บทนำ
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวบิวตี้เลิฟเวอร์ทุกคน! วันนี้เรามาเม้าท์มอยกันถึงไอเทมสกินแคร์สุดปังที่ไม่มีใครไม่รู้จัก นั่นก็คือ “Niacinamide” หรือวิตามินบี 3 นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนพูดถึง เพราะน้องเค้าเป็นส่วนผสมสามัญประจำบ้านที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ครอบจักรวาลจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูขุมขนกว้าง, หน้ามันเยิ้ม, รอยสิว รอยดำ รอยแดง, หรือแม้แต่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น คือถ้าต้องเลือกสกินแคร์ติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้สักชิ้น Niacinamide ก็คือยืนหนึ่งเลยค่ะ แต่พอจะซื้อจริง ๆ ก็เกิดคำถามโลกแตกขึ้นมาว่า แล้ว Niacinamide ยี่ห้อไหนดีล่ะ? เพราะในตลาดมีให้เลือกเยอะมากกก ตั้งแต่แบรนด์ Drugstore ราคาน่ารัก ไปจนถึงเคาน์เตอร์แบรนด์สุดพรีเมียม ทำเอาเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ด้วยความที่เข้าใจหัวอกคนรักผิวเหมือนกัน วันนี้เราเลยขออาสาเป็นเพื่อนซี้พาทุกคนไปตะลุยวงการสกินแคร์ พร้อมจัดอันดับ 10 “Niacinamide ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025” คัดมาให้แบบเน้น ๆ ตัวท็อป ตัวดัง ที่บล็อกเกอร์รีวิวกันฉ่ำ แถมยังหาซื้อง่ายอีกด้วยค่ะ บทความนี้เราจะไม่ได้มาแค่แปะ ๆ ชื่อสินค้าแล้วก็ไปนะคะ แต่จะเจาะลึกให้ครบทุกมิติ ตั้งแต่เนื้อสัมผัส ส่วนผสมเด่น เหมาะกับผิวแบบไหน และที่สำคัญคือใช้แล้วเห็นผลจริงมั้ย! นอกจากดูแลผิวหน้าให้ปังแล้ว การดูแลส่วนอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ อย่างเรื่องเส้นผม ถ้าใครกำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ ลองแวะไปดูบทความ 10 สุดยอด ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี 2025 ได้เลยค่ะ ถือเป็นการดูแลตัวเองให้สวยครบสูตรตั้งแต่หัวจรดเท้าไปเลย!
เอาล่ะค่ะ! ถ้าพร้อมแล้วที่จะค้นหาคำตอบว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นลูกรักคนใหม่ของเราในปีนี้ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูตารางเปรียบเทียบที่เราสรุปมาให้ดูกันแบบง่าย ๆ ก่อนเลยดีกว่า จะได้เห็นภาพรวมชัด ๆ แล้วค่อยตามไปอ่านรีวิวฉบับเต็มของแต่ละตัวกันค่ะ!
จัดอันดับ 10 Niacinamide ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025
เพื่อน ๆ คนไหนที่ใจร้อน อยากรู้แล้วว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่น่าโดนที่สุดในปีนี้ ลองดูตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นและคะแนนจากทีมงาน TOPLISTPLUS ที่เราสรุปมาให้เห็นภาพรวมแบบชัด ๆ กันก่อนได้เลยค่ะ แล้วถ้าถูกใจตัวไหนเป็นพิเศษ ค่อยเลื่อนลงไปอ่านรีวิวแบบเจาะลึกกันต่อได้เลย!
ตารางเปรียบเทียบสรุป Niacinamide ยี่ห้อไหนดี
1. The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% ★★★★★
“ตัวแม่แห่งวงการ Niacinamide! ลดสิว คุมมัน กระชับรูขุมขน ในราคาน่าคบที่สุด!”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าจะให้พูดถึงเซรั่ม Niacinamide ที่เป็นตำนานและเป็นจุดเริ่มต้นให้หลาย ๆ คนเข้าสู่วงการนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% ค่ะ! ตัวนี้คือไอเทมที่ต้องมีติดบ้านจริง ๆ เพราะน้องเค้าเกิดมาเพื่อคนผิวมัน เป็นสิวง่าย และมีปัญหารูขุมขนกว้างโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมหลักอย่าง Niacinamide เข้มข้นถึง 10% ที่ช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ทำให้หน้ามันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังช่วยให้รูขุมขนที่เคยเบิกบานดูกระชับขึ้น ผิวโดยรวมจะดูเรียบเนียนละเอียดขึ้นมากค่ะ นอกจากนี้ยังมี Zinc PCA 1% ที่มาช่วยเสริมทัพเรื่องการลดการอักเสบของสิว และควบคุมความมันอีกสเต็ปนึงด้วย ใครที่กำลังปวดหัวกับปัญหาสิวซ้ำซากและหน้ามันเยิ้ม ตัวนี้คือคำตอบแรก ๆ ที่เพื่อน ๆ ควรลองเลยค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Niacinamide 10%, Zinc PCA 1%
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อน้ำ (Water-based) สีใส บางเบา ซึมไว
- คุณสมบัติเด่น: ควบคุมความมัน, ลดรอยแดงรอยดำจากสิว, กระชับรูขุมขน, ปรับสมดุลผิว
- เหมาะกับสภาพผิว: ผิวมัน, ผิวผสม, ผิวที่เป็นสิวง่าย
- ปราศจาก: แอลกอฮอล์, ซิลิโคน, น้ำมัน, และกลูเตน
รีวิวแบบเจาะลึก
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นตัวเริ่มต้น ขอเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ได้ลองใช้ The Ordinary ขวดนี้เลยนะคะ เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเซรั่มน้ำใส ๆ ที่มีความหนืดเล็กน้อย แต่พอทาลงบนผิวแล้วเกลี่ยง่ายและซึมค่อนข้างไวเลยค่ะ ทิ้งความรู้สึกหนึบ ๆ ไว้บนผิวนิดหน่อยในช่วงแรก แต่พอเซรั่มซึมหมดแล้วก็จะสบายผิว ไม่ได้เหนียวเหนอะหนะจนน่ารำคาญ เหมาะมากกับการใช้ในตอนเช้าก่อนแต่งหน้า เพราะช่วยคุมมันระหว่างวันได้ดีจริง ๆ ค่ะ เรื่องที่หลายคนกังวลคือการเป็นขุยหรือฟองขาว ๆ เวลาทา อันนี้เรามีทริคมาฝากค่ะ คือให้ใช้ในปริมาณน้อย ๆ แค่ 2-3 หยดก็ทั่วหน้าแล้ว และแทนที่จะถูแรง ๆ ให้ใช้วิธีค่อย ๆ แตะหรือกดเบา ๆ ลงบนผิวจนซึม จะช่วยลดปัญหานี้ได้เยอะเลยค่ะ อีกอย่างคือควรลงบนผิวที่แห้งสนิทหลังล้างหน้า ไม่ควรลงตอนที่ผิวยังหมาด ๆ ค่ะ ผลลัพธ์หลังใช้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 สัปดาห์ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือเรื่องความมันบนใบหน้าค่ะ จากที่เคยเป็นกระทะทอดไข่ตอนบ่าย ๆ ก็คือมันน้อยลงมาก ๆ รูขุมขนตรงช่วงหน้าแก้มกับจมูกก็ดูฟูและกระชับขึ้น ส่วนเรื่องสิวอักเสบก็ลดลง สิวใหม่ขึ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
ในแง่ของส่วนผสม การที่ The Ordinary เลือกใส่ Zinc PCA 1% เข้ามาคู่กับ Niacinamide 10% ถือว่าเป็นการจับคู่ที่ฉลาดมากค่ะ เพราะ Niacinamide จะเน้นไปที่การปรับสมดุลการผลิตซีบัมและเสริมสร้าง Skin Barrier ส่วน Zinc จะเข้ามาช่วยยับยั้งแบคทีเรีย P.acnes ที่เป็นสาเหตุของสิวโดยตรง และยังช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบได้อีกด้วย ทำให้เซรั่มขวดนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องคุมมัน แต่ยังช่วยจัดการปัญหาสิวได้ค่อนข้างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ Niacinamide มีความเข้มข้นถึง 10% สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายมาก ๆ หรือไม่เคยใช้ Niacinamide มาก่อน อาจจะต้องเริ่มจากการเทสต์ที่กรอบหน้าหรือใช้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อนนะคะ เพราะบางคนอาจจะรู้สึกยิบ ๆ หรือมีรอยแดงได้ในช่วงแรก และข้อควรระวังอีกอย่างคือไม่ควรใช้พร้อมกับวิตามินซีฟอร์ม L-Ascorbic Acid หรือ Ethyl-Ascorbic Acid โดยตรง เพราะอาจจะไปลดประสิทธิภาพของกันและกันได้ค่ะ ถ้าจะใช้ร่วมกัน แนะนำให้สลับใช้เช้า-เย็นจะดีกว่าค่ะ โดยรวมแล้วถ้าถามว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเรื่องสิวและความมัน The Ordinary คือผู้ชนะแบบไร้ข้อกังขาเลยค่ะ
คะแนนที่ได้
9.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้มาไม่รู้กี่ขวดแล้วค่ะ! หน้ามันน้อยลง สิวแทบไม่ขึ้นเลย รูขุมขนกระชับขึ้นจริง ๆ รักมากตัวนี้” – พลอย, อายุ 25
“เป็นเซรั่มที่ต้องมีติดบ้านเลยครับ คุมมันดีมาก ราคาถูกด้วย ใช้แล้วผิวดูสุขภาพดีขึ้นเยอะ” – นนท์, อายุ 31
2. Paula’s Choice 10% Niacinamide Booster ★★★★★
“บูสเตอร์ตัวท็อป! อัปเกรดทุกสกินแคร์ให้ปังกว่าเดิม ผิวใส รูขุมขนเนียนกริบ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ขยับเลเวลขึ้นมาอีกขั้นกับ Paula’s Choice 10% Niacinamide Booster ตัวนี้ไม่ใช่แค่เซรั่มธรรมดา แต่เป็น “บูสเตอร์” ที่ออกแบบมาให้อัปเกรดสกินแคร์ตัวโปรดของเราให้เริ่ดยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ! ความเก๋ของเค้าคือเราสามารถใช้เดี่ยว ๆ เหมือนเซรั่มทั่วไป หรือจะผสม 2-3 หยดเข้ากับเซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่เราใช้อยู่เป็นประจำก็ได้ เป็นการเพิ่มพลังการบำรุงผิวแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ทรงประสิทธิภาพสุด ๆ ค่ะ ตัวนี้ไม่ได้มีแค่ Niacinamide 10% ที่ช่วยเรื่องรูขุมขนและความมันเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี, Allantoin, และสารสกัดจากชะเอมเทศ ที่ช่วยกันลดรอยแดง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และทำให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดี ใครที่รู้สึกว่าสกินแคร์ที่ใช้อยู่มันยังไม่สุด หรืออยากแก้ปัญหาผิวหลาย ๆ อย่างไปพร้อมกัน แต่ไม่อยากเพิ่มขั้นตอนให้วุ่นวาย ตัวนี้คือตอบโจทย์มากค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Niacinamide 10%, Ascorbyl Glucoside (Vitamin C), Allantoin, Licorice Root Extract, Hyaluronic Acid
- เนื้อสัมผัส: บูสเตอร์เนื้อน้ำ (Liquid) ใสเหมือนน้ำเปล่า บางเบาที่สุด ซึมหายวับไปกับผิว
- คุณสมบัติเด่น: กระชับรูขุมขน, ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ, ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ, เพิ่มความกระจ่างใส, เสริมความแข็งแรงให้ผิว
- เหมาะกับสภาพผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ปราศจาก: น้ำหอม และแอลกอฮอล์
รีวิวแบบเจาะลึก
ถ้าจะถามว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ประสบการณ์การใช้ที่พรีเมียมและเห็นผลลัพธ์แบบรอบด้าน Paula’s Choice คือคำตอบที่ใช่เลยค่ะ สิ่งแรกที่ประทับใจมาก ๆ คือเนื้อสัมผัสของเค้าที่เป็นน้ำใส ๆ เลยค่ะเพื่อน ๆ คือเหลวเหมือนโทนเนอร์เลย พอหยดลงบนผิวแล้วซึมหายไปทันที ไม่ทิ้งความเหนียวหรือความรู้สึกใด ๆ ไว้บนผิวเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เราสามารถลงสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ตามได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหนักหน้าหรือไปตีกับเมคอัพเลยค่ะ นี่คือจุดที่แตกต่างจาก The Ordinary อย่างชัดเจน และเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงถูกเรียกว่า “บูสเตอร์” เพราะความบางเบาของเค้านี่แหละที่ทำให้สามารถผสมเข้ากับสกินแคร์ตัวอื่นได้อย่างลงตัว วิธีใช้ที่เราชอบที่สุดคือผสม 2-3 หยดลงบนฝ่ามือกับเซรั่มไฮยาลูรอนหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้เป็นประจำ แล้ววอร์มบนมือก่อนจะประคบเบา ๆ ทั่วใบหน้า รู้สึกว่าวิธีนี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าผิวได้ดีและยังช่วยประหยัดไปในตัวด้วยค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือว้าวมาก ผิวดูอิ่มฟูขึ้นทันทีหลังใช้ และพอใช้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 เดือน จะรู้สึกเลยว่าผิวโดยรวมมันดูละเอียดขึ้นมาก ๆ รูขุมขนที่เคยเห็นชัด ๆ มันดูเบลอลง ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอเหมือนใส่ฟิลเตอร์เลยค่ะ
จุดแข็งที่ทำให้ Paula’s Choice โดดเด่นและแตกต่าง ไม่ใช่แค่ Niacinamide 10% แต่เป็นส่วนผสมเสริมทัพที่ใส่มาแบบจัดเต็มค่ะ เริ่มจาก Ascorbyl Glucoside ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียร ช่วยเรื่องความกระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี, มีสารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licorice Root) ที่เป็นตัวแม่ในเรื่องการปลอบประโลมผิวและลดรอยแดง, มี Allantoin และ Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง คือเค้าคิดมาหมดแล้วว่าการใช้ Niacinamide เข้มข้น อาจทำให้บางคนผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ เค้าเลยใส่ส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้นมาด้วยในตัว ทำให้บูสเตอร์ขวดนี้อ่อนโยนและใช้ได้กับทุกสภาพผิวจริง ๆ ค่ะ แม้แต่คนที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ (แต่อย่าลืมทดสอบก่อนนะคะ) ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าตัวอื่น ๆ ในลิสต์ แต่ถ้ามองในแง่ของส่วนผสมที่อัดแน่นและผลลัพธ์ที่ได้แบบองค์รวม ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับคนที่ต้องการยกระดับการดูแลผิวและกำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นที่สุดของความปังค่ะ
คะแนนที่ได้
9.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“ราคาแรงแต่ยอมจ่ายค่ะ! ผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์แล้วผิวดีขึ้นมาก รูขุมขนหายไปเลย ผิวเนียนละเอียดจนเพื่อนทัก” – มิ้นท์, อายุ 35
“เนื้อเบาเหมือนน้ำ ซึมไวสุด ๆ ใช้แล้วรู้สึกผิวแข็งแรงขึ้นจริง ๆ ครับ ไม่ค่อยมีผดขึ้นเหมือนเมื่อก่อน” – อาร์ม, อายุ 28
3. La Roche-Posay Mela B3 Serum ★★★★☆
“เซรั่มลดจุดด่างดำตัวใหม่ล่าสุด! ผสานพลัง Melasyl™ และ Niacinamide 10% จัดการรอยดำฝังลึกอย่างตรงจุด”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงคิวของเวชสำอางตัวดังที่ใคร ๆ ก็ไว้วางใจอย่าง La Roche-Posay Mela B3 Serum กันแล้วค่ะ! ตัวนี้เป็นเซรั่มที่เปิดตัวมาได้ไม่นานแต่สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการสกินแคร์เลย เพราะเป็นการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่จากเซรั่ม Niacinamide ตัวเดิม โดยชูโรงด้วยส่วนผสมสิทธิบัตรตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Melasyl™ ที่เค้าเคลมว่าสามารถดักจับและสกัดกั้นการก่อตัวของเม็ดสีเมลานินได้ตั้งแต่ต้นตอ! แล้วนำมาผสานพลังกับ Niacinamide เข้มข้นถึง 10% ทำให้เซรั่มขวดนี้กลายเป็นอาวุธลับสำหรับคนที่ต่อสู้กับปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว และสีผิวไม่สม่ำเสมอโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นรอยใหม่ รอยเก่า หรือแม้แต่จุดด่างดำฝังลึกที่จัดการยาก ตัวนี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือโดยตรงเลยค่ะ ใครที่เป็นแฟนคลับของ La Roche-Posay หรือกำลังมองหาสกินแคร์ที่เน้นเรื่องการลดเลือนจุดด่างดำแบบจริงจัง ตัวนี้น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Melasyl™, Niacinamide 10%, LHA (Lipo-Hydroxy Acid), Hyaluronic Acid, La Roche-Posay Thermal Spring Water
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อเจลน้ำนม (Gel-cream) สีขาวขุ่น ซึมซาบได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- คุณสมบัติเด่น: ลดเลือนจุดด่างดำฝังลึก, ป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่, ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ, ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน, ให้ความชุ่มชื้น
- เหมาะกับสภาพผิว: ทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย ที่มีปัญหาจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผ่านการทดสอบ: บนทุกสีผิวและผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
รีวิวแบบเจาะลึก
หากเพื่อน ๆ กำลังสงสัยว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาช่วยกู้ผิวจากสมรภูมิรอยสิวและจุดด่างดำ La Roche-Posay Mela B3 Serum คืออัศวินขี่ม้าขาวที่น่าจับตามองมากค่ะ เนื้อสัมผัสของเค้าดีงามสมคำร่ำลือจริง ๆ เป็นเนื้อเจลน้ำนมสีขาวขุ่น ๆ ที่มีความบางเบา เกลี่ยง่ายมาก พอทาลงบนผิวแล้วจะรู้สึกเย็นสบายและให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีเลย แต่ไม่นานก็จะซึมซาบลงไปจนหมด ไม่ทิ้งความมันหรือความเหนียวไว้เลยแม้แต่น้อยค่ะ ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นโดยไม่รู้สึกหนักผิวเลย จุดนี้คือทำได้ดีมาก ๆ เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราสุด ๆ สำหรับเรื่องกลิ่น เค้ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ให้ความรู้สึกสะอาดและผ่อนคลาย ซึ่งแม้จะมีส่วนผสมของน้ำหอม แต่ก็เป็นเกรดที่ปลอดภัยและผ่านการทดสอบมาแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสำหรับคนส่วนใหญ่ค่ะ ผลลัพธ์หลังจากการลองใช้ต่อเนื่องประมาณ 4 สัปดาห์ บอกได้เลยว่าประทับใจมากค่ะ รอยสิวใหม่ ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นจางลงไวมาก ส่วนรอยดำเก่า ๆ ที่เคยอยู่มานานก็ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด สีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น ผิวดูอิ่มและสุขภาพดีขึ้นด้วยค่ะ
ความลับของความปังนี้อยู่ที่การทำงานร่วมกันของ 3 ส่วนผสมหลักค่ะ หนึ่งคือ Melasyl™ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เข้ามาจัดการกับเม็ดสีส่วนเกินได้อย่างตรงจุด สองคือ Niacinamide 10% ที่นอกจากจะช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยแดงแล้ว ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและควบคุมความมันอีกด้วย และสามคือ LHA ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนกว่า ทำให้รอยดำบนผิวชั้นนอกค่อย ๆ จางลงและช่วยให้ส่วนผสมอื่น ๆ ซึมลงไปทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีน้ำแร่ลาโรช-โพเซย์ที่เป็นซิกเนเจอร์ ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคืองอีกด้วย การรวมพลังกันของส่วนผสมเหล่านี้ทำให้ Mela B3 ไม่ใช่แค่เซรั่มลดรอยดำธรรมดา แต่เป็นการดูแลปัญหาเม็ดสีแบบครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน, การแก้ไข, ไปจนถึงการบำรุงผิวให้แข็งแรงค่ะ ดังนั้น ถ้าเพื่อน ๆ มีงบประมาณและกำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาจัดการปัญหาจุดด่างดำให้สิ้นซาก ตัวนี้คือการลงทุนเพื่อผิวสวยที่คุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ
คะแนนที่ได้
9.4/10
รีวิวสั้น ๆ
“สมคำร่ำลือค่ะ! รอยสิวจางไวมากจริง ๆ เนื้อเซรั่มก็ดีมาก ซึมไว ไม่เหนอะเลย ชอบมากค่ะ” – ฝน, อายุ 29
“ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นครับ จุดด่างดำจางลงไปเยอะเลย คุ้มค่ากับการลงทุนครับ” – พีท, อายุ 34
4. Cerave Resurfacing Retinol Serum ★★★★☆
“คู่หูเรตินอล + Niacinamide! จัดการทั้งรอยสิวและผิวไม่เรียบเนียน พร้อมเสริมเกราะป้องกันผิว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับใครที่มีปัญหารอยสิวฝังแน่น แถมผิวหน้ายังไม่เรียบเนียน มีร่องรอยเหมือนหลุมอุกกาบาตเล็ก ๆ ต้องมามุงที่ตัวนี้เลยค่ะ Cerave Resurfacing Retinol Serum! นี่คือเซรั่มที่จับเอาสองส่วนผสมสุดเทพอย่าง Retinol และ Niacinamide มารวมไว้ในขวดเดียวกัน เป็นการแก้ปัญหาผิวแบบคูณสองไปเลยค่ะ โดย Encapsulated Retinol จะทำหน้าที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวที่เคยขรุขระดูเรียบเนียนและตื้นขึ้น ส่วน Niacinamide ก็จะเข้ามาช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เรตินอล พร้อมทั้งช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและควบคุมความมันไปในตัว และที่ขาดไม่ได้ตามสไตล์ Cerave ก็คือเซราไมด์จำเป็น 3 ชนิดที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงค่ะ ใครที่อยากลองเข้าวงการเรตินอลแต่ก็กลัวแพ้ ตัวนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Encapsulated Retinol, Niacinamide, Ceramides (1, 3, 6-II), Licorice Root Extract, Hyaluronic Acid
- เนื้อสัมผัส: เนื้อเจลครีม (Gel-cream) สีเหลืองอ่อน บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว
- คุณสมบัติเด่น: ลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว, ปรับผิวให้เรียบเนียน, เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง, ปลอบประโลมผิว
- เหมาะกับสภาพผิว: ผิวธรรมดา, ผิวผสม, ผิวมัน ที่มีปัญหารอยสิวและผิวไม่เรียบเนียน
- ปราศจาก: น้ำหอม และพาราเบน (Non-comedogenic)
รีวิวแบบเจาะลึก
เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังลังเลว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาช่วยจัดการปัญหาผิวที่ซับซ้อนกว่าแค่ความมันหรือรูขุมขน แต่เป็นเรื่องของ “ร่องรอย” ที่สิวทิ้งไว้ Cerave ขวดนี้คือคำตอบที่น่าสนใจมากค่ะ เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเจลครีมสีเหลืองอ่อน ๆ ที่ไม่มีกลิ่นเลย เกลี่ยง่ายและซึมเข้าผิวได้ดี ไม่ทิ้งความมันวาวไว้บนผิวค่ะ เนื่องจากมีส่วนผสมของเรตินอล แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนกลางคืนนะคะ และที่สำคัญมาก ๆ คือตอนเช้าต้องทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไปทุกวัน เพราะเรตินอลจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นค่ะ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้เรตินอล แนะนำให้เริ่มจากใช้คืนเว้นคืนก่อนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ผิวได้ปรับตัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มความถี่เป็นทุกคืนค่ะ อาจจะมีอาการผิวแห้งหรือลอกเป็นขุยได้บ้างในช่วงแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการใช้เรตินอลค่ะ ให้เน้นการทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ๆ ควบคู่ไปด้วย จะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ค่ะ ผลลัพธ์หลังจากใช้ต่อเนื่องไปประมาณ 1-2 เดือน จะเริ่มเห็นเลยว่ารอยสิวเก่า ๆ ที่เคยเข้ม ๆ มันดูจางลงเยอะมาก ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้น สิวอุดตันลดลง และผิวดูแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ
จุดเด่นของ Cerave ขวดนี้คือการใช้เทคโนโลยี MVE (MultiVesicular Emulsion) ที่ค่อย ๆ ปลดปล่อยสารบำรุงอย่างเซราไมด์และไฮยาลูรอนิค แอซิด ออกมาอย่างช้า ๆ ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นยาวนานตลอดทั้งคืน และยังช่วยลดการระคายเคืองจากเรตินอลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ การที่เค้าใส่ Niacinamide เข้ามาคู่กันก็ถือว่าเป็นการออกแบบสูตรที่ฉลาด เพราะ Niacinamide จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง และเสริมฤทธิ์ในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกับเรตินอลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากรากชะเอมเทศที่มาช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความกระจ่างใสอีกแรง เรียกได้ว่าเป็นเซรั่มที่คิดมาเพื่อคนที่มีปัญหาสิวและรอยสิวโดยเฉพาะเลยค่ะ ดังนั้นถ้าถามว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการ “Resurface” หรือปรับผิวใหม่ให้เรียบเนียนสดใสกว่าเดิม Cerave Resurfacing Retinol Serum คือตัวเลือกที่ครบเครื่องและคุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ
คะแนนที่ได้
9.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“เป็นเรตินอลตัวแรกที่ใช้แล้วไม่แพ้เลยค่ะ อ่อนโยนมาก รอยสิวจางลงเยอะ ผิวเรียบเนียนขึ้นด้วย ชอบมากค่ะ” – กิ๊ฟ, อายุ 27
“ใช้ดีมากครับ สิวอุดตันลดลง ผิวหน้าไม่ขรุขระเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รอยดำก็จางไวขึ้นด้วยครับ” – เต้, อายุ 30
5. Inkey List Niacinamide Serum ★★★★☆
“มินิมอลแต่ทรงพลัง! คุมมัน เติมน้ำให้ผิวในขวดเดียว ตอบโจทย์คนผิวมันขาดน้ำ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาต่อกันที่แบรนด์มินิมอลจากฝั่งอังกฤษที่เน้นความเรียบง่ายแต่ตรงไปตรงมาอย่าง Inkey List Niacinamide Serum ค่ะ ตัวนี้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ The Ordinary เลย เพราะมาในคอนเซ็ปต์คล้าย ๆ กันคือเน้นส่วนผสมที่ออกฤทธิ์แบบเดี่ยว ๆ ในราคาที่จับต้องได้ แต่สิ่งที่ทำให้ Inkey List แตกต่างและน่าสนใจคือ เค้าใส่ Hyaluronic Acid 1% เข้ามาคู่กับ Niacinamide 10% ค่ะ! การจับคู่นี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มี “ผิวมันขาดน้ำ” คือผิวภายนอกดูมันเยิ้ม แต่ลึกลงไปกลับแห้งและขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวต้องผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวมากเกินไปนั่นเองค่ะ โดย Niacinamide จะเข้าไปช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันและลดขนาดรูขุมขน ในขณะที่ Hyaluronic Acid จะทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงน้ำเข้าสู่ผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูจากภายใน ทำให้ผิวเกิดความสมดุลและผลิตน้ำมันน้อยลงค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Niacinamide 10%, Hyaluronic Acid 1%, Squalane
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อเจลใส บางเบา ซึมง่าย ไม่ทิ้งความเหนียว
- คุณสมบัติเด่น: ควบคุมความมัน, ลดรอยแดง, เติมความชุ่มชื้น, ปรับสมดุลผิว
- เหมาะกับสภาพผิว: ผิวมัน, ผิวผสม, ผิวมันขาดน้ำ, ผิวที่เป็นสิวง่าย
- ปราศจาก: พาราเบน, น้ำหอม
รีวิวแบบเจาะลึก
ถ้าให้เปรียบเทียบกับ Niacinamide ตัวอื่น ๆ ในลิสต์ สิ่งที่ทำให้ Inkey List โดดเด่นขึ้นมาก็คือสูตรที่เน้นการสร้างสมดุลระหว่าง “การควบคุมความมัน” และ “การให้ความชุ่มชื้น” ค่ะ เพื่อน ๆ หลายคนที่มีผิวมันอาจจะเคยเข้าใจผิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้น เพราะกลัวว่าจะทำให้หน้ามันยิ่งกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นนี่แหละที่เป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้นค่ะ Inkey List เข้าใจปัญหานี้ดีจึงได้สร้างสรรค์เซรั่มขวดนี้ขึ้นมา เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเจลใส ๆ ที่บางเบามากค่ะ ทาแล้วสบายผิว ซึมไว และไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะไว้เลย เหมาะกับการใช้ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ หลังจากใช้ไปสักพักจะรู้สึกได้เลยว่าผิวดูสมดุลขึ้นมาก ๆ ค่ะ ความมันระหว่างวันลดลง แต่ผิวไม่แห้งตึง กลับรู้สึกนุ่มและอิ่มฟูขึ้นด้วยซ้ำ รอยแดงต่าง ๆ ดูจางลง และผิวโดยรวมดูสงบและแข็งแรงขึ้นค่ะ นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเมื่อไหร่ที่คิดว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาช่วยคนผิวมันขาดน้ำได้ Inkey List คือหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุด
นอกจาก Niacinamide และ Hyaluronic Acid แล้ว ในสูตรยังมี Squalane ที่เป็นไขมันดีตามธรรมชาติของผิว ช่วยเสริมความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่มนวลขึ้นไปอีกค่ะ การที่ไม่มีส่วนผสมของ Zinc ทำให้เซรั่มขวดนี้อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการลดสิวอักเสบโดยตรงเท่ากับ The Ordinary แต่จะเน้นไปที่การปรับสมดุลผิวโดยรวมและลดโอกาสการเกิดสิวจากภาวะผิวขาดน้ำมากกว่าค่ะ ดังนั้น ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่ไม่ได้มีปัญหาสิวอักเสบรุนแรง แต่มีปัญหาหน้ามันเยิ้ม รูขุมขนกว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าผิวดูแห้งกร้าน ไม่สดใส การเลือกใช้ Inkey List Niacinamide Serum น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าค่ะ แพ็คเกจของเค้าอาจจะดูเรียบง่ายไปนิด แต่ก็สะท้อนถึงปรัชญาของแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคโฟกัสที่คุณภาพของส่วนผสมข้างในมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกค่ะ สรุปสั้น ๆ คือถ้าอยากได้ Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นมิตรกับผิวและกระเป๋าสตางค์ พร้อมช่วยแก้ปัญหาผิวมันขาดน้ำได้อย่างตรงจุด ก็ต้องยกให้ Inkey List เลยค่ะ
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ตอบโจทย์คนผิวมันขาดน้ำแบบเรามากค่ะ หน้ามันน้อยลง แต่ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งลอกเหมือนแต่ก่อนเลย” – แจน, อายุ 26
“เนื้อดีมากครับ เบาสบายผิวสุด ๆ ใช้แล้วรู้สึกผิวแข็งแรงขึ้น รอยแดง ๆ ลดลงไปเยอะเลยครับ” – ท็อป, อายุ 29
6. Eucerin Spotless Brightening Booster Serum ★★★★☆
“ตัวจบปัญหาฝ้าแดด! ผสานพลัง Thiamidol และ Niacinamide ลดจุดด่างดำสะสม เผยผิวใสใน 2 สัปดาห์”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีปัญหาใหญ่หลวงอย่างฝ้าแดด จุดด่างดำสะสมที่แก้ยากแก้เย็น ต้องขอแนะนำให้รู้จักกับ Eucerin Spotless Brightening Booster Serum เลยค่ะ! ตัวนี้เป็นเซรั่มที่โด่งดังและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ผิวหนังมาอย่างยาวนานในเรื่องการจัดการจุดด่างดำโดยเฉพาะ หัวใจสำคัญของเค้าคือ Thiamidol ส่วนผสมสิทธิบัตรของยูเซอรินที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นต้นตอของการผลิตเม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในสูตรปรับปรุงใหม่นี้ เค้าได้เพิ่ม Niacinamide เข้ามาเพื่อเสริมทัพ ทำให้เซรั่มขวดนี้ไม่ได้เก่งแค่เรื่องลดฝ้ากระ แต่ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสโดยรวม ปลอบประโลมผิว และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ ใครที่ลองมาหลายตัวแล้วแต่จุดด่างดำก็ยังไม่จางลงสักที ตัวนี้อาจเป็นคำตอบสุดท้ายที่ตามหาก็ได้ค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Thiamidol, Niacinamide, Licochalcone A, Hyaluronic Acid
- เนื้อสัมผัส: บูสเตอร์เซรั่มเนื้อบางเบา สีขาวขุ่นเล็กน้อย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- คุณสมบัติเด่น: ลดเลือนฝ้าแดดหนาลึกและจุดด่างดำสะสม, ป้องกันการเกิดซ้ำ, เพิ่มความกระจ่างใส, ให้ความชุ่มชื้น
- เหมาะกับสภาพผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำ
- เทคโนโลยี: 2X Power Booster ผสาน 2 เซรั่มในขวดเดียว
รีวิวแบบเจาะลึก
ถ้าจะถามว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นการรักษาปัญหาเม็ดสีแบบจริงจังและเห็นผลชัดเจน ชื่อของ Eucerin จะต้องติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอค่ะ ความพิเศษของ Spotless Brightening Booster Serum คือนวัตกรรมแพ็คเกจแบบ 2 Chamber ที่แยกเซรั่ม 2 เนื้อออกจากกันเพื่อคงความสดใหม่ของส่วนผสมไว้จนกว่าเราจะกดใช้ค่ะ Chamber แรกเป็นเนื้อสีชมพูอ่อนที่บรรจุ Thiamidol และ Licochalcone A ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบ ส่วน Chamber ที่สองเป็นเนื้อเจลใสที่อัดแน่นไปด้วย Hyaluronic Acid และ Niacinamide ค่ะ พอเรากดปั๊ม เนื้อเซรั่มทั้งสองจะออกมาผสมกัน ทำให้เราได้เซรั่มที่สดใหม่และมีประสิทธิภาพสูงสุดทุกครั้งที่ใช้ เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมลงผิวได้ค่อนข้างเร็วเลยค่ะ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นแต่ไม่ทิ้งความมันวาวไว้บนผิว สามารถแต่งหน้าทับได้โดยไม่เป็นคราบค่ะ ผลลัพธ์ที่ทางแบรนด์เคลมไว้คือผิวจะดูกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำจางลงใน 2 สัปดาห์ ซึ่งจากที่ได้ลองใช้ก็ต้องบอกว่าเค้าทำได้ดีจริง ๆ ค่ะ รอยสิวใหม่ ๆ จางลงไวมาก และผิวโดยรวมดูไบรท์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
การทำงานร่วมกันของ Thiamidol และ Niacinamide ในเซรั่มขวดนี้ถือเป็น Dream Team สำหรับการต่อสู้กับจุดด่างดำเลยค่ะ ในขณะที่ Thiamidol เข้าไปบล็อกการผลิตเมลานินที่ต้นตอ Niacinamide ก็จะเข้ามาช่วยยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่ผลิตขึ้นแล้วไม่ให้ขึ้นมาปรากฏบนผิวชั้นบน พร้อมทั้งช่วยลดรอยแดงและเสริมความแข็งแรงให้ผิวไปในตัว เป็นการจัดการปัญหาแบบครบวงจรทั้งป้องกันและแก้ไขค่ะ อย่างไรก็ตาม ในสูตรของยูเซอรินมักจะมีส่วนผสมของ Alcohol Denat. ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและช่วยให้เนื้อเซรั่มซึมไวขึ้น รวมถึงมีน้ำหอมด้วย ซึ่งสำหรับคนส่วนใหญ่มักจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายมาก ๆ หรือแพ้แอลกอฮอล์โดยตรง อาจจะต้องทดสอบผลิตภัณฑ์ที่บริเวณกรอบหน้าหรือท้องแขนก่อนใช้จริงนะคะ แต่โดยรวมแล้วถ้าคุณมีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำเป็นปัญหาหลักและกำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ Eucerin ขวดนี้คือตัวเลือกที่ทรงประสิทธิภาพและน่าลงทุนมาก ๆ ค่ะ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้หมดไปหลายขวดแล้วค่ะ ฝ้าจางลงจริง ๆ ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นมาก ๆ จนคนทักเลยค่ะ” – พี่อร, อายุ 42
“รอยสิวจางไวมากครับ เนื้อเซรั่มซึมง่าย ไม่เหนียวเลย ใช้ได้ทุกวันครับ” – มาร์ค, อายุ 31
7. Beauty of Joseon Glow Serum ★★★★☆
“เซรั่มน้ำผึ้งผิวโกลว์! สูตรลับความงามฉบับเกาหลี ปลอบประโลมผิวอักเสบ ให้ผิวฉ่ำวาวสุขภาพดี”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สายสกินแคร์เกาหลีต้องกรี๊ด! กับ Beauty of Joseon Glow Serum เซรั่มที่มาในคอนเซ็ปต์สวยหรูดูแพงเหมือนนางในวรรณคดีโชซอน! ตัวนี้เป็นที่รักของบิวตี้บล็อกเกอร์ทั่วโลกเลยค่ะ เพราะเค้าไม่ได้เน้นความแรงของส่วนผสม แต่เน้นการบำรุงและปลอบประโลมผิวแบบองค์รวม ด้วยส่วนผสมหลักที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำรับความงามโบราณอย่าง Propolis Extract หรือสารสกัดจากรังผึ้ง ที่อัดแน่นมาถึง 60% เลยทีเดียว! ซึ่ง Propolis ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติต้านการอักเสบ, ต้านเชื้อแบคทีเรีย, และช่วยสมานแผลได้ดีเยี่ยม เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอักเสบหรือผิวที่ระคายเคืองง่าย และเค้ายังใส่ Niacinamide มาในปริมาณกำลังดีที่ 2% เพื่อช่วยควบคุมความมัน, กระชับรูขุมขน, และปรับผิวให้กระจ่างใสอย่างอ่อนโยนค่ะ ใครที่อยากได้ผิวโกลว์ฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี แต่ก็ยังต้องการคุณสมบัติในการดูแลปัญหาสิว ตัวนี้คือใช่เลย!
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Propolis Extract 60%, Niacinamide 2%, BHA 0.5% (Betaine Salicylate), Tamanu Oil, Tea Tree Extract
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อคล้ายน้ำผึ้ง (Honey-like texture) มีความหนืดเล็กน้อย แต่ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- คุณสมบัติเด่น: ลดการอักเสบของสิว, ให้ความชุ่มชื้น, ควบคุมความมัน, ทำให้ผิวโกลว์กระจ่างใส
- เหมาะกับสภาพผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่เป็นสิวง่าย, ผิวขาดน้ำ, และผิวหมองคล้ำ
- ปราศจาก: น้ำหอม, พาราเบน, ซัลเฟต, และสีสังเคราะห์
รีวิวแบบเจาะลึก
หากเพื่อน ๆ กำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ฟีลลิ่งการใช้ที่ผ่อนคลายและเน้นการบำรุงผิวให้สวยสุขภาพดีจากภายใน Beauty of Joseon คือตัวเลือกที่ทำให้การทาสกินแคร์มีความสุขขึ้นเยอะเลยค่ะ เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเอกลักษณ์มาก คือมีความหนืดคล้ายน้ำผึ้งบาง ๆ แต่พอวอร์มบนฝ่ามือแล้วทาลงบนผิวกลับเกลี่ยง่ายและซึมเข้าผิวได้ดีเกินคาดค่ะ ไม่ได้ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะอย่างที่คิดเลย แต่จะให้ฟินิชผิวที่ดูดิวอี้ ฉ่ำวาว โกลว์สวยแบบ Glass Skin ทันทีหลังใช้เลยค่ะ ใครที่ชอบงานผิวโกลว์ ๆ แบบสาวเกาหลีจะต้องหลงรักแน่นอน กลิ่นของเค้าก็เป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากธรรมชาติ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมสังเคราะห์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ ค่ะ ผลลัพธ์หลังใช้คือผิวดูสงบลงเยอะมาก สิวอักเสบที่เคยแดง ๆ ก็ดูยุบลง ผดผื่นต่าง ๆ ลดน้อยลง และที่สำคัญคือผิวดูชุ่มชื้นและอิ่มน้ำขึ้นมาก ๆ ค่ะ พอผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี ความมันบนใบหน้าก็ลดลงตามไปด้วย
ความดีงามของเซรั่มขวดนี้ไม่ได้มีแค่ Propolis และ Niacinamide นะคะ แต่เค้ายังใส่ BHA 0.5% (ในฟอร์มที่อ่อนโยนอย่าง Betaine Salicylate) เข้ามาช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างอ่อนโยน ทำให้ช่วยลดปัญหาสิวอุดตันได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอย่าง Tamanu Oil และ Tea Tree Extract ที่ช่วยเสริมฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ เรียกได้ว่าเป็นการรวมพลังของส่วนผสมที่เน้นการรักษาสิวและปลอบประโลมผิวโดยเฉพาะเลยค่ะ ถึงแม้ว่า Niacinamide จะมีความเข้มข้นเพียง 2% ซึ่งอาจจะไม่ได้เห็นผลเรื่องการกระชับรูขุมขนหรือลดเลือนรอยดำได้รวดเร็วเท่ากับเซรั่มที่มีความเข้มข้น 10% แต่ก็เป็นความเข้มข้นที่เพียงพอต่อการบำรุงและอ่อนโยนมากพอสำหรับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายค่ะ สรุปคือถ้าถามว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่เป็นสิว ผิวอักเสบง่าย และอยากได้ผิวโกลว์สวยสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน Beauty of Joseon Glow Serum คือคำตอบที่ลงตัวที่สุดค่ะ
คะแนนที่ได้
8.7/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบเนื้อเซรั่มมากค่ะ ทาแล้วผิวโกลว์สวยเลย สิวอักเสบยุบไวขึ้นด้วยค่ะ กลิ่นก็หอมผ่อนคลายดี” – ใบเฟิร์น, อายุ 24
“เป็นเซรั่มที่อ่อนโยนมากครับ ใช้แล้วผิวไม่แห้งเลย รู้สึกผิวแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยเป็นผดเหมือนแต่ก่อนครับ” – เจมส์, อายุ 28
8. Some By Mi Yuja Niacin Blemish Care Serum ★★★★☆
“เซรั่มส้มยูจาตัวดัง! กู้ผิวหมองคล้ำ ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ผิวกระจ่างใสใน 30 วัน”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ใครที่อยากมีผิวขาวใสไบรท์ทะลุแดด ต้องลอง Some By Mi Yuja Niacin Blemish Care Serum เลยค่ะ! ขวดนี้เป็นเซรั่มไวท์เทนนิ่งในตำนานที่ฮิตมาก ๆ ในบ้านเรา ด้วยจุดเด่นคือการใช้สารสกัดจากผลยูจา (Yuja) ของเกาหลีที่อัดแน่นมาถึง 82.3% เลยทีเดียว ซึ่งผลยูจาเนี่ยขึ้นชื่อว่ามีวิตามินซีสูงกว่าเลมอนถึง 3 เท่า! ช่วยในเรื่องการปรับผิวให้กระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม แล้วเค้าก็นำมาผสานพลังกับ Niacinamide อีก 5% ที่ช่วยเสริมฤทธิ์ในการลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว พร้อมทั้งยังมีส่วนผสมไวท์เทนนิ่งอีก 12 ชนิด เช่น Glutathione และ Arbutin ที่เข้ามาช่วยบูสต์ผิวให้ใสยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ ใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยสิวกวนใจ ตัวนี้คือเซรั่มกู้ผิวใสที่น่าลองมาก ๆ ค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Goheung Yuja Extract 82.3%, Niacinamide 5%, Glutathione, Arbutin, 12 Types of Vitamins
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อเจลบางเบา สีเหลืองอ่อน ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมสดชื่นของส้มยูจา
- คุณสมบัติเด่น: ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ, ปรับผิวให้กระจ่างใส, เติมความชุ่มชื้น, ลดรอยสิว
- เหมาะกับสภาพผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวหมองคล้ำและมีจุดด่างดำ
- ปราศจาก: ส่วนผสมที่เป็นอันตราย 20 ชนิด
รีวิวแบบเจาะลึก
หากเพื่อน ๆ กำลังตามหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นตัวช่วยหลักในภารกิจกู้ผิวหมองให้กลับมาสดใส Some By Mi ขวดนี้คือคำตอบที่น่าประทับใจมากค่ะ สิ่งแรกที่เปิดขวดมาแล้วชอบเลยคือกลิ่นค่ะ เป็นกลิ่นหอมสดชื่นของส้มยูจาแท้ ๆ เลย ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ ทาแล้วรู้สึกเฟรชมาก ๆ ปลุกผิวให้ตื่นได้ดีในตอนเช้าค่ะ เนื้อสัมผัสเป็นเจลใสสีเหลืองอ่อน ๆ ที่บางเบามากค่ะ เกลี่ยง่ายแล้วก็ซึมลงผิวไปเลย ไม่ทิ้งความเหนียวหรือความมันไว้เลยแม้แต่น้อย ทำให้เป็นเซรั่มที่ใช้ได้สบาย ๆ ทุกวันทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ ผลลัพธ์หลังจากการใช้ต่อเนื่องตามที่แบรนด์เคลมไว้คือ 30 วัน บอกเลยว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ค่ะ ผิวหน้าโดยรวมดูสว่างและใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย รอยสิวที่เคยเป็นรอยดำ ๆ ก็ดูจางลงไปเยอะมาก ผิวดูมีชีวิตชีวา ไม่โทรมเหมือนคนอดนอนอีกต่อไปค่ะ
จุดเด่นของสูตรนี้คือการใช้ “Niacinamide” 5% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่กำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป สามารถคาดหวังผลในเรื่องการลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และการที่เค้าใส่สารสกัดจากยูจามาเป็นเบสหลักแทนน้ำเปล่า ก็ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและบูสต์ความกระจ่างใสได้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ นอกจากนี้การที่มีส่วนผสมอย่าง Glutathione และ Arbutin เข้ามาเสริมทัพ ก็เหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะเข้าไปช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีในหลาย ๆ กลไก ทำให้ผลลัพธ์เรื่องผิวใสเห็นได้ชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในสูตรมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มยูจา (Citrus Junos Peel Oil) สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีประวัติแพ้น้ำมันหอมระเหยกลุ่มซิตรัส อาจจะต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้กับผิวหน้าจริง ๆ นะคะ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เซรั่มขวดนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ต้องการความกระจ่างใสแบบเร่งด่วนและกำลังตัดสินใจว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ค่ะ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้แล้วหน้าใสขึ้นจริงค่ะ รอยสิวจางลงไวมาก กลิ่นก็หอมสดชื่น ชอบมากค่ะ หมดแล้วซื้อซ้ำแน่นอน” – มาย, อายุ 22
“เป็นเซรั่มที่เนื้อเบามากครับ ทาแล้วสบายผิวดี ใช้ไปสักพักรู้สึกว่าหน้าไบรท์ขึ้น ไม่ดูโทรม ๆ เหมือนเมื่อก่อนครับ” – บอส, อายุ 27
9. Boots Ingredients Niacinamide Serum ★★★☆☆
“ถูกและดีมีอยู่จริง! เซรั่ม Niacinamide ราคาน่ารัก ช่วยปลอบประโลมผิวเป็นสิว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาหรือเพื่อน ๆ ที่มีงบจำกัด แต่ก็อยากลองใช้ Niacinamide ดูบ้าง ต้องเลี้ยวมาที่ตัวนี้เลยค่ะ Boots Ingredients Niacinamide Serum! นี่คือเซรั่มจากไลน์ Ingredients ของ Boots ที่ทำออกมาในคอนเซ็ปต์คล้าย ๆ กับ The Ordinary และ Inkey List คือเน้นส่วนผสมหลักที่เข้าใจง่าย ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายสุด ๆ ค่ะ ความน่าสนใจของตัวนี้คือ เค้าไม่ได้ใส่แค่ Niacinamide มาเดี่ยว ๆ แต่ยังใส่สารสกัดจากเปลือกต้นวิลโลว์ (Willow Bark Extract) ซึ่งเป็นแหล่งของ Salicylic Acid หรือ BHA ตามธรรมชาติ เข้ามาช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนอีกด้วย ทำให้เซรั่มขวดนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวผด และผิวที่ไม่เรียบเนียนค่ะ เป็นตัวเลือกเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่อยากจะลองดูว่าผิวของตัวเองถูกกับ Niacinamide หรือไม่ โดยที่ไม่ต้องลงทุนเยอะเลยค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Niacinamide, Salix Nigra (Willow) Bark Extract
- เนื้อสัมผัส: เซรั่มเนื้อเจลใส มีความหนืดเล็กน้อย แต่ซึมได้ดี
- คุณสมบัติเด่น: ปลอบประโลมผิว, ลดการอุดตัน, ควบคุมความมัน, ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- เหมาะกับสภาพผิว: ผิวผสม, ผิวมัน, ผิวที่เป็นสิวง่าย
- จุดเด่น: ราคาถูกมาก หาซื้อง่าย
รีวิวแบบเจาะลึก
หากคำถามคือ Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่ถูกและดีที่สุดในสามโลก Boots Ingredients ขวดนี้คือผู้เข้าชิงที่สมศักดิ์ศรีมากค่ะ เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเจลใสที่มีความหนืดนิด ๆ คล้ายกับ The Ordinary เลยค่ะ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวนี้จะซึมช้ากว่าเล็กน้อยและทิ้งความรู้สึกเคลือบผิวไว้มากกว่านิดหน่อยค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งมาจากน้ำหอมที่ใส่เข้ามาในสูตรค่ะ หลังจากใช้ไปสักพักจะรู้สึกว่าผิวดูสงบลง สิวผดเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูลดลง และความมันบนใบหน้าก็ควบคุมได้ดีขึ้นในระดับหนึ่งค่ะ ด้วยความที่ราคาเค้าน่ารักมาก ๆ ทำให้เราสามารถใช้ได้แบบไม่รู้สึกเสียดายเลยค่ะ สามารถทาได้ทั้งเช้าและเย็น หรือจะใช้ทาเฉพาะจุดที่เป็นสิวก็ได้ค่ะ เป็นเซรั่มสามัญประจำบ้านที่เหมาะกับคนที่เป็นสิวประปรายและต้องการตัวช่วยในการควบคุมความมันในชีวิตประจำวันค่ะ
แม้ว่าทางแบรนด์จะไม่ได้ระบุเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของ Niacinamide มาอย่างชัดเจน แต่จากลำดับในส่วนผสมคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-5% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่เพียงพอต่อการบำรุงและลดการระคายเคืองได้ค่ะ การที่เค้าใส่สารสกัดจากเปลือกต้นวิลโลว์เข้ามาด้วยก็ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ เพราะเป็น BHA จากธรรมชาติที่อ่อนโยนกว่า Salicylic Acid แบบสังเคราะห์ ช่วยลดการอุดตันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองมากจนเกินไปค่ะ อย่างไรก็ตามในสูตรนี้มีส่วนผสมของ Alcohol Denat. และน้ำหอม ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายมาก ๆ นะคะ แนะนำให้ทดสอบก่อนใช้จะปลอดภัยที่สุดค่ะ โดยรวมแล้วถ้าเพื่อน ๆ มีงบจำกัดและกำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นตัวเริ่มต้นในการดูแลปัญหาสิวและความมัน Boots Ingredients Niacinamide Serum ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าลองมาก ๆ หาซื้อง่ายไม่ต้องรอพรีออเดอร์ด้วยค่ะ นอกจากบำรุงผิวหน้าแล้ว ถ้าอยากได้ตัวช่วยทำความสะอาดร่างกายดี ๆ แนะนำให้ลองดูบทความ 6 อันดับ แปรงสีฟัน ยี่ห้อไหนดี ของเราได้นะคะ เพราะสุขภาพช่องปากก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ
คะแนนที่ได้
8.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“ถูกและดีจริงค่ะ! ใช้แล้วสิวผดลดลง หน้ามันน้อยลงด้วย ซื้อตอนมีโปรคือคุ้มมาก ๆ ค่ะ” – อาย, อายุ 19
“เป็นเซรั่มที่ใช้ได้เรื่อย ๆ เลยครับ เนื้อโอเค คุมมันได้ดีในระดับนึง เหมาะกับวันสบาย ๆ ครับ” – วิน, อายุ 25
10. Skinsista V Clear Booster ★★★☆☆
“บูสเตอร์แบรนด์ไทย! ลดสิว คุมมัน กระชับรูขุมขนใน 28 วัน ด้วยพลังวิตามิน B และสาหร่ายสีรุ้ง”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายลิสต์กันด้วยแบรนด์ไทยคุณภาพดีอย่าง Skinsista V Clear Booster ค่ะ ตัวนี้เป็นบูสเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อคนผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะเลย ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นการดูแลปัญหาสิวแบบครบวงจร ตั้งแต่การควบคุมความมัน, การลดการอุดตัน, ไปจนถึงการลดรอยสิวค่ะ ส่วนผสมหลักของเค้าคือ Niacinamide (Vitamin B3) และเสริมทัพด้วย Vitamin B6 ที่ช่วยกันควบคุมความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่างสารสกัดจากสาหร่ายสีรุ้ง (Rainbow Algae) ที่ช่วยลดการเกิดเม็ดสี ทำให้รอยสิวจางลงและผิวดูกระจ่างใสขึ้น และยังมี Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนอีกด้วยค่ะ ใครที่อยากสนับสนุนแบรนด์ไทยและกำลังมองหาตัวช่วยในการดูแลปัญหาสิวแบบครบ ๆ ตัวนี้น่าสนใจมากค่ะ
สเปกเด่น
- ส่วนผสมหลัก: Niacinamide (Vitamin B3), Vitamin B6, Rainbow Algae Extract, Salicylic Acid, Tea Tree Oil
- เนื้อสัมผัส: บูสเตอร์เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- คุณสมบัติเด่น: ลดสิวอักเสบ สิวอุดตัน, ควบคุมความมัน, ลดรอยสิว, กระชับรูขุมขน
- เหมาะกับสภาพผิว: ผิวผสม, ผิวมัน, ผิวที่เป็นสิวง่าย
- ปราศจาก: พาราเบน, สีสังเคราะห์, และน้ำมันแร่
รีวิวแบบเจาะลึก
สำหรับคำถามที่ว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นของแบรนด์ไทยและทำออกมาได้น่าสนใจ Skinsista V Clear Booster คือหนึ่งในนั้นเลยค่ะ เนื้อสัมผัสของเค้าทำออกมาได้ดีมาก เป็นบูสเตอร์เนื้อใส ๆ ที่มีความบางเบา ทาแล้วซึมไว สบายผิว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้เลย เหมาะกับอากาศร้อน ๆ ของบ้านเรามาก ๆ ค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นค่ะ หลังจากที่ได้ลองใช้ต่อเนื่อง จะรู้สึกว่าสิวอุดตันและสิวอักเสบขึ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ความมันระหว่างวันก็ลดลง ทำให้หน้าไม่หมองคล้ำเหมือนแต่ก่อน ส่วนเรื่องรอยสิวก็ค่อย ๆ จางลง ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนและสุขภาพดีขึ้นค่ะ เป็นบูสเตอร์ที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อควบคุมปัญหาสิวไม่ให้ลุกลามและช่วยดูแลผิวไปในตัวค่ะ
จุดเด่นของสูตรนี้คือการรวมพลังของส่วนผสมหลายชนิดที่มุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาสิวค่ะ การใช้ Niacinamide คู่กับ Vitamin B6 เป็นการเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมการผลิตซีบัมได้ดียิ่งขึ้น ส่วน Salicylic Acid และ Tea Tree Oil ก็เป็นคู่หูที่รู้จักกันดีในเรื่องการลดการอุดตันและยับยั้งแบคทีเรีย P.acnes การเพิ่มสารสกัดจากสาหร่ายสีรุ้งเข้ามาก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะช่วยในเรื่องการลดรอยดำไปพร้อม ๆ กับการรักษาสิว ทำให้เราไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอนค่ะ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลาย ๆ ตัว ในสูตรนี้ก็มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ผิวบอบบางมาก ๆ นะคะ แนะนำให้ทดสอบก่อนใช้จะดีที่สุดค่ะ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นแบรนด์ไทย เข้าใจปัญหาผิวคนไทย และช่วยจัดการปัญหาสิวได้ค่อนข้างครบในขวดเดียว Skinsista V Clear Booster ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนับสนุนและน่าลองใช้มาก ๆ ค่ะ
คะแนนที่ได้
8.1/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้ดีค่ะ สิวอุดตันลดลงเยอะเลย เนื้อเบาดี ไม่เหนียวหน้าเลยค่ะ” – นุ่น, อายุ 23
“คุมมันได้ดีครับ ใช้แล้วหน้าไม่ค่อยมันเหมือนเมื่อก่อน สิวอักเสบก็ไม่ค่อยขึ้นแล้วครับ” – ฟลุ๊ค, อายุ 26
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
เมื่อพูดถึงส่วนผสมสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมอย่าง Niacinamide เหล่าแพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านความงามต่างก็ให้การยอมรับอย่างกว้างขวางในคุณสมบัติที่หลากหลายและอ่อนโยนต่อผิว จากบทความใน Harvard Health Publishing ได้กล่าวถึง Niacinamide ว่าเป็นส่วนผสมที่มีงานวิจัยรองรับมากมายในด้านการดูแลผิว
“Niacinamide เป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์หลายด้าน (multi-functional) สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว, ลดการอักเสบ, ลดเลือนริ้วรอย, และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทั้งยังเหมาะสำหรับสภาพผิวส่วนใหญ่ รวมถึงผิวที่เป็นสิวและผิวแพ้ง่าย”
ความเข้มข้นที่เหมาะสม: ไม่ใช่ยิ่งสูงยิ่งดีเสมอไป
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเน้นย้ำว่า ความเข้มข้นที่สูงไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าเสมอไปสำหรับทุกคน
“สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นหรือมีผิวบอบบาง การเริ่มใช้ Niacinamide ที่ความเข้มข้น 2-5% ก็เพียงพอที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีในด้านการให้ความชุ่มชื้นและลดการอักเสบแล้ว ความเข้มข้นที่ 10% หรือสูงกว่านั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าในเรื่องการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ในบางคน”
ดังนั้น การเลือก Niacinamide ยี่ห้อไหนดี จึงควรพิจารณาจากสภาพผิวและความทนทานของผิวเราเป็นหลักค่ะ
การทำงานร่วมกับส่วนผสมอื่น
อีกหนึ่งประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญคือการจับคู่ Niacinamide กับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
“การใช้ Niacinamide ร่วมกับส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นอย่าง Hyaluronic Acid หรือ Ceramides เป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยม เพราะจะช่วยลดโอกาสที่ผิวจะแห้งหรือระคายเคือง ในขณะเดียวกัน การใช้ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (ในฟอร์มที่เสถียร) หรือ Retinoids ก็สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำและริ้วรอยได้ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวังและสังเกตอาการของผิวอย่างใกล้ชิด”
บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS
“จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ จะเห็นได้ว่าการเลือก Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสภาพผิวของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ‘ฟังเสียงผิว’ ของตัวเอง เริ่มจากความเข้มข้นน้อย ๆ สังเกตการเปลี่ยนแปลง และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเสริมที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเราได้อย่างตรงจุดที่สุดค่ะ”
เคล็ดลับการเลือกซื้อ Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะกับผิวเรา
การจะหาคำตอบว่า Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่สำหรับเราที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ แค่ลองพิจารณาตามเช็คลิสต์ง่าย ๆ เหล่านี้ดูค่ะ
- เข้าใจปัญหาผิวของตัวเองก่อน: ถามตัวเองว่าเป้าหมายหลักของเราคืออะไร? ถ้าเน้นลดสิว คุมมัน และรูขุมขนกว้าง ให้มองหา Niacinamide 10% ที่อาจมีส่วนผสมของ Zinc หรือ BHA ร่วมด้วย แต่ถ้าเน้นลดรอยดำ ผิวขาวใส ให้มองหาสูตรที่มีส่วนผสมไวท์เทนนิ่งอื่น ๆ เช่น วิตามินซี, Thiamidol, หรือ Arbutin ค่ะ แต่ถ้าผิวแพ้ง่ายและต้องการแค่การปลอบประโลม ให้เริ่มจากความเข้มข้น 2-5% ก็เพียงพอแล้วค่ะ
- เช็คความเข้มข้นที่เหมาะสม: อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญบอกค่ะ ไม่จำเป็นต้องเริ่มที่ 10% เสมอไป ถ้าคุณเป็นมือใหม่หรือผิวบอบบาง การเริ่มจาก 5% หรือน้อยกว่านั้นจะปลอดภัยกว่า แล้วค่อย ๆ ขยับความเข้มข้นขึ้นเมื่อผิวแข็งแรงขึ้นแล้วค่ะ
- ดูส่วนผสมเสริมอื่น ๆ ในสูตร: Niacinamide ทำงานได้ดีกับส่วนผสมอื่น ๆ มากมาย ลองมองหาสูตรที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวรองของเราดูค่ะ เช่น ถ้าผิวแห้ง ให้มองหาสูตรที่มี Hyaluronic Acid หรือ Ceramides, ถ้ามีปัญหาริ้วรอย ให้มองหาสูตรที่มี Retinol หรือ Peptides ค่ะ
- อย่าลืมทดสอบอาการแพ้ (Patch Test): ก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กับใบหน้าเสมอ ควรทดสอบที่บริเวณท้องแขนหรือหลังหูก่อน 24-48 ชั่วโมง เพื่อดูว่ามีอาการแดง คัน หรือระคายเคืองหรือไม่ค่ะ
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง: การอ่านรีวิวจากคนที่มีสภาพผิวคล้าย ๆ กับเรา จะช่วยให้เห็นภาพผลลัพธ์และความรู้สึกหลังใช้ได้ชัดเจนขึ้น และเป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจเลือก Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ค่ะ
Niacinamide ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง? และควรเลี่ยงอะไร?
Niacinamide เป็นส่วนผสมที่เป็นมิตรและเข้ากันได้ดีกับสกินแคร์ส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อควรระวังเล็กน้อยค่ะ
ใช้คู่กันแล้วปัง ✨:
- Hyaluronic Acid: คู่หูในฝัน! Niacinamide คุมมัน ส่วน Hyaluronic Acid เติมน้ำ สร้างสมดุลให้ผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- Ceramides: ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงคูณสอง ลดโอกาสการระคายเคืองได้ดีเยี่ยม
- Retinol: ใช้คู่กันได้ แต่ต้องระวัง! Niacinamide ช่วยลดการระคayเคืองจาก Retinol ได้ดี แต่ควรเริ่มจากความเข้มข้นน้อย ๆ และไม่ควรใช้พร้อมกันในครั้งแรกที่เริ่ม
- BHA/AHA: สามารถใช้ร่วมกันได้ โดย Niacinamide จะช่วยปลอบประโลมผิวหลังการผลัดเซลล์ แต่แนะนำให้เว้นระยะการทาเล็กน้อย หรือสลับใช้เช้า-เย็นเพื่อความปลอดภัย
ใช้ด้วยกันต้องระวัง 😥:
- Vitamin C (L-Ascorbic Acid): นี่คือคู่ที่ถกเถียงกันมานาน! งานวิจัยยุคเก่าเคยบอกว่าการใช้ Niacinamide กับวิตามินซีฟอร์ม L-Ascorbic Acid (LAA) พร้อมกัน อาจทำปฏิกิริยากันเกิดเป็น Nicotinic Acid ซึ่งอาจทำให้ผิวแดงหรือระคายเคืองได้ และยังอาจลดประสิทธิภาพของทั้งคู่ลงด้วย แม้งานวิจัยใหม่ ๆ จะบอกว่าผลิตภัณฑ์สมัยใหม่มีความเสถียรสูงขึ้นมากและไม่น่าจะมีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังคงแนะนำให้ “สลับเวลาใช้” เช่น ใช้วิตามินซีตอนเช้า และ Niacinamide ตอนเย็น จะดีที่สุดค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Niacinamide
- ถาม: Niacinamide ทำให้สิวเห่อ (Purging) หรือไม่?
ตอบ: โดยปกติแล้ว Niacinamide ไม่ใช่ส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการดันสิวหรือ Purging ค่ะ อาการสิวเห่อจากการใช้ Niacinamide ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาการแพ้, ระคายเคือง, หรือสิวอุดตันจากส่วนผสมอื่น ๆ ในสูตรมากกว่าค่ะ หากใช้แล้วสิวขึ้น ควรหยุดใช้และสังเกตอาการค่ะ - ถาม: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ตอบ: โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความมันและการอักเสบของผิวได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ค่ะ ส่วนผลลัพธ์ในเรื่องการลดเลือนรอยดำและกระชับรูขุมขน อาจต้องใช้เวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์ค่ะ ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญที่สุดค่ะ - ถาม: คนท้องหรือให้นมบุตรสามารถใช้ Niacinamide ได้หรือไม่?
ตอบ: Niacinamide ในรูปแบบทา (Topical) ถือว่ามีความปลอดภัยสูงและสามารถใช้ได้ในคนท้องหรือให้นมบุตรค่ะ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เสมอค่ะ - ถาม: สามารถใช้ Niacinamide รอบดวงตาได้หรือไม่?
ตอบ: ใช้ได้ค่ะ! Niacinamide สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวรอบดวงตาได้ แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับรอบดวงตาโดยเฉพาะ หรือใช้เซรั่มในปริมาณน้อย ๆ และทาอย่างเบามือเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองค่ะ
บทสรุป: ค้นพบแล้ว! Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณในปี 2025
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบทสรุปของการเฟ้นหา Niacinamide ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นสกินแคร์คู่ใจของเราในปี 2025 กันแล้วนะคะ! จากทั้ง 10 แบรนด์ที่เราคัดสรรและเจาะลึกกันมา จะเห็นได้ว่าแต่ละตัวก็มีจุดเด่นและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ไม่มีตัวไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่จะมีตัวที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับสภาพผิวและปัญหาผิวของเราค่ะ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจผิวของตัวเองและเลือกส่วนผสมที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีผิวมันและสิวบุกไม่หยุดหย่อน The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% ก็ยังคงเป็นแชมป์ที่ยืนหนึ่งในเรื่องประสิทธิภาพและราคาที่น่ารักเสมอค่ะ แต่ถ้าอยากอัปเกรดการบำรุงให้พรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นและจัดการปัญหารูขุมขนแบบเห็นผลชัดเจน Paula’s Choice 10% Niacinamide Booster คือการลงทุนที่คุ้มค่า ส่วนใครที่ต้องการต่อสู้กับสมรภูมิจุดด่างดำและรอยสิวแบบจริงจัง La Roche-Posay Mela B3 Serum และ Cerave Resurfacing Retinol Serum ก็เป็นสองทหารเสือที่พร้อมจะกอบกู้ผิวให้กลับมาเรียบเนียนสดใสได้อีกครั้งค่ะ
สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนซี้ที่ช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือก Niacinamide ยี่ห้อไหนดี นะคะ อย่าลืมว่าการดูแลผิวที่ดีที่สุดคือการเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับเราและใช้อย่างสม่ำเสมอ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการดูแลผิวและมีผิวสวยใสสุขภาพดีกันถ้วนหน้าเลยนะคะ!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
- รายละเอียดส่วนผสม, คุณสมบัติ, และราคาของผลิตภัณฑ์ อ้างอิงจากข้อมูลในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละแบรนด์อีกครั้งค่ะ
- คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากส่วนผสม, ประสิทธิภาพ, เนื้อสัมผัส, ราคา, และรีวิวจากผู้ใช้งานจริงประกอบกัน
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “พลอย, อายุ 25” หรือ “นนท์, อายุ 31”) เป็นเพียงตัวอย่างสมมติเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานที่หลากหลายและชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น
- บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ไม่ได้มีเจตนาในการวินิจฉัยหรือรักษาโรคทางผิวหนัง หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับสภาพผิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรงค่ะ
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนผสมต่าง ๆ สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Paula’s Choice Ingredient Dictionary หรือ INCI Decoder ค่ะ













