10 สุดยอด หูฟังครอบหู แนะนำ 2025 อัปเดตล่าสุด! เสียงดี ANC เทพ แบตอึด ครบทุกงบ

ภาพหน้าปกบทความรวม 10 อันดับ หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับปี 2025

บทนำ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวคนรักเสียงเพลงและโลกส่วนตัวทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันในเรื่องที่หลายคนตามหา นั่นก็คือสุดยอด หูฟังครอบหู แนะนำ แห่งปี 2025 ครับ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาเสียงรบกวนรอบข้างตอนกำลังฟังเพลงโปรด หรือตอนที่อยากจะจมดิ่งไปกับหนังเรื่องเด็ด ๆ แต่เสียงคุยกันในร้านกาแฟหรือเสียงรถราบนท้องถนนก็ดังเข้ามาทำลายสมาธิซะงั้น การมีหูฟังดี ๆ สักตัวจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความบันเทิง แต่มันคือการสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้เราได้ผ่อนคลายและดื่มด่ำกับสิ่งที่รักได้อย่างเต็มที่เลยครับ

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ตลาดหูฟังก็คึกคักเป็นพิเศษ มีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาให้เลือกกันจนตาลาย ตั้งแต่รุ่นที่เน้นพลังเสียงเบสหนัก ๆ สำหรับสายตื๊ด ไปจนถึงรุ่นที่ให้เสียงใสเคลียร์ทุกรายละเอียดสำหรับคอ Audiophile หรือรุ่นที่มีระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancelling – ANC) ที่เทพจนเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง บทความนี้เลยตั้งใจจะมาเป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยเพื่อน ๆ หาคำตอบว่า หูฟังครอบหู แนะนำ รุ่นไหนที่ใช่และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด เราได้รวบรวมข้อมูล สเปกเด่น รีวิวจากผู้ใช้งานจริง และวิเคราะห์จุดเด่นข้อด้อยของแต่ละรุ่นมาให้แบบจัดเต็ม รับรองว่าอ่านจบแล้วเลือกได้แน่นอนครับ

เราจะไม่ได้แค่บอกว่ารุ่นไหนดี แต่จะพาไปดูด้วยว่า หูฟังครอบหู แนะนำ แต่ละตัวนั้นมีคาแรกเตอร์เสียงเป็นยังไง เหมาะกับการฟังเพลงแนวไหนเป็นพิเศษ ใส่สบายแค่ไหนเมื่อต้องใช้งานนาน ๆ แบตเตอรี่อึดทนพอสำหรับทริปยาว ๆ หรือไม่ และฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ที่ให้มานั้นตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของเราได้จริงหรือเปล่า ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นนักฟังเพลงตัวยง, เกมเมอร์ที่ต้องการความได้เปรียบจากมิติเสียง, คนทำงานที่ต้องการสมาธิสูงสุด หรือแม้แต่คนที่แค่อยากได้ หูฟังไร้สาย ดี ๆ สักตัวไว้ดูหนังฟังเพลงชิลล์ ๆ ที่บ้าน บทความนี้มีคำตอบให้ครบทุกกลุ่มแน่นอนครับ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูตารางเปรียบเทียบภาพรวมกันก่อนเลยดีกว่า!

🦉 เลือกอ่านหัวข้อ

จัดอันดับ 10 สุดยอด หูฟังครอบหู แนะนำ แห่งปี 2025

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อ หูฟังครอบหู แนะนำ สักตัว ลองดูตารางเปรียบเทียบที่เราสรุปภาพรวมของทั้ง 10 อันดับมาให้เห็นกันชัด ๆ ก่อนได้เลยครับ ตารางนี้จะช่วยให้เห็นจุดเด่นและสเปกหลักของแต่ละรุ่นได้ง่ายขึ้น ก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านรีวิวแบบเจาะลึกในแต่ละอันดับต่อไปครับ

ตารางเปรียบเทียบสรุป

คุณสมบัติ Sony WH-1000XM5 Bose QuietComfort Wireless Apple AirPods Max HIFIMAN Deva Pro Audio-Technica ATH-M50xBT2 Marshall Monitor II ANC Sony WH-CH720N Marshall Major IV Technics EAH-A800 Sennheiser HD 450BT
อันดับที่ 🥇 🥈 🥉 4 5 6 7 8 9 10
รูปภาพสินค้า Sony WH-1000XM5 Bose QuietComfort Wireless Apple AirPods Max HIFIMAN Deva Pro Audio-Technica ATH-M50xBT2 Marshall Monitor II ANC Sony WH-CH720N Marshall Major IV Technics EAH-A800 Sennheiser HD 450BT
ชื่อสินค้า (กดเพื่อเลื่อนไปดูรายละเอียด) Sony WH-1000XM5 Bose QuietComfort Wireless Apple AirPods Max HIFIMAN Deva Pro Audio-Technica ATH-M50xBT2 Marshall Monitor II ANC Sony WH-CH720N Marshall Major IV Technics EAH-A800 Sennheiser HD 450BT
สเปกเด่น ANC ระดับท็อป, ไดรเวอร์ 30 มม., DSEE Extreme, แบต 30 ชม., Speak-to-Chat ANC เงียบสนิท, โหมด Immersive Audio, EQ ปรับได้, แบต 24 ชม., ดีไซน์พรีเมียม ANC ทรงพลัง, Transparency Mode, Spatial Audio, ชิป H1, วัสดุพรีเมียม ไดรเวอร์ Planar Magnetic, Bluemini R2R DAC, ดีไซน์ Open-Back, รองรับ Hi-Res ไดรเวอร์ 45 มม., แบต 50 ชม., Low Latency Mode, รองรับ LDAC, ไมค์คู่ ANC ปรับได้, ดีไซน์ Marshall, แบต 30 ชม. (ANC), Google Assistant, พับเก็บได้ ANC, ชิป V1, DSEE, แบต 35 ชม., น้ำหนักเบา, Multipoint Connection แบต 80+ ชม., ชาร์จไร้สาย, ดีไซน์คลาสสิก, Control Knob, พับเก็บได้ ANC เทพ, ไดรเวอร์ 40 มม., รองรับ LDAC, แบต 50 ชม., ไมค์ 8 ตัว, Multipoint ANC, รองรับ aptX LL, แบต 30 ชม., พับเก็บได้, Smart Control App
คะแนน ★★★★★ (9.8/10) ★★★★★ (9.6/10) ★★★★☆ (9.4/10) ★★★★☆ (9.2/10) ★★★★☆ (9.0/10) ★★★★☆ (8.8/10) ★★★★☆ (8.6/10) ★★★★☆ (8.5/10) ★★★★☆ (8.4/10) ★★★☆☆ (8.2/10)
เหมาะกับใคร ผู้ที่ต้องการ ANC และคุณภาพเสียงดีที่สุด คนที่เดินทางบ่อย ต้องการความเงียบสงบ สาวก Apple ที่ต้องการประสบการณ์ไร้รอยต่อ นักฟังเพลง Audiophile ที่เน้นรายละเอียดเสียง คนทำงานสายสตูดิโอและคนรักเสียงเที่ยงตรง สายแฟชั่นที่รักในดีไซน์และเสียงสไตล์ร็อก ผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการหูฟัง ANC คุ้มค่า คนที่เน้นแบตอึดสุด ๆ และดีไซน์คลาสสิก นักธุรกิจที่ต้องใช้ประชุมออนไลน์บ่อย ๆ คนเริ่มต้นที่อยากลองหูฟัง ANC คุณภาพดี
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

 

1. Sony WH-1000XM5 ★★★★★

“ราชาแห่งความเงียบสงบ พร้อมคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ที่จะทำให้คุณลืมโลกรอบตัวไปเลย”

Sony WH-1000XM5

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าจะพูดถึง หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ยืนหนึ่งในเรื่องการตัดเสียงรบกวน (ANC) ชื่อของ Sony WH-1000XM5 ต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ รุ่นนี้คือการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นก่อนหน้าที่ว่าเทพแล้ว ให้เทพยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการออกแบบใหม่หมดจดที่ดูมินิมอลและทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับประสิทธิภาพ ANC ที่ถูกอัปเกรดด้วย Integrated Processor V1 และ HD Noise Cancelling Processor QN1 ทำงานร่วมกับไมโครโฟนถึง 8 ตัว ทำให้มันสามารถตัดเสียงรบกวนย่านกลางถึงสูงได้อย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนคุยจอแจ หรือเสียงเครื่องยนต์บนเครื่องบิน ก็จะถูกลดทอนจนแทบไม่ได้ยิน เหมาะสุด ๆ สำหรับคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานหรืออยากดื่มด่ำกับเสียงเพลงแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้นครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Dynamic Driver ขนาด 30 มม. ออกแบบใหม่
  • ระบบตัดเสียงรบกวน: Dual Noise Sensor Technology พร้อม Integrated Processor V1 และ QN1
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2 (รองรับ Multipoint), LDAC, SBC, AAC
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 30 ชั่วโมง (เปิด ANC), 40 ชั่วโมง (ปิด ANC)
  • ฟีเจอร์เด่น: Speak-to-Chat, DSEE Extreme, Adaptive Sound Control, 360 Reality Audio
  • น้ำหนัก: ประมาณ 250 กรัม
จุดเด่น
  • ระบบตัดเสียงรบกวนดีที่สุดในตลาด
  • คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม รองรับ Hi-Res Audio Wireless (LDAC)
  • ฟีเจอร์อัจฉริยะใช้งานได้จริงและสะดวกมาก
  • น้ำหนักเบา ใส่สบายได้ยาวนาน
  • คุณภาพไมโครโฟนสำหรับสนทนาดีเยี่ยม
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์ใหม่พับเก็บไม่ได้เหมือนรุ่นก่อน
  • ราคาสูงกว่าคู่แข่งบางรุ่น

รีวิวแบบเจาะลึก

ในด้านคุณภาพเสียง Sony WH-1000XM5 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ แม้จะลดขนาดไดรเวอร์ลงเหลือ 30 มม. แต่กลับให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอย่างน่าทึ่ง ด้วยขอบไดรเวอร์ที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิต ทำให้ตอบสนองต่อเสียงความถี่สูงได้ดีขึ้น เสียงที่ได้จึงมีความโปร่งใส รายละเอียดคมชัด เวทีเสียงกว้างขวาง และเบสที่ลงได้ลึกแต่ไม่บวมเบลอ เรียกได้ว่าฟังสนุกทุกแนวเพลง ตั้งแต่ป๊อปใส ๆ ไปจนถึงร็อกหนัก ๆ หรือคลาสสิกที่ต้องการรายละเอียดสูง และด้วยการรองรับ Codec LDAC ทำให้สามารถสตรีมเพลงคุณภาพระดับ Hi-Res Audio Wireless ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี DSEE Extreme ที่ใช AI ช่วยอัปสเกลไฟล์เพลงที่ถูกบีบอัดให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับต้นฉบับมากขึ้น ทำให้ไม่ว่าคุณจะฟังเพลงจากแหล่งไหน ก็จะได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดเสมอครับ นี่คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้รุ่นนี้เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับนักฟังเพลงตัวจริง ใครที่มองหาอุปกรณ์สำหรับฟังเพลงที่จริงจังเหมือนมี Soundbar ส่วนตัวติดหูไปทุกที่ รุ่นนี้คือคำตอบเลยครับ

ส่วนเรื่องความฉลาดและความสะดวกสบายในการใช้งานก็ต้องยกให้เขาเลยครับ ฟีเจอร์ Adaptive Sound Control จะเรียนรู้สถานที่ที่เราไปบ่อย ๆ และปรับโหมดตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมอัตโนมัติ เช่น เมื่ออยู่บนรถไฟฟ้าจะตัดเสียงเต็มที่ แต่เมื่อเดินอยู่ริมถนนจะยอมให้เสียงรอบข้างเข้ามาเพื่อความปลอดภัย ฟีเจอร์ Speak-to-Chat ก็สะดวกมาก แค่เราเริ่มพูด เพลงก็จะหยุดและเปิดโหมดรับเสียงภายนอกให้ทันที พอคุยเสร็จเพลงก็จะเล่นต่อเอง ไม่ต้องถอดหูฟังให้วุ่นวาย การเชื่อมต่อแบบ Multipoint ก็ทำให้สลับระหว่างอุปกรณ์ 2 เครื่องได้อย่างลื่นไหล เช่น ดูหนังบน Laptop อยู่แล้วมีสายเข้าที่มือถือ ก็สามารถรับสายได้ทันที แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC ก็เพียงพอสำหรับการเดินทางไกลข้ามทวีปสบาย ๆ แม้ดีไซน์ใหม่จะไม่สามารถพับให้เล็กกะทัดรัดได้เหมือนรุ่นก่อน แต่ก็แลกมาด้วยความแข็งแรงและจุดกดทับที่น้อยลง ทำให้ใส่สบายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าทำไม WH-1000XM5 ถึงครองตำแหน่งสุดยอด หูฟังครอบหู แนะนำ แห่งปีได้อย่างไม่มีข้อกังขาครับ

คะแนนที่ได้

9.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ANC คือเงียบจริง ๆ เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวเลยค่ะ ใส่ทำงานดีมาก” – มิ้นท์, อายุ 29
“เสียงดีมากครับ รายละเอียดมาครบทุกเม็ด เบสแน่นกำลังดี ไม่ผิดหวังเลย” – อาร์ม, อายุ 34


2. Bose QuietComfort Wireless ★★★★★

“คู่แข่งตลอดกาลของ Sony ที่มาพร้อมความสบายในการสวมใส่และ ANC ที่เป็นธรรมชาติ”

Bose QuietComfort Wireless

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

หาก Sony คือราชาแห่ง ANC, Bose ก็เปรียบเสมือนจักรพรรดิผู้บุกเบิกเทคโนโลยีนี้ครับ และ Bose QuietComfort Wireless ก็คือตัวแทนที่สมศักดิ์ศรีที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นที่ทำให้ Bose แตกต่างและเป็นที่รักของแฟน ๆ มาตลอดคือ “ความสบาย” และ “ความเป็นธรรมชาติ” ของระบบตัดเสียงรบกวนครับ หูฟังรุ่นนี้มีน้ำหนักเบามากและใช้ Earcup ที่นุ่มเป็นพิเศษ ทำให้สามารถใส่ได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกกดทับหรือร้อนหูเลย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องเดินทางไกลบนเครื่องบิน หรือคนที่ต้องใส่หูฟังทำงานตลอดทั้งวัน ระบบ ANC ของ Bose ให้ความรู้สึกที่โปร่งสบาย ไม่อึดอัดหรือมีแรงดันในหูเหมือนบางยี่ห้อ แต่ยังคงประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับความสบายเป็นอันดับหนึ่งครับ

สเปกเด่น

  • ระบบตัดเสียงรบกวน: World-class Noise Cancellation พร้อม Aware Mode
  • คุณภาพเสียง: High-fidelity audio พร้อม Adjustable EQ
  • ฟีเจอร์เด่น: Bose Immersive Audio, Custom Modes
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.1 (รองรับ Multipoint)
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 24 ชั่วโมง
  • น้ำหนัก: ประมาณ 240 กรัม
จุดเด่น
  • สวมใส่สบายที่สุดในบรรดาหูฟัง ANC
  • ระบบตัดเสียงรบกวนเงียบและเป็นธรรมชาติ
  • โหมด Immersive Audio ให้มิติเสียงที่น่าประทับใจ
  • ปรับ EQ ได้ละเอียดผ่านแอป Bose Music
  • ดีไซน์สวยงาม พรีเมียม และพับเก็บได้
ข้อควรพิจารณา
  • แบตเตอรี่น้อยกว่าคู่แข่งเล็กน้อย
  • ไม่รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูงอย่าง aptX หรือ LDAC

รีวิวแบบเจาะลึก

Bose QuietComfort Wireless ไม่ได้มีดีแค่ความสบายและ ANC ครับ แต่เรื่องเสียงก็จัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเช่นกัน แนวเสียงของ Bose จะเน้นความสมดุล ฟังสบาย ให้เสียงร้องที่ชัดเจนและเสียงสูงที่ใสสะอาดไม่บาดหู เบสมีมวลที่พอดี ไม่ได้หนักหน่วงจนเกินไป แต่ก็มีแรงปะทะที่รู้สึกได้ ทำให้เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนว โดยเฉพาะเพลงที่เน้นเสียงร้องและเครื่องดนตรีอะคูสติกจะทำได้ดีเป็นพิเศษ ผ่านแอป Bose Music ผู้ใช้ยังสามารถปรับ EQ ได้อย่างละเอียดตามความชอบส่วนตัวอีกด้วย จุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้คือ Bose Immersive Audio ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางที่ทำให้รู้สึกเหมือนเสียงดนตรีมาจากการแสดงสดตรงหน้าเราเลยครับ มันจะจับการเคลื่อนไหวของศีรษะและปรับตำแหน่งเสียงให้คงที่ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่สมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังหรือฟังเพลง ถือเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้หูฟังรุ่นนี้น่าสนใจและเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก หูฟังครอบหู แนะนำ ที่โดดเด่นไม่แพ้ใครเลยครับ

ในส่วนของการใช้งานอื่น ๆ Bose QuietComfort มาพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 ที่รองรับ Multipoint Connection ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ได้พร้อมกัน การควบคุมทำได้ผ่านปุ่มกดจริง ๆ บนตัวหูฟัง ซึ่งหลายคนอาจจะชอบมากกว่าระบบสัมผัสเพราะให้ความแน่นอนและแม่นยำกว่า การออกแบบที่สามารถพับเก็บใส่เคสที่แถมมาให้ได้ ทำให้พกพาได้สะดวกกว่าคู่แข่งอย่าง XM5 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งแม้จะน้อยกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปตลอดวัน และยังรองรับการชาร์จเร็ว 15 นาที ฟังได้ถึง 2.5 ชั่วโมงอีกด้วยครับ ด้วยความสบายที่หาตัวจับยาก ANC ที่ยอดเยี่ยม และคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Bose QuietComfort Wireless เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและให้รางวัลตัวเองด้วยความสบายและเสียงเพลงคุณภาพสูงครับ

คะแนนที่ได้

9.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ใส่สบายมากค่ะ ใส่ทั้งวันบนเครื่องบินก็ไม่ปวดหูเลย ANC ก็เงียบสนิท” – พลอย, อายุ 31
“เสียงโปร่งฟังสบายมากครับ โหมด Immersive Audio ตอนดูหนังคือสุดยอดจริง ๆ” – ท็อป, อายุ 38


3. Apple AirPods Max ★★★★☆

“ประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียมที่ไร้รอยต่อสำหรับสาวก Apple โดยเฉพาะ”

Apple AirPods Max

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยู่ใน Ecosystem ของ Apple และกำลังมองหา หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดและไร้รอยต่อที่สุด Apple AirPods Max คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดครับ หูฟังรุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยปรัชญาของ Apple อย่างแท้จริง นั่นคือการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่น วัสดุระดับพรีเมียม และเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวหูฟังทำจากอะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงและหรูหรา ก้านคาดศีรษะเป็นผ้าตาข่ายที่ช่วยระบายอากาศและกระจายน้ำหนักได้ดี ส่วน Earcup ที่เป็นเมมโมรี่โฟมหุ้มด้วยผ้าทอชนิดพิเศษก็ให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายด้วยแม่เหล็กครับ

สเปกเด่น

  • ชิปประมวลผล: Apple H1 (ในแต่ละข้าง)
  • ระบบเสียง: High-fidelity audio, Active Noise Cancellation, Transparency Mode
  • ฟีเจอร์เด่น: Spatial Audio with dynamic head tracking, Adaptive EQ
  • การควบคุม: Digital Crown, Noise Control button
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 20 ชั่วโมง (เปิด ANC หรือ Transparency Mode)
  • วัสดุ: Anodized aluminum, Stainless steel, Memory foam
จุดเด่น
  • คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ
  • ระบบ ANC และ Transparency Mode ดีที่สุดในคลาส
  • Spatial Audio มอบประสบการณ์ดูหนังที่สมจริง
  • การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple ไร้ที่ติ
  • วัสดุและการประกอบพรีเมียม แข็งแรงทนทาน
ข้อควรพิจารณา
  • ราคาสูงมาก
  • น้ำหนักค่อนข้างเยอะ (384.8 กรัม)
  • Smart Case ไม่ได้ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีนัก
  • ไม่มีช่องเสียบ 3.5 มม. และไม่รองรับ Lossless ผ่านสาย

รีวิวแบบเจาะลึก

หัวใจสำคัญของ AirPods Max คือพลังของชิป H1 ที่มีอยู่ใน Earcup แต่ละข้าง ทำหน้าที่ประมวลผลทุกอย่างตั้งแต่การตัดเสียงรบกวนไปจนถึงการปรับแต่งเสียง ระบบ ANC ของ AirPods Max ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ Transparency Mode (โหมดฟังเสียงภายนอก) ก็ทำได้ดีจนน่าทึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเราไม่ได้ใส่หูฟังอยู่เลย เสียงพูดและเสียงรอบข้างจะฟังดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ครับ แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงคือ Spatial Audio พร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก ซึ่งจะสร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ เสียงจะถูกยึดตำแหน่งไว้กับหน้าจอ iPad หรือ iPhone ของเรา แม้ว่าเราจะหันศีรษะไปทางไหนก็ตาม ฟีเจอร์นี้ทำให้การดูหนังหรือซีรีส์สนุกและสมจริงขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้มันเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับคอหนังโดยเฉพาะครับ คุณภาพเสียงโดยรวมก็ถือว่ายอดเยี่ยม ให้เสียงที่สมดุลเป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดสูง และเบสที่หนักแน่นแต่ไม่ล้นเกินไป Adaptive EQ จะคอยปรับเสียงให้เข้ากับรูปทรงของใบหูและการสวมใส่ของเราแบบเรียลไทม์เพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุดเสมอ

การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Apple นั้นสะดวกสบายและไร้รอยต่ออย่างที่คาดหวังครับ การจับคู่ทำได้ง่าย ๆ แค่นำหูฟังไปไว้ใกล้อุปกรณ์ Apple ของคุณ การสลับอุปกรณ์ก็ทำได้อัตโนมัติผ่าน iCloud ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนจากการฟังเพลงบน iPhone ไปดูวิดีโอบน MacBook หรือรับสายบน iPad ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่น การควบคุมก็ทำได้ง่ายและแม่นยำผ่าน Digital Crown ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Apple Watch ใช้สำหรับปรับระดับเสียง เล่น/หยุดเพลง หรือเรียก Siri ได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม AirPods Max ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้าง เช่น น้ำหนักที่ค่อนข้างมากอาจทำให้บางคนรู้สึกเมื่อยเมื่อใส่เป็นเวลานาน และ Smart Case ที่ให้มาก็ดูจะเน้นเรื่องการประหยัดพลังงานมากกว่าการป้องกันตัวหูฟัง แต่ถ้าคุณคือผู้ที่ลงทุนใน Ecosystem ของ Apple และต้องการประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ AirPods Max ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนและเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ยากจะหาใครมาเทียบได้ครับ

คะแนนที่ได้

9.4/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“Spatial Audio คือเปลี่ยนโลกการดูหนังบน iPad ไปเลยค่ะ เสียงสมจริงมาก วัสดุก็พรีเมียมสุดๆ” – จ๋า, อายุ 28
“ใช้กับ iPhone, Mac สลับไปมาง่ายมากครับ เสียงดีเป็นธรรมชาติ Transparency Mode ก็เทพมาก” – วิน, อายุ 40


4. HIFIMAN Deva Pro ★★★★☆

“ก้าวสู่โลกของ Audiophile ด้วยหูฟัง Planar Magnetic ไร้สายที่ให้รายละเอียดเสียงเหนือระดับ”

HIFIMAN Deva Pro

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นนักฟังเพลงจริงจังหรืออยากจะขยับขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์เสียงระดับ Audiophile แต่ยังต้องการความสะดวกสบายแบบไร้สาย HIFIMAN Deva Pro คือ หูฟังครอบหู แนะนำ ที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ รุ่นนี้เป็นหูฟังแบบ Open-Back ที่ใช้ไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มักจะพบในหูฟังระดับไฮเอนด์ราคาแพง ข้อดีของไดรเวอร์ชนิดนี้คือสามารถตอบสนองต่อสัญญาณเสียงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมาก ทำให้เสียงที่ได้มีความผิดเพี้ยนต่ำมาก รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบทเพลงจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วน เวทีเสียง (Soundstage) ก็จะกว้างขวางและโปร่งสบายกว่าหูฟังแบบ Closed-Back ทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟังดนตรีสดอยู่ในห้องอัดเสียงเลยทีเดียวครับ

สเปกเด่น

  • ประเภทไดรเวอร์: Planar Magnetic พร้อม Stealth Magnets Technology
  • การออกแบบ: Open-Back
  • DAC/Amp: Bluemini R2R (ถอดได้)
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth (LDAC, aptX-HD, aptX, AAC, SBC), USB-C, สาย 3.5 มม.
  • ความถี่ตอบสนอง: 20Hz – 20kHz
  • น้ำหนัก: 360 กรัม (เฉพาะหูฟัง)
จุดเด่น
  • คุณภาพเสียงระดับ Audiophile รายละเอียดสุดยอด
  • เวทีเสียงกว้างขวางและโปร่งสบาย
  • รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายทั้งไร้สายและมีสาย
  • Bluemini R2R DAC ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม
  • คุ้มค่ามากสำหรับหูฟัง Planar Magnetic
ข้อควรพิจารณา
  • การออกแบบ Open-Back ทำให้เสียงรั่วออกและไม่ได้กันเสียงภายนอก
  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
  • ดีไซน์อาจจะดูดิบ ๆ ไม่ได้หรูหราเท่าคู่แข่ง

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดเด่นที่สุดของ Deva Pro คือโมดูล Bluemini R2R ที่แถมมาให้ครับ เจ้าตัวนี้คือ DAC/Amp ขนาดจิ๋วที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ R2R ซึ่งให้เสียงที่มีความเป็นธรรมชาติและอนาล็อกสูงกว่า DAC แบบ Delta-Sigma ทั่วไปที่ใช้ในหูฟังส่วนใหญ่ เราสามารถเสียบ Bluemini เข้ากับหูฟังเพื่อใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ที่รองรับ Codec คุณภาพสูงครบครันทั้ง LDAC และ aptX-HD หรือจะถอดออกแล้วต่อสาย 3.5 มม. เพื่อใช้งานกับแอมป์ตั้งโต๊ะก็ได้ หรือแม้กระทั่งต่อสาย USB-C จากคอมพิวเตอร์เข้าที่ Bluemini โดยตรงเพื่อใช้เป็น USB DAC ก็ยังได้ ความยืดหยุ่นในการใช้งานระดับนี้หาได้ยากในหูฟังราคาระดับเดียวกันครับ คุณภาพเสียงที่ได้จากไดรเวอร์ Planar ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Stealth Magnets ของ HIFIMAN นั้นยอดเยี่ยมมาก เสียงกลางมีความอิ่มและชัดเจน เสียงสูงทอดตัวไปได้ไกลและมีประกายระยิบระยับโดยไม่เสียดหู เบสมีคุณภาพสูง กระชับ และลงได้ลึก ทำให้เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับการฟังเพลงอย่างจริงจังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบครับ

แน่นอนว่าด้วยการที่เป็นหูฟังแบบ Open-Back ทำให้ Deva Pro ไม่เหมาะกับการใช้งานนอกบ้านหรือในที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะ เพราะมันจะไม่ได้ช่วยกันเสียงภายนอกเข้ามาเลย และเสียงจากหูฟังก็จะรั่วออกไปให้คนข้าง ๆ ได้ยินด้วยครับ มันจึงเป็นหูฟังสำหรับใช้ฟังในห้องส่วนตัวที่บ้านหรือที่ทำงานมากกว่า นอกจากนี้มันยังไม่มีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่าง ANC หรือ Transparency Mode แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคุณภาพเสียงที่บริสุทธิ์และเวทีเสียงที่กว้างใหญ่จนหูฟัง Closed-Back ราคาแพงกว่าหลายตัวยังต้องอาย การออกแบบอาจจะดูเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ให้ความสบายในการสวมใส่ที่ดีและแข็งแรงทนทาน หากคุณคือคนที่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพเสียง” มาเป็นอันดับหนึ่ง และต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของหูฟังไร้สายทั่วไป Deva Pro คือประตูสู่โลก Audiophile ที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์และเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่เราอยากให้คุณได้ลองจริง ๆ ครับ

คะแนนที่ได้

9.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เสียงดีมากค่ะ รายละเอียดเพลงที่ไม่เคยได้ยินก็ได้ยินจากตัวนี้ เวทีเสียงกว้างเหมือนฟังลำโพงเลย” – นุ่น, อายุ 35
“เป็นหูฟัง Planar ไร้สายที่คุ้มมากครับ ต่อได้หลายแบบ เสียงดีเกินราคาไปเยอะ” – เอก, อายุ 42


5. Audio-Technica ATH-M50xBT2 ★★★★☆

“ตำนานแห่งสตูดิโอในเวอร์ชันไร้สาย เสียงเที่ยงตรง แบตอึดสะใจ 50 ชั่วโมง”

Audio-Technica ATH-M50xBT2

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

หากพูดถึงหูฟังมอนิเตอร์ในตำนานที่เหล่าศิลปินและซาวด์เอนจิเนียร์ทั่วโลกให้การยอมรับ ชื่อของ Audio-Technica ATH-M50x ต้องติดโผมาด้วยอย่างแน่นอน และ ATH-M50xBT2 ก็คือการนำเอาตำนานบทนั้นมาพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับยุคสมัยด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายครับ รุ่นนี้ยังคงรักษาคาแรกเตอร์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ M50x ไว้อย่างครบถ้วน นั่นคือเสียงที่เที่ยงตรง สมดุล และให้รายละเอียดที่คมชัดในทุกย่านความถี่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟังเสียงแบบที่ศิลปินตั้งใจให้เราได้ยินจริง ๆ โดยไม่มีการปรุงแต่งสีสันจนเกินงาม ทำให้มันเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับคนทำงานด้านเสียง, Content Creator, หรือนักฟังเพลงที่ชื่นชอบความแม่นยำของเสียงเป็นพิเศษครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Dynamic Driver ขนาด 45 มม. พร้อมแม่เหล็กแรร์เอิร์ท
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 50 ชั่วโมง
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 (รองรับ Multipoint), LDAC, AAC, SBC
  • ฟีเจอร์เด่น: Low Latency Mode, ไมโครโฟนคู่พร้อมเทคโนโลยี Beamforming
  • DAC/Amp: AKM AK4331
  • การออกแบบ: พับเก็บได้, Earcup หมุนได้ 90 องศา
จุดเด่น
  • คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอมอนิเตอร์ เที่ยงตรงสูง
  • แบตเตอรี่อึดมหาศาลถึง 50 ชั่วโมง
  • รองรับ LDAC เพื่อการฟังเพลงคุณภาพสูง
  • Low Latency Mode เหมาะกับการดูหนังและเล่นเกม
  • โครงสร้างแข็งแรงทนทานและพับเก็บได้สะดวก
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
  • ดีไซน์เน้นการใช้งาน ไม่ได้หวือหวาด้านแฟชั่น
  • แรงบีบของหูฟังอาจจะแน่นไปสำหรับบางคนในช่วงแรก

รีวิวแบบเจาะลึก

ATH-M50xBT2 ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นแรกในหลาย ๆ ด้านครับ เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนไปใช้ชิป DAC/Amp คุณภาพสูงอย่าง AKM AK4331 และการรองรับ Codec LDAC ทำให้สามารถฟังเพลง Hi-Res Audio Wireless ได้อย่างเต็มศักยภาพ คุณภาพเสียงที่ได้จึงดียิ่งขึ้นไปอีก เสียงเบสมีความกระชับและเก็บตัวเร็ว เสียงกลางชัดเจนไม่ถอยหลัง และเสียงสูงก็มีรายละเอียดที่ดีโดยไม่แหลมจัดจ้านจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไมโครโฟนเป็น 2 ตัวพร้อมเทคโนโลยี Beamforming ทำให้คุณภาพการสนทนาผ่านโทรศัพท์ชัดเจนขึ้นมาก และที่สำคัญคือมี Low Latency Mode ที่ช่วยลดความหน่วงของเสียง ทำให้สามารถใช้ดูหนังหรือเล่นเกมได้อย่างไม่มีปัญหาเสียงดีเลย์ครับ ใครที่มองหา หูฟังเกมมิ่ง ที่ให้เสียงแม่นยำและใช้ฟังเพลงได้ดีเยี่ยมด้วย รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ

อีกหนึ่งจุดขายที่โดดเด่นมากของ M50xBT2 คือแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ถึง 50 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เรียกได้ว่าชาร์จทีเดียวอาจจะใช้ได้เป็นสัปดาห์เลยทีเดียวครับ และยังรองรับการชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C โดยชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมง การออกแบบยังคงความคลาสสิกและทนทานตามแบบฉบับหูฟังสตูดิโอ สามารถพับเก็บและหมุน Earcup ได้ 90 องศาเพื่อความสะดวกในการพกพาและจัดเก็บ แม้จะไม่มีฟีเจอร์หรูหราอย่าง ANC แต่ด้วยการออกแบบที่เป็นแบบ Closed-Back และ Earpad ที่แนบสนิทกับใบหู มันก็สามารถกันเสียงรบกวนภายนอกได้ในระดับหนึ่ง (Passive Noise Isolation) ครับ สำหรับใครที่ไม่ต้องการ ANC แต่ให้ความสำคัญกับความเที่ยงตรงของเสียง ความทนทาน และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน นี่คือ หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและคุ้มค่ามาก ๆ ครับ

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เสียงแฟลตมากค่ะ เหมาะกับเอามาแกะเพลงหรือมิกซ์งานมาก ๆ แบตก็อึดจนลืมชาร์จไปเลย” – ฝน, อายุ 26
“เสียงตรงไปตรงมาดีครับ ไม่ปรุงแต่งเยอะเหมือนหูฟังแฟชั่นทั่วไป ใช้ดูหนังเล่นเกมก็ดีเลย์น้อยมาก” – บอย, อายุ 33


6. Marshall Monitor II ANC ★★★★☆

“ดีไซน์ร็อกระดับตำนาน ผสานเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน เพื่อชาวเมืองผู้มีสไตล์”

Marshall Monitor II ANC

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

เมื่อพูดถึงแบรนด์ที่ผสานซาวด์แบบร็อกแอนด์โรลเข้ากับดีไซน์สุดคลาสสิกได้อย่างลงตัว ชื่อของ Marshall ย่อมเป็นที่รู้จักกันดี และ Marshall Monitor II ANC ก็คือตัวแทนของ หูฟังครอบหู แนะนำ จากแบรนด์นี้ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างครบครันครับ จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากแอมป์กีตาร์ในตำนาน ด้วยวัสดุหนังและโลโก้สคริปต์สีขาว ทำให้มันเป็นมากกว่าหูฟัง แต่เป็นเหมือนแฟชั่นไอเทมที่บ่งบอกสไตล์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี แต่ภายใต้รูปลักษณ์สุดเท่นั้นก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพเสียงที่ทรงพลังและระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณดื่มด่ำกับเสียงเพลงได้แม้จะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Custom-tuned Dynamic Driver ขนาด 40 มม.
  • ระบบตัดเสียงรบกวน: Advanced Active Noise Cancelling
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 30 ชั่วโมง (เปิด ANC), 45 ชั่วโมง (ปิด ANC)
  • ฟีเจอร์เด่น: Multi-function Control Knob, M-button (EQ/Voice Assistant), Collapsible Design
  • น้ำหนัก: 320 กรัม
จุดเด่น
  • ดีไซน์คลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร
  • คุณภาพเสียงสไตล์ Marshall ฟังสนุก เบสแน่น
  • มีปุ่ม Control Knob ควบคุมง่ายและแม่นยำ
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
  • พับเก็บได้สะดวก พกพาง่าย
ข้อควรพิจารณา
  • ประสิทธิภาพ ANC อาจไม่เทียบเท่าคู่แข่งระดับท็อป
  • น้ำหนักค่อนข้างมาก
  • ไม่มี Codec เสียงคุณภาพสูงอย่าง LDAC หรือ aptX HD

รีวิวแบบเจาะลึก

เอกลักษณ์ที่สำคัญของ Monitor II ANC คือปุ่มควบคุมแบบ Multi-direction Control Knob สีทองที่โดดเด่น ซึ่งเป็นวิธีการควบคุมที่ทั้งเท่และใช้งานได้จริง คุณสามารถใช้ปุ่มนี้ในการเล่น/หยุดเพลง, ข้ามเพลง, ปรับระดับเสียง และรับสาย/วางสายได้ในปุ่มเดียว ให้ความรู้สึกที่แตกต่างและแม่นยำกว่าระบบสัมผัส นอกจากนี้ยังมีปุ่ม M ที่สามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่มสลับ EQ ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า หรือใช้เรียก Google Assistant ก็ได้ครับ ในด้านคุณภาพเสียง หูฟังรุ่นนี้ให้ซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Marshall อย่างชัดเจน คือเน้นเสียงกลางที่พุ่งและเสียงเบสที่มีแรงปะทะหนักแน่น ฟังสนุก เหมาะกับเพลงแนวร็อก, ป๊อป, ฮิปฮอปเป็นอย่างยิ่ง แม้รายละเอียดเสียงสูงอาจจะไม่ใสเท่าหูฟังสาย Audiophile แต่ก็สามารถปรับ EQ เพิ่มเติมได้ผ่านแอป Marshall Bluetooth ครับ สำหรับแฟน ๆ ที่ชื่นชอบ ลำโพง Marshall อยู่แล้ว บอกเลยว่านี่คือคาแรกเตอร์เสียงที่คุ้นเคยและจะต้องถูกใจแน่นอน

ระบบ ANC ของ Marshall Monitor II ทำหน้าที่ได้ดีในการลดเสียงรบกวนความถี่ต่ำ เช่น เสียงเครื่องยนต์หรือเสียงแอร์ในออฟฟิศ ช่วยให้คุณโฟกัสกับเสียงเพลงได้ดีขึ้น แม้ประสิทธิภาพอาจจะยังไม่ถึงขั้นเงียบสนิทเหมือนคู่แข่งอย่าง Sony หรือ Bose แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป และยังมี Monitoring Mode (คล้าย Transparency Mode) ให้เลือกใช้เมื่อต้องการได้ยินเสียงรอบข้างด้วยครับ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC ก็ถือว่าน่าประทับใจมาก ๆ และการออกแบบที่สามารถพับเก็บใส่กระเป๋าผ้าเดนิมที่แถมมาให้ก็ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นและคุณภาพเสียงที่ฟังสนุก ทำให้ Marshall Monitor II ANC เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับคนที่มองหาหูฟังที่สะท้อนตัวตนและให้ประสบการณ์ทางดนตรีที่เร้าใจไปพร้อม ๆ กันครับ

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ดีไซน์เท่มากค่ะ ไม่เหมือนใครเลย เสียงก็ดี ฟังเพลงร็อกมันส์สุดๆ” – กิ๊ฟ, อายุ 27
“ชอบปุ่ม Control Knob มากครับ ควบคุมง่ายดี ANC ก็ใช้ได้เลยนะสำหรับเดินทางในเมือง” – นนท์, อายุ 36


7. Sony WH-CH720N ★★★★☆

“สัมผัสประสบการณ์ ANC จาก Sony ในราคาที่เข้าถึงง่าย น้ำหนักเบา ใส่สบายตลอดวัน”

Sony WH-CH720N

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับใครที่อยากได้หูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพดีจาก Sony แต่มีงบประมาณจำกัด Sony WH-CH720N คือคำตอบที่ใช่เลยครับ รุ่นนี้ถือเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่คุ้มค่ามาก ๆ เพราะ Sony ได้นำเทคโนโลยีเด่น ๆ จากรุ่นพี่อย่างซีรีส์ 1000X มาใส่ไว้ในหูฟังรุ่นนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Integrated Processor V1 ที่ช่วยเรื่องการตัดเสียงรบกวน และเทคโนโลยี DSEE (Digital Sound Enhancement Engine) ที่ช่วยอัปสเกลคุณภาพเสียง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือเรื่องของน้ำหนักครับ ด้วยน้ำหนักเพียง 192 กรัม ทำให้มันเป็นหนึ่งในหูฟังครอบหูไร้สายแบบมี ANC ที่เบาที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถใส่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกหนักหรือเมื่อยคอ เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องใช้หูฟังเป็นเวลานาน ๆ ครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Dynamic Driver ขนาด 30 มม.
  • ระบบตัดเสียงรบกวน: Dual Noise Sensor technology พร้อม Integrated Processor V1
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2 (รองรับ Multipoint Connection)
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 35 ชั่วโมง (เปิด ANC), 50 ชั่วโมง (ปิด ANC)
  • ฟีเจอร์เด่น: DSEE, น้ำหนักเบาพิเศษ, Sony | Headphones Connect App
  • น้ำหนัก: 192 กรัม
จุดเด่น
  • น้ำหนักเบามาก ใส่สบายสุด ๆ
  • ประสิทธิภาพ ANC ดีเกินราคา
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้ยาวนาน
  • รองรับ Multipoint Connection สลับอุปกรณ์สะดวก
  • คุณภาพเสียงดี พร้อม DSEE อัปสเกล
ข้อควรพิจารณา
  • วัสดุเป็นพลาสติก อาจไม่ดูพรีเมียมเท่ารุ่นสูง
  • ไม่รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูงอย่าง LDAC
  • เคสใส่หูฟังต้องซื้อแยก

รีวิวแบบเจาะลึก

แม้จะเป็นรุ่นน้องเล็ก แต่ประสิทธิภาพของ WH-CH720N ก็ไม่ธรรมดาเลยครับ ระบบตัดเสียงรบกวนที่ได้ชิป V1 มาช่วยนั้นทำงานได้ดีเกินคาด สามารถลดเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันอย่างเสียงแอร์ เสียงพัดลม หรือเสียงบรรยากาศในร้านกาแฟได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามีสมาธิกับงานหรือการเรียนได้มากขึ้น คุณภาพเสียงก็ทำได้น่าประทับใจ ให้เสียงที่สมดุล ฟังสบาย เบสมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ได้หนักจนเกินไป และเสียงกลางก็มีความชัดเจน สามารถปรับ EQ เพิ่มเติมได้ผ่านแอป Sony | Headphones Connect เพื่อให้ได้แนวเสียงที่ถูกใจที่สุด เทคโนโลยี DSEE ก็ช่วยชดเชยรายละเอียดเสียงที่หายไปจากการบีบอัดไฟล์ได้ดี ทำให้เพลงจากบริการสตรีมมิ่งทั่วไปฟังดูดีขึ้นครับ สำหรับคนที่กำลังมองหาอุปกรณ์เสริมสำหรับ แท็บเล็ต เพื่อใช้เรียนออนไลน์หรือดูคอนเทนต์ต่าง ๆ นี่คือ หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มักจะพบในหูฟังราคาสูงแต่มีมาให้ในรุ่นนี้คือ Multipoint Connection ครับ ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อ WH-CH720N กับโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนได้พร้อมกัน และสลับการใช้งานได้อย่างราบรื่น ซึ่งสะดวกมาก ๆ สำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน แบตเตอรี่ก็เป็นอีกจุดที่น่าทึ่งมาก สามารถใช้งานได้นานถึง 35 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และนานถึง 50 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC เรียกว่าใช้งานกันยาว ๆ จนลืมชาร์จไปเลยครับ แม้วัสดุส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกและไม่ได้ให้ความรู้สึกพรีเมียมเท่ารุ่นพี่ แต่ก็แลกมากับน้ำหนักที่เบาสบายอย่างเหลือเชื่อ และราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก ทำให้ Sony WH-CH720N เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่คุ้มค่าที่สุดตัวหนึ่งในตลาด และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกับหูฟัง ANC คุณภาพดีจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้ครับ

คะแนนที่ได้

8.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เบามากค่ะ ใส่ทั้งวันไม่ปวดคอเลย ANC ก็ดีเกินราคาไปมาก คุ้มสุดๆ” – แอน, อายุ 22
“เสียงดีครับ แบตอึดมาก ใช้ประชุมออนไลน์สลับกับฟังเพลงบนมือถือสะดวกดีครับ” – พีท, อายุ 28


8. Marshall Major IV ★★★★☆

“ไอคอนแห่งความอึด แบตเตอรี่ 80+ ชั่วโมง พร้อมดีไซน์คลาสสิกและฟีเจอร์ชาร์จไร้สาย”

Marshall Major IV

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าคุณเป็นคนที่เกลียดการชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ และกำลังมองหา หูฟังครอบหู แนะนำ ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Marshall Major IV คือคำตอบสุดท้ายของคุณครับ! หูฟังรุ่นนี้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแบบ On-Ear แต่ด้วยความนิยมจึงมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง! ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด 80 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณฟังเพลงวันละ 3-4 ชั่วโมง คุณอาจจะไม่ต้องชาร์จมันเลยเป็นเวลาเกือบเดือนเลยทีเดียว และที่เหนือไปกว่านั้นคือมันยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charging) อีกด้วย แค่วางมันลงบนแท่นชาร์จ Qi ทั่วไปก็สามารถชาร์จได้เลย สะดวกสุด ๆ ครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Custom-tuned Dynamic Driver ขนาด 40 มม.
  • แบตเตอรี่: 80+ ชั่วโมง
  • การชาร์จ: USB-C และ Wireless Charging
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0
  • ฟีเจอร์เด่น: Multi-directional Control Knob, Collapsible Design, 3.5mm Socket for sharing
  • น้ำหนัก: 165 กรัม
จุดเด่น
  • แบตเตอรี่อึดมหาศาล 80+ ชั่วโมง
  • รองรับการชาร์จไร้สาย สะดวกมาก
  • ดีไซน์คลาสสิกเป็นเอกลักษณ์และน้ำหนักเบา
  • มีช่อง 3.5 มม. สำหรับแชร์เพลงให้เพื่อนฟังได้
  • พับเก็บได้เล็กกะทัดรัด พกพาง่าย
ข้อควรพิจารณา
  • เป็นหูฟังแบบ On-Ear อาจไม่สบายสำหรับบางคนเมื่อใส่ระยะยาว
  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
  • กันเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าแบบ Over-Ear

รีวิวแบบเจาะลึก

นอกจากเรื่องแบตเตอรี่แล้ว Marshall Major IV ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้อย่างครบถ้วนครับ ทั้งดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากแอมป์กีตาร์, วัสดุหนังเทียม, และปุ่มควบคุม Control Knob สีทองที่ใช้งานง่ายและให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยม คุณภาพเสียงก็เป็นไปตามสไตล์ Marshall คือเน้นเสียงที่ฟังสนุก มีพลัง เบสกระชับ และเสียงกลางที่คมชัด เหมาะกับการฟังเพลงร็อก ป๊อป และเพลงกระแสหลักทั่วไปได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 165 กรัมและการออกแบบที่พับเก็บได้เล็กมาก ทำให้มันเป็นเพื่อนเดินทางที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถโยนมันใส่ กระเป๋าเป้ ได้โดยไม่กินที่เลยครับ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. บนตัวหูฟังไม่ได้มีไว้แค่สำหรับฟังแบบมีสายเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นช่อง Output เพื่อแชร์เพลงที่เรากำลังฟังให้เพื่อนที่มีหูฟังแบบมีสายมาเสียบฟังไปพร้อมกับเราได้อีกด้วย เป็นลูกเล่นที่น่ารักและมีประโยชน์มากครับ

แน่นอนว่าด้วยการที่เป็นหูฟังแบบ On-Ear ทำให้การสวมใส่ในระยะยาวอาจจะไม่สบายเท่าแบบ Over-Ear สำหรับบางคน และการกันเสียงรบกวนจากภายนอกก็จะทำได้ไม่ดีเท่า แต่ก็แลกมากับขนาดที่เล็กและพกพาง่ายกว่า มันไม่มีฟีเจอร์ ANC หรือฟีเจอร์อัจฉริยะอื่น ๆ แต่ Major IV ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันในด้านนั้นครับ มันถูกสร้างมาเพื่อเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับคนที่ต้องการความเรียบง่าย, สไตล์ที่โดดเด่น, และที่สำคัญที่สุดคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานจนลืมไปเลยว่าต้องชาร์จครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หากคุณสมบัติเหล่านี้คือสิ่งที่คุณมองหา Marshall Major IV จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“แบตอึดจริง ๆ ค่ะ ชาร์จครั้งเดียวใช้ไปเป็นเดือนเลย ดีไซน์ก็สวยมาก” – เมย์, อายุ 25
“ชอบที่มันชาร์จไร้สายได้ครับ สะดวกดี เสียงก็ฟังสนุกตามสไตล์ Marshall เลย” – เจมส์, อายุ 30


9. Technics EAH-A800 ★★★★☆

“หูฟังสำหรับนักธุรกิจและมืออาชีพ เสียงระดับ Hi-Fi พร้อมไมโครโฟนที่คมชัดที่สุด”

Technics EAH-A800

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

Technics คือแบรนด์เครื่องเสียงระดับตำนานจาก Panasonic ที่นักฟังเพลงรุ่นเก๋าต่างให้การยอมรับ และการกลับมาสู่ตลาดหูฟังไร้สายด้วย Technics EAH-A800 ก็สร้างความฮือฮาได้อย่างมากครับ หูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งนักฟังเพลงที่จริงจังและคนทำงานระดับมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพการสนทนาที่ดีที่สุด จุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาดคือระบบไมโครโฟนครับ EAH-A800 ใช้ไมโครโฟนถึง 8 ตัว พร้อมเทคโนโลยี Beamforming และ Noise Suppression ที่สามารถแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างหมดจด ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงของเราชัดเจนมาก ๆ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังก็ตาม จึงเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องประชุมออนไลน์หรือรับสายสำคัญบ่อย ๆ ครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Dynamic Driver ขนาด 40 มม. พร้อม Free Edge Diaphragm
  • ระบบตัดเสียงรบกวน: Dual Hybrid Noise Cancelling Technology
  • ไมโครโฟน: 8 MEMS Microphones พร้อม Beamforming และ Noise Suppression
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.2 (รองรับ Multipoint), LDAC, AAC, SBC
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 50 ชั่วโมง (เปิด ANC), 60 ชั่วโมง (ปิด ANC)
  • ฟีเจอร์เด่น: JustMyVoice™ Technology, รองรับ Hi-Res Audio Wireless
จุดเด่น
  • คุณภาพไมโครโฟนสำหรับสนทนาดีที่สุดในตลาด
  • คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม รองรับ LDAC
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้ยาวนาน
  • ระบบ ANC มีประสิทธิภาพสูง
  • สวมใส่สบายและวัสดุดูพรีเมียม
ข้อควรพิจารณา
  • ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • แอปพลิเคชันอาจจะยังไม่เสถียรเท่าแบรนด์หลัก
  • ราคาสูงอยู่ในระดับเดียวกับตัวท็อป

รีวิวแบบเจาะลึก

ในด้านคุณภาพเสียง Technics ก็ไม่ทำให้เสียชื่อแบรนด์ระดับตำนานครับ EAH-A800 ให้เสียงที่มีความเป็น Hi-Fi สูงมาก ด้วยไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ที่มีไดอะแฟรมแบบ 3 ชั้น ทำให้สามารถถ่ายทอดเสียงได้อย่างสมดุลและเป็นธรรมชาติ เบสมีความลึกและหนักแน่นแต่ไม่ไปกวนย่านอื่น เสียงกลางมีความอิ่มและชัดเจน เสียงสูงก็ทอดตัวไปได้ไกลและมีรายละเอียดที่ดี การรองรับ Codec LDAC ก็ช่วยให้สามารถฟังเพลงคุณภาพสูงได้อย่างเต็มที่ เวทีเสียงกว้างขวางและแยกแยะชิ้นดนตรีได้ดี ทำให้เป็น หูฟังครอบหู แนะนำ สำหรับการฟังเพลงอย่างจริงจังอีกหนึ่งตัวเลือกครับ ระบบ ANC ก็ทำได้ดีมาก สามารถปรับระดับได้ถึง 100 ระดับผ่านแอป และมีโหมด Transparent ที่ให้เลือกได้ 2 แบบคือแบบที่เน้นเสียงรอบข้างทั้งหมด กับแบบที่เน้นเฉพาะเสียงพูด ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ครับ

แบตเตอรี่ก็เป็นอีกจุดแข็งที่สำคัญ สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 50 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับท็อปของตลาดเลยทีเดียว การเชื่อมต่อแบบ Multipoint ก็มีมาให้ ทำให้สลับระหว่าง Laptop และโทรศัพท์ได้อย่างสะดวก การออกแบบและวัสดุก็ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมและแข็งแรงทนทาน Earpad มีความนุ่มและมีพื้นที่ภายในกว้าง ทำให้ใส่สบายไม่บีบหู แม้ขนาดโดยรวมอาจจะดูใหญ่ไปสักหน่อย แต่ก็แลกมากับคุณภาพเสียงและฟีเจอร์ที่จัดเต็มครับ หากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการสนทนาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องการคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi และฟีเจอร์ระดับท็อปอื่น ๆ อย่างครบครัน Technics EAH-A800 คือ หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและเป็นม้ามืดที่น่ากลัวมาก ๆ ในตลาดตอนนี้ครับ

คะแนนที่ได้

8.4/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ไมค์ชัดมากค่ะ ประชุมออนไลน์สบายเลย ปลายสายบอกว่าเสียงเคลียร์มาก” – แพรว, อายุ 32
“เสียงดีสมชื่อ Technics เลยครับ แบตก็อึดมาก ๆ เป็นหูฟังที่ครบเครื่องจริง ๆ” – ก้อง, อายุ 45


10. Sennheiser HD 450BT ★★★☆☆

“ก้าวแรกสู่โลกแห่งเสียงคุณภาพจาก Sennheiser พร้อม ANC และดีไซน์ที่พกพาสะดวก”

Sennheiser HD 450BT

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายลิสต์ หูฟังครอบหู แนะนำ ของเราด้วย Sennheiser HD 450BT หูฟังที่เหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นสัมผัสประสบการณ์เสียงคุณภาพจากแบรนด์เยอรมันระดับตำนานในราคาที่จับต้องได้ครับ Sennheiser เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และ HD 450BT ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มันมาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้โดยมีเสียงรบกวนน้อยลง และยังรองรับ Codec เสียงคุณภาพสูงอย่าง aptX™ และ aptX™ Low Latency ซึ่งหาได้ยากในหูฟังราคาระดับนี้ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการดูหนังหรือเล่นเกม เพราะจะให้ความหน่วงของเสียงที่ต่ำมาก ๆ ครับ

สเปกเด่น

  • ไดรเวอร์: Dynamic Driver
  • ระบบตัดเสียงรบกวน: Active Noise Cancellation
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 (รองรับ aptX™, aptX™ Low Latency, AAC, SBC)
  • แบตเตอรี่: สูงสุด 30 ชั่วโมง
  • ฟีเจอร์เด่น: Sennheiser Smart Control App, Voice Assistant button, Foldable design
  • น้ำหนัก: 238 กรัม
จุดเด่น
  • คุณภาพเสียงดีเยี่ยมในราคาระดับเดียวกัน
  • รองรับ aptX Low Latency เหมาะกับการดูวิดีโอ
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 30 ชั่วโมง
  • ดีไซน์พับเก็บได้ พกพาสะดวก
  • มีแอปสำหรับปรับ EQ ได้
ข้อควรพิจารณา
  • Earcup ค่อนข้างเล็ก อาจไม่สบายสำหรับคนหูใหญ่
  • ปุ่มควบคุมมีขนาดเล็กและอยู่ใกล้กัน อาจกดยากในช่วงแรก
  • ประสิทธิภาพ ANC อยู่ในระดับปานกลาง

รีวิวแบบเจาะลึก

คุณภาพเสียงของ HD 450BT นั้นโดดเด่นในย่านเสียงกลางและสูง ให้เสียงร้องและเสียงเครื่องดนตรีที่มีความชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ส่วนเบสก็มีปริมาณที่พอดี ไม่ได้บูสต์ขึ้นมามากจนเกินไป ทำให้เป็นหูฟังที่ฟังสบายได้หลากหลายแนว และยังสามารถปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้ผ่าน Equalizer ในแอป Sennheiser Smart Control ซึ่งในแอปยังมี Podcast Mode ที่ช่วยปรับเสียงให้เหมาะกับการฟังเสียงพูดโดยเฉพาะอีกด้วยครับ ระบบ ANC ทำหน้าที่ได้ดีในการลดเสียงความถี่ต่ำ แต่เสียงความถี่สูงอย่างเสียงพูดอาจจะยังมีเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับหูฟังในกลุ่มราคานี้ครับ การที่มันรองรับ aptX Low Latency ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาเสียงไม่ตรงกับภาพเวลาดู YouTube หรือ Netflix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่เน้นใช้หูฟังดูคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลักจะต้องชอบฟีเจอร์นี้แน่นอนครับ

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานหลายวัน และชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ที่ทันสมัย ดีไซน์ของหูฟังมีความมินิมอลและแข็งแรงทนทาน สามารถพับเก็บใส่กระเป๋าพกพาที่แถมมาให้ได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือขนาดของ Earcup ที่อาจจะเล็กไปสักหน่อยสำหรับคนที่มีใบหูใหญ่ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายเมื่อใส่เป็นเวลานาน ๆ และปุ่มควบคุมที่มีขนาดเล็กและวางอยู่ใกล้กันอาจจะต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยสักพักครับ แต่โดยรวมแล้ว Sennheiser HD 450BT ก็ยังคงเป็น หูฟังครอบหู แนะนำ ที่คุ้มค่ามาก ๆ เป็นการเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมสำหรับใครก็ตามที่อยากได้หูฟังไร้สายคุณภาพดีจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายในราคาที่สูงเกินไปครับ

คะแนนที่ได้

8.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เสียงดีสมชื่อ Sennheiser เลยค่ะ ใช้ดูซีรีส์เสียงตรงปากเป๊ะเลย” – ฟ้า, อายุ 24
“เป็นหูฟัง ANC ตัวแรกของผมเลยครับ ประทับใจมาก คุณภาพดีเกินราคา” – มาร์ค, อายุ 29


มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงและหูฟัง (Audiophiles & Tech Reviewers)

จากข้อมูลของเว็บไซต์รีวิวเครื่องเสียงชั้นนำอย่าง What Hi-Fi? และ Rtings.com ตลาดหูฟังในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในทุกระดับราคา โดยเทรนด์ที่น่าจับตามองไม่ได้มีแค่เรื่องประสิทธิภาพของระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) อีกต่อไป แต่ยังขยายไปถึงคุณภาพเสียงและการมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่หูฟังที่ ‘เงียบ’ ที่สุด แต่พวกเขามองหาหูฟังที่ให้ ‘เสียง’ ที่ใช่สำหรับพวกเขาที่สุดด้วย การปรับแต่ง EQ, การรองรับ Codec คุณภาพสูง, และความสบายในการสวมใส่ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ANC เลย”

การเลือก หูฟังครอบหู แนะนำ ในยุคนี้จึงเป็นเรื่องของการหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีและรสนิยมส่วนตัว

ไม่ใช่แค่เรื่องการตัดเสียงรบกวน

แม้ว่า ANC จะยังคงเป็นฟีเจอร์หลักที่ผู้คนมองหา แต่ผู้ผลิตต่างก็พัฒนาให้มันฉลาดขึ้น เช่น Adaptive ANC ที่ปรับระดับความเงียบตามสภาพแวดล้อม หรือ Transparency Mode ที่ให้เสียงภายนอกที่เป็นธรรมชาติจนแทบไม่รู้สึกว่าใส่หูฟังอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าคุณภาพเสียงพื้นฐานของหูฟัง (Core acoustic performance) ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หูฟังที่มี ANC ดีเยี่ยมแต่ให้เสียงที่ทึบหรือเบสบวมก็ไม่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีได้

ความสำคัญของ Codec เสียง

การมาถึงของ Codec คุณภาพสูงอย่าง LDAC และ aptX HD/Adaptive ได้เปลี่ยนเกมสำหรับหูฟังไร้สายไปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้การฟังเพลงคุณภาพระดับ Hi-Res ผ่าน Bluetooth กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ สำหรับนักฟังเพลงที่จริงจัง การเลือกรุ่นที่รองรับ Codec เหล่านี้ (เช่น Sony WH-1000XM5 หรือ Technics EAH-A800) จะสร้างความแตกต่างของคุณภาพเสียงได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ Codec พื้นฐานอย่าง SBC หรือ AAC

ความสบายในการสวมใส่คือปัจจัยสำคัญ

หูฟังที่ดีที่สุดในโลกก็ไร้ความหมายถ้าคุณไม่สามารถใส่มันได้นานเกินหนึ่งชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าน้ำหนัก, แรงบีบ (Clamping Force), และวัสดุของ Earpad คือปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง แบรนด์อย่าง Bose ยังคงเป็นผู้นำในด้านนี้ แต่แบรนด์อื่น ๆ ก็เริ่มให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้นเช่นกัน การเลือก หูฟังครอบหู แนะนำ ที่เหมาะกับรูปทรงศีรษะของเราจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS

“ตลาด หูฟังครอบหู แนะนำ แห่งปี 2025 คือสนามรบของ ‘ประสบการณ์’ ไม่ใช่แค่ ‘สเปก’ อีกต่อไป ผู้ชนะไม่ใช่แค่ผู้ที่อัดเทคโนโลยีมาให้เยอะที่สุด แต่คือผู้ที่เข้าใจว่าผู้ใช้แต่ละกลุ่มต้องการอะไร และสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นั้นได้อย่างลงตัวที่สุด ตั้งแต่คุณภาพเสียง, ความสบาย, ความสะดวกในการใช้งาน ไปจนถึงดีไซน์ที่บ่งบอกตัวตน การเลือกหูฟังจึงเป็นการลงทุนเพื่อความสุขส่วนตัวที่คุ้มค่า หากเราเลือกได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราอย่างแท้จริง”


เคล็ดลับเลือกซื้อ หูฟังครอบหู แนะนำ ให้โดนใจที่สุด

เคล็ดลับการเลือกซื้อหูฟังครอบหู แนะนำสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการคุณภาพเสียงและความสบาย
การเลือกซื้อหูฟังสักตัวอาจจะดูน่าปวดหัวเพราะมีตัวเลือกเยอะไปหมด แต่ถ้าเรามีหลักในการเลือก ก็จะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ นี่คือเคล็ดลับจากเราที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เจอ หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ใช่สำหรับตัวเองครับ

  1. กำหนดวัตถุประสงค์หลัก: ถามตัวเองก่อนว่าจะซื้อหูฟังไปใช้ทำอะไรเป็นหลัก? ถ้าใช้เดินทางบ่อย ๆ หรือทำงานในที่เสียงดัง ควรเน้นรุ่นที่มี ANC เทพ ๆ อย่าง Sony หรือ Bose แต่ถ้าเน้นฟังเพลงจริงจังในห้องเงียบ ๆ หูฟัง Audiophile อย่าง HIFIMAN อาจจะตอบโจทย์กว่า
  2. คุณภาพเสียงที่ชอบ: คุณเป็นคนชอบเสียงแบบไหน? ชอบเบสหนัก ๆ ฟังสนุก (สไตล์ Marshall) หรือชอบเสียงที่สมดุลเป็นธรรมชาติ (สไตล์ Bose, Apple) หรือชอบความเที่ยงตรงแบบสตูดิโอมอนิเตอร์ (Audio-Technica)? การรู้แนวเสียงที่ตัวเองชอบจะช่วยให้เราจำกัดตัวเลือกได้เยอะมากครับ
  3. ความสบายในการสวมใส่: ถ้ามีโอกาส ควรไปลองสวมใส่ของจริงครับ ลองดูว่าน้ำหนักพอดีไหม แรงบีบแน่นไปหรือเปล่า Earcup ครอบหูได้สนิทและนุ่มสบายหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนใส่แว่นหรือต้องใส่หูฟังเป็นเวลานาน ๆ เรื่องนี้สำคัญมากครับ
  4. แบตเตอรี่และฟีเจอร์เสริม: พิจารณาว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้นานพอต่อไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่ และมีฟีเจอร์เสริมที่คุณต้องการหรือเปล่า เช่น Multipoint Connection สำหรับสลับอุปกรณ์, การชาร์จไร้สาย, หรือแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้เยอะ ๆ
  5. การเชื่อมต่อและ Codec: ตรวจสอบว่าหูฟังรองรับ Codec ที่เข้ากับอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ เช่น ถ้าใช้ iPhone ก็ควรเลือกรุ่นที่รองรับ AAC ได้ดี แต่ถ้าใช้ Android รุ่นท็อป ๆ การเลือกรุ่นที่รองรับ LDAC หรือ aptX HD จะช่วยให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าครับ
  6. งบประมาณ: สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ตั้งงบประมาณในใจไว้ก่อน จะช่วยให้เราไม่บานปลายและสามารถเปรียบเทียบตัวเลือกในกลุ่มราคาเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

Open-Back vs. Closed-Back: หูฟังแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือก หูฟังครอบหู แนะนำ คือการออกแบบตัวหูฟัง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Closed-Back และ Open-Back ซึ่งให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

  • หูฟัง Closed-Back (แบบปิด): นี่คือประเภทที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในตลาด หูฟังส่วนใหญ่ในลิสต์นี้ (เช่น Sony, Bose, Apple) เป็นแบบปิดทั้งหมดครับ ลักษณะเด่นคือตัว Earcup ด้านนอกจะทึบ ทำให้สามารถกักเก็บเสียงไว้ภายในและป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี (Passive Noise Isolation) เหมาะสำหรับการใช้งานในที่สาธารณะเพราะเสียงไม่รั่วออกไปรบกวนคนอื่น และยังให้เสียงเบสที่หนักแน่นกว่าด้วยครับ
  • หูฟัง Open-Back (แบบเปิด): หูฟังประเภทนี้จะมีตะแกรงหรือช่องเปิดที่ด้านหลังของ Earcup (เช่น HIFIMAN Deva Pro) ทำให้อากาศและเสียงสามารถไหลผ่านเข้าออกได้ ข้อดีคือมันให้เวทีเสียง (Soundstage) ที่กว้างขวางและโปร่งสบายมาก ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟัง ลำโพงบลูทูธ มากกว่าฟังหูฟัง เสียงจะมีความเป็นธรรมชาติและสมจริง แต่ข้อเสียคือมันจะไม่กันเสียงภายนอกเลยและเสียงก็จะรั่วออกไปเต็ม ๆ จึงเหมาะกับการใช้งานในห้องที่เงียบสงบคนเดียวเท่านั้นครับ

วิธีดูแลรักษาหูฟังครอบหูให้ใช้ได้นาน

เมื่อเราลงทุนกับ หูฟังครอบหู แนะนำ ดี ๆ สักตัวแล้ว การดูแลรักษาก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้มันอยู่กับเราไปได้นาน ๆ ครับ

  1. ทำความสะอาดเป็นประจำ: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด Earpad และ Headband เพื่อขจัดคราบเหงื่อและฝุ่นละออง หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงครับ
  2. เก็บในที่ที่เหมาะสม: เมื่อไม่ใช้งาน ควรเก็บหูฟังไว้ในเคสที่แถมมาให้ เพื่อป้องกันการกระแทกและฝุ่น การโยนไว้ใน กระเป๋าเป้ รวมกับของอื่น ๆ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
  3. ระวังเรื่องความชื้น: หูฟังส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำได้ดีนัก ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานกลางสายฝนหรือในที่ที่มีความชื้นสูง หากหูฟังเปียกเหงื่อควรเช็ดให้แห้งก่อนเก็บครับ
  4. ดูแลแบตเตอรี่: พยายามอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0% บ่อย ๆ และไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หูฟังครอบหู (FAQ)

ภาพประกอบบทความหัวข้อคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหูฟังครอบหู แนะนำสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

  • ถาม: ใช้หูฟังครอบหูออกกำลังกายได้ไหม?
    ตอบ: ไม่แนะนำสำหรับกิจกรรมที่เหงื่อออกมากหรือมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงครับ เพราะหูฟังส่วนใหญ่ไม่ได้กันเหงื่อและอาจหลุดได้ง่าย ควรเลือกใช้ หูฟังบลูทูธ ออกกําลังกาย ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจะเหมาะสมกว่าครับ
  • ถาม: หูฟัง ANC จำเป็นสำหรับทุกคนไหม?
    ตอบ: ไม่จำเป็นเสมอไปครับ ANC จะมีประโยชน์สูงสุดสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ ทำงานในออฟฟิศเสียงดัง หรือต้องการสมาธิสูงสุด แต่ถ้าคุณใช้งานส่วนใหญ่ในบ้านที่เงียบสงบอยู่แล้ว การเลือกหูฟังที่ไม่มี ANC แต่ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าในราคาเท่ากันอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าครับ
  • ถาม: หูฟังเกมมิ่งกับหูฟังฟังเพลงต่างกันอย่างไร?
    ตอบ: หูฟังเกมมิ่ง มักจะเน้นเรื่องไมโครโฟนที่คมชัดและระบบเสียงรอบทิศทางเสมือนจริงเพื่อระบุตำแหน่งศัตรู ในขณะที่หูฟังฟังเพลงจะเน้นความเที่ยงตรงและคุณภาพของเสียงดนตรีเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หูฟังดี ๆ หลายรุ่นอย่าง Audio-Technica ATH-M50xBT2 ก็สามารถใช้ได้ดีทั้งสองอย่างครับ
  • ถาม: ใส่หูฟังครอบหูแล้วปวดหู ทำอย่างไรดี?
    ตอบ: อาการปวดอาจเกิดจากแรงบีบที่มากเกินไปหรือ Earcup ที่เล็กเกินไปครับ ควรเลือกรุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความสบายและมีน้ำหนักเบาอย่าง Bose QuietComfort หรือ Sony WH-CH720N และควรพักหูทุก ๆ 1-2 ชั่วโมงเพื่อลดแรงกดทับครับ

บทสรุป: เลือก หูฟังครอบหู แนะนำ ที่ใช่สำหรับคุณ

มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ คงพอจะได้ไอเดียแล้วว่า หูฟังครอบหู แนะนำ รุ่นไหนที่น่าจะเหมาะกับตัวเองที่สุดนะครับ จะเห็นได้ว่าตลาดในปี 2025 นั้นมีตัวเลือกที่หลากหลายและยอดเยี่ยมมากมาย การเลือกรุ่นที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่การมองหาตัวที่แพงที่สุดหรือมีฟีเจอร์เยอะที่สุด แต่เป็นการเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรสนิยมการฟังของเราได้อย่างลงตัวที่สุดครับ

หากคุณคือคนที่ต้องการที่สุดของเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงระดับท็อป Sony WH-1000XM5 คือคำตอบที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ถ้าความสบายในการสวมใส่คือหัวใจสำคัญของคุณ Bose QuietComfort Wireless ก็พร้อมจะมอบความผ่อนคลายให้คุณได้ตลอดวัน สำหรับสาวก Apple ที่ต้องการประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ Apple AirPods Max ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ หรือถ้าคุณเป็นนักฟังเพลงตัวจริงที่มองหาคุณภาพเสียงระดับ Audiophile ในราคาที่เอื้อมถึง HIFIMAN Deva Pro ก็พร้อมจะเปิดโลกใหม่ให้คุณ และสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุด Sony WH-CH720N ก็มอบฟีเจอร์ระดับท็อปในราคาที่น่าคบหามาก ๆ ครับ

สุดท้ายนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยให้คำแนะนำดี ๆ ช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อ หูฟังครอบหู แนะนำ ของเพื่อน ๆ ง่ายขึ้นและมีความสุขกับโลกส่วนตัวและเสียงเพลงที่คุณรักนะครับ!

ภาพประกอบบทความในหัวข้อบทสรุปเกี่ยวกับหูฟังครอบหู แนะนำรุ่นที่คุ้มค่าและน่าใช้งานในปี 2025


หมายเหตุจากผู้เขียน:

  • รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ, ราคา, หรือการรับประกัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของแบรนด์นั้น ๆ เช่น Sony, Bose, Apple, Marshall หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ
  • คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากข้อมูลสเปก, ฟีเจอร์, ราคา ณ วันที่รีวิว, ความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง และการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
  • รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “มิ้นท์, อายุ 29”) เป็นความคิดเห็นสมมุติที่สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนมุมมองการใช้งานที่หลากหลายและช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลล่าสุด ณ ช่วงเวลาที่เขียน การจัดอันดับเป็นการนำเสนอตามความเห็นของทีมงานเพื่อให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้นครับ
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ขอบพระคุณครับ