บทนำ
สวัสดีครับเพื่อนๆ! ยินดีต้อนรับเข้าสู่สมรภูมิสมาร์ทโฟนสุดเดือดครับ! ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่ขยันเปิดตัวมือถือใหม่จนเราตามแทบไม่ทัน แถมแต่ละรุ่นที่ออกมาก็ให้สเปกมาแบบ… “นี่พี่จะให้มาเยอะไปไหน!” ชื่อของ Redmi ต้องผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ในใจแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซีรีส์สร้างชื่ออย่าง “Redmi Note” ที่เปรียบเหมือน “ราชาแห่งความคุ้มค่า” ในทุกยุคทุกสมัยเลยก็ว่าได้ครับ และแน่นอนว่าพอเข้าสู่ปี 2025 คำถามสุดคลาสสิกก็กลับมาหลอกหลอนเราอีกครั้งว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นมือถือคู่ใจเครื่องใหม่ของเรา
ผมเข้าใจความรู้สึกปวดหัวนี้ดีครับ เพราะแค่เดินเข้าช็อปไปแป๊บเดียวก็เจอ Redmi Note 14, Note 14 Pro, Note 14 Pro+… ยังไม่นับรุ่นของปีที่แล้วอย่าง Note 13 Series ที่ราคาก็ดั๊มพ์ลงมาจนน่าสนใจสุดๆ อีก! แต่ละตัวก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป ตัวนั้นได้กล้องเทพ ตัวนี้ได้ชิปแรง ตัวนู้นชาร์จเร็วทะลุนรกแตก มันเลยเป็นเรื่องยากมากที่จะฟันธงว่าเราควรจะจบที่รุ่นไหนดี วันนี้ผมเลยอาสาเป็นเพื่อนซี้สายเทค ขันอาสาไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมด กลั่นกรอง สรุป และจัดอันดับ 5 รุ่นเด็ดที่ผมมองว่า “คุ้มที่สุด” และตอบโจทย์คนส่วนใหญ่มากที่สุดในปี 2025 นี้มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันแบบเจาะลึกทุกซอกทุกมุมครับ
บทความนี้เราจะไม่ได้มาดูแค่สเปกบนกระดาษ แต่เราจะมาวิเคราะห์กันเลยว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี สำหรับการใช้งานแบบไหน ใครเป็นสายเกมมิ่งที่ต้องการความลื่นไหล, ใครเป็นสายคอนเทนต์ที่เน้นกล้องสวยจอเทพ, หรือใครเป็นสายใช้งานทั่วไปที่ขอแค่แบตอึดๆ จอสวยๆ ในราคาสบายกระเป๋า… รับรองว่ามีคำตอบให้ครบครับ ถ้าเพื่อนๆ กำลังสงสัยว่า โทรศัพท์ Redmi ดีไหม เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ หรือแม้แต่คำถามที่ว่า Redmi vs Infinix ที่กำลังมาแรง อันไหนจะคุ้มกว่ากัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นแน่นอน และสำหรับใครที่อยากรู้ภาพรวมว่า โทรศัพท์ Redmi รุ่นไหนดี ที่สุดในทุกซีรีส์ เราก็มีบทความหลักให้อ่านเช่นกันครับ เอาล่ะ ถ้าพร้อมจะไปตะลุยดูกันแล้วว่า Redmi Note Series รุ่นไหนจะมาวินในปีนี้… ลุยกันเลยครับ!
จัดอันดับ 5 โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่สุดแห่งความคุ้มค่า อัปเดต 2025
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกทีละรุ่น ผมขอสรุปภาพรวมของทั้ง 5 อันดับมาให้ดูกันในรูปแบบตารางเปรียบเทียบก่อนเลยครับ เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจเบื้องต้นว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่สเปกโดนใจเพื่อนๆ มากที่สุด!
ตารางเปรียบเทียบสรุป 5 อันดับ โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี
1. Redmi Note 14 Pro+ ★★★★★
“ที่สุดของ Note! จอโค้งพรีเมียม กล้อง 200MP เทพสุดในซีรีส์ ชาร์จเร็วทะลุนรก!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
เปิดตัวมาอันดับ 1 แบบไม่มีข้อกังขากับ Redmi Note 14 Pro+ ครับ นี่คือรุ่นที่ Redmi จัดเต็มทุกอย่างที่เทคโนโลยีมือถือระดับกลางตอนบนพึงจะมีได้ ถ้าคุณเป็นคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่ให้ประสบการณ์ “เรือธง” ที่สุดในงบประมาณหมื่นต้นๆ ตัวนี้คือคำตอบครับ มันคือการยกระดับความพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นด้วยดีไซน์จอโค้ง 3D ที่สวยงาม หรูหราเกินราคาไปมาก แถมยังอัดสเปกมาแบบไม่กั๊ก ทั้งกล้อง 200MP ที่พัฒนาร่วมกับเซนเซอร์ใหม่, ชิปเซ็ตระดับท็อปของ MediaTek, และระบบชาร์จไว 120W HyperCharge ที่เร็วเหมือนโกหก เรียกว่าเป็น “ที่สุด” ของซีรีส์ Note ในปีนี้เลยครับ
สเปกเด่น
- หน้าจอ: จอโค้ง 3D AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220), 120Hz AdaptiveSync, ความสว่างสูงสุด 1800 nits
- ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9300+ (หรือรุ่นเทียบเคียง)
- RAM/ROM: 12GB/16GB (LPDDR5X) / 256GB/512GB (UFS 4.0)
- กล้องหลัง: 3 ตัว
- กล้องหลัก 200MP (เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3+ OIS)
- กล้อง Ultrawide 13MP
- กล้อง Macro 2MP (หรือ Telephoto)
- กล้องหน้า: 16MP
- แบตเตอรี่: 5,000 mAh, รองรับ 120W HyperCharge (ชาร์จ 0-100% ใน 19 นาที)
- ระบบปฏิบัติการ: Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- อื่นๆ: กันน้ำกันฝุ่น IP68, ลำโพงคู่ Stereo, สแกนนิ้วใต้จอ, กระจก Gorilla Glass Victus 2
รีวิวแบบเจาะลึก
ต้องบอกว่า Redmi Note 14 Pro+ คือการยกระดับคำว่า “มือถือระดับกลาง” ไปไกลมากครับ จุดที่สัมผัสได้ทันทีคือ “ดีไซน์และหน้าจอ” การใช้จอโค้ง 3D AMOLED ทำให้ตัวเครื่องดูหรูหราและจับถนัดมือมาก ขอบจอบางเฉียบจนแทบจะไร้ขอบ คุณภาพของจอแสดงผลก็สุดยอดครับ ความละเอียด 1.5K ทำให้ภาพคมกริบกว่า FHD+ ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเป็น 120Hz AdaptiveSync ที่ปรับรีเฟรชเรทตามการใช้งานช่วยประหยัดแบต ความสว่างสูงสุด 1800 nits ก็สู้แสงแดดจ้าๆ กลางแจ้งได้สบายหายห่วง การครอบทับด้วย Gorilla Glass Victus 2 ก็ช่วยให้มั่นใจเรื่องความทนทานได้ในระดับหนึ่งเลยครับ นี่คือจอที่ออกแบบมาเพื่อเสพคอนเทนต์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะดูหนัง Netflix หรือไถฟีด TikTok ก็ฟินสุดๆ ยิ่งถ้าได้จับคู่กับ หูฟังบลูทูธดีๆ สักตัวนี่คือโรงหนังส่วนตัวดีๆ นี่เองครับ
มาต่อกันที่ “ประสิทธิภาพ” ที่หลายคนจับตามองครับ การที่ Redmi Note 14 Pro+ เลือกใช้ชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง MediaTek Dimensity 9300+ (หรือชิปเรือธงรุ่นใหม่ในซีรีส์) ทำให้มันไม่ได้เป็นแค่มือถือที่สวยอย่างเดียว แต่ยัง “แรง” มากด้วย ชิปตัวนี้ให้ประสิทธิภาพที่สูงมาก ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมกราฟิกหนักๆ อย่าง Genshin Impact หรือ RoV แบบปรับสุด 120Hz ก็ทำได้สบายๆ ครับ นี่คือคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคนที่มองหา โทรศัพท์ Redmi เล่นเกมลื่น ในร่างพรีเมียม การที่ได้ RAM แบบ LPDDR5X และ ROM UFS 4.0 ก็ยิ่งตอกย้ำความเร็วแรงในการเปิดแอปและโหลดเกมเข้าไปอีก ผนวกกับระบบปฏิบัติการใหม่ Xiaomi HyperOS ที่เคลมว่าลื่นไหลและเสถียรขึ้นมาก ทำให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมมัน “สมูท” ไร้ที่ติจริงๆ
และแน่นอน “กล้อง” คือพระเอกของรุ่นนี้ครับ การที่ให้กล้องหลัก 200MP พร้อมระบบกันสั่น OIS มาในมือถือราคานี้ถือว่าบ้าพลังมาก เซนเซอร์ตัวใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Samsung ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด นอยส์ลดลง รายละเอียดคมชัดขึ้น การซูมแบบไม่เสียรายละเอียด (In-sensor Zoom) ก็ทำได้ดีขึ้นด้วย ทำให้ได้ภาพที่คมชัดแม้จะซูมระยะไกลก็ตาม สำหรับสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ นี่คือมือถือที่พร้อมจบงานหลังกล้องได้เลย ไม่ต้องแต่งภาพเยอะก็สวยแล้วครับ ถ้าคุณอยากรู้ วิธีถ่ายรูปสวยด้วย Redmi รุ่นนี้คือครูที่ดีที่สุดครับ แค่ยกขึ้นมากดถ่ายก็ได้ภาพที่น่าทึ่งแล้ว นอกจากนี้ การที่ได้มาตรฐานกันน้ำ IP68 ก็ทำให้เราอุ่นใจขึ้นมากเวลาเจอฝนหรือสถานการณ์ไม่คาดฝัน
ปิดท้ายด้วย “แบตเตอรี่และการชาร์จ” นี่คือจุดที่ Redmi Note Series ทำได้ดีมาตลอด และในรุ่น 14 Pro+ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ แบตเตอรี่ 5,000 mAh ใช้งานทั่วไปอยู่ได้เต็มวันสบายๆ แต่ไฮไลท์คือ 120W HyperCharge ครับ มันคือการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือถือไปเลย การชาร์จ 0-100% ในเวลาไม่ถึง 20 นาที (ประมาณ 19 นาทีตามที่เคลม) มันเร็วมากจนลืมไปเลยว่าต้องชาร์จแบตข้ามคืน ตื่นเช้ามาเสียบปลั๊กแป๊บเดียวตอนอาบน้ำแต่งตัว ก็พร้อมลุยได้ทั้งวันแล้วครับ สรุปสั้นๆ ถ้าคุณกำลังมองหา โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่เป็น “ที่สุด” ในทุกด้าน และมีงบประมาณหมื่นกลางๆ ตัวนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปี 2025 นี้ครับ
คะแนนที่ได้
9.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ตอนแรกใช้เรือธงแบรนด์อื่น พอลองเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้คือว้าวมากครับ จอสวย กล้องเทพ ชาร์จเร็วโคตรๆ ในราคาที่ถูกกว่าครึ่ง! คุ้มมากครับ” – อาร์ม, อายุ 32 (ฟรีแลนซ์)
“ชอบดีไซน์จอโค้งมากค่ะ เครื่องจริงสวยมาก ถือแล้วดูแพงเลย กล้อง 200MP ถ่ายรูปสนุกมาก ซูมแล้วยังชัดอยู่เลยค่ะ ถูกใจสายคอนเทนต์แบบเราสุดๆ” – มิ้นท์, อายุ 28 (บล็อกเกอร์)
2. Redmi Note 14 Pro ★★★★★
“ตัวคุ้มสายโปร! จอแบนคมกริบ ชิป Snapdragon ตัวแรง กล้องเทพ ในราคาสบายกระเป๋ากว่า!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอันดับ 2 ที่ผมขอยกให้เป็น “ขวัญใจสายเกมมิ่งและคนรักจอแบน” ครับ นั่นคือ Redmi Note 14 Pro! ถ้าเพื่อนๆ กำลังลังเลว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ระหว่างตัว Pro+ กับตัว Pro ผมบอกเลยว่าคู่นี้เลือกยากมาก ตัว Pro+ ได้ความหรูหราของจอโค้งและชาร์จ 120W แต่ Note 14 Pro ก็สวนกลับด้วย “ชิป Snapdragon” ตัวแรง (คาดว่าเป็น 8s Gen 3) ที่หลายคนใฝ่หา และ “หน้าจอแบน” ที่ตอบโจทย์การเล่นเกมมากกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องขอบจอโค้งที่อาจจะทัชลั่น แถมยังได้กล้องหลัก 200MP OIS ตัวเดียวกัน ในราคาที่ประหยัดไปอีกหลายพัน! นี่คือตัวเลือกที่ “ฉลาด” และ “คุ้มค่า” ที่สุดสำหรับสาย Performance ครับ
สเปกเด่น
- หน้าจอ: จอแบน AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220), 120Hz AdaptiveSync, ความสว่างสูงสุด 1800 nits
- ชิปเซ็ต: Snapdragon 8s Gen 3 (หรือรุ่นเทียบเคียง)
- RAM/ROM: 12GB (LPDDR5X) / 256GB/512GB (UFS 4.0)
- กล้องหลัง: 3 ตัว
- กล้องหลัก 200MP (เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3+ OIS)
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้อง Macro 2MP
- กล้องหน้า: 16MP
- แบตเตอรี่: 5,100 mAh, รองรับ 100W Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ: Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- อื่นๆ: กันน้ำกันฝุ่น (อาจจะเป็น IP54 หรือ IP68 ต้องรอยืนยัน), ลำโพงคู่ Stereo, สแกนนิ้วใต้จอ
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดขายหลักที่ทำให้ Redmi Note 14 Pro แตกต่างจาก Pro+ อย่างชัดเจนคือ “ประสิทธิภาพและชิปเซ็ต” ครับ การที่มันมาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธงอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ชิปตัวนี้ให้ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ที่ทรงพลังสุดๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเกมเมอร์ที่ต้องการเฟรมเรตนิ่งๆ ในการไต่แรงค์ หรือสาย Multitasking ที่เปิดแอปค้างไว้เป็นสิบๆ แอป ตัวนี้เอาอยู่หมดครับ ประกอบกับหน้าจอที่เป็น “จอแบน” ขอบบางเฉียบ ทำให้การควบคุมในเกมแม่นยำกว่าจอโค้ง ไม่ต้องหงุดหงิดกับปัญหาทัชเบียดขอบอีกต่อไป นี่คือสมการที่ลงตัวที่สุดสำหรับเกมเมอร์ครับ ถ้าเพื่อนๆ กำลังเปรียบมวยกับคู่แข่งค่ายอื่น เช่น Redmi Note 14 Pro 5G vs Galaxy A55 5G บอกได้คำเดียวว่าเรื่องความแรง Note 14 Pro ทิ้งห่างไปหลายช่วงตัวเลยครับ
มาดูกันที่ “กล้อง” บ้างครับ นี่คือความฉลาดของ Redmi ที่ถึงแม้จะเป็นรุ่นรอง แต่ก็ยังให้กล้องหลัก 200MP OIS ตัวเดียวกับรุ่น Pro+ มาให้! นั่นหมายความว่าคุณภาพของภาพนิ่งจากกล้องหลักแทบจะไม่แตกต่างกันเลยครับ คุณยังคงได้ภาพที่คมชัด รายละเอียดแน่น ซูมได้ดี และถ่ายในที่แสงน้อยได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมทุกประการ นี่คือจุดที่ทำให้ Note 14 Pro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะคุณได้หัวใจหลัก (กล้องและจอ 1.5K) เทียบเท่าตัวท็อป แต่จ่ายถูกกว่า การที่มี รีวิว Redmi Note 14 Pro 5G จากหลายสำนักออกมาชื่นชมเรื่องนี้ ก็ยิ่งตอกย้ำความคุ้มค่าของมันครับ แม้ว่ากล้อง Ultrawide อาจจะถูกลดสเปกลงมาบ้าง (เหลือ 8MP) แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป ถือว่าเพียงพอครับ
ในส่วนของ “แบตเตอรี่และการชาร์จ” ก็มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย Note 14 Pro ได้แบตเตอรี่ที่ความจุเยอะกว่ารุ่น Pro+ นิดหน่อยที่ 5,100 mAh ซึ่งเมื่อรวมกับประสิทธิภาพการจัดการพลังงานที่ดีของชิป Snapdragon ก็น่าจะทำให้มันเป็นหนึ่งในมือถือที่แบตอึดที่สุดในซีรีส์ครับ ส่วนการชาร์จ ถูกลดสปีดลงมาอยู่ที่ 100W ซึ่งถามว่าช้าไหม? บอกเลยว่า “ไม่!” ครับ มันยังเร็วมากๆ อยู่ดี อาจจะใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 25-30 นาที ซึ่งก็ถือว่าเร็วเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตจริงแล้วครับ สรุปสำหรับคำถามที่ว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี สำหรับสาย Performance ผมฟันธงให้ Redmi Note 14 Pro เลยครับ คุณจะได้มือถือที่แรงที่สุดในซีรีส์ จอแบนเล่นเกมมันส์ กล้องหลักเทพ ในราคาที่คุ้มค่าจนน่าตกใจครับ
คะแนนที่ได้
9.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“ผมรอรุ่นจอแบนชิป Snap เลยครับตัวนี้ ตอบโจทย์มาก เล่นเกมลื่นหัวแตก กล้องก็ชัดมาก คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ” – เกม, อายุ 25 (เกมเมอร์)
“ไม่ชอบจอโค้งค่ะ รู้สึกว่ามันลื่นหลุดมือง่าย ตัว Pro 14 นี่แหละกำลังดีเลย จอแบนสวยมาก เครื่องแรงสะใจ กล้อง 200MP ก็มีเหมือนกัน ประหยัดตังค์ไปได้อีก” – ฝ้าย, อายุ 30 (พนักงานออฟฟิศ)
3. Redmi Note 13 Pro+ ★★★★☆
“ตำนานตัวคุ้มปีที่แล้ว! จอโค้ง IP68 กล้อง 200MP ที่ราคาน่าคบหาที่สุดในตอนนี้!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอันดับ 3 ที่เป็น “ของดีราคาตก” ที่น่าสนใจที่สุดในตลาดตอนนี้ครับ Redmi Note 13 Pro+! นี่คืออดีตตัวท็อปของปีที่แล้ว ที่พอรุ่น 14 ออกมา ราคาก็ปรับลงมาจนกลายเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” แบบสุดๆ ไปเลยครับ ถ้าคุณกำลังมองหา โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่ให้สเปกพรีเมียมจัดเต็ม ทั้งจอโค้ง 1.5K, กันน้ำ IP68, กล้อง 200MP OIS และชาร์จ 120W ในราคาที่ถูกกว่า Note 14 Pro+ หลายพันบาท นี่คือ “ตัวจบ” สำหรับคนงบจำกัดแต่ตาถึงครับ! สเปกหลายๆ อย่างแทบไม่ต่างจากรุ่นใหม่เลยด้วยซ้ำ
สเปกเด่น
- หน้าจอ: จอโค้ง 3D AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220), 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1800 nits
- ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 7200-Ultra
- RAM/ROM: 8GB/12GB / 256GB/512GB
- กล้องหลัง: 3 ตัว
- กล้องหลัก 200MP (เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3, OIS)
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้อง Macro 2MP
- กล้องหน้า: 16MP
- แบตเตอรี่: 5,000 mAh, รองรับ 120W HyperCharge (ชาร์จ 0-100% ใน 19 นาที)
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 14 (อัปเกรดเป็น HyperOS ได้)
- อื่นๆ: กันน้ำกันฝุ่น IP68, ลำโพงคู่ Stereo, สแกนนิ้วใต้จอ, กระจก Gorilla Glass Victus
รีวิวแบบเจาะลึก
“ของใหม่ตกรุ่น คือของคุ้มค่าที่สุด” คำนี้ใช้ได้ดีกับ Redmi Note 13 Pro+ เลยครับ สิ่งที่ทำให้มันยังคงโดดเด่นในอันดับต้นๆ คือการที่มัน “แทบไม่ต่าง” จาก Note 14 Pro+ ในแง่ของฟีเจอร์หลักๆ ที่ผู้ใช้สัมผัสได้ครับ คุณยังได้จอโค้ง 1.5K AMOLED 120Hz ที่สวยสดงดงามเหมือนกันเป๊ะ, คุณยังได้มาตรฐานกันน้ำ IP68 ที่ทนทานเท่ากัน, และคุณยังได้ระบบชาร์จ 120W HyperCharge ที่เร็วเหมือนกันเป๊ะ! นี่คือ 3 จุดขายหลักของตัวท็อป ที่คุณสามารถหาได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมมากครับ ดีไซน์ฝาหลัง โดยเฉพาะสีม่วงที่เป็นลายหนังวีแกน ยิ่งทำให้เครื่องดูพรีเมียมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมากครับ
แล้วอะไรล่ะที่ต่าง? จุดต่างหลักๆ ก็คือ “ชิปเซ็ต” ครับ Note 13 Pro+ ใช้ Dimensity 7200-Ultra ซึ่งเป็นชิปที่ดีมากในระดับกลางบน แต่แน่นอนว่ามันไม่แรงเท่า Dimensity 9300+ หรือ Snapdragon 8s Gen 3 ในซีรีส์ 14 แต่คำถามคือ… มันเพียงพอต่อการใช้งานไหม? ผมตอบเลยว่า “เหลือเฟือ” ครับ สำหรับการใช้งานทั่วไป โซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง มันลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด ส่วนการเล่นเกมอย่าง RoV หรือ PUBG ก็ปรับสุดได้สบายๆ ครับ อาจจะมีแค่เกมที่กินสเปกโหดจริงๆ อย่าง Genshin Impact ที่อาจจะต้องปรับกราฟิกลงมาบ้าง แต่ก็ยังเล่นได้ลื่นครับ ส่วนเรื่องกล้อง 200MP OIS ก็ยังคงเป็นเซนเซอร์ระดับท็อปที่ให้ภาพสวยคมชัด การ ถ่ายวิดีโอ 4K ด้วยมือถือ Redmi รุ่นนี้ก็ทำได้นิ่งและสวยงามครับ
ดังนั้น ถ้าคุณกำลังชั่งใจว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี และมีงบประมาณที่จำกัด แต่ก็ยังอยากได้ฟีลลิ่งการใช้งานแบบ “เรือธง” ทั้งความสวยงามของจอ, ความเร็วในการชาร์จ, และความอุ่นใจเรื่องกันน้ำ Redmi Note 13 Pro+ คือตัวเลือกที่ฉลาดที่สุดในตลาดตอนนี้ครับ มันคือการจ่ายเงินในราคาที่น้อยกว่า แต่ได้ประสบการณ์การใช้งานที่แทบจะไม่ต่างจากตัวท็อปปีล่าสุดเลย ยิ่งถ้าเจอช่วงโปรโมชั่นลดราคา ยิ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ นี่คือ “ดีล” ที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับคนงบหมื่นต้นๆ ที่อยากได้ของครบเครื่องครับ
คะแนนที่ได้
9.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“ผมรอสอยตัวนี้ตอนลดราคาครับ คุ้มมาก ได้จอโค้ง 1.5K ได้ชาร์จ 120W ในราคาหมื่นนิดๆ ชิป 7200 ก็แรงพอเล่นเกมได้สบายแล้วครับ” – บิ๊ก, อายุ 29 (พนักงานบริษัท)
“ซื้อสีม่วงฝาหลังหนังมาค่ะ สวยมาก ไม่เหมือนใครเลย ชอบที่มันกันน้ำ IP68 ด้วย ทำตกน้ำไปทีนึงหยิบขึ้นมายังใช้ได้ปกติเลยค่ะ ประทับใจมาก” – แอน, อายุ 34 (เจ้าของร้านกาแฟ)
4. Redmi Note 13 ★★★★☆
“รุ่นเริ่มต้นสุดฮิต! จอ AMOLED 120Hz สวยทะลุราคา กล้อง 108MP ในงบไม่ถึงหมื่น!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ขยับลงมาที่รุ่น “ขวัญใจมหาชน” อย่างแท้จริงครับ Redmi Note 13 (รุ่น 4G/5G) นี่คือมือถือที่นิยามคำว่า “คุ้มค่า” ของ Redmi ได้ดีที่สุด ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัด และกำลังมองหา โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์สำคัญๆ มาครบแบบไม่ต้องจ่ายแพง ตัวนี้คือคำตอบครับ! จุดเด่นที่สุดของมันคือการที่ให้ “หน้าจอ AMOLED 120Hz” มาในมือถือราคาหลักพันปลายๆ ถึงหมื่นต้นๆ (แล้วแต่รุ่น 4G/5G) ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมากในราคานี้ แถมยังได้กล้องหลัก 108MP และดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามขอบเหลี่ยมทันสมัยอีกด้วยครับ
สเปกเด่น
- หน้าจอ: จอแบน AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080), 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1800 nits (รุ่น 5G)
- ชิปเซ็ต: Snapdragon 685 (รุ่น 4G) / MediaTek Dimensity 6080 (รุ่น 5G)
- RAM/ROM: 6GB/8GB / 128GB/256GB
- กล้องหลัง: 3 ตัว
- กล้องหลัก 108MP
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้อง Macro 2MP
- กล้องหน้า: 16MP
- แบตเตอรี่: 5,000 mAh, รองรับ 33W Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 14 (อัปเกรดเป็น HyperOS ได้)
- อื่นๆ: สแกนนิ้วใต้จอ (รุ่น 5G) / สแกนนิ้วข้างตัวเครื่อง (รุ่น 4G), ลำโพงคู่ Stereo (เฉพาะรุ่น 5G), มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
รีวิวแบบเจาะลึก
นี่คือแชมป์เปี้ยนตัวจริงสำหรับคนงบน้อยครับ หัวใจของ Redmi Note 13 คือ “หน้าจอ” ครับ การที่ Redmi กล้าให้จอ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz พร้อมความสว่างสูงๆ มาในมือถือราคานี้ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานทั่วไปมันดีขึ้นแบบคนละเรื่องเลยครับ จอสีสวยสด คมชัด ไถฟีดลื่นไหลไม่ติดขัด ขอบจอก็บางมากจนดูเหมือนมือถือราคาสองหมื่น นี่คือจุดที่คู่แข่งในราคาเดียวกันให้ไม่ได้ครับ ถ้าคุณเป็นคนที่เน้นเสพคอนเทนต์ ดู YouTube, Netflix, TikTok เป็นหลัก รุ่นนี้ให้จอที่ตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุดในงบนี้แล้วครับ สำหรับใครที่กำลังมองหา โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 (ในช่วงโปรโมชั่น) รุ่น 4G ของตัวนี้มักจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดเสมอครับ
ในด้าน “ประสิทธิภาพ” ต้องบอกตามตรงว่าชิป Snapdragon 685 (ในรุ่น 4G) หรือ Dimensity 6080 (ในรุ่น 5G) ไม่ได้เกิดมาเพื่อเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ครับ มันเป็นชิปที่เน้นการใช้งานทั่วไปที่ลื่นไหลและประหยัดพลังงาน ถามว่าเล่นเกมฮิตๆ อย่าง RoV ได้ไหม? ได้ครับ สบายๆ แต่ถ้าจะไปเล่น Genshin Impact อาจจะต้องปรับกราฟิกต่ำสุดเพื่อความลื่นไหลครับ แต่สำหรับการใช้งานโซเชียล, ไลน์, Facebook, IG, ดูหนังฟังเพลง มันทำได้ดีมากและไม่ม
ีปัญหาจุกจิกครับ ส่วนกล้อง 108MP ก็ให้คุณภาพที่ดีสำหรับการถ่ายภาพนิ่งในที่แสงเพียงพอครับ รูปคมชัด สีสวยสดสไตล์ Redmi เอาไปอัปลงโซเชียลได้สบายๆ แต่อาจจะไม่ได้มี OIS (กันสั่น) เหมือนรุ่น Pro ทำให้การถ่ายในที่แสงน้อยหรือการถ่ายวิดีโออาจจะยังไม่นิ่งเท่าครับ
จุดที่ต้องพิจารณาเล็กน้อยคือ “การชาร์จ” ครับ การที่ให้มา 33W ในขณะที่รุ่นพี่ๆ เขาไป 100W-120W กันหมดแล้ว ก็อาจจะดูน้อยไปหน่อย การชาร์จแบต 5,000 mAh ให้เต็มอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งก็ไม่ได้แย่ครับ แค่ไม่รวดเร็วทันใจเท่ารุ่น Pro เท่านั้นเอง สรุปแล้ว ถ้าคำถามของคุณคือ โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่คุ้มค่าที่สุดในงบประหยัด เน้นจอสวย แบตอึด ใช้งานทั่วไปลื่นไหล และไม่ซีเรียสเรื่องการเล่นเกมหนักหรือการชาร์จที่เร็วที่สุด Redmi Note 13 คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณครับ มันให้ในสิ่งที่จำเป็นมาครบถ้วนจริงๆ และถ้าเทียบกับพวกรุ่นเล็กอย่าง โทรศัพท์ Redmi C Series ตัวนี้คือการอัปเกรดที่ก้าวกระโดดในทุกมิติครับ
คะแนนที่ได้
8.9/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อให้แม่ใช้ครับ ท่านชอบมาก บอกจอใหญ่สวยชัดดี แบตก็อึดมากครับ ชาร์จทีนึงใช้ได้ 2 วันเลย” – ต้น, อายุ 30 (พนักงานออฟฟิศ)
“เป็นนักศึกษาค่ะ งบจำกัดเลยจัดตัวนี้มา ไม่ผิดหวังเลยค่ะ จอ 120Hz ลื่นมาก กล้องก็สวยเกินราคาค่ะ” – มายด์, อายุ 20 (นักศึกษา)
5. Redmi Note 12 Pro+ ★★★★☆
“อดีตเรือธงราคามิตรภาพ! ต้นตำรับกล้อง 200MP และชาร์จ 120W ที่ยังน่าใช้!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายกันที่อันดับ 5 กับ “อัญมณีที่ถูกลืม” ครับ Redmi Note 12 Pro+! นี่คืออดีตตัวท็อปสุดของซีรีส์ Note 12 ที่เป็นรุ่นบุกเบิกนำ “กล้อง 200MP OIS” และ “ชาร์จ 120W” มาสู่ตลาดมือถือระดับกลางเป็นครั้งแรกๆ ตอนนี้ราคามือหนึ่ง (ที่อาจจะยังพอหาได้) หรือมือสองสภาพดีนั้น “ถูก” ลงมามากจนน่าใจหายครับ ถ้าคุณเป็นสาย “ล่าของดีราคาถูก” และกำลังคิดว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่ให้สเปกโหดๆ ในราคาที่คาดไม่ถึง ตัวนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ
สเปกเด่น
- หน้าจอ: จอแบน Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080), 120Hz
- ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
- RAM/ROM: 8GB / 256GB
- กล้องหลัง: 3 ตัว
- กล้องหลัก 200MP (เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HPX, OIS)
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้อง Macro 2MP
- กล้องหน้า: 16MP
- แบตเตอรี่: 5,000 mAh, รองรับ 120W HyperCharge
- ระบบปฏิบัติการ: MIUI 14 (อัปเกรดเป็น HyperOS ได้ในบางพื้นที่)
- อื่นๆ: ลำโพงคู่ Stereo, มีช่องหูฟัง 3.5 มม., สแกนนิ้วข้างตัวเครื่อง
รีวิวแบบเจาะลึก
ทำไมผมถึงยังเชียร์ Note 12 Pro+ ในปี 2025? เหตุผลง่ายๆ เลยคือ “สเปกหลักยังไม่ตาย” ครับ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า เทคโนโลยีกล้อง 200MP OIS และการชาร์จ 120W มันยังคงเป็นฟีเจอร์ระดับท็อปแม้ในปัจจุบัน การที่คุณสามารถหามือถือที่มี 2 ฟีเจอร์นี้ได้ในราคาที่อาจจะต่ำกว่าหมื่น (สำหรับเครื่องล้างสต็อกหรือมือสองสภาพนางฟ้า) มันคือ “ดีล” ครับ นี่คือตัวอย่างที่ดีของ วิธีดูสเปกมือถือ Redmi ก่อนซื้อ ครับ บางครั้งการเลือกอดีตตัวท็อปที่สเปกจัดเต็ม ยังดีกว่าการซื้อตัวเริ่มต้นรุ่นใหม่ที่สเปกถูกตัดทอนไปเยอะครับ
ชิปเซ็ต Dimensity 1080 แม้จะฟังดูเก่า แต่ในแง่ประสิทธิภาพ มันยังคงแรงกว่า Snapdragon 685 ใน Note 13 (4G) และยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลมากๆ ครับ เล่นเกม RoV, PUBG ปรับกราฟิกสูงๆ ได้สบายๆ หน้าจอ Flow AMOLED 120Hz FHD+ ก็ยังคงสวยงามมาก สีสันสดใส และลื่นไหลครับ อาจจะไม่คมเท่า 1.5K ในรุ่นใหม่ แต่ถ้าไม่เอามาจ้องเทียบกัน ผมบอกเลยว่าแยกแทบไม่ออกครับ และจุดที่หลายคนอาจจะชอบคือ มันยังมี “ช่องหูฟัง 3.5 มม.” อยู่ครับ! ซึ่งรุ่นใหม่ๆ ตัดออกไปหมดแล้ว
แน่นอนว่าข้อควรพิจารณาคือ “อนาคตการอัปเดต” มันอาจจะไปต่อได้อีกไม่นานเท่าพวกรุ่น 14 แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ซีเรียสว่าจะต้องได้ Android 15 หรือ 16 และแค่ต้องการมือถือที่สเปกแรง กล้องเทพ ชาร์จเร็ว ในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การมองหา Redmi Note 12 Pro+ ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดมากครับ นี่คือคำตอบสำหรับคำถาม โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี สำหรับสาย “คุ้มค่าตัวพ่อ” ที่แท้จริง ลองอ่าน คู่มือเลือก Redmi ของเราประกอบก็ได้ครับว่าการเลือกมือถือตกรุ่นมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง แต่สำหรับผม ตัวนี้ยังคง “เก๋า” และน่าใช้มากครับ
คะแนนที่ได้
8.7/10
รีวิวสั้น ๆ
“ผมสอยมือสองมาครับ โคตรคุ้ม! ได้กล้อง 200MP กับชาร์จ 120W ในราคาไม่ถึงหมื่น เครื่องยังแรงอยู่เลยครับ” – พีท, อายุ 27 (ช่างภาพ)
“ยังใช้รุ่นนี้อยู่เลยค่ะ ยังลื่นอยู่เลย ชาร์จแบตเร็วมาก สะดวกสุดๆ กล้องก็ยังสวยอยู่เลยค่ะ ยังไม่คิดจะเปลี่ยนเลย” – นัท, อายุ 31 (พยาบาล)
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: Redmi Note Series ยืนหนึ่งเรื่อง “สเปกต่อราคา”
ไม่ใช่แค่พวกเราครับที่ตื่นเต้น ทุกครั้งที่ Redmi Note Series เปิดตัวใหม่ สื่อสายเทคโนโลยีทั่วโลกต่างก็จับตามองกันตาเป็นมัน เว็บไซต์รีวิวชื่อดังอย่าง GSMArena หรือ TechRadar มักจะให้คำนิยามซีรีส์นี้ว่าเป็น “ผู้กำหนดมาตรฐานใหม่” (Benchmark-setter) หรือ “ราชาแห่งมือถือระดับกลาง” (The Mid-range King) อยู่เสมอครับ พวกเขามองว่ากลยุทธ์ของ Redmi นั้นชัดเจนมาก คือการนำฟีเจอร์ที่ปกติจะอยู่ในมือถือเรือธงราคาแพง (เช่น กล้อง 200MP, ชาร์จ 120W, จอ 1.5K AMOLED) มาใส่ไว้ในมือถือที่คนทั่วไปเข้าถึงได้
“Redmi Note Series ไม่เคยพยายามที่จะเป็น ‘Flagship Killer’ ที่สมบูรณ์แบบ… แต่เป้าหมายของมันคือการเป็น ‘Flagship *Feature* Killer’ ที่แท้จริง มันเลือกฟีเจอร์เด็ดๆ 2-3 อย่างที่ผู้ใช้โหยหา และนำเสนอมันในราคาที่น่าทึ่ง”
ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นอีกว่า ความท้าทายของ Redmi ไม่ใช่แค่การแข่งกับแบรนด์อื่น แต่คือการ “แข่งกับตัวเอง” ครับ การที่ออกรุ่นใหม่ถี่มาก (ปีละครั้ง หรือบางทีก็ถี่กว่านั้น) ทำให้ผู้บริโภคเกิดคำถามว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ระหว่างรุ่นใหม่ล่าสุด กับรุ่นโปรของปีที่แล้วที่ราคาตกลงมา (เหมือนที่เราเทียบ Note 14 Pro+ กับ Note 13 Pro+ นั่นแหละครับ) ซึ่งจุดนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็น “เสน่ห์” ของ Redmi ที่สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภคทุกกลุ่มงบประมาณ
สิ่งที่นักวิจารณ์ชื่นชมเป็นพิเศษ
- คุณภาพหน้าจอ: แทบทุกสำนักเห็นตรงกันว่า Redmi Note Series (โดยเฉพาะรุ่น Pro) ให้คุณภาพหน้าจอที่ดีที่สุดในระดับราคานี้ ทั้งในแง่ของความสว่าง, ความแม่นยำของสี และรีเฟรชเรท 120Hz
- นวัตกรรมการชาร์จ: การที่ดันเทคโนโลยี 120W HyperCharge มาเป็นมาตรฐานในรุ่น Pro+ ถือเป็นการเปลี่ยนเกม ที่บีบให้แบรนด์อื่นต้องตามให้ทัน
- กล้องความละเอียดสูง: แม้ว่ากล้อง 200MP อาจจะฟังดูเป็น Gimmick แต่ผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมี OIS มาช่วย ทำให้มันใช้งานได้จริงและให้รายละเอียดภาพที่น่าทึ่ง
บทวิเคราะห์จากทีมงาน ToplistPlus
“ในมุมมองของเรา จุดแข็งที่สุดของ Redmi Note Series คือ ‘ความไม่ประนีประนอม’ ในฟีเจอร์หลักครับ ในขณะที่แบรนด์อื่นในราคานี้อาจจะให้กล้องดีแต่ชิปธรรมดา หรือชิปแรงแต่จอห่วย แต่ Redmi พยายามจะ ‘ให้ทุกอย่าง’ มาในระดับที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในงบนั้นๆ มันอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดใน ‘ทุกด้าน’ แต่เมื่อมองภาพรวม ‘ความคุ้มค่า’ มันมักจะยืนอยู่อันดับ 1 เสมอครับ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคำถามที่ว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ถึงเป็นคำถามยอดฮิตตลอดกาล”
เคล็ดลับการเลือกซื้อ: ถอดรหัสเลือก “Redmi Note” ที่ใช่สำหรับคุณ!
เอาล่ะครับ หลังจากดูรีวิว 5 อันดับแรกไปแล้ว หลายคนอาจจะยังลังเลอยู่ ผมมี คู่มือเลือก Redmi ฉบับย่อมาให้ครับ ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู แล้วเพื่อนๆ จะได้คำตอบว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด!
- งบประมาณคือตัวกำหนด (Budget is King): นี่คือข้อแรกและข้อที่สำคัญที่สุดครับ
- งบประหยัด (3,000 – 5,000 บาท): ถ้าคุณมีงบจำกัดจริงๆ ให้ลองมองไปที่ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 5000 หรือแม้แต่ โทรศัพท์ Redmi ราคาไม่เกิน 3000 ซึ่งอาจจะเป็นรุ่น Note 13 (4G) ในช่วงลดราคาหนักๆ หรือพวกรุ่น Redmi C Series ครับ เน้นใช้งานทั่วไป ไม่เน้นเกม
- งบกลางๆ (6,000 – 9,000 บาท): นี่คือจุดที่ “คุ้มค่า” ที่สุดครับ คุณจะได้ Redmi Note 13 (รุ่น 4G หรือ 5G) ที่จอสวย กล้องดี แบตอึด ใช้งานได้ครอบคลุมมากๆ
- งบหมื่นต้นๆ (10,000 – 15,000 บาท): นี่คือสมรภูมิของรุ่น Pro ครับ คุณต้องเลือกระหว่าง Note 14 Pro ที่ได้ของใหม่ ชิปแรงจอแบน หรือ Note 13 Pro+ ที่ได้ของครบเครื่อง (จอโค้ง, IP68) ในราคาที่ถูกลงมา
- คุณคือสายไหน? (User Type):
- สายเกมมิ่ง (Gamer): มองหาชิปเซ็ตที่แรงที่สุดครับ! ในลิสต์นี้ Redmi Note 14 Pro (Snapdragon 8s Gen 3) คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับ โทรศัพท์ Redmi เล่นเกมลื่น จอแบนของมันก็เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่าจอโค้งด้วยครับ
- สายคอนเทนต์ (Content Creator/Photographer): ถ้ากล้องคือชีวิตจิตใจ ให้มองหารุ่นที่มี 200MP OIS ครับ Redmi Note 14 Pro+, Note 14 Pro, หรือ Note 13 Pro+ คือ 3 ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ โทรศัพท์ Redmi กล้องสวย ครับ
- สายใช้งานทั่วไป (General User): ถ้าคุณแค่เล่นโซเชียล ดู YouTube, Netflix ตอบไลน์ ไม่ได้เล่นเกมหนัก Redmi Note 13 คือตัวเลือกที่ “เหลือเฟือ” และประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากที่สุดครับ จอ AMOLED 120Hz ของมันให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีมากแล้ว
- จอโค้ง vs จอแบน (Curve vs Flat):
- จอโค้ง (Note 14 Pro+, Note 13 Pro+): ให้ความรู้สึกหรูหรา พรีเมียม จับถนัดมือ (เพราะขอบมันมน) แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดการทัชลั่นบริเวณขอบจอได้ง่ายเวลาเล่นเกม และหาฟิล์มกันรอยติดยากกว่า/แพงกว่า เสี่ยงแตกง่ายกว่า
- จอแบน (Note 14 Pro, Note 13, Note 12 Pro+): ใช้งานได้จริงจังมากกว่า เหมาะกับการเล่นเกม การพิมพ์ ติดฟิล์มง่าย ทนทานกว่า แต่ความหรูหราอาจจะสู้จอโค้งไม่ได้
- ความเร็วในการชาร์จ (Charging Speed):
- 120W (Pro+): เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรอนาน ไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ลืมชาร์จแบตบ่อยๆ เสียบแค่ 15-20 นาทีก็พร้อมลุยต่อได้ทั้งวัน
- 100W (Pro): ยังคงเร็วมากๆ ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาทีเต็ม
- 33W (Note 13): ถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในปัจจุบัน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถ้าคุณเป็นคนชาร์จข้ามคืนอยู่แล้ว ก็ไม่มีปัญหาครับ
- การกันน้ำ (IP Rating):
- IP68 (Pro+): นี่คือระดับสูงสุด กันน้ำลึก 1.5 เมตรได้ 30 นาที ให้ความอุ่นใจสูงสุด ทำตกน้ำไม่พัง เจอฝนหนักๆ สบาย
- IP54 (รุ่นอื่นๆ): กันได้แค่ “ละอองน้ำ” หรือ “ฝนปรอยๆ” ครับ ไม่สามารถกันน้ำจมได้ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ
สุดท้ายนี้ อย่าลืม ตรวจสอบสเปกมือถือ Redmi ที่คุณสนใจให้ละเอียดอีกครั้งก่อนซื้อนะครับ โดยเฉพาะเรื่อง RAM/ROM เพราะบางทีราคาที่ต่างกันไม่กี่ร้อย อาจจะได้ความจุเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งคุ้มค่ากว่าในระยะยาวครับ!
Xiaomi HyperOS: ประสบการณ์ใหม่ที่ยกระดับ Redmi Note Series
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือก โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ในปี 2025 นี้ ก็คือระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Xiaomi HyperOS ครับ นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อจาก MIUI แต่เป็นการ “ยกเครื่องใหม่” ครั้งใหญ่ของ Xiaomi เลยทีเดียว Redmi Note 14 Series จะมาพร้อมกับ HyperOS ตั้งแต่แกะกล่อง ในขณะที่ Note 13 Series ก็จะได้รับการอัปเดตตามมาครับ
แล้ว HyperOS มันดีกว่ายังไง? Xiaomi เคลมว่า HyperOS ถูกออกแบบมาให้ “ลื่นไหลกว่า, เบากว่า, และเชื่อมต่อได้ดีกว่า” ครับ มันกินพื้นที่ระบบน้อยลง ทำให้เรามีพื้นที่เหลือเก็บรูปและแอปมากขึ้น แอนิเมชันการเปิด-ปิดแอปต่างๆ ก็ทำได้สมูทและติดนิ้วมากขึ้น แต่จุดขายหลักจริงๆ คือ “Ecosystem” ครับ HyperOS ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ของ Xiaomi เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ, แท็บเล็ต, Smart Watch, หรือแม้แต่อุปกรณ์ IoT ในบ้าน
ฟีเจอร์เด็ดๆ เช่น “Continuity” ที่ทำให้เราสามารถลากไฟล์, รูปภาพ, หรือข้อความ ข้ามไปมาระหว่างมือถือกับแท็บเล็ตได้ทันที หรือการแชร์หน้าจอมือถือขึ้นไปทำงานบน PC ได้เลย ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานมือถือ Redmi Note ของเรามันสะดวกสบายและ “โปร” มากขึ้นครับ ดังนั้น การเลือกรุ่นใหม่ๆ อย่าง Note 14 Series ที่เกิดมาพร้อม HyperOS ก็ย่อมจะได้รับการปรับแต่งและรีดประสิทธิภาพของ OS ใหม่ออกมาได้ดีที่สุดนั่นเองครับ นี่คือจุดที่รุ่นใหม่จะได้เปรียบรุ่นเก่าอย่างชัดเจนในระยะยาวครับ
กล้อง 200MP จำเป็นจริงหรือ? เจาะลึกเทคโนโลยีกล้อง Redmi
คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมโดนบ่อยมากครับว่า “กล้อง 200MP มันจำเป็นจริงๆ เหรอ?” “มันแค่ตัวเลขการตลาดรึเปล่า?” ผมขออธิบายแบบเพื่อนคุยกันนะครับ… คำตอบคือ “ทั้งใช่และไม่ใช่” ครับ
“ไม่ใช่” ในแง่ที่ว่า ในการใช้งานปกติ เราไม่ได้ถ่ายรูปที่ความละเอียด 200MP ตลอดเวลาครับ เพราะไฟล์มันจะ “ใหญ่” มาก (รูปนึงอาจจะ 30-50MB!) โดยปกติแล้ว มือถือจะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Pixel Binning” คือการรวมพิกเซลเล็กๆ หลายๆ พิกเซล (เช่น 16 พิกเซล) ให้กลายเป็น 1 พิกเซลใหญ่ เพื่อรับแสงได้ดีขึ้น ทำให้ภาพที่ได้ในโหมดปกติ (เช่น 12.5MP) มันสว่าง คมชัด และมีนอยส์ต่ำ แม้ในที่แสงน้อยครับ
แต่… มัน “ใช่” และ “จำเป็น” มากใน 2 สถานการณ์ครับ:
- การซูม (In-sensor Zoom): นี่คือประโยชน์หลักครับ! การที่มีเซนเซอร์ 200MP ทำให้มือถือสามารถ “ครอป” ภาพจากเซนเซอร์ตรงกลางมาใช้ได้เลยโดยที่ยังคงความละเอียดสูงอยู่ ทำให้การซูม 2x หรือ 4x ในรุ่น Pro มันคมชัดมาก แทบไม่ต่างจากการใช้เลนส์ Telephoto จริงๆ เลยครับ นี่คือจุดที่กล้อง 108MP หรือ 50MP ให้ไม่ได้
- การถ่ายภาพวิว (Landscape) หรือภาพที่ต้องการรายละเอียดสูง: เวลาเราไปเที่ยว อยากถ่ายภาพวิวสวยๆ แล้วเก็บไว้มาอัดรูปใหญ่ๆ หรือครอปบางส่วนไปใช้งานต่อ โหมด 200MP จะให้รายละเอียดที่ “มหาศาล” ครับ คุณสามารถซูมเข้าไปในภาพได้อีกไกลโดยที่ภาพยังไม่แตก
ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบซูมถ่ายรูปบ่อยๆ หรือชอบถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ การมีกล้อง 200MP คือ “ข้อได้เปรียบ” ที่ชัดเจนครับ และที่สำคัญที่สุดคือ “OIS” (ระบบกันสั่น) ที่มักจะมาคู่กันในรุ่น Pro มันช่วยให้การถ่ายภาพนิ่งขึ้นมาก โดยเฉพาะในที่แสงน้อย หรือการ ถ่ายวิดีโอ 4K ให้นิ่งไม่สั่นไหวครับ สรุปคือ ถ้าคุณกำลังเลือกว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี สำหรับการถ่ายรูป การลงทุนในรุ่น Pro ที่มี 200MP OIS นั้น “คุ้มค่า” แน่นอนครับ
เทียบกันชัดๆ: Note 14 Pro+ vs Note 14 Pro (จอโค้ง vs จอแบน)
นี่คือมวยคู่เอกที่ตัดสินใจยากที่สุดในการเลือกซื้อ โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ในปีนี้เลยครับ ระหว่างรุ่นท็อปสุด Pro+ กับรุ่นรองท็อป Pro ที่สเปกหลักๆ แทบจะชนกันเป๊ะๆ ผมขอสรุปให้เห็นภาพชัดๆ ดังนี้ครับ:
สรุปเลือกตัวไหนดี:
- เลือก Redmi Note 14 Pro+ ถ้า: คุณต้องการ “ที่สุด” ของความพรีเมียม, ชอบดีไซน์จอโค้งที่หรูหรา, ต้องการการชาร์จที่เร็วที่สุด (120W) และต้องการความอุ่นใจสูงสุดด้วยกันน้ำ IP68 ครับ
- เลือก Redmi Note 14 Pro ถ้า: คุณเป็น “สาย Performance” หรือ “เกมเมอร์”, ชอบจอแบนที่ใช้งานได้จริงจังไม่ทัชลั่น, ต้องการชิป Snapdragon ที่แรงและเสถียร, และต้องการ “ความคุ้มค่า” ที่สูงที่สุดในกลุ่มตัวท็อปครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากอ่านบทวิเคราะห์เทียบกันแบบละเอียดกว่านี้ เราก็มีบทความ Redmi Note 14 Pro 5G vs Redmi Note 14 5G (ซึ่งรวมถึง Pro+) ให้อ่านกันแบบเจาะลึกด้วยครับ
Redmi Note Series กับคู่แข่งในตลาด (POCO, realme, Infinix)
แน่นอนว่าในตลาดมือถือระดับกลางนี้ Redmi Note Series ไม่ได้เป็นเจ้าเดียวครับ ยังมีคู่แข่งตัวฉกาจที่น่ากลัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแบรนด์พี่น้องในเครืออย่าง POCO และแบรนด์คู่แข่งตลอดกาลอย่าง realme หรือ Infinix ที่กำลังมาแรง
- Redmi Note vs POCO: โดยปกติแล้ว POCO (โดยเฉพาะ F Series) จะเน้นไปที่ “ประสิทธิภาพ” แบบสุดโต่งครับ คือให้ชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในราคาที่ถูกที่สุด โดยอาจจะไปลดสเปกส่วนอื่นเช่น กล้อง หรือวัสดุตัวเครื่อง ในขณะที่ Redmi Note Series (โดยเฉพาะ Pro) จะพยายาม “สมดุล” มากกว่า คือให้ชิปที่แรงพอๆ กัน แต่จะให้กล้องที่ดีกว่า จอที่สวยกว่า และวัสดุที่พรีเมียมกว่าครับ
- Redmi Note vs realme: นี่คือมวยคู่เอกตลอดกาลครับ! realme (โดยเฉพาะ Number Series) มักจะชิงเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ตัดหน้าเสมอ เช่น การชาร์จเร็ว หรือกล้องซูม Periscope ในบางรุ่น ดีไซน์ของ realme ก็จะมีความแฟชั่นจ๋าและวัยรุ่นกว่า แต่ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัดในรุ่นท็อป Redmi Note Pro+ มักจะให้ความรู้สึกที่ “ครบเครื่อง” และพรีเมียมกว่าเล็กน้อยครับ (เช่น การกันน้ำ IP68 หรือจอ 1.5K) ซึ่งถ้าอยากรู้ว่า POCO vs realme ใครเหนือกว่ากันในภาพรวม เราก็มีบทวิเคราะห์ให้อ่านครับ
- Redmi Note vs Infinix: แบรนด์นี้คือม้ามืดที่น่ากลัวมากครับ Infinix (โดยเฉพาะ Note Series หรือ Zero Series) ใช้กลยุทธ์เดียวกับ Redmi เลยคือ “อัดสเปก” แบบไม่กลัวเจ๊ง ให้จอ AMOLED, ชาร์จเร็ว, กล้อง 108MP ในราคาที่ถูกกว่า Redmi ซะอีก! แต่จุดที่ Redmi ยังได้เปรียบคือ “ซอฟต์แวร์” (HyperOS) ที่เสถียรกว่า และ “ความน่าเชื่อถือ” ของแบรนด์ในระยะยาวที่ยังมีภาษีดีกว่าครับ ถ้าอยากรู้ว่าคู่นี้ใครแน่ ลองอ่าน Redmi vs Infinix ได้เลยครับ
สรุปคือ ถ้าคุณมองหาความ “สมดุล” ที่สุดในทุกด้าน (จอ, กล้อง, ชิป, แบต, ซอฟต์แวร์) โทรศัพท์ Redmi Note Series มักจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและจบง่ายที่สุดในกลุ่มนี้ครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ โทรศัพท์ Redmi Note Series
- ถาม: โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับการเล่นเกมที่สุด?
ตอบ: ถ้าเน้นเล่นเกมเป็นหลัก ผมแนะนำ Redmi Note 14 Pro ครับ ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3 ที่แรงมาก และหน้าจอแบบแบนที่จะทำให้คุณควบคุมเกมได้แม่นยำ ไม่เจอปัญหาทัชลั่นที่ขอบจอครับ นี่คือ โทรศัพท์ Redmi เล่นเกมลื่น ที่คุ้มค่าที่สุดในซีรีส์ครับ - ถาม: ถ้าเน้นกล้องสวย ถ่ายรูปปังๆ ควรเลือกรุ่นไหน?
ตอบ: ให้มองหารุ่นที่มี “200MP OIS” ครับ ซึ่งก็คือ Redmi Note 14 Pro+, Note 14 Pro, หรือ Note 13 Pro+ ทั้ง 3 รุ่นนี้ให้คุณภาพกล้องหลักที่ยอดเยี่ยม ถ่ายได้คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน และซูมได้ดีครับ ถ้าคุณอยากได้ โทรศัพท์ Redmi กล้องสวย นี่คือ 3 ตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ - ถาม: Redmi Note 14 Series กันน้ำได้จริงไหม?
ตอบ: “จริง” ครับ! โดยรุ่น Redmi Note 14 Pro+ (และ 13 Pro+) ได้มาตรฐาน IP68 ซึ่งกันน้ำจมได้ลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาทีเลยทีเดียว ส่วนรุ่นอื่นๆ (เช่น Note 14 Pro, Note 13) มักจะได้มาตรฐาน IP54 ซึ่งกันได้แค่ละอองน้ำและฝนปรอยๆ ครับ ไม่สามารถนำไปจุ่มน้ำได้ - ถาม: ซื้อมือถือ Redmi Note Series จะใช้งานได้นานกี่ปี? คุ้มไหม?
ตอบ: โดยทั่วไป มือถือ Redmi Note Series สามารถใช้งานได้สบายๆ 2-4 ปีครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราด้วย ปัจจุบัน Xiaomi (Redmi) การันตีอัปเดต OS ให้อย่างน้อย 2-3 รุ่นใหญ่ และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย 3-4 ปี (โดยเฉพาะรุ่น Pro) ซึ่งถือว่าเพียงพอและคุ้มค่ามากครับกับราคาที่จ่ายไป - ถาม: ระหว่างซื้อ Note 14 (รุ่นใหม่) กับ Note 13 Pro+ (รุ่นเก่าตัวท็อป) อันไหนดีกว่า?
ตอบ: นี่คือคำถามโลกแตกครับ! ถ้าคุณต้องการ “สเปกพรีเมียม” (จอโค้ง, IP68, ชาร์จ 120W) ในราคาที่ “ถูกที่สุด” ให้เลือก Note 13 Pro+ ครับ แต่ถ้าคุณต้องการ “ของใหม่” ที่ได้ชิปเซ็ตแรงกว่า (ในรุ่น Note 14 Pro) และได้ซอฟต์แวร์ HyperOS ที่สดใหม่กว่า (ใน Note 14 Series) การเพิ่มเงินไปเล่นรุ่นใหม่ก็จะคุ้มในระยะยาวครับ - ถาม: Redmi Note 13 กับ Redmi 14C หรือ Redmi 15C ต่างกันยังไง?
ตอบ: ต่างกันเยอะมากครับ Note Series (เช่น Redmi Note 14 5G) คือซีรีส์ระดับกลางที่เน้นจอ AMOLED และสเปกที่ครบเครื่องกว่า ส่วน C Series (เช่น Redmi 14C หรือ Redmi 15C) เป็นซีรีส์เริ่มต้น (Entry-level) ที่เน้นราคาถูกสุดๆ ครับ สเปกโดยรวม ทั้งหน้าจอ, ชิป, และกล้อง จะสู้ Note Series ไม่ได้ครับ
บทสรุป: “Redmi Note” รุ่นไหนที่ใช่… คำตอบอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคุณ!
เดินทางกันมาถึงบทสรุปแล้วนะครับเพื่อนๆ! ผมหวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ได้คำตอบในใจแล้วว่า โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นมือถือคู่ใจเครื่องใหม่ของคุณในปี 2025 นี้ จะเห็นได้ว่า Redmi ยังคงรักษามาตรฐาน “ราชาแห่งความคุ้มค่า” ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และยังยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่หลายคนคาดไม่ถึงในราคานี้ครับ
ผมขอสรุปง่ายๆ อีกครั้งตามไลฟ์สไตล์เลยนะครับ:
- ถ้าคุณคือ “ที่สุดของสายสเปก” (The All-Rounder): ที่ต้องการความพรีเมียม จอโค้งสวย กล้องเทพ ชาร์จเร็วสุด กันน้ำ IP68… ไม่ต้องมองตัวอื่นครับ Redmi Note 14 Pro+ คือคำตอบเดียวของคุณ
- ถ้าคุณคือ “เกมเมอร์สายคุ้ม” (The Smart Gamer): ที่ต้องการชิป Snapdragon แรงๆ จอแบนเล่นเกมมันส์ๆ กล้องหลักยังเทพอยู่ และราคาประหยัดกว่า… Redmi Note 14 Pro คือเพื่อนซี้คนใหม่ของคุณเลย
- ถ้าคุณคือ “นักล่าดีล” (The Deal Hunter): ที่อยากได้ฟีเจอร์พรีเมียม (จอโค้ง, 200MP, 120W, IP68) ในราคาที่ “คุ้มที่สุด” ในตลาดตอนนี้… Redmi Note 13 Pro+ คือตัวเลือกที่ฉลาดที่สุดครับ
- ถ้าคุณคือ “ผู้ใช้งานทั่วไปสายคุ้ม” (The Value User): ที่เน้นจอสวย แบตอึด ใช้งานทั่วไปลื่นไหล ในงบประหยัดที่สุด… Redmi Note 13 คือคำตอบที่ “พอดี” และ “เหลือเฟือ” ที่สุดแล้วครับ
สุดท้ายนี้ ไม่มี โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี ที่สุดสำหรับ “ทุกคน” ครับ มีแต่รุ่นที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับ “คุณ” คนเดียวเท่านั้น ขอให้เพื่อนๆ สนุกกับการเลือกมือถือใหม่ และมีความสุขกับการใช้งานมันนะครับ! ถ้าอยากดูภาพรวมของมือถือ Redmi ทั้งหมดว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจอีกบ้าง ก็กลับไปอ่านบทความหลักของเราที่ โทรศัพท์ Redmi รุ่นไหนดี ได้เลยครับ หรือถ้ากำลังมองหาแก็ดเจ็ตอื่นๆ ไว้ใช้คู่กันอย่าง Smart Watch ยี่ห้อไหนดี เราก็มีรีวิวจัดเต็มเช่นกันครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
- รายละเอียดเรื่องสเปก, ราคา, การรับประกัน, หรือการอัปเดต HyperOS ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ทางการของ Xiaomi (Redmi) ประเทศไทย หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ
- บทความนี้เขียนขึ้นอย่างเป็นกลาง ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือชี้นำจากแบรนด์ใด ๆ ครับ จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุดในการตัดสินใจเลือก โทรศัพท์ Redmi Note Series รุ่นไหนดี หากเพื่อนๆ กดลิงก์เพื่อตรวจสอบราคา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนการทำงานและพัฒนาเว็บไซต์ของเรา แต่รับรองได้ว่าจะไม่กระทบต่อการจัดอันดับหรือคำแนะนำสินค้าแน่นอนครับ ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายความเป็นส่วนตัว
- บทความนี้จัดทำโดยใช้ AI ช่วยในการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลจากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือ (ณ Q4 2024 – Q1 2025) อย่างไรก็ตาม หากมีข้อคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะสเปกของรุ่นที่ยังเป็นข่าวลือ (Note 14 Series) แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือร้านค้าโดยตรง ทั้งนี้ข้อมูลในบทความอ้างอิงจากสเปกและข่าวสารช่วงล่าสุด ซึ่งคุณสมบัติหรือราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ
- คะแนน (เช่น 9.8/10 หรือ 9.3/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน ToplistPlus อ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, ราคา, และรีวิวผู้ใช้จริงจากแหล่งต่างๆ เช่น GSMArena, Reddit, และคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานครับ
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “[ชื่อเล่น], อายุ … (อาชีพ)”) เป็นตัวอย่างสมมุติที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้จริงมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเท่านั้นครับ








