10 สุดยอด เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 อัปเดตล่าสุด! ตั้งแต่แคปซูลสุดง่าย ถึงกึ่งออโต้สายปรับจูน

เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี รวมรุ่นแนะนำในปี 2025 พร้อมดีไซน์โมเดิร์นหลากหลายสไตล์

บทนำ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวคอกาแฟทุกคน! ใครที่ตื่นเช้ามาแล้วต้องจัดกาแฟหอมๆ สักแก้วเพื่อปลุกพลังให้พร้อมลุยตลอดวันบ้างครับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน และเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาเดียวกันคือ อยากมีกาแฟดีๆ ดื่มที่บ้านทุกวัน แต่พอจะเริ่มหาข้อมูลก็ตาลายไปหมด ไม่รู้จะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราจริงๆ บางคนชอบความง่าย กดปุ่มเดียวจบ บางคนเป็นสายคราฟต์ ชอบปรับจูนรสชาติเอง หรือบางคนอาจจะอยากได้เครื่องที่ทำได้ทั้งกาแฟดำและลาเต้ฟองนมนุ่มๆ การเลือกเครื่องที่ใช่เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดหนักเลยใช่ไหมครับ

วันนี้ผมเลยขอสวมบทบาทเป็นเพื่อนซี้ที่รักกาแฟเหมือนกัน มาช่วยเพื่อนๆ ตัดสินใจกันครับ ผมได้รวบรวมข้อมูล, รีวิวจากผู้ใช้จริง, และประสบการณ์ตรง คัดเอา 10 สุดยอดเครื่องชงกาแฟแห่งปี 2025 มาให้ดูกันแบบเจาะลึกทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ใช้ง่ายสุดๆ ไปจนถึงเครื่องชงแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic) สำหรับสายบาริสต้าฝึกหัดที่อยากสกัดช็อตเอสเปรสโซ่ด้วยตัวเอง บทความนี้จะพาไปดูกันว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีงบเท่าไหร่ หรือมีพื้นที่ในครัวจำกัดแค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ ระหว่างอ่านรีวิว ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในครัว อย่าง หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ ไมโครเวฟ ก็สามารถคลิกไปดูรีวิวอื่นๆ ของเราได้เลยนะครับ รับรองว่าเลือกมาแต่ตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น

เพื่อให้เห็นภาพรวมกันก่อนตัดสินใจ ผมได้ทำตารางเปรียบเทียบสเปกเด่นๆ ของแต่ละรุ่นมาให้ดูกันก่อนด้วย จะได้รู้ว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่มีฟังก์ชันตรงใจเรามากที่สุด แล้วหลังจากนั้นเราจะไปเจาะลึกรีวิวทีละตัวกันแบบละเอียดยิบ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับว่าเครื่องชงกาแฟในฝันของเพื่อนๆ จะเป็นรุ่นไหน!

🦉 เลือกอ่านหัวข้อ

จัดอันดับ 10 เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025

สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังร้อนใจอยากรู้แล้วว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่น่าโดนที่สุดในปีนี้ ลองดูตารางเปรียบเทียบที่เราสรุปมาให้เห็นภาพรวมกันก่อนได้เลยครับ ตารางนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เห็นความแตกต่างของแต่ละรุ่นได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านรีวิวฉบับเต็มที่เราจัดมาให้แบบจุกๆ ครับ

ตารางเปรียบเทียบสรุป

คุณสมบัติ Breville Barista Express Impress BENO Piccolo OXO Brew 8-Cup Coffee Maker De’Longhi EC9255.M Coffee Press Full Automatic Duchess CM5350B Nespresso Vertuo Pop Bundle BALIZA Coffee Machine 4-in-1 Simplus TasteBrew KFJH014 Electrolux E2CM1-200W
อันดับที่ 🥇 🥈 🥉 4 5 6 7 8 9 10
รูปภาพสินค้า Breville Barista Express Impress BENO Piccolo OXO Brew 8-Cup Coffee Maker De'Longhi EC9255.M Coffee Press Full Automatic Duchess CM5350B Nespresso Vertuo Pop Bundle BALIZA Coffee Machine 4-in-1 Simplus Coffee Machine TasteBrew KFJH014 Electrolux E2CM1-200W
ชื่อสินค้า (กดเพื่อเลื่อนไปดูรายละเอียด) Breville Barista Express Impress BENO Piccolo OXO Brew 8-Cup Coffee Maker De’Longhi EC9255.M Coffee Press Full Automatic Duchess CM5350B Nespresso Vertuo Pop Bundle BALIZA Coffee Machine 4-in-1 Simplus TasteBrew KFJH014 Electrolux E2CM1-200W
คุณสมบัติเด่น ระบบ Impress™ Puck, บดและแทมป์ในตัว, แรงดัน 9 บาร์, สตรีมฟองนมละเอียด แรงดัน 20 บาร์, ดีไซน์มินิมอล, สตรีมนมได้, ขนาดกะทัดรัด SCA Certified, ชง 8 ถ้วย, โถสแตนเลสเก็บความร้อน, ควบคุมอุณหภูมิน้ำ เครื่องบดในตัว, Smart Tamping, Active Temperature Control, แรงดัน 15 บาร์ Full Automatic, Bean-to-Cup, แรงดัน 19 บาร์, ทำลาเต้-คาปูชิโน่อัตโนมัติ แรงดัน 15 บาร์, มีเกจวัดแรงดัน, สตรีมนมได้, วัสดุสแตนเลส ระบบ Centrifusion™, อ่านบาร์โค้ดแคปซูล, มาพร้อมเครื่องทำฟองนม ใช้ได้ 4 แบบ: แคปซูล Nespresso, Dolce Gusto, กาแฟบด, ESE Pod แรงดัน 15 บาร์, สกัดไอน้ำและแรงดัน, ขนาดเล็ก, ใช้งานง่าย Drip Coffee, ความจุ 1.5L (12 ถ้วย), ฟังก์ชันอุ่น, มี Anti-drip
คะแนน ★★★★★ (9.8/10) ★★★★★ (9.5/10) ★★★★☆ (9.2/10) ★★★★☆ (9.0/10) ★★★★☆ (8.8/10) ★★★★☆ (8.6/10) ★★★★☆ (8.5/10) ★★★☆☆ (8.3/10) ★★★☆☆ (8.0/10) ★★★☆☆ (7.8/10)
เหมาะกับใคร Home Barista ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ คนรักดีไซน์ พื้นที่จำกัด อยากได้กาแฟดีๆ ครอบครัวใหญ่ หรือออฟฟิศที่ชอบกาแฟดริป คนที่จริงจังกับกาแฟ ต้องการความแม่นยำ คนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก กดปุ่มเดียวจบ ผู้เริ่มต้นที่อยากลองเครื่องชงแบบมีเกจวัด คนที่ชอบความหลากหลายของกาแฟแคปซูล คนที่ไม่ยึดติดกับกาแฟแบบเดียว ชอบลอง ผู้เริ่มต้น งบน้อย ต้องการเครื่องพื้นฐาน คนที่ต้องการชงกาแฟดริปปริมาณมาก
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

 

1. Breville Barista Express Impress ★★★★★

“เปลี่ยนบ้านให้เป็นคาเฟ่! สุดยอดเครื่องชงกาแฟสำหรับ Home Barista ที่อยากได้ช็อตเอสเปรสโซ่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง”

Breville Barista Express Impress

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่จริงจังกับกาแฟ และกำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ฟีลเหมือนเป็นบาริสต้ามืออาชีพอยู่ในคาเฟ่ของตัวเอง ผมบอกเลยว่า Breville Barista Express Impress คือคำตอบสุดท้ายครับ รุ่นนี้คือการอัปเกรดที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักกาแฟที่อยากก้าวข้ามจากเครื่องอัตโนมัติง่ายๆ มาสู่โลกของการสกัดกาแฟที่ควบคุมได้ทุกขั้นตอน แต่ก็ยังคงความง่ายและสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Impress™ Puck System ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการโดสและแทมป์กาแฟให้เป๊ะทุกครั้ง ทำให้มือใหม่ก็สามารถสกัดช็อตเอสเปรสโซ่ที่สมบูรณ์แบบได้ไม่ยากเลยครับ

สเปกเด่น

  • ระบบทำความร้อน: Thermocoil พร้อม PID Temperature Control
  • แรงดัน: ปั๊ม 9 บาร์ จากอิตาลี
  • เครื่องบดในตัว: เฟืองบดสแตนเลส ปรับความละเอียดได้ 25 ระดับ
  • ระบบแทมป์: Impress™ Puck System ช่วยโดสและแทมป์อัตโนมัติด้วยแรง 10 กก.
  • ก้านสตรีม: พลังไอน้ำสูง สตรีมฟองนมละเอียดระดับ Latte Art
  • ความจุแทงก์น้ำ: 2 ลิตร
  • ความจุโถบดเมล็ด: 250 กรัม
จุดเด่น
  • ระบบ Impress™ Puck ช่วยให้การโดสและแทมป์กาแฟง่ายและแม่นยำมาก
  • เครื่องบดในตัวคุณภาพสูง ปรับเบอร์บดได้ละเอียด
  • สกัดกาแฟด้วยแรงดันและอุณหภูมิที่เสถียร ได้ช็อตที่สมบูรณ์แบบ
  • ก้านสตรีมทรงพลัง ทำฟองนมเนียนสวยสำหรับลาเต้อาร์ต
  • วัสดุพรีเมียม แข็งแรงทนทาน ดีไซน์สวยงาม
ข้อควรพิจารณา
  • ราคาสูงกว่าเครื่องชงกาแฟทั่วไป
  • ต้องใช้เวลาเรียนรู้ฟังก์ชันต่างๆ ในช่วงแรก
  • ขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่ ต้องการพื้นที่วางพอสมควร

รีวิวแบบเจาะลึก

หัวใจสำคัญของ Breville Barista Express Impress ที่ทำให้มันโดดเด่นกว่าใครคือ “Impress™ Puck System” ครับ ระบบนี้คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้ามาแก้ปัญหาคลาสสิกของ Home Barista นั่นคือการโดส (ตวง) และการแทมป์ (กด) กาแฟให้ได้มาตรฐานเท่ากันทุกครั้ง หลังจากที่เครื่องบดเมล็ดกาแฟลงในก้านชง (Portafilter) แล้ว เราแค่ดึงคันโยกด้านข้างลงมาเบาๆ ตัวเครื่องจะทำการแทมป์กาแฟให้เราด้วยแรงกดที่สม่ำเสมอถึง 10 กิโลกรัม พร้อมหมุนบิดเล็กน้อยเพื่อเกลี่ยผิวหน้ากาแฟให้เรียบเนียน (Barista Twist) จากนั้นระบบจะวัดความสูงของผงกาแฟและแสดงผลผ่านไฟ LED ว่าปริมาณพอดี, น้อยไป หรือมากไป ถ้ายังไม่พอดี เราก็แค่บดเพิ่มแล้วแทมป์อีกครั้ง ระบบก็จะจำปริมาณที่เหมาะสมไว้สำหรับการชงครั้งต่อไป ทำให้เราไม่ต้องเดาสุ่มอีกต่อไปว่าจะต้องใช้กาแฟเท่าไหร่ถึงจะดี นี่คือฟีเจอร์ที่ตอบคำถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่อยากได้ความแม่นยำแต่ไม่อยากยุ่งยากได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ มันทำให้กระบวนการที่เคยซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกขึ้นเยอะ

นอกจากการแทมป์ที่แม่นยำแล้ว คุณภาพของการสกัดก็เป็นเรื่องที่ Breville ไม่เคยประนีประนอมครับ รุ่นนี้ใช้ระบบทำความร้อน Thermocoil ที่ควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ PID แบบดิจิทัล ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ไหลผ่านกาแฟจะมีอุณหภูมิที่คงที่และเหมาะสมที่สุด (ประมาณ 93°C) ตลอดการสกัด ควบคู่ไปกับระบบ Pre-infusion หรือการพรมน้ำแรงดันต่ำในช่วงแรก เพื่อให้ผงกาแฟคลายตัวและสกัดรสชาติออกมาได้อย่างเต็มที่ ก่อนจะเพิ่มแรงดันขึ้นเป็น 9 บาร์ตามมาตรฐานของอิตาลี ผลลัพธ์ที่ได้คือช็อตเอสเปรสโซ่ที่มีเครม่า (Crema) สีทองสวยงาม บอดี้แน่น และรสชาติที่ซับซ้อน กลมกล่อม ไม่ว่าจะใช้เมล็ดคั่วกลางหรือคั่วเข้ม ส่วนใครที่เป็นสายกาแฟนม ก้านสตรีมของรุ่นนี้ก็ทรงพลังไม่แพ้เครื่องในร้านกาแฟเลยครับ สามารถสตรีมนมให้เกิดฟองละเอียด (Microfoam) ที่เนียนนุ่ม เหมาะสำหรับการเทลาเต้อาร์ตสวยๆ ได้สบายๆ ทำให้ทุกเช้าของคุณเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวมาชงกาแฟให้ดื่มเลยทีเดียวครับ

คะแนนที่ได้

9.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ตอนแรกกลัวว่าจะใช้ยาก แต่ระบบ Impress ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ กาแฟอร่อยเหมือนร้านดังๆ เลย” – พลอย, อายุ 34
“คุ้มค่ากับการลงทุนมากครับ ได้ทดลองปรับสูตรกาแฟเองสนุกมาก ก้านสตรีมนมคือดีสุดๆ” – ท็อป, อายุ 40


2. BENO Piccolo ★★★★★

“เล็กพริกขี้หนู! ดีไซน์มินิมอล แรงดัน 20 บาร์ สกัดกาแฟเข้มข้นถึงใจในพื้นที่จำกัด”

BENO Piccolo

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยู่คอนโดหรือมีพื้นที่ในครัวไม่มากนัก แต่ยังฝันอยากจะมี เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่คุณภาพคับแก้ววางไว้สักเครื่อง ผมขอแนะนำ BENO Piccolo เลยครับ รุ่นนี้เป็นเครื่องชงกาแฟที่พิสูจน์ให้เห็นว่าขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญเสมอไป ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายสไตล์มินิมอลและขนาดที่กะทัดรัด ทำให้มันสามารถเข้ากับทุกมุมของบ้านได้อย่างลงตัว แต่เห็นเล็กๆ แบบนี้ สเปกภายในกลับไม่ธรรมดาเลยครับ เพราะมาพร้อมกับปั๊มแรงดันสูงถึง 20 บาร์ ซึ่งสูงกว่าเครื่องในระดับราคาเดียวกันหลายๆ รุ่น ทำให้สามารถสกัดรสชาติและอโรม่าของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ ได้ช็อตเอสเปรสโซ่ที่เข้มข้นและมีเครม่าสวยงามไม่แพ้เครื่องใหญ่ๆ เลยครับ

คุณสมบัติเด่น

  • แรงดัน: 20 บาร์
  • กำลังไฟ: 1350W
  • ระบบทำความร้อน: Fast Heating Thermoblock
  • ฟังก์ชัน: ชงกาแฟ, สตรีมนม, ปล่อยน้ำร้อน
  • วัสดุ: ตัวเครื่องพลาสติก ABS และสแตนเลส
  • ความจุแทงก์น้ำ: 1.5 ลิตร
  • อุปกรณ์เสริม: ก้านชงขนาด 51 มม., ถ้วยกรอง 1 และ 2 ช็อต, ช้อนตวง ki แทมเปอร์
จุดเด่น
  • แรงดันสูงถึง 20 บาร์ สกัดกาแฟได้เข้มข้น
  • ดีไซน์สวยงาม มินิมอล ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • มีฟังก์ชันสตรีมนมในตัว ทำกาแฟนมได้
  • ราคาเข้าถึงง่าย คุ้มค่ากับประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีเครื่องบดในตัว ต้องซื้อแยก
  • ก้านชงขนาด 51 มม. อาจหาอุปกรณ์เสริมเฉพาะทางได้ยากกว่าขนาด 58 มม.
  • ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เทคนิคการสตรีมนมให้เนียน

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่ทำให้ BENO Piccolo เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคำถามที่ว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี คือความสมดุลที่ลงตัวระหว่างประสิทธิภาพ, ดีไซน์ และราคาครับ แม้ว่ามันจะไม่มีเครื่องบดในตัวเหมือนรุ่นใหญ่อย่าง Breville แต่การมีปั๊มแรงดันสูงถึง 20 บาร์ ถือเป็นจุดขายที่สำคัญมาก เพราะแรงดันที่สูงและเสถียรคือปัจจัยหลักในการสกัดน้ำมันและรสชาติจากกาแฟบดออกมาให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์คือเอสเปรสโซ่ที่มีความเข้มข้น บอดี้แน่น และมีกลิ่นหอมชัดเจน การใช้งานก็ตรงไปตรงมา มีปุ่มให้เลือกใช้งานไม่กี่ปุ่ม คือปุ่มเลือกโหมด (ชงกาแฟ/สตรีมนม) และปุ่มเริ่ม/หยุดทำงาน ทำให้มือใหม่สามารถเรียนรู้และเริ่มต้นชงกาแฟแก้วแรกได้ในเวลาไม่นานเลยครับ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้กาแฟดีๆ แต่ไม่อยากวุ่นวายกับการตั้งค่าที่ซับซ้อน การมีเครื่องเล็กๆ แบบนี้วางในครัว ทำให้การเริ่มต้นวันใหม่สดใสขึ้นเยอะครับ เหมือนมีคาเฟ่ส่วนตัวเล็กๆ ที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟอร่อยๆ ได้ทุกเมื่อ

ในส่วนของฟังก์ชันเสริมอย่างการสตรีมนม BENO Piccolo ก็ทำได้ดีเกินคาดครับ ก้านสตรีมสามารถสร้างฟองนมสำหรับทำคาปูชิโน่หรือลาเต้ได้ แม้อาจจะต้องใช้ทักษะและการฝึกฝนเล็กน้อยเพื่อให้ได้ฟองนมที่เนียนละเอียดระดับไมโครโฟมสำหรับเทลาเต้อาร์ต แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าเพียงพอและทำได้ดี ตัวเครื่องใช้ระบบทำความร้อนแบบ Thermoblock ที่ร้อนเร็ว ทำให้ไม่ต้องรอนานหลังเปิดเครื่องก็พร้อมชงได้เลย แทงก์น้ำขนาด 1.5 ลิตรก็ถือว่าใหญ่พอสำหรับการใช้งานในบ้าน ชงได้หลายแก้วติดต่อกันโดยไม่ต้องเติมน้ำบ่อยๆ โดยรวมแล้ว BENO Piccolo คือ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจทั้งเรื่องรสชาติ, ดีไซน์ และความคุ้มค่าได้อย่างลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยครับ

คะแนนที่ได้

9.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชอบดีไซน์มากค่ะ วางในครัวแล้วสวยเลย เครื่องเล็กแต่ทำกาแฟอร่อยมาก คุ้มราคาจริงๆ” – มิ้นท์, อายุ 28
“แรงดัน 20 บาร์นี่ของจริงเลยครับ สกัดกาแฟออกมาเข้มข้น เครม่าสวยมาก ถูกใจสายกาแฟดำแบบผมเลย” – เจมส์, อายุ 35


3. OXO Brew 8-Cup Coffee Maker ★★★★☆

“มาตรฐาน SCA Gold Cup! สำหรับคนรักกาแฟดริปที่ต้องการรสชาติสมบูรณ์แบบและความสม่ำเสมอทุกแก้ว”

OXO Brew 8-Cup Coffee Maker

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

เปลี่ยนแนวมาที่สายกาแฟดริปกันบ้างนะครับ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้หลงใหลในเอสเปรสโซ่ช็อตหนักๆ แต่ชื่นชอบรสชาติที่สะอาด ละมุน และซับซ้อนของกาแฟดริป และกำลังตั้งคำถามว่าแล้วถ้าเป็นสายนี้ล่ะ จะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ผมขอชี้เป้าไปที่ OXO Brew 8-Cup Coffee Maker เลยครับ นี่ไม่ใช่แค่เครื่องชงกาแฟดริปธรรมดาๆ ทั่วไป แต่มันเป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน “Gold Cup” จากสมาคมกาแฟพิเศษ (SCA – Specialty Coffee Association) ซึ่งเป็นการการันตีว่าทุกขั้นตอนการชง ตั้งแต่อุณหภูมิน้ำไปจนถึงระยะเวลาการสกัด ถูกควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุดตามหลักสากล เหมาะสำหรับคนที่อยากดื่มด่ำกับรสชาติแท้ๆ ของเมล็ดกาแฟดีๆ โดยไม่ต้องเสียเวลายืนดริปเองให้เมื่อยมือครับ

คุณสมบัติเด่น

  • การรับรอง: SCA Certified Home Brewer
  • เทคโนโลยี: BetterBrew™ ควบคุมอุณหภูมิและปริมาณน้ำ
  • หัวปล่อยน้ำ: Rainmaker™ Shower Head กระจายน้ำทั่วถึง
  • โถกาแฟ: Thermal Carafe สแตนเลส 2 ชั้น เก็บความร้อนได้นาน
  • ฟังก์ชัน: ชงได้ทั้งแบบเต็มโถ (8 ถ้วย) และแบบแก้วเดียว (Single-Serve)
  • ความปลอดภัย: ระบบตัดไฟอัตโนมัติ
  • การทำความสะอาด: มีโหมด Clean แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาล้างเครื่อง
จุดเด่น
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน SCA Gold Cup มั่นใจในรสชาติ
  • ควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการชงอย่างแม่นยำ
  • โถสแตนเลสเก็บความร้อนได้ดีเยี่ยม กาแฟร้อนนานโดยไม่เสียรส
  • ใช้งานง่ายมาก แค่กดปุ่มเดียว
  • สามารถชงสำหรับแก้วเดียวได้ สะดวกสบาย
  • ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่สามารถชงกาแฟประเภทเอสเปรสโซ่ได้
  • ราคาสูงกว่าเครื่องชงกาแฟดริปทั่วไป
  • ต้องใช้กระดาษกรองเฉพาะของ OXO หรือเทียบเท่า

รีวิวแบบเจาะลึก

ความลับเบื้องหลังรสชาติที่ยอดเยี่ยมของ OXO Brew 8-Cup คือเทคโนโลยี BetterBrew™ ที่ทำงานเหมือนบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญครับ ตัวเครื่องจะควบคุมทุกอย่างให้เรา ตั้งแต่การต้มน้ำให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสกัด (92-96°C) และรักษาอุณหภูมินั้นให้คงที่ตลอดกระบวนการ จากนั้นหัวปล่อยน้ำแบบ Rainmaker™ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษจะค่อยๆ โปรยน้ำร้อนลงบนกาแฟบดอย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง เลียนแบบการดริปด้วยมืออย่างพิถีพิถัน เพื่อให้แน่ใจว่ากาแฟทุกอณูถูกสกัดออกมาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการสกัดน้อยหรือมากเกินไป (Under/Over-extraction) ซึ่งเป็นสาเหตุของกาแฟรสเปรี้ยวหรือขมฝาด กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาที่เหมาะสมตามมาตรฐาน SCA ทำให้ไม่ว่าใครจะมาชง ก็ได้กาแฟรสชาติเยี่ยมเหมือนกันทุกครั้ง นี่แหละครับคือคำตอบของคำว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับสายดริปที่ต้องการความสมบูรณ์แบบและความสม่ำเสมอ

อีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดที่ผมชอบมากคือโถใส่กาแฟ (Carafe) ที่เป็นสแตนเลสผนัง 2 ชั้น ช่วยเก็บความร้อนได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องพึ่งแผ่นความร้อนด้านล่าง ซึ่งแผ่นความร้อนนี่แหละครับคือตัวการที่ทำให้กาแฟที่ชงทิ้งไว้มีรสชาติไหม้และเสียไป แต่สำหรับ OXO Brew กาแฟของคุณจะยังคงร้อนและรสชาติดีไปได้อีกเป็นชั่วโมง นอกจากนี้เครื่องยังมีโหมดชงสำหรับแก้วเดียว (Single-Serve) สำหรับวันที่เราอยากดื่มแค่คนเดียว โดยเครื่องจะปรับปริมาณน้ำและเวลาให้เหมาะสมอัตโนมัติ ความสะดวกสบายนี้ทำให้มันเป็นเครื่องที่เหมาะมากสำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคนที่มีความต้องการต่างกัน หรือแม้กระทั่งในออฟฟิศเล็กๆ ที่อยากจะมีกาแฟดีๆ ไว้บริการพนักงาน การดูแลรักษาก็ง่ายดายเพราะมีไฟแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องล้างทำความสะอาด (Descale) ทำให้ OXO Brew 8-Cup เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนรักกาแฟดริปอย่างแท้จริงครับ

คะแนนที่ได้

9.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“กาแฟรสชาติดีมากจริงๆ ค่ะ สะอาด ไม่ขมเลย สมกับที่ได้รางวัล SCA มาเลย” – แอน, อายุ 42
“ใช้ง่ายมาก แค่ตวงกาแฟ เติมน้ำ กดปุ่ม จบเลย โถเก็บความร้อนก็ดีมาก กาแฟร้อนนานดีครับ” – เอก, อายุ 38


4. De’Longhi La Specialista Arte ★★★★☆

“ศิลปะแห่งกาแฟจากอิตาลี! แม่นยำทุกขั้นตอนตั้งแต่การบดจนถึงการสตรีมนม”

De'Longhi EC9255.M

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้า Breville คือตัวแทนจากออสเตรเลีย De’Longhi ก็คือเจ้าพ่อ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี จากอิตาลี ดินแดนต้นกำเนิดของเอสเปรสโซ่ครับ และ De’Longhi La Specialista Arte (EC9255.M) ก็คือเครื่องที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณนั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ รุ่นนี้ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่หลงใหลในศิลปะการชงกาแฟ ต้องการควบคุมทุกตัวแปรเพื่อสร้างสรรค์กาแฟแก้วโปรดในแบบของตัวเอง แต่ก็ยังต้องการเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้กระบวนการนั้นง่ายและแม่นยำขึ้น La Specialista Arte มาพร้อมกับฟังก์ชันระดับโปรในขนาดที่เหมาะกับบ้าน ตั้งแต่เครื่องบดคุณภาพสูงที่ปรับได้ถึง 8 ระดับ ไปจนถึงระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ และก้านสตรีม My LatteArt ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นลาเต้อาร์ติสต์ได้ไม่ยาก

สเปกเด่น

  • เครื่องบดในตัว: ปรับความละเอียดได้ 8 ระดับ
  • ระบบทำความร้อน: Thermoblock พร้อม Active Temperature Control (3 ระดับอุณหภูมิ)
  • แรงดัน: 15 บาร์
  • ฟังก์ชันเครื่องดื่ม: 3 สูตร (Espresso, Americano, Hot Water)
  • ก้านสตรีม: My LatteArt System
  • อุปกรณ์เสริม: Barista Kit (แทมเปอร์, แผ่นรองแทมป์, Dosing Funnel)
  • ความจุแทงก์น้ำ: 1.5 ลิตร
จุดเด่น
  • ควบคุมอุณหภูมิการชงได้ 3 ระดับ เพื่อให้เหมาะกับเมล็ดกาแฟ
  • เครื่องบดในตัวคุณภาพดี บดได้สม่ำเสมอ
  • มี Barista Kit มาให้ครบชุด พร้อมใช้งาน
  • ก้านสตรีม My LatteArt ช่วยให้ทำฟองนมได้ง่ายขึ้น
  • ดีไซน์สวยงามสไตล์อิตาลี วัสดุพรีเมียม
ข้อควรพิจารณา
  • การแทมป์ยังต้องทำด้วยมือ อาจต้องใช้การฝึกฝน
  • มีระดับการปรับเบอร์บดน้อยกว่ารุ่นอื่นในระดับเดียวกัน
  • ราคาสูง แต่ได้ฟังก์ชันที่คุ้มค่า

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดเด่นที่ทำให้ La Specialista Arte แตกต่างและเป็นคำตอบของคำถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับสายคราฟต์ คือระบบ Active Temperature Control ครับ เราสามารถเลือกอุณหภูมิน้ำที่ใช้สกัดได้ถึง 3 ระดับ ซึ่งสำคัญมากเพราะเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด แต่ละระดับการคั่ว ก็ต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสมแตกต่างกันไปเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด เช่น เมล็ดคั่วอ่อนอาจต้องการอุณหภูมิสูงหน่อยเพื่อดึงรสชาติออกมา ในขณะที่เมล็ดคั่วเข้มอาจใช้อุณหภูมิต่ำลงมาเพื่อไม่ให้รสขมไหม้จนเกินไป การควบคุมตรงนี้ได้ทำให้เราสามารถทดลองและค้นหารสชาติที่สมบูรณ์แบบสำหรับเมล็ดกาแฟที่เราชอบได้ครับ นอกจากนี้ เครื่องบดในตัวก็ให้ผงกาแฟที่ละเอียดและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของช็อตที่ดี และ De’Longhi ยังใจดีแถม Barista Kit มาให้ในกล่องเลย ทั้งแทมเปอร์โลหะอย่างดี, แผ่นรองแทมป์, และ Dosing Funnel ที่ช่วยป้องกันไม่ให้กาแฟหกตอนบด ทำให้ประสบการณ์การชงกาแฟของเราสมบูรณ์แบบและสนุกยิ่งขึ้น

สำหรับคนที่รักกาแฟนม ก้านสตรีม My LatteArt ของรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสร้างฟองนมที่เนียนละเอียดได้อย่างมืออาชีพ ทำให้การทำลาเต้ คาปูชิโน่ หรือแฟลตไวท์ที่บ้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ตัวเครื่องยังมีโปรแกรมชงอัตโนมัติมาให้ 2 เมนูคือ Espresso และ Americano (เครื่องจะปล่อยน้ำร้อนตามหลังช็อตให้เอง) และปุ่มปล่อยน้ำร้อนสำหรับชงชาหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ได้อีกด้วย การออกแบบตัวเครื่องก็สวยงามตามแบบฉบับอิตาลี ใช้วัสดุสแตนเลสเป็นหลัก ดูแข็งแรงทนทานและเป็นเครื่องประดับชิ้นงามในครัวได้เลยครับ แม้ว่าการแทมป์จะต้องทำด้วยตัวเองซึ่งอาจต้องใช้การฝึกฝนบ้าง แต่สำหรับคนที่มองว่านี่คือเสน่ห์ของการชงกาแฟ และกำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นผู้ช่วยคู่ใจในการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งกาแฟ La Specialista Arte คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชอบที่ปรับอุณหภูมิได้ค่ะ ทำให้ดึงรสชาติกาแฟออกมาได้ดีขึ้นจริงๆ อุปกรณ์ที่ให้มาก็ครบเครื่องมาก” – กิ๊ฟ, อายุ 36
“ดีไซน์สวยมากครับ วางแล้วครัวดูแพงขึ้นเลย กาแฟที่ได้ก็ดีมาก สตรีมนมสนุกดีครับ” – นนท์, อายุ 41


5. Coffee Press Full Automatic ★★★★☆

“Bean-to-Cup ในปุ่มเดียว! ความสะดวกสบายขั้นสุดสำหรับคนรักกาแฟที่ไม่มีเวลา”

Coffee Press Full Automatic

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาถึงคิวของสายสะดวกสบายกันบ้างครับ ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่อยากดื่มกาแฟสดใหม่ที่ชงจากเมล็ดจริงๆ แต่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากจะวุ่นวายกับขั้นตอนการบด การแทมป์ หรือการสตรีมนม และกำลังถามว่ามี เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบนี้บ้าง ผมขอเสนอ Coffee Press Full Automatic ครับ รุ่นนี้คือเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติเต็มรูปแบบ หรือที่เรียกกันว่า “Bean-to-Cup” อย่างแท้จริง หน้าที่ของเรามีแค่เติมเมล็ดกาแฟและน้ำ จากนั้นก็แค่เลือกเมนูที่ต้องการบนหน้าจอสัมผัส แล้วรอรับกาแฟแก้วโปรดได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ่, อเมริกาโน่, คาปูชิโน่ หรือลาเต้ เครื่องจะจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบครับ

คุณสมบัติเด่น

  • ประเภท: Full Automatic (Bean-to-Cup)
  • แรงดัน: 19 บาร์
  • หน้าจอ: จอสีระบบสัมผัส
  • ฟังก์ชัน: บด, ชง, สตรีมนมอัตโนมัติ
  • การปรับแต่ง: ปรับความเข้ม, ปริมาณน้ำ, อุณหภูมิ, ปริมาณฟองนมได้
  • ระบบทำความสะอาด: ล้างหัวชงและระบบนมอัตโนมัติ
  • เครื่องบด: เฟืองบดในตัว ปรับความละเอียดได้
จุดเด่น
  • สะดวกสบายขั้นสุด กดปุ่มเดียวได้กาแฟสด
  • ทำกาแฟนมได้หลากหลายเมนูโดยอัตโนมัติ
  • ปรับแต่งรสชาติและความเข้มของกาแฟได้
  • มีระบบล้างทำความสะอาดตัวเอง ลดภาระการดูแล
  • ประหยัดเวลาในช่วงเช้าที่เร่งรีบ
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่สามารถควบคุมการสกัดได้ละเอียดเท่าเครื่อง Semi-Auto
  • ราคาสูง และอาจมีค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
  • รสชาติอาจไม่ถูกใจคอกาแฟสายคราฟต์ที่ชอบปรับจูนเอง

รีวิวแบบเจาะลึก

เสน่ห์ของเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติเต็มรูปแบบอย่าง Coffee Press รุ่นนี้ คือการมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟสดที่บ้านที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ ลืมเรื่องการหา เครื่องบดกาแฟ แยก, การเรียนรู้เทคนิคการแทมป์ หรือการสตรีมนมไปได้เลย เพราะเครื่องนี้รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว เมื่อเราเลือกเมนูที่ต้องการ เช่น “คาปูชิโน่” เครื่องจะเริ่มจากการบดเมล็ดกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม, ลำเลียงผงกาแฟเข้าสู่หัวชง, ทำการแทมป์, สกัดเอสเปรสโซ่ด้วยแรงดันสูง 19 บาร์, และในขณะเดียวกันก็จะดูดนมจากเหยือกมาทำฟองนมร้อนๆ แล้วปล่อยลงในแก้วให้เราโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วและราบรื่น ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ทุกนาทีมีค่าได้อย่างดีเยี่ยม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อมีคนถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก เครื่องประเภทนี้จึงมักจะเป็นคำตอบอันดับต้นๆ เสมอ

แม้ว่าทุกอย่างจะดูอัตโนมัติไปหมด แต่เครื่องก็ยังเปิดโอกาสให้เราปรับแต่งรสชาติได้ตามความชอบนะครับ ผ่านหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย เราสามารถปรับระดับความเข้มของกาแฟ (ปริมาณผงกาแฟที่ใช้), ปริมาณน้ำ, อุณหภูมิ, ไปจนถึงปริมาณฟองนมได้ ทำให้เราสามารถสร้างสูตรเฉพาะตัวของเราเองได้ เมื่อได้รสชาติที่ถูกใจแล้วก็สามารถบันทึกไว้เป็นโปรไฟล์ส่วนตัวได้อีกด้วย เรื่องการดูแลรักษาก็เป็นอีกอย่างที่เครื่องอัตโนมัติทำได้ดีครับ รุ่นนี้มีโปรแกรมล้างทำความสะอาดตัวเองทั้งในส่วนของหัวชงและระบบท่อนม ทุกครั้งที่เปิดหรือปิดเครื่อง มันจะทำการล้างระบบภายในเบื้องต้น และจะแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดคราบตะกรันหรือคราบนมครั้งใหญ่ ช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของรสชาติกาแฟให้ดีอยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าความสะดวกสบายและความสม่ำเสมอคือสิ่งที่คุณมองหาใน เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี การลงทุนกับเครื่อง Full Automatic แบบนี้ถือว่าจบและคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอนครับ

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชีวิตดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ตื่นมาแค่กดปุ่มเดียวก็ได้ดื่มลาเต้อร่อยๆ แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเลย” – ฝน, อายุ 33
“สะดวกมากครับ ชอบที่ปรับความเข้มกาแฟได้ด้วย ระบบล้างตัวเองก็ดีมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดเลย” – อาร์ม, อายุ 45


6. Duchess CM5350B ★★★★☆

“ตัวเริ่มต้นสุดคลาสสิก! มาพร้อมเกจวัดแรงดัน ให้ฟีลบาริสต้าในราคาสบายกระเป๋า”

Duchess CM5350B

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นมือใหม่หัดชง แต่อยากได้เครื่องที่ดูโปร มีเกจวัดแรงดันเท่ๆ ให้เห็นว่าช็อตของเราเพอร์เฟกต์แค่ไหน และกำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นครูคนแรกในเส้นทางสายกาแฟ ผมว่า Duchess CM5350B เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ รุ่นนี้เป็นเครื่องชงกาแฟแบบ Semi-Automatic ที่ให้ฟังก์ชันพื้นฐานมาครบถ้วนในราคาที่จับต้องได้ง่าย จุดเด่นที่สุดของมันคือหน้าปัดเกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) ที่ช่วยให้เราเห็นภาพว่าแรงดันขณะสกัดอยู่ในช่วงที่เหมาะสม (Espresso Range) หรือไม่ ซึ่งเป็นฟีดแบ็กที่ดีมากสำหรับมือใหม่ในการเรียนรู้และปรับปรุงเทคนิคการบดและการแทมป์กาแฟของตัวเองครับ

คุณสมบัติเด่น

  • แรงดัน: 15 บาร์
  • ฟีเจอร์เด่น: มีเกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge)
  • ระบบทำความร้อน: Thermoblock
  • ฟังก์ชัน: ชงกาแฟ, สตรีมนม, ปล่อยน้ำร้อน
  • วัสดุ: สแตนเลสสตีล
  • ความจุแทงก์น้ำ: 1.2 ลิตร
จุดเด่น
  • มีเกจวัดแรงดัน ช่วยให้เรียนรู้การสกัดได้ดีขึ้น
  • ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • วัสดุตัวเครื่องเป็นสแตนเลส ดูแข็งแรงทนทาน
  • มีฟังก์ชันครบทั้งชงและสตรีมนม
  • ใช้งานไม่ซับซ้อน
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีเครื่องบดในตัว ต้องซื้อแยก
  • ประสิทธิภาพการสตรีมนมอาจไม่เท่าเครื่องราคาสูง
  • ต้องใช้เวลาในการวอร์มเครื่องเล็กน้อย

รีวิวแบบเจาะลึก

การมีเกจวัดแรงดันบนเครื่องชงกาแฟในระดับราคานี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาครับ และมันคือเครื่องมือการเรียนรู้ชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว เมื่อเราเริ่มสกัดกาแฟ เข็มบนหน้าปัดจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป หากเราบดกาแฟละเอียดพอดีและแทมป์ด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม เข็มก็จะพุ่งเข้าไปอยู่ในโซน “Espresso” ที่มาร์กไว้ แต่ถ้าเราบดหยาบไปหรือแทมป์เบาไป เข็มก็จะไม่ถึงโซนนี้ ทำให้ได้กาแฟที่จางและเปรี้ยว ในทางกลับกัน ถ้าบดละเอียดไปหรือแทมป์แน่นไป เข็มก็จะพุ่งเกินโซน ทำให้กาแฟไหลช้าและมีรสขมไหม้ การได้เห็นฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์นี้ช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการบด, การแทมป์ และผลลัพธ์ของช็อตกาแฟได้เร็วขึ้นมากครับ มันทำให้การชงกาแฟเป็นเหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์ที่สนุกสนาน และเป็นเหตุผลที่ทำให้ Duchess CM5350B เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามที่ว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นอย่างถูกหลักการ

นอกเหนือจากเกจวัดแรงดันแล้ว ฟังก์ชันอื่นๆ ก็ถือว่าให้มาครบครันครับ ตัวเครื่องใช้ปั๊มแรงดัน 15 บาร์ และระบบทำความร้อนแบบ Thermoblock ซึ่งให้ความร้อนได้รวดเร็ว มีก้านสำหรับสตรีมนมและปล่อยน้ำร้อนแยกต่างหาก ทำให้สามารถทำได้ทั้งเอสเปรสโซ่, อเมริกาโน่, ลาเต้ และคาปูชิโน่ ตัวเครื่องส่วนใหญ่ทำจากสแตนเลสให้ความรู้สึกแข็งแรงและดูดีเกินราคา การควบคุมก็ง่ายด้วยปุ่มหมุนเพียงปุ่มเดียวสำหรับเลือกโหมดต่างๆ แม้ว่าประสิทธิภาพโดยรวมอาจจะยังไม่เทียบเท่าเครื่องระดับโปรอย่าง Breville หรือ De’Longhi แต่ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ากันหลายเท่าตัว ทำให้ Duchess CM5350B เป็น เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าและเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับใครก็ตามที่อยากจะก้าวเข้าสู่โลกของเอสเปรสโซ่แบบโฮมเมดครับ

คะแนนที่ได้

8.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชอบเกจวัดแรงดันมากค่ะ ทำให้รู้ว่าเราต้องปรับการบดการแทมป์ยังไง สนุกดีค่ะ” – นุ่น, อายุ 29
“เป็นเครื่องแรกของผมเลยครับ ใช้ง่าย ราคาไม่แรง แต่ได้กาแฟดีเกินคาดเลยครับ” – บอย, อายุ 32


7. Nespresso Vertuo Pop Bundle ★★★★☆

“ง่ายสุด ฉลาดสุด! แคปซูลเดียวทำได้ 4 ขนาด พร้อมฟองนมเนียนนุ่มจาก Aeroccino”

Nespresso Vertuo Pop Bundle

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาถึงเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ฉลาดและล้ำที่สุดในยุคนี้กันบ้างครับ ถ้าเพื่อนๆ เป็นสายที่เน้นความสะดวกสบายขั้นสุดยอด ชอบความหลากหลายของรสชาติกาแฟ และกำลังคิดว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบแต่ยังอยากได้กาแฟคุณภาพดี ผมบอกเลยว่าต้องลอง Nespresso Vertuo Pop Bundle ครับ นี่คือการปฏิวัติวงการกาแฟแคปซูลอย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยีการสกัดแบบใหม่ที่เรียกว่า Centrifusion™ ที่ไม่ใช่แค่การใช้แรงดันน้ำร้อนอัดผ่านกาแฟเหมือนเดิม แต่เป็นการหมุนแคปซูลด้วยความเร็วสูงถึง 7,000 รอบต่อนาที เพื่อเหวี่ยงรสชาติและสร้างชั้นเครม่าที่หนานุ่มเป็นพิเศษ ที่สำคัญคือเครื่องสามารถอ่านบาร์โค้ดที่ขอบแคปซูลเพื่อปรับการชงให้เหมาะสมกับกาแฟชนิดนั้นๆ โดยอัตโนมัติ!

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยีการสกัด: Centrifusion™ (การหมุนเหวี่ยง)
  • ระบบอัจฉริยะ: อ่านบาร์โค้ดบนแคปซูลเพื่อปรับการชงอัตโนมัติ
  • ขนาดกาแฟ: 4 ขนาด (Espresso 40ml, Double Espresso 80ml, Gran Lungo 150ml, Mug 230ml)
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi และ Bluetooth สำหรับอัปเดตซอฟต์แวร์
  • เครื่องทำฟองนม: มาพร้อม Aeroccino 3 ทำได้ทั้งฟองนมร้อนและเย็น
  • ดีไซน์: ขนาดเล็กกะทัดรัด มีให้เลือกหลายสีสันสดใส
จุดเด่น
  • ใช้งานง่ายมาก แค่ใส่แคปซูลแล้วกดปุ่มเดียว
  • เทคโนโลยี Centrifusion™ ให้เครม่าที่หนานุ่มและรสชาติเป็นเอกลักษณ์
  • เครื่องอ่านบาร์โค้ด ทำให้ได้กาแฟรสชาติสมบูรณ์แบบทุกครั้ง
  • ชงกาแฟได้หลายขนาดในเครื่องเดียว
  • มาพร้อมเครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 ที่ใช้งานง่ายและดีมาก
ข้อควรพิจารณา
  • ใช้ได้กับแคปซูล Vertuo ของ Nespresso เท่านั้น
  • ต้นทุนต่อแก้วสูงกว่าการใช้เมล็ดกาแฟ
  • ไม่สามารถปรับแต่งการชงเองได้เลย

รีวิวแบบเจาะลึก

ความอัจฉริยะของ Nespresso Vertuo Pop คือจุดที่ทำให้มันเป็นคำตอบที่น่าสนใจมากสำหรับคำถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ครับ แคปซูลแต่ละอันจะมีบาร์โค้ดเฉพาะตัว เมื่อเราใส่แคปซูลเข้าไป เครื่องจะใช้เลเซอร์สแกนบาร์โค้ดนั้น แล้วดึงข้อมูลออกมาว่ากาแฟตัวนี้ควรจะชงด้วยปริมาณน้ำเท่าไหร่, อุณหภูมิแค่ไหน, ควรจะหมุนด้วยความเร็วนานเท่าไหร่ เพื่อดึงคาแรคเตอร์ของมันออกมาให้ดีที่สุด เราไม่ต้องคิดหรือตั้งค่าอะไรเลย แค่กดปุ่มเดียว ที่เหลือเครื่องจัดการให้หมด ผลลัพธ์ที่ได้คือความสม่ำเสมอของรสชาติ ไม่ว่าใครจะมาชงก็ได้กาแฟแก้วเดิมที่อร่อยเหมือนกันเป๊ะๆ และเทคโนโลยี Centrifusion™ ก็สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน เครม่าที่ได้จะหนาฟูและคงตัวอยู่นานกว่าเครม่าจากเครื่องเอสเปรสโซ่ทั่วไป ทำให้กาแฟมีความนุ่มละมุนในปากมากขึ้น ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจมากครับ

ในชุด Bundle นี้ยังมาพร้อมกับ Aeroccino 3 ซึ่งเป็นเครื่องทำฟองนมที่ยอดเยี่ยมมากครับ แค่เทนมสดเย็นๆ ลงไปแล้วกดปุ่ม รอไม่ถึงนาทีก็ได้ฟองนมร้อนที่เนียนละเอียด หรือจะทำฟองนมเย็นสำหรับเมนูกาแฟเย็นก็ได้เช่นกัน การมีเจ้าเครื่องนี้คู่กันทำให้เราสามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟนมได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นลาเต้, คาปูชิโน่ หรือแม้แต่ช็อกโกแลตร้อน ตัวเครื่อง Vertuo Pop เองก็มีดีไซน์ที่น่ารัก กะทัดรัด และมีสีสันให้เลือกมากมาย ทำให้มันเป็นเหมือนของแต่งบ้านชิ้นหนึ่งได้เลย แม้ว่าข้อจำกัดคือต้องใช้แคปซูลของ Vertuo เท่านั้น และมีราคาสูงกว่ากาแฟบด แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความสะดวก, ความหลากหลายของรสชาติ, ความสม่ำเสมอ และความสนุกในการดื่มกาแฟ การเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นระบบปิดอย่าง Nespresso Vertuo ก็ถือเป็นการลงทุนเพื่อความสุขในทุกเช้าที่คุ้มค่ามากครับ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ง่ายจนไม่รู้จะง่ายยังไงแล้วค่ะ กาแฟก็อร่อยมาก เครม่านุ่มสุดๆ Aeroccino ก็ทำฟองนมดีมากค่ะ” – ใบเตย, อายุ 30
“ชอบที่ชงแก้วใหญ่ได้เลยตอนเช้า ไม่ต้องกดหลายรอบ มีรสชาติกาแฟให้เลือกเยอะดี ไม่เบื่อเลยครับ” – วิน, อายุ 39


8. BALIZA Coffee Machine 4-in-1 ★★★☆☆

“ความหลากหลายในหนึ่งเดียว! ตอบโจทย์คนขี้เบื่อที่อยากลองกาแฟทุกรูปแบบ”

BALIZA Coffee Machine 4-in-1

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่ไม่ชอบความจำเจ บางวันอยากดื่มเอสเปรสโซ่เข้มๆ จากกาแฟบดสดใหม่ บางวันอยากได้ความสะดวกเร็วๆ จากแคปซูล Nespresso หรือบางทีก็อยากลองแคปซูลของ Dolce Gusto ที่มีเมนูแปลกๆ เยอะแยะ และกำลังปวดหัวว่าจะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะรองรับความต้องการที่หลากหลายขนาดนี้ได้ ผมขอเสนอทางออกที่น่าสนใจมากครับ นั่นคือ BALIZA Coffee Machine 4-in-1 เครื่องนี้เกิดมาเพื่อคนหลายใจโดยเฉพาะ เพราะมันสามารถชงกาแฟได้ถึง 4 รูปแบบในเครื่องเดียว! แค่เปลี่ยนอะแดปเตอร์ที่ให้มา ก็พร้อมชงได้ทั้งกาแฟบด, แคปซูล Nespresso, แคปซูล Dolce Gusto และกาแฟพ็อดแบบ ESE ครับ

คุณสมบัติเด่น

  • ความเข้ากันได้: 4-in-1 (กาแฟบด, Nespresso Capsule, Dolce Gusto Capsule, ESE Pod)
  • แรงดัน: 19 บาร์
  • ระบบทำความร้อน: Fast Heating System
  • การใช้งาน: 2 ปุ่ม (Espresso, Lungo)
  • ดีไซน์: ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่
  • ความจุแทงก์น้ำ: 0.6 ลิตร
จุดเด่น
  • รองรับการชงกาแฟได้ถึง 4 รูปแบบ ยืดหยุ่นสูงมาก
  • แรงดัน 19 บาร์ สกัดกาแฟได้ดี
  • ขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่
  • ใช้งานง่ายด้วยปุ่มแค่ 2 ปุ่ม
  • ราคาเข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับความหลากหลายที่ได้
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีฟังก์ชันสตรีมนม
  • แทงก์น้ำขนาดเล็ก ต้องเติมบ่อย
  • คุณภาพการสกัดอาจไม่ดีเท่าเครื่องที่ออกแบบมาเฉพาะทาง
  • วัสดุส่วนใหญ่เป็นพลาสติก

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดขายหลักที่ทำให้ BALIZA 4-in-1 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคำถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี คือความยืดหยุ่นที่หาไม่ได้จากเครื่องอื่นครับ การมีอะแดปเตอร์ที่ถอดเปลี่ยนได้ทำให้เราไม่ถูกผูกมัดกับระบบใดระบบหนึ่ง วันไหนที่อยากพิถีพิถันหน่อยก็ใช้กาแฟบดที่เราชอบ วันไหนรีบๆ ก็หยิบแคปซูล Nespresso มาใช้ หรือถ้าอยากลองช็อกโกแลตร้อนหรือชานมจากแคปซูล Dolce Gusto ก็ทำได้ทันที ความสามารถรอบด้านนี้เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่สมาชิกแต่ละคนชอบดื่มกาแฟไม่เหมือนกัน หรือสำหรับคนที่ชอบลองของใหม่ๆ อยู่เสมอ การใช้งานก็ง่ายมากครับ แค่เลือกอะแดปเตอร์ที่ต้องการ ใส่กาแฟหรือแคปซูลลงไป แล้วกดปุ่มเลือกระหว่างช็อตเล็ก (Espresso) หรือช็อตใหญ่ (Lungo) เครื่องก็จะทำการสกัดด้วยแรงดันสูงถึง 19 บาร์ ซึ่งถือว่าแรงพอที่จะดึงรสชาติกาแฟออกมาได้ดีในทุกรูปแบบ

แน่นอนว่าด้วยราคาและขนาดที่กะทัดรัด มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนครับ เครื่องนี้จะไม่มีฟังก์ชันสำหรับสตรีมนมมาให้ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่เน้นดื่มกาแฟดำเป็นหลัก หรืออาจจะต้องซื้อ กาต้มน้ำไฟฟ้า และเครื่องทำฟองนมแยกต่างหากถ้าอยากทำกาแฟนม แทงก์น้ำขนาด 0.6 ลิตรก็อาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับคนที่ดื่มกาแฟบ่อยๆ อาจจะต้องเติมน้ำกันวันต่อวัน และคุณภาพของช็อตกาแฟที่ได้ แม้จะดีสำหรับราคาของมัน แต่ก็อาจจะยังไม่สามารถเทียบได้กับเครื่องที่ออกแบบมาเฉพาะทางสำหรับกาแฟบดอย่าง BENO หรือ De’Longhi ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าโจทย์ของคุณคือความหลากหลาย, ความสะดวก และความคุ้มค่า การมี เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ทำได้ทุกอย่างแบบ BALIZA 4-in-1 ติดบ้านไว้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาดและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคุณได้อย่างแน่นอนครับ

คะแนนที่ได้

8.3/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ดีมากเลยค่ะที่ไม่ต้องเลือก ชอบลองกาแฟหลายๆ แบบอยู่แล้ว เครื่องนี้ตอบโจทย์สุดๆ” – จ๋า, อายุ 27
“สะดวกดีครับ เปลี่ยนหัวไปมาได้ตามใจชอบเลย วันไหนรีบก็ใช้แคปซูล ง่ายดีครับ” – ตั้ม, อายุ 36


9. Simplus Coffee Machine TasteBrew KFJH014 ★★★☆☆

“ตัวเริ่มต้นสุดประหยัด! ฟังก์ชันครบครันเกินราคา สกัดเข้มข้นด้วยแรงดัน 15 บาร์”

Simplus Coffee Machine TasteBrew KFJH014

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับเพื่อนๆ ที่มีงบประมาณจำกัดมากๆ แต่อยากจะเริ่มต้นเข้าสู่วงการกาแฟเอสเปรสโซ่ และกำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ราคาเป็นมิตรที่สุด แต่ยังให้ฟังก์ชันมาครบๆ ผมว่า Simplus TasteBrew KFJH014 คือคำตอบที่ใช่เลยครับ รุ่นนี้เป็นเครื่องชงกาแฟที่มาในราคาที่น่าคบหามาก แต่ให้สเปกมาดีเกินคาด ทั้งแรงดัน 15 บาร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการสกัดเอสเปรสโซ่ที่ดี และยังมีก้านสำหรับสตรีมนมมาให้อีกด้วย ทำให้เราสามารถฝึกทำได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟนมในเครื่องเดียว เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่อยากลองชงกาแฟเองที่บ้านโดยไม่ต้องลงทุนเยอะครับ

คุณสมบัติเด่น

  • แรงดัน: 15 บาร์
  • กำลังไฟ: 850W
  • ฟังก์ชัน: ชงกาแฟ, สตรีมนม
  • การควบคุม: ปุ่มหมุนเดียว ใช้งานง่าย
  • ความปลอดภัย: ระบบป้องกันความร้อนและแรงดันสูงเกินไป
  • ความจุแทงก์น้ำ: 1.5 ลิตร
จุดเด่น
  • ราคาประหยัดมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • มีฟังก์ชันครบทั้งชงกาแฟและสตรีมนม
  • แรงดัน 15 บาร์ เพียงพอสำหรับการสกัดเอสเปรสโซ่
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • แทงก์น้ำขนาดใหญ่ 1.5 ลิตร
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีเครื่องบดในตัว และไม่มีแทมเปอร์แถมมาให้
  • วัสดุส่วนใหญ่เป็นพลาสติก อาจไม่ทนทานเท่ารุ่นราคาสูง
  • ต้องใช้เวลาเรียนรู้การสตรีมนมให้ได้ฟองที่เนียน
  • คุณภาพช็อตอาจไม่สม่ำเสมอเท่าเครื่องที่ควบคุมอุณหภูมิได้

รีวิวแบบเจาะลึก

แม้ว่า Simplus TasteBrew จะเป็นเครื่องชงกาแฟในกลุ่มราคาประหยัด แต่ก็ให้หัวใจสำคัญของการชงเอสเปรสโซ่มาครบถ้วน นั่นคือปั๊มแรงดัน 15 บาร์ครับ ซึ่งแรงดันระดับนี้เพียงพอที่จะดันน้ำร้อนผ่านกาแฟบดละเอียดเพื่อสกัดเอสเปรสโซ่ที่มีรสชาติเข้มข้นและมีชั้นเครม่าออกมาได้ การใช้งานก็เรียบง่ายมาก มีปุ่มหมุนขนาดใหญ่ด้านหน้าสำหรับเลือกโหมดระหว่าง “ชงกาแฟ” กับ “สตรีมนม” เท่านั้น ทำให้ไม่สับสนสำหรับมือใหม่ ส่วนด้านข้างก็มีก้านสำหรับสตรีมนม ซึ่งสามารถใช้ทำฟองนมสำหรับคาปูชิโน่หรืออุ่นนมสำหรับลาเต้ได้ แม้จะต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อควบคุมให้ได้ฟองนมที่เนียนสวย แต่การมีฟังก์ชันนี้มาให้ในเครื่องราคานี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้วครับ มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่กำลังคิดว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะใช้เป็นเครื่องซ้อมมือก่อนจะขยับไปเล่นรุ่นที่โปรขึ้น

แน่นอนว่าเพื่อให้ได้ราคาที่เข้าถึงง่าย ก็ต้องมีการลดทอนในบางส่วนไปครับ ตัวเครื่องส่วนใหญ่ทำจากพลาสติก ซึ่งอาจจะให้ความรู้สึกไม่พรีเมียมเท่าเครื่องที่เป็นสแตนเลส และไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำเหมือนรุ่นพี่ราคาแพง ซึ่งอาจทำให้รสชาติของกาแฟในแต่ละช็อตมีความแปรปรวนอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของเครื่องในขณะนั้น นอกจากนี้ ในกล่องจะไม่มีแทมเปอร์มาให้ เราอาจจะต้องหาซื้อเพิ่มเอง อย่างไรก็ตาม หากมองที่ภาพรวมของราคาและฟังก์ชันที่ได้รับ Simplus TasteBrew ถือเป็น เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ทำลายกำแพงราคาและเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมีความสุขกับการชงกาแฟเอสเปรสโซ่เองที่บ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณเลยครับ

คะแนนที่ได้

8.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ราคาดีมากค่ะ ไม่คิดว่าจะได้เครื่องที่ทำกาแฟนมได้ในงบเท่านี้” – เมย์, อายุ 22
“ซื้อมาลองหัดชงดูครับ ก็ใช้ได้ดีเลย กาแฟเข้มข้นดีครับ คุ้มกับราคาที่จ่ายไป” – ปอนด์, อายุ 25


10. Electrolux E2CM1-200W ★★★☆☆

“เรียบง่ายและไว้ใจได้! ชงกาแฟดริปปริมาณมากสำหรับทุกคนในครอบครัว”

Electrolux E2CM1-200W

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายลิสต์กันด้วยเครื่องชงกาแฟดริปแบบคลาสสิกที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีครับ ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความเรียบง่ายขั้นสุด ชงกาแฟได้ทีละเยอะๆ สำหรับทั้งครอบครัวหรือสำหรับออฟฟิศขนาดเล็ก และมาจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ Electrolux E2CM1-200W คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ครับ ไม่มีฟังก์ชันซับซ้อน ไม่มีหน้าจอสัมผัส มีแค่ปุ่มเปิด-ปิดง่ายๆ แต่สามารถชงกาแฟดริปหอมๆ ได้ถึง 12 แก้วในครั้งเดียว เหมาะสำหรับวันหยุดที่ทุกคนในบ้านตื่นมาพร้อมกัน หรือในห้องประชุมที่ต้องการกาแฟไว้เติมพลังตลอดการประชุมครับ

คุณสมบัติเด่น

  • ประเภท: Drip Coffee Maker
  • ความจุ: 1.5 ลิตร (ประมาณ 10-12 ถ้วย)
  • ฟังก์ชัน: แผ่นอุ่นกาแฟ (Keep Warm Plate)
  • ความปลอดภัย: ระบบป้องกันน้ำหยด (Anti-drip)
  • ฟิลเตอร์: แบบถอดล้างได้ ใช้ซ้ำได้
  • การใช้งาน: สวิตช์เปิด-ปิด พร้อมไฟแสดงสถานะ
จุดเด่น
    ข้อควรพิจารณา
      ชงกาแฟได้ปริมาณมากในครั้งเดียว
      ใช้งานง่ายมาก ไม่มีความซับซ้อน
      มีแผ่นอุ่น ช่วยให้กาแฟร้อนอยู่เสมอ
      มีระบบ Anti-drip ยกโถออกได้โดยน้ำไม่หยด
      ราคาประหยัดและมาจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ###ER##GF#### ไม่สามารถชงกาแฟเอสเปรสโซ่หรือกาแฟนมได้
      รสชาติอาจไม่ซับซ้อนเท่าการดริปด้วยมือหรือเครื่องที่ได้มาตรฐาน SCA
      แผ่นอุ่นอาจทำให้กาแฟที่ทิ้งไว้นานมีรสชาติเปลี่ยนไป

      รีวิวแบบเจาะลึก

      เสน่ห์ของ Electrolux E2CM1-200W อยู่ที่ความตรงไปตรงมาของมันครับ มันถูกสร้างมาเพื่อทำหน้าที่เดียวคือ “ชงกาแฟดริป” และมันก็ทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี การใช้งานก็แค่ตวงกาแฟบดใส่ลงในฟิลเตอร์ที่สามารถถอดล้างและใช้ซ้ำได้ (ช่วยประหยัดค่ากระดาษกรองไปในตัว), เติมน้ำในแทงก์ตามขีดบอกระดับ, แล้วก็กดสวิตช์เปิดเครื่อง จากนั้นก็รอให้เครื่องค่อยๆ ปล่อยน้ำร้อนผ่านกาแฟลงมาในโถแก้วขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับทุกคนในบ้านหรือเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศครับ นี่คือคำตอบที่เรียบง่ายที่สุดสำหรับคำถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สำหรับการใช้งานพื้นฐานที่เน้นปริมาณและความสะดวก

      เครื่องยังมีฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น อย่างเช่นแผ่นอุ่น (Keep Warm Plate) ที่อยู่ใต้โถ ซึ่งจะทำงานต่อเนื่องหลังจากชงเสร็จ เพื่อรักษาอุณหภูมิของกาแฟให้ร้อนพร้อมดื่มอยู่เสมอ และระบบป้องกันน้ำหยด (Anti-drip) ที่จะหยุดการไหลของกาแฟทันทีเมื่อเรายกโถแก้วออกไปริน ทำให้เราสามารถรินกาแฟดื่มก่อนที่เครื่องจะชงเสร็จได้โดยไม่หกเลอะเทอะ แม้ว่ารสชาติของกาแฟที่ได้อาจจะไม่ได้ซับซ้อนหรือสมบูรณ์แบบเท่าเครื่องดริปราคาแพงอย่าง OXO แต่สำหรับคนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และปริมาณเยอะๆ ในราคาที่สบายกระเป๋า การมี เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ไว้ใจได้อย่าง Electrolux ติดบ้านหรือที่ทำงานไว้ ก็ถือเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันครับ

      คะแนนที่ได้

      7.8/10

      >>> 👁️‍🗨️ ดูคุณสมบัติเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

      รีวิวสั้น ๆ

      “ใช้ง่ายดีค่ะ ชงทิ้งไว้ให้คนที่บ้านดื่มได้ทั้งเช้าเลย สะดวกดีค่ะ” – ป้าพร, อายุ 55
      “ซื้อไว้ที่ออฟฟิศครับ ชงทีเดียวกินได้หลายคนเลย ทนทานดีครับ สมกับเป็น Electrolux” – ก้อง, อายุ 43


      มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญและบาริสต้า

      เมื่อพูดถึงเทรนด์ของเครื่องชงกาแฟสำหรับใช้ในบ้านในปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญจากเว็บไซต์กาแฟชื่อดังอย่าง Perfect Daily Grind และบาริสต้าหลายคนต่างเห็นตรงกันว่า ตลาดกำลังมุ่งไปสู่ “Personalization” หรือการทำให้กาแฟเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากขึ้น ผู้บริโภคไม่เพียงต้องการความสะดวกสบาย แต่ยังต้องการควบคุมรสชาติและสร้างสรรค์กาแฟในแบบฉบับของตัวเองได้ด้วย

      “ผู้ใช้ในปัจจุบันมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น พวกเขารู้ว่าเมล็ดกาแฟจากแต่ละแหล่งให้รสชาติไม่เหมือนกัน และการสกัดก็มีผลอย่างมากต่อรสชาติสุดท้ายในแก้ว ดังนั้น เครื่องชงกาแฟที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับปัจจัยต่างๆ ได้ เช่น อุณหภูมิ, ปริมาณกาแฟ, หรือเวลาในการสกัด จึงได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

      เทรนด์นี้สะท้อนให้เห็นในเครื่องชงกาแฟระดับท็อปๆ ที่เรานำมารีวิว เช่น Breville หรือ De’Longhi ที่มีฟังก์ชันการปรับแต่งที่ละเอียด แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การปรับแต่งนั้น “ง่ายขึ้น” สำหรับผู้ใช้ทั่วไป นี่คือจุดสมดุลที่สำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนนี้

      ปัจจัยสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำ

      • ความเสถียรของอุณหภูมิ: บาริสต้าย้ำเสมอว่าอุณหภูมิน้ำที่คงที่เป็นหัวใจของการสกัดที่สมบูรณ์แบบ เครื่องที่มีระบบ PID หรือ Active Temperature Control จึงเป็นที่ต้องการสูง
      • คุณภาพของเครื่องบด: “You can’t make good espresso with a bad grinder.” (คุณไม่สามารถทำเอสเปรสโซ่ที่ดีได้จากเครื่องบดแย่ๆ) คือคำพูดติดปากในวงการกาแฟ เครื่องชงที่มีเครื่องบดในตัวคุณภาพดี หรือการลงทุนกับ เครื่องบดกาแฟดีๆ แยกต่างหาก คือสิ่งที่จำเป็น
      • ความง่ายในการทำความสะอาด: เครื่องที่ดูแลรักษายากมักจะถูกใช้น้อยลงในระยะยาว เครื่องที่มีระบบล้างตัวเองหรือถอดล้างชิ้นส่วนได้ง่ายจึงเป็นอีกปัจจัยที่น่าพิจารณา

      บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS

      “จากการวิเคราะห์ของเรา เราเห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญว่าเทรนด์กำลังเปลี่ยนไป การถามว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ไม่ได้จบแค่ฟังก์ชันพื้นฐานอีกต่อไป แต่มันคือการมองหาเครื่องมือที่จะมาเป็น ‘ผู้ช่วย’ ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การดื่มกาแฟที่บ้านให้ดีที่สุด ไม่ว่าไลฟ์สไตล์ของคุณจะเน้นความเร็ว, ความพิถีพิถัน, หรือความหลากหลาย เครื่องที่ดีที่สุดคือเครื่องที่ทำให้คุณมีความสุขและอยากจะตื่นมาเพื่อชงกาแฟแก้วนั้นในทุกๆ เช้าครับ”


      เคล็ดลับการเลือกซื้อฉบับจับมือทำ: จะเลือกเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ให้โดนใจที่สุด

      เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ พร้อมแก้วกาแฟและเมล็ดกาแฟ

      หลังจากดูรีวิวมาทั้งหมดแล้ว บางคนอาจจะยังลังเลอยู่ ไม่เป็นไรครับ ผมมีเช็กลิสต์ง่ายๆ มาให้เพื่อนๆ ลองตอบคำถามตัวเองดู รับรองว่าจะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นแน่นอนว่าจะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ครับ

      1. คุณเป็นคอกาแฟสายไหน?:
        • สายเร็ว-สะดวก: ถ้าคุณไม่มีเวลาและต้องการความง่ายขั้นสุด ให้มองไปที่เครื่องชงกาแฟแคปซูล (Nespresso) หรือเครื่อง Full-Automatic ไปเลยครับ กดปุ่มเดียวจบ
        • สายคราฟต์-อยากเรียนรู้: ถ้าคุณสนุกกับการได้ลงมือทำ ปรับนั่นนิดนี่หน่อย ให้เลือกเครื่องแบบ Semi-Automatic ที่มีเครื่องบดในตัวหรือแยกก็ได้ (Breville, De’Longhi, BENO)
        • สายละมุน-กาแฟดำ: ถ้าคุณชอบรสชาติสะอาดๆ ของกาแฟดริป เครื่องชงกาแฟดริปอัตโนมัติ (OXO, Electrolux) คือคำตอบครับ
      2. เมนูโปรดของคุณคืออะไร?: ถ้าคุณดื่มแต่กาแฟดำเป็นหลัก เครื่องที่ไม่ต้องมีก้านสตรีมนมก็จะช่วยประหยัดงบไปได้เยอะ แต่ถ้าคุณเป็นสาวกกาแฟนมตัวยงอย่างลาเต้หรือคาปูชิโน่ การลงทุนกับเครื่องที่มีก้านสตรีมทรงพลังหรือมีเครื่องทำฟองนมมาให้คือสิ่งจำเป็นครับ
      3. พื้นที่ในครัวและดีไซน์: ลองวัดขนาดพื้นที่ที่จะวางเครื่องชงกาแฟดูก่อนครับ เครื่องบางรุ่นอย่าง Breville ค่อนข้างใหญ่ ในขณะที่ BENO หรือ Nespresso Vertuo Pop จะประหยัดพื้นที่กว่ามาก และอย่าลืมเลือกดีไซน์และสีที่เข้ากับสไตล์การแต่งครัวของคุณด้วยนะครับ เพราะมันจะเป็นของที่อยู่กับเราไปอีกนาน
      4. งบประมาณในกระเป๋า: กำหนดงบประมาณทั้งหมดไว้ในใจ ไม่ใช่แค่ราคาเครื่อง แต่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวด้วย เช่น ราคาเมล็ดกาแฟ, แคปซูล, หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ตาชั่งดิจิตอล ที่อาจจะต้องซื้อเพิ่มครับ การเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่อยู่ในงบจะทำให้เรามีความสุขกับการใช้งานโดยไม่รู้สึกกดดัน
      5. การดูแลรักษา: คุณเป็นคนที่มีเวลาดูแลทำความสะอาดเครื่องมากน้อยแค่ไหน? ถ้าไม่ค่อยมีเวลา ให้มองหารุ่นที่มีระบบล้างตัวเองอัตโนมัติ หรือรุ่นที่โครงสร้างไม่ซับซ้อน ถอดล้างได้ง่าย จะช่วยลดภาระของคุณไปได้เยอะครับ

      ความสำคัญของน้ำและเมล็ดกาแฟ: ปัจจัยที่ถูกมองข้าม

      เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่าต่อให้เรามี เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่สุดในโลก แต่ถ้าใช้น้ำและเมล็ดกาแฟที่ไม่ดี กาแฟแก้วนั้นก็ไม่มีทางอร่อยได้เลยครับ นี่คือสองปัจจัยสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามไป

      • น้ำ: กาแฟหนึ่งแก้วมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่า 98% ดังนั้นคุณภาพน้ำจึงมีผลอย่างมากครับ ควรใช้น้ำดื่มที่สะอาด ไม่มีกลิ่นคลอรีน หรือถ้าจะให้ดีที่สุดคือใช้น้ำกรองครับ การใช้น้ำประปาโดยตรงอาจมีแร่ธาตุบางอย่างที่ส่งผลต่อรสชาติและทำให้เกิดตะกรันในเครื่องชงกาแฟได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
      • เมล็ดกาแฟ: ควรเลือกใช้เมล็ดกาแฟที่คั่วมาใหม่ๆ (ไม่เกิน 1-2 เดือนหลังวันคั่ว) เพราะกาแฟจะสูญเสียกลิ่นและรสชาติไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา และควรจะบดกาแฟก่อนชงทุกครั้งแทนการใช้กาแฟบดสำเร็จรูป เพราะน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเมล็ดจะถูกปลดปล่อยออกมาตอนบดนี่แหละครับ ส่วนจะเลือก กาแฟดำยี่ห้อไหนดี หรือเมล็ดจากแหล่งไหน ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเลยครับ ลองชิมไปเรื่อยๆ แล้วจะเจอตัวที่ใช่เอง

      Home Cafe Corner: จัดมุมกาแฟที่บ้านให้น่าอยู่

      ไหนๆ ก็ลงทุนกับเครื่องชงกาแฟดีๆ แล้ว ลองจัดมุมกาแฟเล็กๆ ที่บ้านให้น่ารักน่าใช้งานกันดีไหมครับ มันจะช่วยเพิ่มความสุขในการดื่มกาแฟขึ้นอีกเยอะเลย ไอเดียง่ายๆ ก็เช่น

      • หาชั้นวางเล็กๆ หรือรถเข็นสำหรับวางเครื่องชงกาแฟ, เครื่องบด, และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นที่เป็นทาง
      • มีโหลสวยๆ สำหรับเก็บเมล็ดกาแฟ (ควรเป็นโหลทึบแสงและปิดสนิทเพื่อรักษาคุณภาพกาแฟ)
      • หาแก้วกาแฟสวยๆ ที่ถูกใจมาไว้สัก 2-3 ใบ การดื่มกาแฟจากแก้วโปรดช่วยให้รสชาติดีขึ้นจริงๆ นะครับ
      • อาจจะมีไซรัปกลิ่นต่างๆ หรือผงโกโก้สำหรับโรยหน้าไว้ใกล้ๆ สำหรับวันที่อยากเพิ่มความพิเศษให้กับกาแฟนม
      • การมี กาต้มน้ำไฟฟ้า ดีไซน์สวยๆ วางคู่กันก็ทำให้มุมกาแฟดูสมบูรณ์แบบขึ้นครับ

      แค่จัดระเบียบเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเปลี่ยนมุมธรรมดาๆ ให้กลายเป็น Home Cafe ส่วนตัวที่พร้อมต้อนรับเราทุกเช้าได้แล้วครับ


      คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเลือกเครื่องชงกาแฟ

      ภาพประกอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี" มีเครื่องชงกาแฟ ถ้วยกาแฟ และสัญลักษณ์คำถาม

      • ถาม: เครื่องชงกาแฟแบบไหนเหมาะกับมือใหม่ที่สุด?
        ตอบ: ถ้าใหม่แบบไม่เคยชงเลยและเน้นสะดวกสบาย เครื่องชงกาแฟแคปซูลอย่าง Nespresso Vertuo Pop คือตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ แต่ถ้าอยากเรียนรู้การชงแบบพื้นฐานในงบไม่แรง Simplus หรือ Duchess ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมครับ
      • ถาม: แรงดัน (บาร์) สำคัญแค่ไหน? ยิ่งสูงยิ่งดีจริงไหม?
        ตอบ: สำหรับการสกัดเอสเปรสโซ่ แรงดันที่เหมาะสมคือประมาณ 9 บาร์ครับ การมีแรงดันสูงกว่านั้น (เช่น 15-20 บาร์) ไม่ได้แปลว่าจะดีกว่าเสมอไป แต่มันแสดงให้เห็นว่าปั๊มของเครื่องมีกำลังมากพอที่จะรักษาแรงดัน 9 บาร์ให้คงที่ได้แม้จะเจอกับกาแฟที่บดละเอียดหรือแทมป์แน่นครับ ดังนั้นเครื่องที่มีแรงดัน 15-20 บาร์จึงมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและสม่ำเสมอครับ
      • ถาม: ต้องล้างเครื่องชงกาแฟบ่อยแค่ไหน?
        ตอบ: ควรล้างทุกวันในส่วนที่สัมผัสกับกาแฟและนมครับ เช่น ก้านชง, หัวกรุ๊ป (โดยการปล่อยน้ำร้อนผ่าน), และก้านสตรีม (เช็ดและปล่อยไอน้ำไล่นมออกทุกครั้ง) ส่วนการล้างคราบตะกรันภายใน (Descaling) ควรทำทุกๆ 2-3 เดือน หรือเมื่อเครื่องแจ้งเตือนครับ
      • ถาม: ระหว่างเครื่อง Semi-Auto กับ Full-Auto จะเลือกเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี?
        ตอบ: ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์เลยครับ ถ้าคุณชอบความสนุกในการได้ลงมือทำ, ควบคุมรสชาติ, และมีเวลาให้กับมัน เลือก Semi-Auto ครับ แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความเร็ว, ความสะดวก, และความสม่ำเสมอของรสชาติโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เลือก Full-Automatic จะตอบโจทย์ชีวิตคุณมากกว่าครับ

      บทสรุป: ค้นหาเครื่องชงกาแฟที่ใช่สำหรับคุณในปี 2025

      มาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าเพื่อนๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันบ้างแล้วนะครับว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านของเรา การเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดสำหรับทุกคนครับ เพราะเครื่องที่ดีที่สุดคือเครื่องที่เข้ากับไลฟ์สไตล์, รสนิยม, และงบประมาณของเราได้อย่างลงตัวที่สุด จากทั้ง 10 รุ่นที่เราคัดมาให้วันนี้ ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็คือ:

      • ถ้าคุณคือสายคราฟต์ที่จริงจังและต้องการความสมบูรณ์แบบ: Breville Barista Express Impress คือที่สุดครับ
      • ถ้าคุณรักในดีไซน์และมีพื้นที่จำกัดแต่ยังต้องการคุณภาพ: BENO Piccolo จะทำให้ครัวของคุณสวยขึ้นและได้กาแฟอร่อยๆ ทุกวัน
      • ถ้าคุณคือสายสะดวกสบายขั้นสุดยอด: Nespresso Vertuo Pop หรือ Coffee Press Full Automatic จะเปลี่ยนชีวิตตอนเช้าของคุณให้ง่ายขึ้นเยอะ
      • ถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นในงบประหยัด: Duchess CM5350B หรือ Simplus TasteBrew คือจุดเริ่มต้นที่คุ้มค่ามากครับ

      สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือก เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ก็ตาม ขอให้มีความสุขกับการเดินทางในโลกของกาแฟนะครับ การได้ลองเมล็ดใหม่ๆ, ปรับสูตรการชง, หรือฝึกเทลาเต้อาร์ตลายง่ายๆ มันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้แต่ละวันพิเศษขึ้นได้จริงๆ ครับ ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนเจอกาแฟแก้วที่ใช่และเครื่องชงคู่ใจในเร็ววันนะครับ!

      เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี – ภาพถ่ายเครื่องชงกาแฟหลากหลายแบบพร้อมแล็ปท็อปและคลิปบอร์ดบนโต๊ะไม้


      หมายเหตุจากผู้เขียน:

      • รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ, ราคา, หรือโปรโมชันของสินค้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากหน้าสินค้าบน Shopee/Lazada หรือเว็บไซต์ทางการของแบรนด์อีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ
      • คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากข้อมูลสเปก, ฟีเจอร์, ความคุ้มค่าด้านราคา, รีวิวจากผู้ใช้งานจริง และประสบการณ์ของผู้เขียน เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจเท่านั้น
      • รีวิวสั้นๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “พลอย, อายุ 34”) เป็นตัวอย่างสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานจากมุมมองที่หลากหลายครับ
      • บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูล ณ วันที่จัดทำ คุณสมบัติบางอย่างอาจมีการอัปเดตจากผู้ผลิตในอนาคต ควรตรวจสอบข้อมูลจากแบรนด์โดยตรง เช่น Breville, De’Longhi, Nespresso, และ OXO เพื่อความถูกต้องที่สุดครับ

      ใส่ความเห็น

      อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

      เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ขอบพระคุณครับ