10 อันดับ Apple Watch รุ่นไหนดี 2025 รีวิวตัวท็อปเพื่อทุกไลฟ์สไตล์!

ภาพหน้าปกบทความ Apple Watch รุ่นไหนดี แสดงหลากหลายรุ่นของ Apple Watch พร้อมดีไซน์ทันสมัย

บทนำ

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ สาวก Apple ทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันในหัวข้อที่เชื่อว่าหลายคนกำลังเล็ง ๆ กันอยู่ นั่นก็คือ Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นคู่หูคู่ใจบนข้อมือของเราในปี 2025 นี้ บอกเลยว่าการเลือกสมาร์ทวอทช์ดี ๆ สักเรือนมันไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นอีกต่อไปแล้วนะคะ แต่มันคือผู้ช่วยส่วนตัวที่ดูแลเราได้ตั้งแต่เรื่องสุขภาพ การออกกำลังกาย ไปจนถึงการทำงานให้สะดวกสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ แล้วพอพูดถึงสมาร์ทวอทช์ตัวท็อป แน่นอนว่า Apple Watch ต้องเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจแน่นอน

แต่พอจะเลือกซื้อจริง ๆ ก็แอบปวดหัวเบา ๆ ใช่ไหมล่ะคะ? เพราะ Apple เขาขยันออกรุ่นใหม่มาให้เราใจสั่นอยู่เรื่อย ๆ ทั้งรุ่นเรือธงล่าสุด รุ่นสายลุยสมบุกสมบัน หรือรุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคา ทำให้เกิดคำถามโลกแตกที่ว่า แล้วสรุป Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะเหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของเราที่สุดกันแน่? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะบทความนี้จะมาเป็นเพื่อนซี้ที่ช่วยเพื่อน ๆ ตัดสินใจเอง เราได้รวบรวมข้อมูลมาแบบจัดเต็ม คัดมาเน้น ๆ ถึง 10 อันดับ Apple Watch ที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ พร้อมเจาะลึกทุกรายละเอียด ตั้งแต่ดีไซน์ สเปกเด่น ฟีเจอร์ลับ ไปจนถึงรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในมุมมองต่าง ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ เห็นภาพชัดเจนที่สุดว่ารุ่นไหนคือ “คนที่ใช่” สำหรับเรา

และสำหรับใครที่กำลังมองหาแกดเจ็ตอื่น ๆ มาเสริมทัพความปัง นอกจากจะดูว่า Apple Watch รุ่นไหนดี แล้ว การมี Airpods รุ่นดีๆ สักคู่ไว้ฟังเพลงตอนออกกำลังกาย หรือมี Macbook รุ่นเด็ดๆ ไว้ทำงานคู่กัน ก็จะทำให้ Ecosystem ของ Apple สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ เอาล่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูตารางเปรียบเทียบภาพรวมกันก่อนเลยดีกว่า ว่าแต่ละรุ่นมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง แล้วค่อยตามไปอ่านรีวิวฉบับเต็มกันต่อ รับรองว่าอ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ จะได้คำตอบแน่นอนว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ต้องมีไว้ครอบครองในปี 2025 นี้ค่ะ!

จัดอันดับ 10 Apple Watch รุ่นไหนดี แห่งปี 2025

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด ลองดูตารางเปรียบเทียบสรุปสเปกเด่นและคะแนนภาพรวมของแต่ละรุ่นที่เราคัดมาให้กันก่อนได้เลยค่ะ ตารางนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านรีวิวแบบเจาะลึกในแต่ละอันดับที่เราเตรียมไว้ให้แบบละเอียดสุด ๆ ค่ะ

ตารางเปรียบเทียบสรุป Apple Watch รุ่นไหนดี

คุณสมบัติ Apple Watch Series 10 Apple Watch Series 9 Apple Watch Ultra 2 Apple Watch SE (Gen 2) Apple Watch Series 8 Apple Watch Series 7 Apple Watch SE (Gen 1) Apple Watch Ultra (Gen 1) Apple Watch Series 6 Apple Watch Series 5
อันดับที่ 🥇 🥈 🥉 4 5 6 7 8 9 10
รูปภาพสินค้า Apple Watch Series 10 Apple Watch Series 9 Apple Watch Ultra 2 Apple Watch SE (Gen 2) Apple Watch Series 8 Apple Watch Series 7 Apple Watch SE (Gen 1) Apple Watch Ultra (Gen 1) Apple Watch Series 6 Apple Watch Series 5
ชื่อสินค้า (กดเพื่อเลื่อนไปดูรายละเอียด) Apple Watch Series 10 Apple Watch Series 9 Apple Watch Ultra 2 Apple Watch SE (Gen 2) Apple Watch Series 8 Apple Watch Series 7 Apple Watch SE (Gen 1) Apple Watch Ultra (Gen 1) Apple Watch Series 6 Apple Watch Series 5
สเปกเด่น ชิป S10, ดีไซน์ใหม่, เซ็นเซอร์วัดน้ำตาลในเลือด, จอ microLED, แบตอึดขึ้น ชิป S9, Double Tap, จอสว่าง 2000 nits, Siri บนเครื่อง, Find My สำหรับ iPhone ชิป S9, จอสว่าง 3000 nits, แบต 36-72 ชม., GPS ความถี่คู่, ทนทานไทเทเนียม ชิป S8, Crash Detection, กันน้ำ 50ม., Family Setup, ราคาเข้าถึงง่าย ชิป S8, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ, Crash Detection, Low Power Mode, จอใหญ่ จอใหญ่ขึ้น 20%, ชาร์จเร็ว, ทนทาน, คีย์บอร์ด QWERTY, กันฝุ่น IP6X ชิป S5, จอ Retina, Fall Detection, Family Setup, รุ่นเริ่มต้นสุดคุ้ม ตัวเรือนไทเทเนียม 49 มม., ปุ่ม Action, แบต 36 ชม., GPS ความถี่คู่, ทนทานสูง เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, ชิป S6, จอ Always-On สว่างขึ้น, วัดระดับความสูง จอ Always-On Retina, เข็มทิศ, Fall Detection, App Store บนนาฬิกา
คะแนน ★★★★★ (9.8/10) ★★★★★ (9.5/10) ★★★★★ (9.4/10) ★★★★☆ (9.0/10) ★★★★☆ (8.8/10) ★★★★☆ (8.6/10) ★★★★☆ (8.4/10) ★★★★☆ (8.9/10) ★★★★☆ (8.5/10) ★★★☆☆ (8.2/10)
เหมาะกับใคร ผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีล่าสุดและฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูงที่สุด ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเร็ว ฟีเจอร์ครบครันในชีวิตประจำวัน สายแอดเวนเจอร์ นักกีฬาเอ็กซ์ตรีม และคนที่ต้องการความทนทานสูงสุด ผู้เริ่มต้น, เด็ก, ผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องการฟีเจอร์หลักในราคาสบายกระเป๋า ผู้หญิงที่เน้นฟีเจอร์ติดตามรอบเดือนและคนที่ต้องการความปลอดภัย คนที่ชอบจอใหญ่ พิมพ์สะดวก และต้องการความทนทานที่อัปเกรดขึ้น ผู้ที่เริ่มต้นใช้ Apple Watch และต้องการความคุ้มค่าสูงสุด สายลุยที่ต้องการความทนทานและแบตอึดในรุ่นแรก คนที่ต้องการฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือดและประสิทธิภาพที่ดี ผู้ที่ต้องการจอ Always-On และฟีเจอร์พื้นฐานครบในราคาที่ย่อมเยา
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

 

1. Apple Watch Series 10 ★★★★★

“ที่สุดแห่งนวัตกรรมบนข้อมือ ดีไซน์ใหม่หมดจด พร้อมเซ็นเซอร์สุขภาพแห่งอนาคตที่ทุกคนรอคอย”

Apple Watch Series 10

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาถึงอันดับหนึ่งที่ทุกคนรอคอย กับ Apple Watch Series 10 ที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการสมาร์ทวอทช์อย่างแท้จริงค่ะ! ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาคำตอบสุดท้ายว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่สุดแห่งปี 2025 บอกเลยว่าต้องเป็นรุ่นนี้เท่านั้น! Series 10 ไม่ได้เป็นแค่การอัปเกรดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ดีไซน์ที่บางเฉียบลง ขอบจอมนโค้งที่ดูหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น ไปจนถึงการมาของเทคโนโลยีจอภาพ microLED ที่ให้สีสันสดใสและประหยัดพลังงานกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ไฮไลท์เด็ดที่ทำให้ Series 10 ก้าวล้ำไปอีกขั้นคือ “เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบไม่ต้องเจาะ” ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนใฝ่ฝันมานาน ทำให้การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำตาลเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S10 SiP พร้อม Neural Engine ที่เร็วและฉลาดขึ้น
  • จอภาพ: Always-On microLED Display ขอบจอบางเฉียบ สว่างและประหยัดพลังงาน
  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose), ECG, ออกซิเจนในเลือด (Blood Oxygen), วัดอุณหภูมิร่างกาย
  • ดีไซน์: ตัวเรือนดีไซน์ใหม่ บางและเบาลง พร้อมวัสดุพรีเมียม
  • แบตเตอรี่: ใช้งานได้ยาวนานขึ้น รองรับ Low Power Mode ที่ฉลาดกว่าเดิม
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, UWB Chip รุ่นที่ 2
จุดเด่น
  • เซ็นเซอร์วัดน้ำตาลในเลือดแบบไม่ต้องเจาะ เป็น Game Changer
  • ดีไซน์ใหม่หมดจด บางเบาและสวยงามมาก
  • จอ microLED สวยคมชัด ประหยัดแบตเตอรี่สุดๆ
  • ชิป S10 ประมวลผลเร็วแรง รองรับ AI บนเครื่อง
  • แบตเตอรี่อึดขึ้น ใช้งานข้ามวันได้สบาย
ข้อควรพิจารณา
  • ราคาสูงที่สุดในบรรดาทุกรุ่น
  • ฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูงอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้บางคน

รีวิวแบบเจาะลึก

การมาของ Apple Watch Series 10 ถือเป็นการตอกย้ำว่า Apple ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพค่ะ การตัดสินใจเลือกซื้อ Apple Watch รุ่นไหนดี ในปีนี้จึงง่ายขึ้นมากสำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นอันดับแรก เพราะฟีเจอร์การวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะปลายนิ้ว (Non-invasive Blood Glucose Monitoring) นั้นทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์อินฟราเรดส่องผ่านผิวหนังเพื่อวิเคราะห์ระดับกลูโคสในเลือด ซึ่งให้ผลที่แม่นยำและสามารถติดตามข้อมูลได้ตลอดทั้งวันผ่านแอป Health บน iPhone มันไม่ใช่แค่สะดวกสบายนะคะ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานและกลุ่มเสี่ยงไปเลยค่ะ จากที่ต้องคอยเจาะเลือดทุกวัน ก็เปลี่ยนมาเป็นการดูข้อมูลบนข้อมือได้ทันที พร้อมรับการแจ้งเตือนเมื่อระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป นอกจากนี้ ชิป S10 ที่มาพร้อม Neural Engine ที่ทรงพลังกว่าเดิม ยังทำให้การประมวลผลข้อมูลสุขภาพทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วและชาญฉลาด สามารถวิเคราะห์แนวโน้มและให้คำแนะนำส่วนบุคคลได้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ ทำให้ Series 10 ไม่ใช่แค่นาฬิกา แต่เป็นเหมือนพยาบาลส่วนตัวที่ดูแลเรา 24 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ

ในด้านดีไซน์และประสบการณ์ใช้งาน Series 10 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ตัวเรือนที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้สวมใส่สบายขึ้นมาก ไม่ว่าจะใส่ทำงาน ออกกำลังกาย หรือใส่นอนเพื่อติดตามการนอนหลับ การเปลี่ยนมาใช้จอภาพแบบ microLED ไม่เพียงแต่ให้ภาพที่สว่างและสีสันที่สมจริงกว่าจอ OLED เดิมเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์ Always-On Display ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดเร็วเหมือนรุ่นก่อน ๆ ค่ะ watchOS เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับ Series 10 ยังได้รับการออกแบบ Interface ใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น มี Widget ที่แสดงข้อมูลได้มากขึ้น และทำงานร่วมกับ AI เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของเราและแนะนำแอปหรือข้อมูลที่จำเป็นในช่วงเวลานั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น หากมีคนมาถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด คำตอบเดียวในใจตอนนี้ก็คือ Apple Watch Series 10 เท่านั้นจริงๆ ค่ะ มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

คะแนนที่ได้

9.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ฟีเจอร์วัดน้ำตาลคือที่สุดแล้วค่ะ! เปลี่ยนชีวิตคนเป็นเบาหวานอย่างเราไปเลย ไม่ต้องเจ็บตัวทุกวันแล้ว รักมาก” – คุณนภา, อายุ 52
“ดีไซน์ใหม่สวยมากครับ จอบางเฉียบ ใส่แล้วดูดีขึ้นเยอะเลย แบตก็อึดกว่าเดิมจริง ๆ ครับ ยอมจ่ายเลย” – อาร์ม, อายุ 34


2. Apple Watch Series 9 ★★★★★

“เร็วแรงกว่าที่เคย ด้วยชิป S9 และฟีเจอร์ Double Tap สุดล้ำ คู่หูที่ใช่สำหรับทุกวัน”

Apple Watch Series 9

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อาจจะรู้สึกว่า Series 10 นั้นฟีเจอร์ล้ำเกินความจำเป็นไปนิด หรือมีงบที่จำกัดลงมาหน่อย แต่ยังต้องการประสบการณ์ที่เร็วแรงและทันสมัยอยู่ Apple Watch Series 9 คือคำตอบที่ลงตัวที่สุดค่ะ! รุ่นนี้อาจจะไม่ได้มีดีไซน์ที่เปลี่ยนไปจาก Series 8 มากนัก แต่หัวใจหลักของมันถูกอัปเกรดขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดด้วยชิป S9 SiP ตัวใหม่ที่แรงขึ้นมาก ทำให้ทุกการใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด และที่สำคัญคือการมาของฟีเจอร์มหัศจรรย์อย่าง “Double Tap” ที่ให้เราใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะกันสองครั้งเพื่อควบคุมนาฬิกาได้ ไม่ว่าจะรับสาย, ปิดนาฬิกาปลุก หรือเลื่อนดูวิดเจ็ต ก็ทำได้ง่าย ๆ แม้มืออีกข้างจะไม่ว่าง ถือเป็นตัวเลือกที่ฉลาดมากสำหรับคนที่สงสัยว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายขึ้นจริง ๆ ค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S9 SiP พร้อม Neural Engine 4-core
  • จอภาพ: Always-On Retina Display สว่างสูงสุด 2,000 nits
  • ฟีเจอร์เด่น: Double Tap gesture, Siri on-device, Precision Finding for iPhone
  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: ECG, ออกซิเจนในเลือด, วัดอุณหภูมิร่างกาย, Crash Detection
  • วัสดุ: อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล (มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลางทางคาร์บอน)
จุดเด่น
  • ชิป S9 เร็วและแรงมาก ใช้งานลื่นไหลสุดๆ
  • ฟีเจอร์ Double Tap สะดวกและล้ำมาก
  • Siri ประมวลผลบนเครื่องได้ รวดเร็วและเป็นส่วนตัว
  • จอภาพสว่างถึง 2,000 nits สู้แดดได้สบาย
  • มี Precision Finding ช่วยหา iPhone ได้แม่นยำ
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์ไม่แตกต่างจาก Series 8
  • แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ 18 ชั่วโมงเท่าเดิม

รีวิวแบบเจาะลึก

หัวใจสำคัญของ Apple Watch Series 9 คือชิป S9 ที่มีทรานซิสเตอร์มากกว่าชิป S8 ถึง 60% และ GPU ที่เร็วขึ้น 30% ผลลัพธ์คืออนิเมชันที่เนียนตากว่าเดิม การเปิดแอปที่รวดเร็วทันใจ และที่สำคัญคือการปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ ของ Neural Engine ค่ะ หนึ่งในนั้นคือการทำให้ Siri สามารถประมวลผลคำสั่งบางอย่างได้บนตัวนาฬิกาเลย (On-device Siri) โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไป-กลับที่เซิร์ฟเวอร์ ทำให้การสั่งเริ่มออกกำลังกายหรือตั้งนาฬิกาปลุกทำได้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น และยังสามารถถามข้อมูลสุขภาพจาก Siri ได้ด้วย เช่น “เมื่อคืนฉันนอนไปกี่ชั่วโมง?” หรือ “วงแหวนกิจกรรมของฉันเป็นยังไงบ้าง?” นี่คือความสะดวกสบายที่ทำให้ Series 9 เป็นคำตอบที่น่าสนใจมากสำหรับคำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับการใช้งานในชีวิตจริงค่ะ และแน่นอนว่าฟีเจอร์ Double Tap คือพระเอกตัวจริง แค่แตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าด้วยกันสองครั้งก็สามารถควบคุมฟังก์ชันหลัก ๆ ได้ มันมีประโยชน์มากในสถานการณ์ที่เราถือของเต็มไม้เต็มมือ หรือกำลังจูงน้องหมาอยู่ค่ะ

นอกจากความเร็วแรงแล้ว Series 9 ยังมาพร้อมจอภาพที่สว่างขึ้นถึง 2 เท่า คือสูงสุด 2,000 nits ทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้จะอยู่กลางแดดจ้า และยังสามารถหรี่แสงลงได้ถึง 1 nit ในที่มืด เช่น โรงภาพยนตร์ เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาค่ะ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลายคนต้องรักคือ Precision Finding สำหรับ iPhone 15 ที่ใช้ชิป Ultra Wideband รุ่นที่ 2 เหมือนกัน มันสามารถนำทางเราไปยังตำแหน่งของ iPhone ได้อย่างแม่นยำ บอกทั้งทิศทางและระยะห่าง พร้อมการสั่นเตือนเมื่อเข้าใกล้ หมดปัญหาการหาโทรศัพท์ไม่เจอไปเลยค่ะ แม้ว่าดีไซน์ภายนอกและอายุการใช้งานแบตเตอรี่จะยังคงเหมือนเดิม แต่ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้งานได้จริง ทำให้การตัดสินใจเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ระหว่างรุ่นใหม่ล่าสุดกับรุ่นที่รองลงมานั้น Series 9 ถือเป็นตัวเลือกที่สมดุลและคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ในปีนี้ค่ะ

คะแนนที่ได้

9.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชอบ Double Tap มากค่ะ! ตอนอุ้มลูกอยู่แล้วมีสายเข้า ก็รับได้เลย ไม่ต้องปล่อยมือ สะดวกจริง ๆ ค่ะ” – คุณใหม่, อายุ 31
“เครื่องเร็วขึ้นแบบรู้สึกได้เลยครับ Siri ก็ตอบสนองไวขึ้นเยอะ ฟีเจอร์หาไอโฟนก็แม่นมาก ไม่ผิดหวังที่อัปเกรดครับ” – บอส, อายุ 28


3. Apple Watch Ultra 2 ★★★★★

“ที่สุดของความแกร่งและสว่างไสว เพื่อนคู่ใจสายลุย แบตอึดสะใจ พร้อมลุยทุกการผจญภัย”

Apple Watch Ultra 2

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าไลฟ์สไตล์ของเพื่อน ๆ คือการผจญภัย ปีนเขา ดำน้ำ หรือเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม และกำลังตั้งคำถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะทนทานและตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ได้ ต้องนี่เลยค่ะ Apple Watch Ultra 2! รุ่นนี้คือที่สุดของความทรงพลังและความทนทานที่ Apple เคยสร้างมา ด้วยตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 49 มม. ที่แข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD 810H พร้อมลุยได้ทุกสภาพอากาศ ตั้งแต่ทะเลทรายที่ร้อนระอุไปจนถึงยอดเขาที่หนาวเหน็บ ในรุ่นที่ 2 นี้ยังได้รับการอัปเกรดขุมพลังด้วยชิป S9 ตัวเดียวกับ Series 9 ทำให้ได้ฟีเจอร์ Double Tap และ On-device Siri มาใช้งานด้วย แต่จุดที่ทำให้ Ultra 2 โดดเด่นจนต้องร้องว้าวคือจอภาพที่สว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Apple Watch ถึง 3,000 nits! ทำให้มองเห็นข้อมูลได้ชัดเจนแม้อยู่ใต้แสงแดดที่เจิดจ้าที่สุดค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S9 SiP พร้อมฟีเจอร์ Double Tap และ Siri on-device
  • จอภาพ: Always-On Retina Display สว่างสูงสุด 3,000 nits
  • ความทนทาน: ตัวเรือนไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ, ทนน้ำ 100 ม., กันฝุ่น IP6X, ผ่านการทดสอบ MIL-STD 810H
  • แบตเตอรี่: ใช้งานปกติ 36 ชั่วโมง, โหมด Low Power สูงสุด 72 ชั่วโมง
  • ฟีเจอร์สำหรับสายลุย: GPS ความถี่คู่ที่แม่นยำสูง, แอป Oceanic+ สำหรับดำน้ำ, ปุ่ม Action ที่ปรับแต่งได้, ไซเรน 86 เดซิเบล
จุดเด่น
  • แบตเตอรี่อึดที่สุด ใช้งานได้หลายวัน
  • จอภาพสว่างมากถึง 3,000 nits
  • ทนทานขั้นสุด เหมาะกับทุกกิจกรรมสมบุกสมบัน
  • GPS ความถี่คู่แม่นยำมากในที่อับสัญญาณ
  • ปุ่ม Action และฟีเจอร์เฉพาะทางมีประโยชน์มาก
ข้อควรพิจารณา
  • ขนาดใหญ่และหนา อาจไม่เหมาะกับคนข้อมือเล็ก
  • ราคาสูงกว่า Series ปกติอย่างชัดเจน

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่ทำให้ Apple Watch Ultra 2 เป็นคำตอบของคำถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับสายแอดเวนเจอร์ คือฟีเจอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะค่ะ เริ่มจาก GPS แบบความถี่คู่ (L1 และ L5) ที่ให้ความแม่นยำในการระบุตำแหน่งสูงมาก แม้จะอยู่ในเมืองที่มีตึกสูงหนาแน่นหรือในหุบเขาลึก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิ่งเทรลหรือนักปีเขาต้องการอย่างยิ่ง ปุ่ม Action สีส้มสดใสที่ด้านข้างก็เป็นอีกหนึ่งความพิเศษ เราสามารถตั้งค่าให้เป็นทางลัดเพื่อเริ่มออกกำลังกาย, เปิดไฟฉาย, มาร์กจุด Waypoint ด้วยเข็มทิศ หรือเริ่มดำน้ำได้ในคลิกเดียว สำหรับสายกิจกรรมทางน้ำ Ultra 2 สามารถทนน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร และทำงานร่วมกับแอป Oceanic+ เปลี่ยนนาฬิกาให้กลายเป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบได้เลยค่ะ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมงในโหมดปกติ และยืดได้ถึง 72 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน ทำให้เราสามารถออกทริปสุดสัปดาห์ได้โดยไม่ต้องพกที่ชาร์จเลยค่ะ

นอกเหนือจากความถึกทนแล้ว Ultra 2 ยังคงเป็น Smart Watch ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยพลังของชิป S9 ทำให้ทุกอย่างรวดเร็วและลื่นไหลเหมือน Series 9 การมีฟีเจอร์ Double Tap ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในเวลาที่เราไม่สะดวกใช้มืออีกข้าง หน้าปัดนาฬิกา Modular Ultra ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ก็สามารถแสดงข้อมูลได้เยอะมาก ตั้งแต่ระดับความสูง, ความลึก, จนถึงเวลาวินาทีแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับนักกีฬาหรือคนที่ชอบดูข้อมูลเยอะ ๆ บนหน้าจอเดียวค่ะ แม้ว่าขนาดที่ใหญ่และราคาที่สูงอาจทำให้มันไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงและกำลังมองหาว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะสามารถตามคุณไปได้ทุกที่และไม่มีวันทำให้ผิดหวัง Apple Watch Ultra 2 คือคู่หูที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วค่ะ

คะแนนที่ได้

9.4/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“แบตอึดมากค่ะ! ไปเที่ยวต่างจังหวัด 3 วันกลับมายังไม่หมดเลย จอสู้แดดดีมากตอนไปทะเล ชอบปุ่ม Action สุด ๆ ค่ะ” – คุณจิ๊บ, อายุ 35 (นักเดินทาง)
“GPS แม่นยำมากครับ ใช้วิ่งเทรลในป่าไม่มีหลงเลย ตัวเรือนก็ทนจริง ล้มลุกคลุกคลานมาหลายรอบยังไม่มีรอยเลยครับ” – เอก, อายุ 40 (นักวิ่งเทรล)


4. Apple Watch SE (Gen 2) ★★★★☆

“ความสามารถหลักครบครัน ในราคาที่ใช่ที่สุด จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสู่โลกของ Apple Watch”

Apple Watch SE (Gen 2)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาต่อกันที่รุ่นขวัญใจมหาชนกันบ้างค่ะ! สำหรับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่วงการ Apple Watch หรือกำลังมองหานาฬิกาอัจฉริยะให้ลูก ๆ หรือผู้สูงอายุในบ้านใช้ และมีคำถามในใจว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่คุ้มค่าและได้ฟีเจอร์สำคัญครบ ๆ โดยไม่ต้องจ่ายแพง Apple Watch SE (Gen 2) คือคำตอบที่ใช่เลยค่ะ! รุ่น SE เปรียบเสมือนการนำเอาส่วนที่ดีที่สุดของ Apple Watch มารวมไว้ในราคาที่เข้าถึงง่าย ถึงแม้จะไม่มีฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูงอย่าง ECG หรือวัดออกซิเจนในเลือด และไม่มีจอภาพแบบ Always-On แต่หัวใจหลักของมันใช้ชิป S8 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ใน Series 8 ทำให้ประสิทธิภาพของมันเร็วและแรงพอที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S8 SiP (ตัวเดียวกับ Series 8)
  • จอภาพ: Retina LTPO OLED Display สว่างสูงสุด 1,000 nits
  • ฟีเจอร์ความปลอดภัย: Crash Detection, Fall Detection, Emergency SOS
  • ฟีเจอร์หลัก: ติดตามการออกกำลังกาย, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ติดตามการนอน, กันน้ำ 50 เมตร
  • คุณสมบัติพิเศษ: Family Setup, ฝาหลังดีไซน์ใหม่ที่ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
จุดเด่น
  • ราคาเข้าถึงง่ายและคุ้มค่ามาก
  • ประสิทธิภาพเร็วแรงด้วยชิป S8
  • มีฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญครบ (Crash/Fall Detection)
  • รองรับ Family Setup เหมาะกับทุกคนในครอบครัว
  • น้ำหนักเบา ใส่สบาย
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีจอภาพ Always-On
  • ไม่มีเซ็นเซอร์ ECG และ Blood Oxygen
  • ขอบจอหนากว่า Series รุ่นใหม่ๆ

รีวิวแบบเจาะลึก

แม้ว่า Apple Watch SE จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ความสามารถของมันไม่ได้เริ่มต้นตามราคานะคะ! สิ่งที่ทำให้ SE รุ่นที่ 2 นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากคือการได้ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญอย่าง Crash Detection (การตรวจจับการชนกันอย่างรุนแรง) และ Fall Detection (การตรวจจับการล้ม) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่อาจช่วยชีวิตเราได้จริง ๆ ค่ะ เมื่อนาฬิกาตรวจพบเหตุการณ์รุนแรง มันจะติดต่อบริการฉุกเฉินและแจ้งเตือนรายชื่อติดต่อฉุกเฉินของเราโดยอัตโนมัติ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์, ผู้สูงอายุ, หรือแม้แต่เด็ก ๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังรองรับ Family Setup ที่ให้เราตั้งค่า Apple Watch ให้กับสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มี iPhone ได้ ทำให้เราสามารถติดตามตำแหน่ง, ตั้งค่าการติดต่อ, และดูข้อมูลสุขภาพของพวกเขาได้จาก iPhone ของเราเอง นี่จึงเป็นคำตอบที่ดีมากสำหรับคนที่ถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะซื้อให้คนที่เรารักและเป็นห่วงค่ะ

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป Apple Watch SE ทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีที่ติค่ะ สามารถติดตามการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ, วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดวัน, แจ้งเตือนเมื่อหัวใจเต้นสูงหรือต่ำผิดปกติ, และติดตามคุณภาพการนอนหลับของเราได้อย่างละเอียดผ่านแอป Sleep การแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ, การรับสาย-โทรออก, หรือการใช้ Apple Pay ก็ทำได้สะดวกสบายเหมือนรุ่นพี่ทุกอย่างค่ะ ถึงแม้จะต้องแลกกับการไม่มี่จอ Always-On (ซึ่งหมายความว่าเราต้องยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา) และไม่มีเซ็นเซอร์สุขภาพบางตัว แต่ถ้าหากฟีเจอร์เหล่านั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับไลฟ์สไตล์ของเพื่อน ๆ แล้วล่ะก็ การเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด Apple Watch SE คือผู้ชนะแบบนอนมาเลยค่ะ มันคือประตูบานแรกที่เปิดให้เราได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของ Apple Watch ในราคาที่ใคร ๆ ก็เป็นเจ้าของได้ค่ะ

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อให้คุณแม่ใช้ค่ะ ฟีเจอร์ Fall Detection ทำให้สบายใจขึ้นเยอะเลย ท่านก็ชอบที่มันใช้ง่าย ไม่ซับซ้อนค่ะ” – คุณปลา, อายุ 38
“เป็น Apple Watch เรือนแรกของผมเลยครับ คุ้มมาก! ได้ฟีเจอร์หลักๆ ครบ ใช้จ่ายเงินสะดวก ออกกำลังกายก็สนุกขึ้นครับ” – เจมส์, อายุ 22


5. Apple Watch Series 8 ★★★★☆

“เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเพื่อสุขภาพสตรีที่ล้ำลึก พร้อมความปลอดภัยที่อุ่นใจยิ่งขึ้น”

Apple Watch Series 8

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

แม้ว่าจะมีรุ่นใหม่กว่าออกมาแล้ว แต่ Apple Watch Series 8 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ในปี 2025 โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง หรือใครก็ตามที่ต้องการฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและสุขภาพที่ครบครันในราคาที่ย่อมเยาลงมาจาก Series 9 ค่ะ จุดขายหลักที่ทำให้ Series 8 ยังคงโดดเด่นคือ “เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย” ซึ่งทำงานร่วมกับแอป Cycle Tracking เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตกไข่ย้อนหลังและคาดการณ์รอบเดือนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับผู้หญิงที่กำลังวางแผนครอบครัวหรือต้องการเข้าใจร่างกายตัวเองให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ฟีเจอร์ Crash Detection มาเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ด้วย ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีสำหรับคำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่เน้นเรื่องสุขภาพของผู้หญิงและความปลอดภัยเป็นพิเศษค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S8 SiP
  • จอภาพ: Always-On Retina Display ขอบบางจรดขอบ
  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ, ECG, ออกซิเจนในเลือด, Crash Detection
  • ฟีเจอร์เด่น: Cycle Tracking พร้อมการคาดคะเนช่วงไข่ตกย้อนหลัง, Low Power Mode
  • ดีไซน์: จอใหญ่ ขอบบาง มีให้เลือกทั้งอะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล
จุดเด่น
  • มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ มีประโยชน์ต่อสุขภาพสตรีมาก
  • มีฟีเจอร์ความปลอดภัย Crash Detection
  • จอใหญ่ Always-On Display สวยงาม
  • ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน ทั้ง ECG และ Blood Oxygen
  • ราคาปรับลงมา ทำให้คุ้มค่ามากขึ้น
ข้อควรพิจารณา
  • ชิปประมวลผลไม่เร็วเท่า S9
  • ไม่มีฟีเจอร์ Double Tap และ On-device Siri
  • ความสว่างจอสูงสุดที่ 1,000 nits

รีวิวแบบเจาะลึก

การทำงานของเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิใน Apple Watch Series 8 นั้นน่าทึ่งมากค่ะ มันประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 2 ตัว ตัวหนึ่งอยู่ด้านหลังใกล้กับผิวหนัง และอีกตัวอยู่ใต้จอภาพ เพื่อลดความคลาดเคลื่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ในตอนกลางคืน นาฬิกาจะวัดอุณหภูมิที่ข้อมือทุก ๆ 5 วินาที และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่น้อยเพียง 0.1°C ได้ ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในแอป Health เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายพื้นฐาน ซึ่งมักจะสูงขึ้นหลังจากการตกไข่ ทำให้ผู้หญิงสามารถเห็นภาพรวมของรอบเดือนตัวเองได้ชัดเจนขึ้นและวางแผนสุขภาพได้ดีขึ้นค่ะ นี่คือฟีเจอร์ที่ทำให้ Series 8 ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและตอบโจทย์คำถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคุณผู้หญิงได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การมี Low Power Mode ก็ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่จาก 18 ชั่วโมงไปได้ถึง 36 ชั่วโมง โดยยังคงเปิดใช้งานฟีเจอร์หลัก ๆ อย่างการติดตามกิจกรรมและ Fall Detection ได้อยู่ ซึ่งมีประโยชน์มากในวันที่เราลืมชาร์จหรือต้องเดินทางไกลค่ะ

ในด้านอื่น ๆ Series 8 ก็ยังคงมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียม ด้วยหน้าจอ Always-On Retina Display ที่ใหญ่และขอบบาง ทำให้หน้าปัดนาฬิกาดูสวยงามและอ่านข้อมูลได้ง่าย มีเซ็นเซอร์สุขภาพครบครันทั้ง ECG สำหรับตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ Blood Oxygen สำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังภาวะสุขภาพต่าง ๆ การที่มันมาพร้อมกับฟีเจอร์ Crash Detection ก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทางไปอีกระดับค่ะ แม้ว่าประสิทธิภาพของชิป S8 จะไม่เร็วเท่าชิป S9 ในรุ่นใหม่ และไม่มีฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Double Tap แต่ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ การเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี โดยมองที่ความคุ้มค่าของฟีเจอร์สุขภาพและความปลอดภัยที่มีให้ Apple Watch Series 8 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ฉลาดและน่าลงทุนมาก ๆ ในปี 2025 นี้ค่ะ

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ใช้ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือนอยู่ค่ะ ข้อมูลแม่นยำขึ้นเยอะเลย ช่วยให้วางแผนชีวิตง่ายขึ้นมาก ๆ ค่ะ” – คุณฝน, อายุ 29
“ผมว่ามันเป็นรุ่นที่ครบเครื่องดีนะ ได้จอใหญ่ Always-on มี ECG ด้วย ในราคาที่ตอนนี้ไม่แรงแล้ว ถือว่าคุ้มครับ” – ท็อป, อายุ 36


6. Apple Watch Series 7 ★★★★☆

“จอใหญ่เต็มตา พิมพ์ง่ายขึ้น พร้อมความทนทานที่อัปเกรดไปอีกขั้น”

Apple Watch Series 7

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ให้ความสำคัญกับขนาดหน้าจอและประสบการณ์การมองเห็น Apple Watch Series 7 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ ถึงจะเป็นรุ่นที่ออกมาสักพักแล้ว แต่ก็เป็นรุ่นแรกที่ปฏิวัติเรื่องดีไซน์หน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับ Series 6 ทำให้ขอบจอบางลงอย่างเห็นได้ชัด การมีพื้นที่หน้าจอมากขึ้นไม่ได้แค่ทำให้ดูสวยงามเต็มตาเท่านั้นนะคะ แต่มันยังทำให้การใช้งานจริงสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะการอ่านการแจ้งเตือนยาว ๆ หรือการใช้คีย์บอร์ด QWERTY แบบเต็ม ๆ เพื่อพิมพ์ตอบข้อความ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มาในรุ่นนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นถ้ามีคนถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จอใหญ่พิมพ์สะดวกในราคาที่จับต้องได้ Series 7 คือคำตอบที่ดีเลยค่ะ

สเปกเด่น

  • จอภาพ: Always-On Retina Display ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% (เทียบกับ Series 6)
  • ความทนทาน: ด้านหน้าแบบคริสตัลที่ทนการแตกร้าวได้ดีที่สุด, กันฝุ่นที่ระดับ IP6X
  • การชาร์จ: ชาร์จเร็วขึ้น 33% (เทียบกับ Series 6)
  • ฟีเจอร์เด่น: คีย์บอร์ด QWERTY แบบเต็ม, หน้าปัดนาฬิกา Contour และ Modular Duo
  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: ECG, ออกซิเจนในเลือด
จุดเด่น
  • หน้าจอใหญ่เต็มตา ใช้งานและมองเห็นได้ง่าย
  • มีคีย์บอร์ด QWERTY พิมพ์ตอบข้อความสะดวก
  • ชาร์จเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
  • ตัวเรือนทนทานต่อการแตกร้าวและกันฝุ่นได้ดี
  • ยังมีฟีเจอร์สุขภาพหลักครบครัน
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและ Crash Detection
  • ชิป S7 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ S6

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Apple Watch Series 7 คือเรื่องของจอภาพจริง ๆ ค่ะ การที่ Apple สามารถขยายพื้นที่หน้าจอให้ชิดขอบได้มากขึ้น ทำให้ทุกองค์ประกอบบนหน้าจอดูใหญ่และชัดเจนขึ้น ปุ่มต่าง ๆ ใน Control Center ก็กดง่ายขึ้น และที่สำคัญคือการมาของคีย์บอร์ด QWERTY ที่ให้เราสามารถพิมพ์ตอบกลับได้โดยการแตะหรือการลากนิ้วแบบ QuickPath ซึ่งสะดวกกว่าการเขียนข้อความทีละตัวอักษรหรือการใช้เสียง υπαγόρευση มากค่ะ นอกจากนี้ Apple ยังออกแบบหน้าปัดนาฬิกาใหม่ ๆ เช่น Contour และ Modular Duo เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่หน้าจอที่เพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ ทำให้ Series 7 เป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ต้องการนาฬิกาที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือบอกเวลา แต่เป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้งานได้จริงบนข้อมือค่ะ ความทนทานก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการอัปเกรด ด้วยด้านหน้าแบบคริสตัลที่หนาขึ้นกว่า 50% ทำให้ทนต่อการแตกร้าวได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Apple Watch และยังเป็นรุ่นแรกที่ได้รับการรับรองการทนฝุ่นที่ระดับ IP6X อีกด้วยค่ะ

อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญคือระบบการชาร์จที่เร็วขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยใช้สาย USB-C Magnetic Fast Charging Cable ทำให้การชาร์จจาก 0-80% ใช้เวลาเพียงประมาณ 45 นาทีเท่านั้น ซึ่งมีประโยชน์มากในวันที่เรารีบ ๆ หรือต้องการชาร์จแบตสั้น ๆ ก่อนเข้านอนเพื่อใช้ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับค่ะ แม้ว่า Series 7 จะไม่มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิหรือ Crash Detection เหมือนใน Series 8 แต่ก็ยังคงมีเซ็นเซอร์สุขภาพที่สำคัญอย่าง ECG และ Blood Oxygen ครบถ้วน ทำให้ยังสามารถดูแลสุขภาพในภาพรวมได้เป็นอย่างดีค่ะ ดังนั้น หากเพื่อน ๆ กำลังมองหาว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ให้จอภาพขนาดใหญ่ที่ทันสมัย ประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีเยี่ยม และความทนทานที่ไว้ใจได้ในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้นในปี 2025 นี้ Apple Watch Series 7 ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ

คะแนนที่ได้

8.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชอบจอใหญ่ของรุ่นนี้มากค่ะ มองง่าย สบายตา พิมพ์ตอบไลน์ง่ายขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องหยิบมือถือบ่อย ๆ” – คุณแอน, อายุ 42
“ใช้มา 2 ปีกว่าแล้วยังดีอยู่เลยครับ ชาร์จไวดีมาก ตอนนี้ราคามือสองน่าจะดีมาก ใครหามือสองอยู่รุ่นนี้น่าสนครับ” – นนท์, อายุ 33


7. Apple Watch SE (Gen 1) ★★★★☆

“รุ่นคุ้มค่าในตำนาน ฟีเจอร์จำเป็นครบ ในราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุด”

Apple Watch SE (Gen 1)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

หากเพื่อน ๆ มีงบประมาณที่จำกัดมาก ๆ หรือกำลังมองหา Apple Watch เครื่องแรกในชีวิตเพื่อลองสัมผัสประสบการณ์ และกำลังคิดว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด Apple Watch SE (Gen 1) ที่แม้จะเลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังคงหาซื้อได้ในตลาดมือสองหรือร้านค้าบางแห่ง ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอยู่ค่ะ รุ่นนี้คือต้นตำรับของความคุ้มค่าที่แท้จริง โดยนำเอาดีไซน์คลาสสิกของ Series 4-6 มารวมกับชิป S5 ที่ยังคงมีประสิทธิภาพดีพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ทำให้ได้ฟีเจอร์หลัก ๆ ที่จำเป็นมาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการติดตามการออกกำลังกาย, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, และที่สำคัญคือมี Fall Detection มาให้ด้วยค่ะ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: S5 SiP
  • จอภาพ: Retina LTPO OLED Display
  • ฟีเจอร์ความปลอดภัย: Fall Detection, Emergency SOS
  • ฟีเจอร์หลัก: ติดตามการออกกำลังกาย, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, กันน้ำ 50 เมตร, เข็มทิศ
  • คุณสมบัติพิเศษ: รองรับ Family Setup
จุดเด่น
  • ราคาถูกและเข้าถึงง่ายที่สุด (โดยเฉพาะมือสอง)
  • มีฟีเจอร์ความปลอดภัย Fall Detection
  • ยังคงใช้งานฟีเจอร์หลักๆ ได้ครบถ้วน
  • รองรับ watchOS เวอร์ชันใหม่ๆ ได้อยู่
  • เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ใช้ใหม่
ข้อควรพิจารณา
  • ชิป S5 อาจไม่เร็วเท่ารุ่นใหม่ๆ
  • ไม่มีจอ Always-On, ECG, Blood Oxygen
  • ขอบจอค่อนข้างหนาเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

รีวิวแบบเจาะลึก

เสน่ห์ของ Apple Watch SE (Gen 1) คือการที่มันมอบ “ประสบการณ์หลัก” ของ Apple Watch ได้อย่างสมบูรณ์ในราคาที่ย่อมเยาที่สุดค่ะ เพื่อน ๆ ยังคงได้รับการแจ้งเตือนจากทุกแอป, รับสาย-โทรออกบนข้อมือ, ใช้ Apple Pay, ฟังเพลง, หรือติดตามวงแหวนกิจกรรมเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขยับร่างกายได้เหมือนรุ่นพี่ทุกประการ การที่มันมีฟีเจอร์ Fall Detection ก็ยังคงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการความปลอดภัยในราคาที่ไม่สูงเกินไปค่ะ และยังสามารถใช้ Family Setup ได้เหมือนกับ SE รุ่นที่ 2 ด้วย ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวที่ต้องการซื้อให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้ลองใช้ค่ะ แม้ว่าชิป S5 จะไม่ได้เร็วปรื๊ดปร๊าดเท่าชิป S8 หรือ S9 แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การเช็คข้อความ, การดูสภาพอากาศ, หรือการเริ่มจับเวลาออกกำลังกาย มันยังคงทำงานได้ดีและไม่รู้สึกว่าช้าจนน่ารำคาญค่ะ

แน่นอนว่าการเลือกรุ่นนี้ต้องยอมแลกกับบางสิ่งไปค่ะ จอภาพจะไม่มีฟีเจอร์ Always-On และมีขอบที่หนากว่ารุ่นใหม่ ๆ อย่างชัดเจน รวมถึงไม่มีเซ็นเซอร์สุขภาพขั้นสูงอย่าง ECG และ Blood Oxygen แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ มองว่าฟีเจอร์เหล่านั้นเป็นเพียง “ส่วนเสริม” ที่ไม่ได้จำเป็นต่อการใช้งานหลัก การประหยัดเงินหลายพันบาทเพื่อมาเลือกรุ่นนี้ก็ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดมากค่ะ ดังนั้น หากคำถามคือ Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคนงบน้อยจริง ๆ หรือคนที่อยากลองใช้ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนกับรุ่นที่แพงขึ้นในอนาคต การมองหา Apple Watch SE (Gen 1) ในสภาพดี ๆ ก็ยังคงเป็นคำตอบที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลอยู่เสมอค่ะ

คะแนนที่ได้

8.4/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อมือสองมาให้ลูกชายใช้ค่ะ คุ้มมาก! ใช้ Family Setup โทรหาเค้าได้ตลอด อุ่นใจดีค่ะ” – คุณก้อย, อายุ 45
“เป็นเรือนแรกของผมเลย ใช้มาจนทุกวันนี้ก็ยังโอเคนะครับ แค่ติดตามวิ่งกับแจ้งเตือนก็พอแล้วสำหรับผม” – เต้, อายุ 25


8. Apple Watch Ultra (Gen 1) ★★★★☆

“ต้นตำรับแห่งความทนทาน แบตอึดสะใจ ในราคาที่น่าคบหากว่าเดิม”

Apple Watch Ultra (Gen 1)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับสายลุยที่เคยใฝ่ฝันอยากจะได้ Apple Watch Ultra มาครอบครอง แต่ติดที่ราคาสูงเกินไป ตอนนี้คือโอกาสที่ดีเลยค่ะ! การมาของ Ultra 2 ทำให้ Apple Watch Ultra (Gen 1) มีราคาที่ปรับลดลงมาอย่างน่าสนใจ ทั้งในตลาดเครื่องใหม่ที่ยังพอมีเหลือ และโดยเฉพาะในตลาดมือสอง ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่ถามว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ให้ความทนทานและแบตสุดอึดในราคาที่สมเหตุสมผลขึ้น Ultra รุ่นแรกนี้คือผู้บุกเบิกที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ทวอทช์สายแอดเวนเจอร์ ด้วยตัวเรือนไทเทเนียม 49 มม., ปุ่ม Action, GPS ความถี่คู่ และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมง ซึ่งฟีเจอร์หลักเหล่านี้ยังคงทรงพลังและตอบโจทย์สายลุยได้เป็นอย่างดีในปี 2025 ค่ะ

สเปกเด่น

  • จอภาพ: Always-On Retina Display สว่างสูงสุด 2,000 nits
  • ความทนทาน: ตัวเรือนไทเทเนียม, ทนน้ำ 100 ม., กันฝุ่น IP6X, MIL-STD 810H
  • แบตเตอรี่: ใช้งานปกติ 36 ชั่วโมง, โหมด Low Power สูงสุด 60 ชั่วโมง
  • ฟีเจอร์สำหรับสายลุย: GPS ความถี่คู่, ปุ่ม Action, ไซเรน 86 เดซิเบล, แอปความลึก
  • ชิปประมวลผล: S8 SiP
จุดเด่น
  • แบตเตอรี่อึด 36 ชั่วโมง ใช้งานข้ามวันสบายๆ
  • ตัวเรือนไทเทเนียมทนทานระดับโปร
  • ฟีเจอร์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งครบครัน
  • จอใหญ่และสว่าง 2,000 nits
  • ราคาเข้าถึงง่ายขึ้นมาก
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีฟีเจอร์ Double Tap
  • ความสว่างจอไม่เท่า Ultra 2
  • ชิป S8 ไม่เร็วเท่า S9

รีวิวแบบเจาะลึก

ความแตกต่างหลัก ๆ ระหว่าง Ultra รุ่นแรกกับรุ่นที่สองคือเรื่องของชิปประมวลผลและความสว่างหน้าจอค่ะ Ultra รุ่นแรกใช้ชิป S8 (ตัวเดียวกับ Series 8) และมีจอที่สว่าง 2,000 nits ในขณะที่ Ultra 2 ใช้ชิป S9 และมีจอที่สว่างถึง 3,000 nits ซึ่งหมายความว่า Ultra รุ่นแรกจะไม่มีฟีเจอร์ Double Tap และการประมวลผล Siri บนเครื่อง แต่ถ้าถามว่ามันส่งผลต่อการใช้งานหลักของสายลุยหรือไม่? คำตอบคือแทบจะไม่เลยค่ะ! เพราะหัวใจสำคัญของความเป็น “Ultra” ยังอยู่ครบถ้วน ทั้งความถึกทนของตัวเรือนไทเทเนียม, ความแม่นยำของ GPS ความถี่คู่, ปุ่ม Action ที่ใช้งานสะดวก, และแบตเตอรี่ที่อึดจนลืมชาร์จ ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่นักผจญภัยต้องการอย่างแท้จริง ดังนั้นการเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี โดยมองที่ฟังก์ชันหลักสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง Ultra รุ่นแรกยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ

จอภาพที่สว่าง 2,000 nits ของ Ultra รุ่นแรกก็ถือว่าสว่างมากพอที่จะใช้งานกลางแจ้งได้อย่างสบาย ๆ แล้วค่ะ และแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ 36 ชั่วโมงก็เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและเพียงพอสำหรับทริปสั้น ๆ ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น ไซเรนฉุกเฉิน, แอปความลึกสำหรับการดำน้ำแบบสันทนาการ, หรือการทนต่ออุณหภูมิสุดขั้ว ก็มีมาให้เหมือนกันทุกประการ ดังนั้น หากเพื่อน ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีจอที่สว่างที่สุดในสามโลก หรือต้องการใช้ฟีเจอร์ Double Tap การประหยัดเงินแล้วมาเลือก Apple Watch Ultra รุ่นแรก ถือเป็นดีลที่ชาญฉลาดและคุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ มันยังคงเป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ใช้ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งค่ะ

คะแนนที่ได้

8.9/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“จัดมือสองมาครับ คุ้มมาก! แบตอึดจริงอะไรจริง ใส่ไปวิ่งเทรล ขึ้นเขา สบายใจเลยครับ” – วิน, อายุ 38
“ชอบดีไซน์มันมากค่ะ แข็งแรงดี ไม่ต้องกลัวเป็นรอยง่ายๆ จอก็ใหญ่สะใจดีค่ะ” – คุณนุ่น, อายุ 32


9. Apple Watch Series 6 ★★★★☆

“รุ่นแรกที่มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม”

Apple Watch Series 6

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ย้อนกลับไปไม่ไกล Apple Watch Series 6 คือรุ่นที่สร้างเสียงฮือฮาด้วยการเป็นรุ่นแรกที่ใส่เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (Blood Oxygen) เข้ามา ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนโลหิตได้เป็นอย่างดี แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี แต่ Series 6 ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่มีฟีเจอร์สุขภาพสำคัญครบทั้ง ECG และ Blood Oxygen ในราคาที่สบายกระเป๋ามาก ๆ (โดยเฉพาะในตลาดมือสอง) ด้วยพลังของชิป S6 ที่ยังคงเร็วแรง และจอภาพ Always-On ที่สว่างกว่า Series 5 ทำให้มันยังคงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมค่ะ

สเปกเด่น

  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: ออกซิเจนในเลือด (Blood Oxygen), ECG
  • ชิปประมวลผล: S6 SiP (เร็วกว่า Series 5 ถึง 20%)
  • จอภาพ: Always-On Retina Display (สว่างขึ้น 2.5 เท่าในที่แจ้งเมื่อพักข้อมือ)
  • ฟีเจอร์เด่น: วัดระดับความสูงแบบเรียลไทม์, มีตัวเรือนสีใหม่ (น้ำเงินและแดง PRODUCT(RED))
จุดเด่น
  • เป็นรุ่นที่ราคาเข้าถึงง่ายและมีทั้ง ECG และ Blood Oxygen
  • ชิป S6 ยังคงประสิทธิภาพดี
  • จอ Always-On สว่างและใช้งานสะดวก
  • มีตัวเลือกสีที่หลากหลายและสวยงาม
  • ราคาดีมากในตลาดมือสอง
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์ขอบจอหนากว่า Series 7 ขึ้นไป
  • ไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ๆ เช่น Crash Detection
  • ชาร์จไม่เร็วเท่ารุ่นใหม่ๆ

รีวิวแบบเจาะลึก

การมีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดใน Apple Watch Series 6 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในตอนนั้นเลยค่ะ มันทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบหนึ่งในสัญญาณชีพที่สำคัญได้ง่าย ๆ บนข้อมือ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในการเฝ้าระวังภาวะสุขภาพบางอย่างได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อรวมกับแอป ECG ที่สามารถตรวจจับภาวะหัวใจสั่นพลิ้ว (AFib) ได้ ก็ทำให้ Series 6 กลายเป็นอุปกรณ์ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ทรงพลังมากในยุคนั้น และยังคงมีประโยชน์มากในปัจจุบันค่ะ ชิป S6 ที่พัฒนาต่อยอดมาจากชิป A13 Bionic ใน iPhone 11 ก็ช่วยให้การเปิดแอปและการทำงานโดยรวมรวดเร็วกว่า Series 5 อย่างเห็นได้ชัด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหา Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ประสิทธิภาพยังดีและมีฟีเจอร์สุขภาพครบ ๆ ค่ะ

นอกจากนี้ Series 6 ยังมีการปรับปรุงจอภาพ Always-On ให้สว่างขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเราพักข้อมืออยู่ในที่แจ้ง ทำให้การเหลือบมองเวลาหรือข้อมูลบนหน้าปัดทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมาเต็มที่ และยังมีมาตรวัดความสูงแบบเรียลไทม์ที่ทำงานตลอดเวลา ซึ่งเหมาะสำหรับนักปีนเขาหรือคนที่ชอบเดินป่าค่ะ แม้ว่าดีไซน์ของมันจะมีขอบจอที่หนากว่ารุ่นใหม่ ๆ และไม่มีฟีเจอร์อย่าง Crash Detection หรือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ ECG และ Blood Oxygen เป็นหลัก การเลือก Series 6 ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าเงินมาก ๆ ค่ะ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ยังใช้อยู่เลยค่ะ ชอบที่มันวัดออกซิเจนในเลือดได้ ตอนช่วงโควิดคือเช็คตลอดเลย อุ่นใจดีค่ะ” – คุณแพรว, อายุ 39
“เครื่องยังเร็วอยู่นะครับสำหรับผม จอ Always-On ก็สว่างดี ราคามือสองตอนนี้คือดีมาก ใครหาของถูกและดี รุ่นนี้เลยครับ” – อั๋น, อายุ 30


10. Apple Watch Series 5 ★★★☆☆

“ผู้บุกเบิกจอ Always-On ที่ยังคงใช้งานได้ดี เป็นเจ้าของได้ในราคาสุดประหยัด”

Apple Watch Series 5

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายลิสต์ของเราด้วยรุ่นเก๋าในตำนานอย่าง Apple Watch Series 5 ค่ะ! นี่คือรุ่นแรกที่นำเสนอนวัตกรรมจอภาพ Always-On Retina Display ที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานนาฬิกาของเราไปตลอดกาล ทำให้เราสามารถมองเห็นเวลาและข้อมูลบนหน้าปัดได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมาค่ะ แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่ออกมานานที่สุดในลิสต์นี้ แต่ด้วยฟีเจอร์ที่พลิกโฉมวงการนี้เอง ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ฟีเจอร์นี้ในราคาที่ประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับคำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคนที่มีงบจำกัดจริง ๆ แต่ยังอยากได้ฟีเจอร์ที่เคยเป็นเรือธงค่ะ

สเปกเด่น

  • จอภาพ: Always-On Retina LTPO Display
  • ฟีเจอร์เด่น: เข็มทิศในตัว, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก
  • เซ็นเซอร์สุขภาพ: ECG, Fall Detection
  • ชิปประมวลผล: S5 SiP
  • วัสดุ: มีตัวเลือก ไทเทเนียม และ เซรามิก (นอกเหนือจากอะลูมิเนียมและสแตนเลส)
จุดเด่น
  • เป็นรุ่นที่มีจอ Always-On ในราคาที่ถูกที่สุด
  • ยังมีแอป ECG และ Fall Detection
  • มีเข็มทิศในตัว เหมาะกับการเดินทาง
  • ราคามือสองเข้าถึงง่ายมาก
  • มีตัวเลือกวัสดุพรีเมียมอย่างไทเทเนียมและเซรามิก
ข้อควรพิจารณา
  • แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็วเมื่อเปิด Always-On
  • ชิป S5 อาจทำงานช้าในบางแอป
  • ไม่มีเซ็นเซอร์ Blood Oxygen

รีวิวแบบเจาะลึก

การมีจอภาพ Always-On ใน Apple Watch Series 5 คือจุดเด่นที่สำคัญที่สุดค่ะ มันทำให้ Apple Watch รู้สึกเหมือนเป็น “นาฬิกา” จริง ๆ มากขึ้น เราสามารถเหลือบมองเวลาได้ตลอดเวลาในระหว่างการประชุมหรือการขับรถ ซึ่งสะดวกกว่าการต้องยกข้อมือขึ้นมาทุกครั้ง นอกจากนี้ Series 5 ยังเป็นรุ่นแรกที่ใส่เข็มทิศเข้ามา ทำให้แอปแผนที่ทำงานได้ดีขึ้น สามารถบอกทิศทางที่เรากำลังหันหน้าไปได้ และยังมีประโยชน์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งอีกด้วยค่ะ การที่มันยังคงมีแอป ECG และฟีเจอร์ Fall Detection ก็ทำให้มันยังเป็นอุปกรณ์ดูแลสุขภาพและความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ในระดับหนึ่งค่ะ

อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ต้องยอมรับว่าด้วยอายุของมัน ประสิทธิภาพของชิป S5 อาจจะไม่ได้รวดเร็วทันใจเท่ารุ่นใหม่ ๆ และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็เป็นจุดที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานจอภาพ Always-On อาจจะต้องชาร์จทุกวันค่ะ และแน่นอนว่ามันไม่มีเซ็นเซอร์ Blood Oxygen, Crash Detection หรือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ แค่ต้องการฟังก์ชันหลัก ๆ ของ Apple Watch และให้ความสำคัญกับจอภาพ Always-On เป็นพิเศษ การมองหา Series 5 ในตลาดมือสองก็เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดงบไปได้มากโขเลยค่ะ มันคือคำตอบของคำถาม Apple Watch รุ่นไหนดี สำหรับคนที่อยากได้ฟีเจอร์พรีเมียมในราคาเริ่มต้นอย่างแท้จริงค่ะ

คะแนนที่ได้

8.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ค่ะ ชอบจอ Always-On มาก แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเรา” – คุณฟ้า, อายุ 34
“ซื้อมือสองมาสามพันกว่าบาท คุ้มสุด ๆ ครับ ได้จอติดตลอด มี ECG ด้วย” – บอย, อายุ 27


มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: อนาคตของ Apple Watch อยู่ที่ไหน?

เมื่อเรามองภาพรวมของตลาดสมาร์ทวอทช์ในปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญจากสื่อเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง TechRadar และนักวิเคราะห์จาก IDC ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Apple ยังคงเป็นผู้นำที่กำหนดทิศทางของตลาดอย่างชัดเจน แต่เทรนด์ที่น่าจับตามองไม่ได้หยุดอยู่แค่การเพิ่มความเร็วของชิปอีกต่อไป

“อนาคตของสมาร์ทวอทช์ โดยเฉพาะ Apple Watch กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็น ‘อุปกรณ์ทางการแพทย์เชิงป้องกัน’ (Preventive Medical Device) อย่างเต็มรูปแบบ การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีแอปเยอะกว่า แต่อยู่ที่ว่าใครสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพที่แม่นยำและนำไปใช้งานได้จริงมากกว่ากัน”

การมาของเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำตาลในเลือดใน Series 10 คือเครื่องยืนยันเทรนด์ดังกล่าวได้อย่างดีที่สุด มันเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Apple Watch จากแกดเจ็ตไลฟ์สไตล์ให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับโรคเรื้อรัง ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเซ็นเซอร์ที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น เช่น การวัดความดันโลหิต หรือการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งจะทำให้คำถามที่ว่า Apple Watch รุ่นไหนดี มีมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะมันจะกลายเป็นการเลือกลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาว

บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS

“ทีมงานของเรามองว่า การเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ในปี 2025 คือการสร้างสมดุลระหว่าง ‘ความต้องการในปัจจุบัน’ กับ ‘นวัตกรรมแห่งอนาคต’ ค่ะ สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ Series 9 หรือแม้แต่ SE (Gen 2) ก็มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและเพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ที่มองการณ์ไกลและให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง การลงทุนใน Series 10 คือการซื้อเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาไว้บนข้อมือตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่รุ่น Ultra ก็ได้สร้างเซกเมนต์ใหม่สำหรับกลุ่มผู้ใช้เฉพาะทางได้อย่างแข็งแกร่ง การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับว่า ‘สุขภาพ’ และ ‘ไลฟ์สไตล์’ ของคุณมีมูลค่าเท่าไหร่ในสายตาของคุณเองค่ะ”


เคล็ดลับการเลือกซื้อ Apple Watch รุ่นไหนดี ให้โดนใจที่สุด

Apple Watch รุ่นไหนดี วางเรียงเปรียบเทียบหลากหลายสไตล์บนพื้นหลังเรียบแนวนอน

หลังจากดูรีวิวทั้ง 10 อันดับไปแล้ว เพื่อน ๆ บางคนอาจจะยังมีตัวเลือกในใจอยู่ 2-3 รุ่นใช่ไหมคะ? ไม่ต้องกังวลค่ะ เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ใช่สำหรับตัวเองที่สุดค่ะ

  1. ถามใจตัวเองเรื่องไลฟ์สไตล์: คุณเป็นสายไหน?
    • สายสุขภาพจ๋า: ถ้าคุณชอบติดตามข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ต้องการ ECG, Blood Oxygen หรือฟีเจอร์วัดอุณหภูมิ การเลือกรุ่น Series 8 ขึ้นไป หรือลงทุนกับ Series 10 เพื่อฟีเจอร์วัดน้ำตาล คือคำตอบค่ะ
    • สายแอคทีฟ ชอบออกกำลังกาย: ทุกรุ่นสามารถติดตามการออกกำลังกายได้ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายลุย วิ่งเทรล ดำน้ำ หรือต้องการแบตอึด ๆ ต้องมองไปที่รุ่น Ultra เท่านั้นค่ะ
    • สายไลฟ์สไตล์ทั่วไป: หากคุณต้องการนาฬิกาเพื่อรับการแจ้งเตือน, ตอบข้อความ, ใช้จ่ายเงิน และติดตามกิจกรรมพื้นฐาน รุ่น SE คือตัวเลือกที่คุ้มค่าและเพียงพอที่สุดค่ะ
  2. ขนาดหน้าจอและข้อมือ: Apple Watch มี 2 ขนาดหลัก ๆ (เช่น 41mm/45mm) และขนาดใหญ่พิเศษสำหรับรุ่น Ultra (49mm) ลองไปทาบที่ข้อมือจริง ๆ จะดีที่สุดค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเหมาะกับขนาดเล็ก แต่ถ้าชอบจอใหญ่ ๆ ก็ไม่ผิดค่ะ!
  3. GPS หรือ GPS + Cellular?: รุ่น Cellular ทำให้เราสามารถโทรศัพท์, ส่งข้อความ, และสตรีมเพลงได้โดยไม่ต้องมี iPhone อยู่ใกล้ ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปวิ่งหรือทำกิจกรรมโดยไม่อยากพกมือถือ แต่ก็ต้องแลกกับราคาเครื่องที่สูงขึ้นและค่าบริการรายเดือนจากผู้ให้บริการเครือข่ายค่ะ ถ้าปกติพก iPhone ติดตัวตลอดอยู่แล้ว รุ่น GPS ก็เพียงพอค่ะ
  4. งบประมาณในกระเป๋า: กำหนดงบประมาณที่ชัดเจนไว้ในใจ จะช่วยให้เราตัดตัวเลือกที่ไม่จำเป็นออกไปได้ง่ายขึ้นค่ะ อย่าลืมว่าบางครั้งการเลือกรุ่นเก่าลงมาหนึ่งเจนเนอเรชัน อาจให้ฟีเจอร์ที่ใกล้เคียงกันมากในราคาที่ถูกกว่าหลายพันบาทเลยนะคะ

จับคู่ Apple Watch กับ iPhone และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด

สิ่งหนึ่งที่ต้องย้ำกันเสมอก็คือ Apple Watch ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ iPhone ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ หากเพื่อน ๆ ไม่มี iPhone ก็จะไม่สามารถเปิดใช้งานหรือใช้ฟีเจอร์ของ Apple Watch ได้เต็มประสิทธิภาพ (ยกเว้นการใช้ Family Setup) การมี สมาร์ทโฟน ที่เป็น iPhone จึงเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก

และเพื่อประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อยิ่งขึ้น การใช้งาน Apple Watch ร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ใน Ecosystem ของ Apple จะยิ่งเพิ่มความฟินค่ะ เช่น:

  • Apple Watch + AirPods: คู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับการออกกำลังกายหรือเดินทาง เราสามารถเก็บเพลงไว้ใน Apple Watch แล้วเชื่อมต่อกับ หูฟังไร้สาย อย่าง AirPods เพื่อฟังเพลงได้เลยโดยไม่ต้องพก iPhone
  • ปลดล็อก Mac ด้วย Apple Watch: เราสามารถตั้งค่าให้ MacBook หรือ iMac ของเราปลดล็อกโดยอัตโนมัติเมื่อเราสวม Apple Watch และอยู่ใกล้ ๆ ได้เลย สะดวกสบายและปลอดภัยมากค่ะ
  • Handoff: หากเรากำลังอ่านอีเมลหรือข้อความบน Apple Watch แต่ต้องการพิมพ์ตอบยาว ๆ เราสามารถหยิบ iPhone ขึ้นมาแล้วทำต่อจากจุดเดิมได้ทันทีค่ะ

ดังนั้น การตัดสินใจเลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ก็อาจจะต้องมองภาพรวมของอุปกรณ์ที่เรามีอยู่หรือวางแผนจะซื้อในอนาคตด้วย เพื่อให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นที่สุดค่ะ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Apple Watch

ภาพ Apple Watch หลากหลายรุ่นบนพื้นไม้ สำหรับบทความหัวข้อคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple Watch รุ่นไหนดี

  • ถาม: Apple Watch กันน้ำได้จริงไหม? ใส่ว่ายน้ำได้หรือเปล่า?
    ตอบ: ได้ค่ะ! Apple Watch Series 2 เป็นต้นมามีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตรตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้สำหรับกิจกรรมในน้ำตื้น เช่น การว่ายน้ำในสระหรือในทะเลได้ แต่ไม่ควรใช้กับการดำน้ำลึก, สกีน้ำ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่มีความเร็วสูงหรือต้องลงไปในน้ำที่ลึกกว่าระดับน้ำตื้นค่ะ ส่วนรุ่น Ultra จะทนน้ำได้ถึง 100 เมตรและออกแบบมาสำหรับการดำน้ำได้เลยค่ะ
  • ถาม: แบตเตอรี่ของ Apple Watch ใช้งานได้นานแค่ไหน?
    ตอบ: โดยทั่วไป Apple Watch รุ่นมาตรฐาน (Series และ SE) จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานเต็มวันค่ะ แต่ถ้าเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) จะสามารถยืดได้ถึง 36 ชั่วโมง ส่วนรุ่น Ultra จะใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมงในโหมดปกติ และ 72 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงานค่ะ
  • ถาม: จำเป็นต้องติดฟิล์มกันรอยให้ Apple Watch ไหม?
    ตอบ: ขึ้นอยู่กับความสบายใจและลักษณะการใช้งานค่ะ รุ่นที่เป็นสแตนเลสสตีลและไทเทเนียมจะใช้หน้าจอผลึกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีมาก ส่วนรุ่นอะลูมิเนียมจะใช้กระจก Ion-X ซึ่งแข็งแรงแต่ก็ยังมีโอกาสเป็นรอยได้ หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่ไม่ค่อยระวังหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทก การติดฟิล์มหรือใส่เคสก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้ค่ะ
  • ถาม: เราสามารถเปลี่ยนสาย Apple Watch เองได้ไหม?
    ตอบ: ได้แน่นอนค่ะ! นี่คือหนึ่งในความสนุกของการใช้ Apple Watch เลยค่ะ เราสามารถกดปุ่มเล็ก ๆ ที่ด้านหลังตัวเรือนเพื่อถอดสายเก่าออกแล้วใส่สายใหม่เข้าไปได้ง่าย ๆ ทำให้เราสามารถเปลี่ยนสไตล์ของนาฬิกาให้เข้ากับการแต่งตัวหรือกิจกรรมในแต่ละวันได้ไม่ซ้ำเลยค่ะ

บทสรุป: เลือก Apple Watch รุ่นไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณในปี 2025

มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันแล้วนะคะว่า Apple Watch รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นเพื่อนซี้คู่ข้อมือคนใหม่ของเราในปี 2025 นี้ การเดินทางผ่านทั้ง 10 อันดับทำให้เราเห็นวิวัฒนาการและจุดเด่นที่แตกต่างกันไปของแต่ละรุ่น ตั้งแต่รุ่นเก๋าในตำนานอย่าง Series 5 ที่บุกเบิกจอ Always-On, รุ่นคุ้มค่าขวัญใจมหาชนอย่าง SE, รุ่นมาตรฐานที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุขภาพอย่าง Series 8 และ 9, รุ่นสุดแกร่งเพื่อสายลุยอย่าง Ultra ไปจนถึงที่สุดแห่งนวัตกรรมอย่าง Series 10

สุดท้ายแล้ว ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่ารุ่นไหน “ดีที่สุด” สำหรับทุกคนค่ะ คำตอบที่ดีที่สุดอยู่กับไลฟ์สไตล์ งบประมาณ และสิ่งที่เพื่อน ๆ ให้ความสำคัญมากที่สุด หากคุณคือผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อดูแลสุขภาพ Apple Watch Series 10 คือการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ถ้าคุณต้องการความสมดุลที่ลงตัวระหว่างประสิทธิภาพและราคาที่จับต้องได้ Apple Watch Series 9 คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ดีที่สุด สำหรับสายผจญภัยที่ต้องการความทนทานและแบตเตอรี่ที่ไว้ใจได้ Apple Watch Ultra 2 ก็พร้อมจะลุยไปกับคุณทุกที่ และสำหรับผู้เริ่มต้นหรือคนที่มองหาความคุ้มค่าสูงสุด Apple Watch SE (Gen 2) ก็ยังคงเป็นแชมป์ในใจของใครหลายคนค่ะ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ ขอให้มีความสุขกับ Apple Watch เรือนใหม่ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและช่วยให้ทุกวันของเพื่อน ๆ ดีขึ้น ง่ายขึ้น และสนุกขึ้นค่ะ!

ภาพประกอบบทสรุปบทความเกี่ยวกับ Apple Watch รุ่นไหนดี โดยแสดงภาพนาฬิกา Apple Watch หลากรุ่นอย่างชัดเจน


หมายเหตุจากผู้เขียน:

  • รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ ราคา และข้อมูลของ Apple Watch Series 10 เป็นการคาดการณ์จากข่าวสารและข้อมูลที่มีอยู่ ณ ช่วงต้นปี 2025 คุณสมบัติจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจาก Apple อีกครั้ง
  • คะแนน (เช่น 9.8/10 หรือ 9.0/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, นวัตกรรม, ราคา, และรีวิวจากผู้ใช้งานประกอบกัน
  • รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “คุณนภา, อายุ 52” หรือ “อาร์ม, อายุ 34”) เป็นตัวอย่างสมมติ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานในมุมมองที่หลากหลายเท่านั้น
  • บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลล่าสุด ณ วันที่จัดทำ คุณสมบัติหรือราคาของสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ขอบพระคุณครับ