวดเร็ว นี่คือฟังก์ชันที่ตอบโจทย์นักดนตรีอาชีพที่สงสัยว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะทำให้ชีวิตการแสดงสดง่ายขึ้น
ในส่วนของเสียงเปล่า (Unplugged) ด้วยความที่บอดี้ของ APX600 ค่อนข้างบาง ทำให้ระดับความดังและย่านเสียงเบสอาจจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากีต้าร์ทรงใหญ่อย่าง Dreadnought แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหลักครับ เพราะกีต้าร์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการเล่นผ่านแอมป์เป็นหลักอยู่แล้ว เสียงเปล่าของมันก็ยังคงคุณภาพตามมาตรฐาน Yamaha คือมีความใส คมชัด และบาลานซ์ที่ดี เหมาะสำหรับการซ้อมเบา ๆ ในห้องได้อย่างสบาย ๆ ครับ นอกจากนี้ การที่มันมีสเกลสั้นลงเล็กน้อย (634 มม.) ก็ช่วยลดแรงตึงของสาย ทำให้การดันสาย (Bending) หรือการเล่นเทคนิคต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้นไปอีกครับ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Yamaha APX600 จึงเป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าที่ครบเครื่องและสมบูรณ์แบบมาก ๆ สำหรับนักดนตรีที่ต้องการความคล่องตัว คุณภาพเสียงภาคไฟฟ้าที่ไว้ใจได้ และความสวยงามที่พร้อมจะโดดเด่นบนทุกเวทีครับ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“เล่นร้านทุกคืนใช้ตัวนี้เลยครับ เบา คล่องตัว ซาวด์ออกแอมป์ปรับง่ายมาก จบงานสบาย ๆ” – ก้อง, อายุ 31
“คอเล็กดีค่ะ เหมาะกับมือผู้หญิงมาก เล่นง่ายไม่เจ็บนิ้วเลย สีสวยด้วย ชอบมากค่ะ” – แจน, อายุ 26
5. Yamaha FX370C ★★★★☆
“พลังเสียง Dreadnought ในร่างโปร่งไฟฟ้า ซาวด์พุ่ง คมชัด พร้อมภาคไฟฟ้าคุณภาพ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าหากเพื่อน ๆ ชอบความเล่นง่ายและภาคไฟฟ้าของซีรีส์ APX แต่ในใจก็ยังโหยหาพลังเสียงและความดังของกีต้าร์ทรง Dreadnought อยู่ล่ะก็… ผมขอเสนอ Yamaha FX370C ครับ! รุ่นนี้เปรียบเสมือนการนำเอาจุดเด่นของกีต้าร์สองโลกระหว่าง F-Series และ APX-Series มารวมกัน มันมาในรูปทรง Dreadnought Cutaway ที่ให้เสียงเปล่าที่ดัง กังวาน และมีเบสที่หนักแน่นตามสไตล์กีต้าร์ทรงใหญ่ แต่ก็ยังสามารถเล่นในเฟรตลึก ๆ ได้สะดวกด้วยส่วนเว้า (Cutaway) และมาพร้อมกับภาคไฟฟ้าคุณภาพที่พร้อมให้คุณนำไปต่อแอมป์เพื่อแสดงสดได้ทันที นี่จึงเป็นคำตอบสำหรับคนที่อยากได้ กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เป็น All-in-One สามารถเล่นได้ดีทั้งแบบเสียงเปล่าและต่อแอมป์ครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Traditional Western Cutaway (Dreadnought Cutaway)
- ไม้หน้า: สปรูซ (Spruce)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: นาโต้/เมอรันติ (Nato/Meranti)
- คอ: นาโต้ (Nato)
- ภาคไฟฟ้า: SYSTEM58 1 way
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, 3-band EQ (Low, Mid, High)
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของ Yamaha FX370C คือ “เสียงเปล่า” ที่ทรงพลังครับ ด้วยการที่เป็นกีต้าร์ทรง Dreadnought ทำให้มันมีปริมาตรในบอดี้ที่ใหญ่ สามารถสร้างเสียงที่ดังและมีพลังได้อย่างน่าประทับใจ เบสมีความลึกและอิ่ม ในขณะที่เสียงแหลมก็ยังคงความใสและคมชัดตามสไตล์ไม้หน้าสปรูซ ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่เหมาะมากกับการเล่นตีคอร์ดร้องเพลงในวงเพื่อนฝูง หรือเล่นคนเดียวในที่โล่ง ๆ ก็เอาอยู่สบาย ๆ ครับ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นเวที ภาคไฟฟ้า SYSTEM58 ที่ติดตั้งมาให้ก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าฟังก์ชันอาจจะไม่ซับซ้อนเท่า SYSTEM65 ในรุ่น APX600 (ไม่มี AMF และจูนเนอร์) แต่ EQ 3 แบนด์ที่ให้มาก็เพียงพอสำหรับการปรับแต่งซาวด์พื้นฐานให้เข้ากับสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา เสียงที่ได้จากการต่อแอมป์ก็ยังคงความชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ไม่ได้บางหรือแบนจนเกินไปครับ
ในแง่ของความรู้สึกในการเล่น (Playability) แม้จะเป็นทรงใหญ่ แต่ Yamaha ก็ออกแบบคอของ FX370C มาให้จับได้ค่อนข้างถนัดมือ ไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเกินไป และการมี Cutaway ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับกีต้าร์ทรง Dreadnought ทั่วไปที่ไม่มีส่วนเว้า เพราะมันช่วยปลดล็อกให้เราสามารถโซโล่หรือเล่นในตำแหน่งเฟรตสูง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นครับ ดังนั้น หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่ชอบซาวด์กีต้าร์ที่ดังและเต็มอิ่ม แต่ก็ยังต้องการความยืดหยุ่นในการเล่นที่หลากหลาย และกำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถเป็นได้ทั้งเพื่อนซี้ยามซ้อมและอาวุธคู่ใจบนเวที Yamaha FX370C ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวและคุ้มค่ามาก ๆ ครับ
คะแนนที่ได้
8.7/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบเสียงเปล่ามากครับ ดังดี ตีคอร์ดมันส์สะใจ พอต่อแอมป์เสียงก็ยังดีอยู่ คุ้มครับ” – บอย, อายุ 30
“เป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าตัวแรกเลยค่ะ ตอนแรกกลัวว่าจะใหญ่ไป แต่พอได้ลองแล้วเล่นไม่ยากเลย ส่วนเว้าช่วยได้เยอะมากค่ะ” – นุ่น, อายุ 27
6. CRAFTER STG G-27CE ★★★★☆
“สวยงามทั้งเสียงและรูปลักษณ์ ไม้หน้า Solid Engelmann Spruce พร้อมภาคไฟฟ้าเสียงใส”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงแบรนด์จากเกาหลีที่สร้างชื่อเสียงในบ้านเรามาอย่างยาวนานอย่าง Crafter กันบ้างครับ สำหรับ CRAFTER STG G-27CE ตัวนี้เป็นกีต้าร์ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของ “ความสวยงาม” และ “คุณภาพเสียง” ที่เกินราคาไปมากครับ ใครที่กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่ไม่ได้มีดีแค่เสียง แต่ยังต้องมีหน้าตาที่หล่อเหลา ถือไปไหนก็มีแต่คนทัก ผมว่าตัวนี้ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ มันมาในทรง Grand Auditorium ที่ให้บาลานซ์เสียงที่ดีเยี่ยม เล่นได้ดีทั้งตีคอร์ดและฟิงเกอร์สไตล์ บวกกับการตกแต่งที่ดูหรูหรา ไม่ว่าจะเป็น Inlay ที่ฟิงเกอร์บอร์ด หรือ Rosette รอบ ๆ Soundhole ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่น่ามองและน่าเล่นในเวลาเดียวกันครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Grand Auditorium Cutaway
- ไม้หน้า: Solid Engelmann Spruce (ไม้แท้)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: Macassar Ebony
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ภาคไฟฟ้า: S-1 Pro Sound-Hole Mount Preamp
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, Tone, Phase
- การตกแต่ง: STG G-27 Inlay, Abalone Rosette
รีวิวแบบเจาะลึก
ความลับของเสียงอันไพเราะใน CRAFTER STG G-27CE อยู่ที่การเลือกใช้ไม้หน้าเป็น “Solid Engelmann Spruce” ครับ ซึ่งแตกต่างจาก Sitka Spruce ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ไม้ Engelmann Spruce จะให้คาแรคเตอร์เสียงที่หวานกว่า นุ่มนวลกว่า และตอบสนองต่อการสัมผัสที่แผ่วเบาได้ดีกว่า ทำให้มันเหมาะมาก ๆ กับการเล่นแนวฟิงเกอร์สไตล์หรือเพลงบรรเลงที่ต้องการความชัดเจนของโน้ตแต่ละตัว เมื่อรวมกับไม้ข้างและหลังที่เป็น Macassar Ebony ซึ่งให้เสียงเบสที่กระชับและเสียงแหลมที่ใสเป็นประกาย ทำให้ซาวด์โดยรวมของกีต้าร์ตัวนี้มีความซับซ้อนและน่าค้นหามากครับ มันเป็นกีต้าร์ที่ยิ่งเล่นก็จะยิ่งค้นพบมิติใหม่ ๆ ของเสียงอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับคนที่กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเล่นและแต่งเพลงใหม่ ๆ ครับ การเลือกกีต้าร์ที่มีคุณภาพเสียงที่ดีนั้นสำคัญมาก เพราะมันจะทำให้การเล่นดนตรีเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ
ในส่วนของภาคไฟฟ้า รุ่นนี้เลือกใช้ปรีแอมป์แบบ Sound-Hole Mount รุ่น S-1 Pro ซึ่งเป็นปรีแอมป์ที่ติดตั้งอยู่ด้านในช่องเสียง ทำให้ไม่ต้องเจาะไม้ข้างของกีต้าร์ ช่วยรักษาสภาพอคูสติกของตัวกีต้าร์ไว้ได้อย่างเต็มที่ครับ แม้ว่าฟังก์ชันการปรับแต่งจะมีแค่ Volume และ Tone แต่ก็ให้เสียงที่ออกมาเป็นธรรมชาติมาก ๆ เพราะมันจับการสั่นสะเทือนของไม้หน้าโดยตรง ไม่ได้พึ่งพาแค่ Piezo ใต้แซดเดิ้ลเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Phase ที่ช่วยลดปัญหาเสียงหอนเวลาเล่นในที่ดัง ๆ ได้อีกด้วยครับ ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและสเปกไม้ที่ให้เสียงคุณภาพสูง CRAFTER STG G-27CE จึงเป็นกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับผู้เล่นระดับกลางที่ต้องการอัพเกรดกีต้าร์ของตัวเองให้มีคุณภาพสูงขึ้นทั้งในด้านเสียงและการออกแบบ โดยที่ไม่ต้องจ่ายในราคาที่สูงเกินไปครับ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“สวยมากครับตัวนี้ งานละเอียด เสียงหวานมาก เล่นฟิงเกอร์สไตล์เพราะสุด ๆ ครับ” – วิน, อายุ 29
“ตอนแรกซื้อเพราะสวย แต่พอได้ลองเล่นแล้วเสียงดีกว่าที่คิดอีกค่ะ ภาคไฟฟ้าก็ให้เสียงเป็นธรรมชาติมาก” – มิ้นท์, อายุ 32
7. Nashville D-701E ★★★☆☆
“โปร่งไฟฟ้า Solid Top สุดคุ้มค่า เสียงดีเกินราคา พร้อมลุยด้วยภาคไฟฟ้า Fishman”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าที่ได้ไม้หน้าแท้ (Solid Top) และมาพร้อมภาคไฟฟ้าที่ไว้ใจได้ แบรนด์ Nashville ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ และรุ่น Nashville D-701E ก็คือหนึ่งในรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ มันเป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับคำถามที่ว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ในงบที่ไม่สูงมาก แต่ยังได้สเปกที่พร้อมใช้งานจริงจัง ทั้งการเล่นเปล่า ๆ ที่บ้าน หรือจะเอาไปเล่นเปิดหมวก ต่อแอมป์เล็ก ๆ ก็ทำได้สบาย ๆ ด้วยไม้หน้า Solid Spruce ทำให้เสียงเปล่าของมันมีความกังวานและพัฒนาการของเสียงที่ดีกว่ากีต้าร์ไม้ลามิเนตทั้งตัวในระดับราคาเดียวกันอย่างเห็นได้ชัดครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Dreadnought Cutaway
- ไม้หน้า: Solid Spruce (ไม้แท้)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: มะฮอกกานี (Mahogany)
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ภาคไฟฟ้า: Fishman Isys T
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, Contour, Phase, Tuner
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดแข็งที่สุดของ Nashville D-701E คือการให้สเปกที่ “คุ้มค่า” ครับ การได้กีต้าร์ไม้หน้าแท้ (Solid Top) ในระดับราคานี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ซึ่งไม้หน้าแท้นี้เองที่เป็นตัวกำหนดคุณภาพเสียงหลัก ๆ ของกีต้าร์โปร่ง มันช่วยให้กีต้าร์มีเสียงที่เปิด กังวาน และมีไดนามิกที่ดีกว่าไม้ลามิเนตอย่างชัดเจน เสียงของ D-701E จะออกไปทางสว่าง พุ่ง และดัง เหมาะกับการเล่นตีคอร์ดเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อรวมกับภาคไฟฟ้าจากแบรนด์ดังอย่าง Fishman รุ่น Isys T ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการ ก็ยิ่งทำให้กีต้าร์ตัวนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกครับ ตัวปรีแอมป์ Fishman ใช้งานง่าย มีปุ่มปรับหลัก ๆ คือ Volume และ Contour (ซึ่งจะทำหน้าที่คล้าย ๆ การปรับ Mid-scoop คือลดเสียงกลางเพื่อทำให้เสียงเบสและแหลมเด่นขึ้น) พร้อมปุ่ม Phase แก้เสียงหอน และที่สำคัญคือมีจูนเนอร์ในตัวมาให้ด้วย ซึ่งสะดวกมาก ๆ สำหรับมือใหม่ที่ไม่ต้องไปหาซื้อจูนเนอร์แยกครับ
แน่นอนว่าในระดับราคานี้ เราอาจจะไม่ได้คาดหวังงานประกอบที่เนี๊ยบกริบทุกกระเบียดนิ้วเหมือนกีต้าร์แบรนด์ใหญ่ราคาสูง แต่โดยรวมแล้ว Nashville D-701E ก็ทำออกมาได้ดีเกินมาตรฐานครับ มันเป็นกีต้าร์ที่แข็งแรงและพร้อมใช้งานได้ทันที อาจจะต้องมีการนำไปให้ช่าง Set up ปรับ Action เล็กน้อยเพื่อให้เล่นง่ายขึ้น แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของการซื้อกีต้าร์ในทุกระดับราคาครับ สรุปแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ เป็นมือใหม่ที่กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นโปร่งไฟฟ้าตัวแรกที่สามารถใช้งานได้จริงทั้งเล่นเปล่าและต่อแอมป์ โดยมีงบประมาณที่จำกัดและต้องการความคุ้มค่าสูงสุด Nashville D-701E คือตัวเลือกที่ผมกล้าแนะนำเลยครับ มันเป็นกีต้าร์ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้และสนุกไปกับการเล่นดนตรีได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณที่บานปลายครับ
คะแนนที่ได้
8.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“คุ้มมากครับราคานี้ ได้ไม้หน้าแท้ด้วย เสียงดังดี ต่อแอมป์ก็ใช้ได้เลย มีจูนเนอร์ในตัวอีก” – เอก, อายุ 25
“ซื้อมาหัดเล่นค่ะ อยากได้ตัวที่มีภาคไฟฟ้าไว้เผื่อเล่นกับเพื่อน ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์มาก ไม่แพงและเสียงดีค่ะ” – พลอย, อายุ 22
8. CRAFTER GRAND MINO ALL KOA ★★★☆☆
“อัญมณีไซส์เล็กจากไม้โคอะทั้งตัว เสียงหวานใส พกพาง่าย ดีไซน์งามหยด”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับนักเดินทางหรือคนที่ชอบกีต้าร์ไซส์เล็กที่พกพาสะดวก แต่ยังให้เสียงคุณภาพสูง และกำลังตั้งคำถามว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์นี้ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับ CRAFTER GRAND MINO ALL KOA เลยครับ นี่คือกีต้าร์ที่ไม่ได้มีดีแค่ขนาดที่กะทัดรัด แต่ยังมาพร้อมกับความพิเศษของวัสดุที่ใช้ คือการทำจากไม้โคอะ (Koa) ทั้งตัว! ซึ่งไม้โคอะเป็นไม้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก มีต้นกำเนิดจากฮาวาย ให้ลายไม้ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และให้คาแรคเตอร์เสียงที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร คือมีความหวานใสในย่านเสียงแหลม และมีเสียงกลางที่คมชัด ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่เหมาะมากกับการเล่นโซโล่หรือฟิงเกอร์สไตล์ครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Grand Mino (Travel Size)
- ไม้หน้า/ข้าง/หลัง: โคอะ (Koa)
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ภาคไฟฟ้า: S-1 Preamp (บางล็อต)
- จุดเด่น: ขนาดเล็กพกพาสะดวก, ทำจากไม้โคอะทั้งตัว, เสียงหวานใส, ดีไซน์สวยงาม
รีวิวแบบเจาะลึก
เสน่ห์ของ CRAFTER GRAND MINO ALL KOA อยู่ที่ “ไม้โคอะ” อย่างไม่ต้องสงสัยครับ ไม้ชนิดนี้มีความพิเศษตรงที่ในช่วงแรก ๆ เสียงอาจจะยังไม่เปิดเต็มที่ แต่เมื่อเราเล่นไปเรื่อย ๆ (break-in) ย่านเสียงกลางจะค่อย ๆ พัฒนาให้มีความอุ่นและซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่เสียงแหลมก็จะยังคงความหวานใสเป็นประกายเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นไม้ที่ให้โทนเสียงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างไม้มะฮอกกานีและไม้เมเปิ้ล ทำให้ได้ทั้งความอุ่นและความสว่างในตัวเดียวครับ การนำไม้โคอะมาทำกีต้าร์ทั้งตัวในทรง Grand Mino ที่มีขนาดเล็ก ทำให้ได้กีต้าร์ที่มีเสียงโฟกัสและคมชัดมาก ๆ ทุกโน้ตที่เราเล่นจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอาการบวมเบลอของเสียงเบสที่มากเกินไป ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักเล่นฟิงเกอร์สไตล์หลายคนตามหา และเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคำถาม กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี สำหรับการเล่นแนวนี้โดยเฉพาะ
นอกเหนือจากเสียงแล้ว ขนาดที่เล็กของมันก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากครับ มันทำให้ CRAFTER GRAND MINO เป็นกีต้าร์ที่เหมาะจะพกไปเที่ยว ไปแคมป์ปิ้ง หรือแม้กระทั่งเอาไว้เล่นสบาย ๆ บนโซฟาที่บ้านได้อย่างไม่เกะกะ สำหรับผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงหรือเด็กที่อาจจะรู้สึกว่ากีต้าร์ทรง Dreadnought ใหญ่เกินไป ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเช่นกันครับ ในด้านการออกแบบก็ต้องยอมรับว่า Crafter ทำออกมาได้สวยงามมาก ๆ ลายไม้ของโคอะนั้นมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้ว และเมื่อรวมกับการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ดูดี ก็ทำให้กีต้าร์ตัวนี้ดูเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อคือเรื่องของภาคไฟฟ้าครับ เพราะไม่ใช่ทุกล็อตการผลิตที่จะมีปรีแอมป์ติดตั้งมาให้ แต่ถึงแม้จะเป็นเวอร์ชันที่ไม่มีภาคไฟฟ้า มันก็ยังคงเป็นกีต้าร์โปร่งไซส์เล็กที่ให้เสียงและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ อยู่ดีครับ
คะแนนที่ได้
8.1/10
รีวิวสั้น ๆ
“ตัวเล็กแต่เสียงไม่เล็กเลยครับ เสียงใสมาก เล่นเกามันส์สุด ๆ พกไปเที่ยวตลอดเลย” – ท็อป, อายุ 33
“หลงรักลายไม้โคอะเลยค่ะ สวยมาก ๆ ขนาดกำลังดีสำหรับผู้หญิงเลย เล่นง่ายเสียงเพราะค่ะ” – กิ๊ฟ, อายุ 28
9. Nashville Acoustic Electric GA-R10N/EQ ★★★☆☆
“โปร่งไฟฟ้าสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างแท้จริง ฟังก์ชันครบในราคาสบายกระเป๋า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษา หรือมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นและมีงบประมาณที่จำกัดมาก ๆ แต่ก็ยังอยากได้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าไว้ใช้งาน และกำลังสับสนว่าจะเลือก กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าที่สุดในงบเริ่มต้น ผมขอแนะนำ Nashville Acoustic Electric GA-R10N/EQ ครับ รุ่นนี้คือคำจำกัดความของคำว่า “คุ้มค่า” อย่างแท้จริง เพราะในราคาที่ไม่สูงเลย เพื่อน ๆ จะได้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าทรง Grand Auditorium ที่เล่นง่าย มาพร้อมภาคไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันครบครัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ สำหรับการเรียนรู้และฝึกฝนการเล่นกีต้าร์ทั้งแบบอคูสติกและแบบต่อแอมป์ครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Grand Auditorium Cutaway
- ไม้หน้า: ลินเด็น (Linden)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: ลินเด็น (Linden)
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ภาคไฟฟ้า: EQ-505
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, Bass, Middle, Treble, Presence, Battery Check
รีวิวแบบเจาะลึก
ต้องยอมรับว่าในระดับราคานี้ Nashville GA-R10N/EQ ให้ฟังก์ชันมาแบบจัดเต็มมากครับ โดยเฉพาะภาคไฟฟ้า EQ-505 ที่ให้ปุ่มปรับ EQ มาถึง 4 แบนด์ (Bass, Middle, Treble, Presence) ซึ่งมากกว่าปรีแอมป์ในกีต้าร์ที่ราคาสูงกว่าบางรุ่นด้วยซ้ำ ทำให้เราสามารถปรับแต่งซาวด์เวลาต่อแอมป์ได้อย่างละเอียดมาก ๆ อยากได้เสียงทุ้มหนา ๆ หรือเสียงแหลมใส ๆ ก็หมุนปรับกันได้ตามใจชอบเลยครับ นี่เป็นข้อดีอย่างมากสำหรับมือใหม่ที่กำลังเรียนรู้เรื่องการปรับซาวด์กีต้าร์ครับ ทรงกีต้าร์แบบ Grand Auditorium ก็เป็นทรงที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย เพราะมีขนาดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทรง Dreadnought ที่ใหญ่และทรง Parlor ที่เล็ก ทำให้โอบกระชับและเล่นได้สบาย ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนเล่นก็ตามครับ
แน่นอนว่าด้วยราคาที่ย่อมเยาขนาดนี้ กีต้าร์ตัวนี้จึงทำมาจากไม้ลามิเนตทั้งตัว (ไม้หน้า, ข้าง, และหลังเป็นไม้ Linden) ซึ่งหมายความว่าเสียงเปล่าของมันอาจจะไม่ได้มีความกังวานหรือมิติความลึกเท่ากับกีต้าร์ที่ใช้ไม้หน้าแท้ (Solid Top) และคุณภาพของเสียงที่ออกจากภาคไฟฟ้าก็อาจจะยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าปรีแอมป์จากแบรนด์ดัง ๆ อย่าง Fishman หรือ L.R. Baggs แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักครับ เพราะเป้าหมายของกีต้าร์ตัวนี้คือการเป็น “เครื่องมือ” สำหรับการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในงบที่จำกัด มันเป็นกีต้าร์ที่พร้อมให้คุณฝึกซ้อมจับคอร์ด ตีเพลงง่าย ๆ และทดลองเล่นกับแอมป์ได้โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ ดังนั้น ถ้าเพื่อน ๆ เป็นมือใหม่ที่กำลังค้นหาว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะใช้เป็นบันไดขั้นแรกในการเข้าสู่โลกของดนตรี Nashville GA-R10N/EQ คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์และจะไม่ทำให้กระเป๋าฉีกอย่างแน่นอนครับ
คะแนนที่ได้
7.9/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อมาหัดเล่นครับ ราคาถูกมาก แต่มีภาคไฟฟ้าให้ด้วย คุ้มสุด ๆ แล้วครับสำหรับมือใหม่” – เจมส์, อายุ 19
“ลูกสาวอยากได้กีต้าร์ไฟฟ้า เลยหาตัวที่ไม่แพงให้ลองก่อนค่ะ ตัวนี้โอเคเลย ฟังก์ชันครบดีค่ะ” – พี่กิ๊ก, อายุ 42
10. CRAFTER STG G-18CE ★★★☆☆
“มาตรฐานที่ไว้ใจได้จาก Crafter ไม้หน้าแท้ เสียงสมดุล พร้อมภาคไฟฟ้าและจูนเนอร์ในตัว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายลิสต์ของเราด้วยอีกหนึ่งรุ่นคุณภาพจาก Crafter ครับ สำหรับ CRAFTER STG G-18CE ตัวนี้เปรียบเสมือนกีต้าร์ “สามัญประจำบ้าน” สำหรับผู้เล่นระดับกลางเลยก็ว่าได้ครับ มันเป็นกีต้าร์ที่ไม่มีอะไรหวือหวาเป็นพิเศษ แต่ทุกอย่างที่ให้มานั้น “ดีและใช้งานได้จริง” ทั้งหมดครับ มันเป็นคำตอบที่ปลอดภัยและไว้ใจได้สำหรับคนที่มองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นไม้หน้าแท้ (Solid Top) และมีภาคไฟฟ้าที่ครบเครื่องพร้อมจูนเนอร์ในตัว สามารถใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่การซ้อมในห้องนอนไปจนถึงการแสดงสดบนเวทีเล็ก ๆ ครับ ด้วยมาตรฐานการผลิตของ Crafter ทำให้ได้กีต้าร์ที่งานประกอบดีและให้เสียงที่สมดุลน่าฟังครับ
สเปกเด่น
- รูปทรง: Grand Auditorium Cutaway
- ไม้หน้า: Solid Spruce (ไม้แท้)
- ไม้ข้างและไม้หลัง: มะฮอกกานี (Mahogany)
- คอ: มะฮอกกานี (Mahogany)
- ภาคไฟฟ้า: CR-T NV (LCD Tuner) Preamp
- ฟังก์ชันภาคไฟฟ้า: Volume, 4-band EQ, Phase, Tuner
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ CRAFTER STG G-18CE คือความ “สมดุล” ครับ การจับคู่ไม้หน้า Solid Spruce กับไม้ข้างและหลังที่เป็นมะฮอกกานีในทรง Grand Auditorium เป็นสูตรสำเร็จที่ให้เสียงกลมกล่อมมาก ๆ ครับ เสียงเบสมีความพอดี ไม่ได้ใหญ่โตจนไปกวนย่านอื่น เสียงกลางมีความชัดเจน และเสียงแหลมก็มีความใส ทำให้มันเป็นกีต้าร์ที่เล่นได้ดีในทุก ๆ สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการตีคอร์ดหนัก ๆ หรือการเล่นฟิงเกอร์ปิ๊กกิ้งที่ต้องการความชัดเจนของโน้ต มันอาจจะไม่ได้มีคาแรคเตอร์เสียงที่จัดจ้านหรือโดดเด่นเป็นพิเศษไปทางใดทางหนึ่ง แต่มันเป็นเสียงที่ “ฟังง่าย” และสามารถนำไปใช้ได้กับเพลงแทบทุกแนวครับ นี่คือคุณสมบัติของกีต้าร์ที่ดีที่สามารถเป็นเครื่องมือคู่ใจให้กับนักดนตรีได้ในระยะยาว
ภาคไฟฟ้าที่ให้มาเป็นรุ่น CR-T NV ซึ่งเป็นปรีแอมป์ของ Crafter เอง ก็มีฟังก์ชันที่ครบถ้วนมาก ๆ ครับ ให้ EQ มาถึง 4 แบนด์ (Bass, Middle, Treble, Presence) มีปุ่ม Phase และที่สำคัญคือมีจูนเนอร์แบบจอ LCD ที่สว่างและอ่านง่ายติดตั้งมาให้ด้วย ทำให้การใช้งานบนเวทีสะดวกสบายมาก ๆ ครับ โดยรวมแล้ว CRAFTER STG G-18CE อาจจะไม่ได้เป็นกีต้าร์ที่ทำให้คุณต้องร้องว้าวในครั้งแรกที่เห็นหรือได้ยิน แต่มันเป็นกีต้าร์ประเภท “ม้ามืด” ที่ยิ่งเล่นก็จะยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องมือที่ไว้ใจได้ มันทำหน้าที่ของมันได้ดีในทุก ๆ ส่วนโดยไม่มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน ดังนั้น หากเพื่อน ๆ กำลังมองหา กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน CRAFTER STG G-18CE ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
คะแนนที่ได้
7.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“เป็นกีต้าร์ที่เสียงกลาง ๆ ดีครับ เล่นได้ทุกแนวเลย ภาคไฟฟ้าก็ใช้งานง่ายดี มีจูนเนอร์ในตัวสะดวกมาก” – โอ๊ต, อายุ 34
“งานดีตามสไตล์ Crafter เลยค่ะ เสียงสมดุลดี เล่นง่ายไม่เจ็บมือเลยค่ะ” – ใบเตย, อายุ 29
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: อะไรคือหัวใจของกีต้าร์โปร่งที่ดี?
เมื่อเราพูดคุยกับเหล่าช่างทำกีต้าร์ (Luthier) และนักดนตรีอาชีพเกี่ยวกับคำถามที่ว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี คำตอบที่ได้มักจะไม่ได้ชี้ไปที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งโดยตรง แต่จะมุ่งไปที่ “องค์ประกอบพื้นฐาน” ที่สร้างกีต้าร์ที่ดีขึ้นมาครับ นิตยสาร Acoustic Guitar Magazine เคยกล่าวไว้ว่า:
“หัวใจของกีต้าร์โปร่งไม่ได้อยู่ที่โลโก้บนหัวกีต้าร์ แต่อยู่ที่การสั่นสะเทือนของแผ่นไม้หน้า (Top Wood) และความสามารถในการถ่ายทอดการสั่นสะเทือนนั้นออกมาเป็นเสียงที่ไพเราะจับใจผู้ฟัง”
จากคำกล่าวนี้ เราจะเห็นได้ว่า “ไม้” คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคาแรคเตอร์เสียงของกีต้าร์โปร่งแต่ละตัวครับ
ศาสตร์แห่งไม้ (Tonewoods) และผลกระทบต่อเสียง
การเลือก กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี จึงหนีไม่พ้นเรื่องการทำความเข้าใจชนิดของไม้ที่แตกต่างกันครับ
- ไม้สปรูซ (Spruce): โดยเฉพาะ Sitka Spruce และ Engelmann Spruce เป็นไม้หน้าที่นิยมใช้มากที่สุด ให้เสียงที่สว่าง พุ่ง มีไดนามิกที่กว้าง ตอบสนองได้ดีทั้งการดีดเบาและแรง เป็นไม้ที่สมดุลและใช้งานได้หลากหลายแนวเพลง เหมือนที่เราเห็นในรุ่น Yamaha F310 หรือ Blueridge BR-140
- ไม้มะฮอกกานี (Mahogany): ให้เสียงที่อุ่น มีความเป็น “ไม้” สูง เน้นย่านเสียงกลางที่ชัดเจนและมีเบสที่นุ่มนวล ไม่ได้ดังกระหึ่มเท่าสปรูซ แต่ให้ซาวด์ที่วินเทจและเหมาะกับเพลงบลูส์หรือโฟล์คมาก ๆ ครับ
- ไม้โรสวูด (Rosewood): เป็นไม้ที่ให้เสียงที่ซับซ้อนและมีมิติมากที่สุด ให้ย่านเสียงที่กว้าง ตั้งแต่เบสที่ลึกไปจนถึงแหลมที่ใสเป็นประกายเหมือนแก้ว มักจะพบในกีต้าร์ราคาสูง
- ไม้โคอะ (Koa): เป็นไม้ที่สวยงามและให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีความสว่างของเสียงแหลมคล้ายเมเปิ้ล แต่ก็มีความอุ่นของเสียงกลางแบบมะฮอกกานีผสมอยู่ด้วย และเสียงจะยิ่งดีขึ้นเมื่อเล่นไปนาน ๆ ดังที่เห็นในรุ่น CRAFTER GRAND MINO ALL KOA
Solid Top vs. All Solid: การลงทุนที่แตกต่าง
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันว่า การลงทุนในกีต้าร์ “Solid Top” (ไม้หน้าแท้) คือจุดเริ่มต้นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้เล่นที่จริงจัง เพราะไม้หน้าแท้สามารถสั่นสะเทือนและพัฒนาเสียงได้ดีกว่าไม้ลามิเนตอย่างมหาศาล แต่สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ขั้นสูงสุด การเลือกกีต้าร์ “All Solid” (ไม้แท้ทั้งตัว) อย่าง Blueridge BR-140 จะให้เสียงที่มีความกังวาน ความซับซ้อน และหางเสียง (Sustain) ที่ยาวนานกว่าอย่างเทียบไม่ติดครับ
บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS
“การเลือก กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ในปี 2025 คือการหาความสมดุลระหว่าง ‘คุณภาพของไม้’ ที่ให้เสียงที่เราชอบ, ‘ความรู้สึกในการเล่น’ (Playability) ที่เข้ากับสรีระของเรา, และ ‘ฟังก์ชันเสริม’ อย่างภาคไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของเราครับ อย่าเพิ่งยึดติดกับแบรนด์ แต่ให้ความสำคัญกับเสียงและความรู้สึกเมื่อได้ลองเล่น แล้วคุณจะเจอกีต้าร์ที่เป็น ‘เนื้อคู่’ ของคุณอย่างแน่นอน”
เคล็ดลับการเลือกซื้อกีต้าร์โปร่งให้เหมือนมีเพื่อนซี้ไปช่วยเลือก
การเดินเข้าไปในร้านกีต้าร์อาจทำให้หลายคนรู้สึกประหม่าได้ง่าย ๆ ครับ แต่ไม่ต้องกังวลไป! ผมมีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้การตัดสินใจเลือก กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ของเพื่อน ๆ ง่ายและแม่นยำขึ้นครับ
- กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน: ตั้งงบในใจไว้ก่อนว่าจะจ่ายไม่เกินเท่าไหร่ จะช่วยให้เราจำกัดตัวเลือกให้แคบลงและไม่บานปลายครับ แต่อย่าลืมเผื่องบสำหรับอุปกรณ์เสริมจำเป็น เช่น กระเป๋า, จูนเนอร์, และขาตั้งด้วยนะครับ
- รูปทรงไหนที่ใช่สำหรับเรา?: ลองนึกภาพสไตล์การเล่นที่เราชอบครับ
- Dreadnought (ทรง D): เหมาะกับการตีคอร์ด ร้องเพลง ให้เสียงดัง กังวาน เบสแน่น เช่น Yamaha F310
- Auditorium / Grand Auditorium (ทรง GA): เป็นทรงที่สมดุลมาก ๆ เล่นได้ดีทั้งตีคอร์ดและปิ๊กกิ้ง ขนาดกำลังดี เช่น CRAFTER STG G-27CE
- Thinline / Travel Size: เหมาะกับการพกพาหรือแสดงสด บอดี้บาง เล่นง่าย คล่องตัว เช่น Yamaha APX600 หรือ CRAFTER GRAND MINO
- “ลองเล่น” คือคำตอบสุดท้าย: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดครับ ต่อให้สเปกจะดีแค่ไหน แต่ถ้าลองเล่นแล้วไม่เข้ามือก็จบครับ ลองจับคอ ลองดีดสายเปล่า ลองเล่นคอร์ดง่าย ๆ ที่เราเล่นเป็น ดูว่ารู้สึกสบายมือไหม แอคชั่น (ความสูงของสาย) สูงไปจนเจ็บนิ้วหรือเปล่า และที่สำคัญคือ “เราชอบเสียงของมันไหม?”
- โปร่งธรรมดา หรือ โปร่งไฟฟ้า?: ถามตัวเองว่าเรามีแผนจะนำกีต้าร์ไปเล่นต่อแอมป์ในอนาคตหรือไม่ ถ้ามี การลงทุนซื้อกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าไปเลยตั้งแต่แรกก็จะคุ้มค่ากว่า ไม่ต้องมาเจาะติดตั้งภาคไฟฟ้าทีหลังซึ่งอาจมีผลกับเสียงของกีต้าร์ได้ครับ
- อย่ามองข้ามกีต้าร์มือสอง: สำหรับคนที่มีงบจำกัด ตลาดกีต้าร์มือสองเป็นขุมทรัพย์ที่ดีมากครับ เราอาจจะได้กีต้าร์รุ่นที่สูงกว่าในราคาที่เท่ากัน แต่อย่าลืมตรวจสอบสภาพให้ดี โดยเฉพาะเรื่องคอที่ต้องตรง ไม่โก่ง และไม่มีรอยแตกที่โครงสร้างหลักครับ
การดูแลรักษากีต้าร์โปร่งคู่ใจให้อยู่กับเราไปนาน ๆ
เมื่อเราได้คำตอบแล้วว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจของเรา การดูแลรักษามันให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้มันยังคงสภาพดีและให้เสียงที่ไพเราะไปอีกนานแสนนานครับ
- ควบคุมความชื้น: ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้น ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของกีต้าร์ไม้ครับ พยายามเก็บกีต้าร์ไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนหรือชื้นจนเกินไป การเก็บไว้ในเคสพร้อมกับซองดูดความชื้น (Silica Gel) จะช่วยได้มากครับ
- ทำความสะอาดสม่ำเสมอ: หลังเล่นเสร็จทุกครั้ง ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่แห้งและนุ่มเช็ดทำความสะอาดบริเวณสายและฟิงเกอร์บอร์ดเพื่อกำจัดคราบเหงื่อไคล ซึ่งเป็นสาเหตุของสนิมบนสายและสิ่งสกปรกบนฟิงเกอร์บอร์ดครับ
- เปลี่ยนสายเมื่อถึงเวลา: เมื่อรู้สึกว่าเสียงกีต้าร์เริ่มทึบ ไม่ใสเหมือนเดิม หรือสายเริ่มมีสนิมขึ้น ก็ได้เวลาเปลี่ยนสายชุดใหม่แล้วครับ การเปลี่ยนสายไม่เพียงแต่จะทำให้เสียงดีขึ้น แต่ยังช่วยให้เล่นง่ายขึ้นด้วยครับ
- ผ่อนสายเมื่อไม่เล่นนาน ๆ: หากรู้ตัวว่าจะไม่ได้เล่นกีต้าร์เป็นเวลานาน (หลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน) ควรผ่อนสายลงเล็กน้อย (ประมาณ 1 รอบ) เพื่อลดแรงตึงที่กระทำต่อคอกีต้าร์ จะช่วยป้องกันปัญหาคอโก่งในระยะยาวได้ครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- ถาม: กีต้าร์ Solid Top (ไม้หน้าแท้) ดีกว่ากีต้าร์ Laminate (ไม้อัด) อย่างไร?
ตอบ: ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญครับ ไม้หน้าแท้สามารถสั่นสะเทือนได้อย่างอิสระ ทำให้เสียงมีความกังวาน ดัง และมีมิติมากกว่า นอกจากนี้เสียงของมันยังสามารถ “พัฒนา” หรือ “เปิด” ให้ดีขึ้นได้ตามกาลเวลาที่เราเล่นมันไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม้ลามิเนตไม่สามารถทำได้ครับ - ถาม: จำเป็นต้องนำกีต้าร์ที่ซื้อมาใหม่ไป Set up หรือไม่?
ตอบ: แนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ กีต้าร์ส่วนใหญ่ที่มาจากโรงงานมักจะตั้งค่า Action (ความสูงของสาย) มาค่อนข้างสูงเพื่อให้รองรับสไตล์การเล่นที่หลากหลาย การนำไปให้ช่างผู้ชำนาญ Set up ปรับระดับความสูงของสายและปรับคอให้ตรง จะทำให้กีต้าร์เล่นง่ายขึ้นมาก ๆ ลดอาการเจ็บนิ้วสำหรับมือใหม่ และทำให้เราเล่นได้คล่องขึ้นครับ - ถาม: กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าเสียงเปล่าจะสู้กีต้าร์โปร่งธรรมดาในราคาเท่ากันได้ไหม?
ตอบ: โดยทั่วไปแล้วไม่ได้ครับ เพราะงบประมาณส่วนหนึ่งของกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าต้องถูกแบ่งไปให้กับภาคไฟฟ้า (ปรีแอมป์และปิ๊กอัพ) ทำให้ในระดับราคาที่เท่ากัน กีต้าร์โปร่งธรรมดามักจะได้สเปกไม้หรือคุณภาพงานประกอบที่ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้เสียงเปล่าดีกว่าครับ ดังนั้นถ้าคุณมั่นใจว่าจะไม่ได้เล่นต่อแอมป์แน่นอน การเลือกกีต้าร์โปร่งธรรมดาจะให้เสียงเปล่าที่คุ้มค่ากว่าครับ - ถาม: ระหว่างทรง Dreadnought กับทรง GA (Grand Auditorium) ควรเลือกทรงไหนดี?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของคุณครับ ถ้าคุณเป็นสายตีคอร์ด ร้องเพลง ชอบเสียงดัง ๆ เบสแน่น ๆ ทรง Dreadnought คือคำตอบ แต่ถ้าคุณเล่นหลากหลายสไตล์ ชอบเล่นทั้งตีคอร์ดและฟิงเกอร์สไตล์ หรือต้องการกีต้าร์ที่ขนาดกำลังดีไม่ใหญ่เกินไป ทรง GA จะเป็นตัวเลือกที่สมดุลและยืดหยุ่นกว่าครับ
บทสรุป: ค้นหากีต้าร์โปร่งที่ “ใช่” สำหรับคุณในปี 2025
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของการค้นหาคำตอบว่า กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ที่สุดสำหรับเรานะครับ จากทั้ง 10 รุ่นที่เราได้รีวิวกันไป จะเห็นได้ว่ากีต้าร์แต่ละตัวก็มีจุดเด่นและคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีตัวไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่จะมีตัวที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับคน ๆ เดียวครับ หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การเล่น งบประมาณ หรือฟังก์ชันที่จำเป็น
สำหรับมือใหม่ที่ต้องการกีต้าร์คุณภาพดีตัวแรกที่ไว้ใจได้ Yamaha F310 ยังคงเป็นแชมป์ที่ยากจะโค่นลงได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบนวัตกรรมใหม่ ๆ และต้องการความทนทานไม่ต้องดูแลเยอะ Kazuki All Lite AS41C ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ ส่วนใครที่ต้องการยกระดับไปสู่เสียงของไม้แท้ All Solid ที่กังวานและมีชีวิตชีวา Blueridge BR-140 คือความคุ้มค่าที่คุณไม่ควรมองข้าม และสำหรับนักดนตรีสายเวทีที่ต้องการความคล่องตัวและภาคไฟฟ้าคุณภาพ Yamaha APX600 ก็พร้อมจะตอบโจทย์คุณในทุกการแสดงสดครับ
สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนซี้ที่ช่วยให้ข้อมูลและนำทางให้เพื่อน ๆ สามารถตัดสินใจเลือกซื้อ กีต้าร์โปร่ง ยี่ห้อไหนดี ได้ง่ายขึ้นและมั่นใจขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเล่นดนตรีและได้เจอกีต้าร์คู่ใจที่พร้อมจะสร้างสรรค์บทเพลงเพราะ ๆ ไปด้วยกันนะครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
- รายละเอียดเรื่องสเปกไม้, ภาคไฟฟ้า, หรือการรับประกัน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ทางการของ Yamaha, Blueridge, Crafter, หรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแต่ละแบรนด์อีกครั้งเพื่อความถูกต้องครับ
- คะแนน (เช่น 9.5/10 หรือ 8.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากสเปก, คุณภาพเสียง, ความรู้สึกในการเล่น, ราคา, และรีวิวจากผู้ใช้งานจริงประกอบกันครับ
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “นนท์, อายุ 24” หรือ “พี่จอย, อายุ 45”) เป็นตัวอย่างสมมุติ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานที่หลากหลายและเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้นครับ
- บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากสเปกและข้อมูลในตลาดช่วงต้นปี 2025 คุณสมบัติหรือราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ













