10 อันดับ โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025 กล้องสวย AI ล้ำ รีวิวจัดเต็ม!

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Apple A19 Pro (สถาปัตยกรรม 2nm)
• หน้าจอ: Super Retina XDR ProMotion 120Hz (คาดการณ์ว่าจะไม่มี Dynamic Island)
• กล้องหลัง: ระบบ 4 เลนส์ พร้อม Periscope Telephoto Zoom และเซ็นเซอร์ LiDAR ที่อัปเกรด
• กล้องหน้า: TrueDepth Under-Display Camera
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 7, USB-C (Thunderbolt 5)
• ฟีเจอร์เด่น: iOS 19 พร้อม AI Core, ดีไซน์ไทเทเนียมแบบใหม่, แบตเตอรี่ Solid-State

รีวิวแบบเจาะลึก

iPhone 17 Pro คือภาพสะท้อนของคำว่า “นวัตกรรม” อย่างแท้จริงครับ การเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองที่สุดคือดีไซน์หน้าจอที่คาดว่าจะก้าวข้าม Dynamic Island ไปสู่หน้าจอแบบเต็มตา 100% ซึ่งจะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังบน ทีวี 4K ที่ให้ภาพเต็มจอ หรือการเล่นเกมที่สมจริงยิ่งขึ้น การซ่อนกล้อง TrueDepth และเซ็นเซอร์ Face ID ไว้ใต้จอแสดงผลโดยที่ยังคงประสิทธิภาพไว้ได้ ถือเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมที่ Apple น่าจะทำสำเร็จในรุ่นนี้ครับ บวกกับขอบตัวเครื่องที่อาจบางลงและทำจากวัสดุไทเทเนียมเกรดใหม่ที่เบาและแข็งแรงกว่าเดิม ทำให้ iPhone 17 Pro เป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นเอกที่รวมเทคโนโลยีขั้นสูงไว้ด้วยกัน การเลือก โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ รุ่นนี้คือคำตอบสุดท้ายครับ ลองนึกภาพการมี Macbook ที่ทำงานร่วมกับ iPhone แบบไร้รอยต่อดูสิครับ มันคือที่สุดของความสะดวกสบายแล้ว

หัวใจสำคัญของ iPhone 17 Pro คือชิป A19 Pro ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 2 นาโนเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ความเร็วในการประมวลผลที่เหนือกว่าคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ยังมาพร้อมกับ Neural Engine รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับฟีเจอร์ AI ใน iOS 19 โดยเฉพาะ เราอาจจะได้เห็น Siri ที่ฉลาดขึ้นจนสามารถโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ, การแก้ไขรูปภาพและวิดีโอด้วย AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งฟีเจอร์ช่วยเหลือการทำงานในชีวิตประจำวันที่ฉลาดล้ำเกินจินตนาการ ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ คาดว่าจะมีการอัปเกรดครั้งใหญ่ในเลนส์ Periscope Telephoto ให้สามารถซูมแบบออปติคัลได้ไกลขึ้นและคมชัดขึ้นไปอีก พร้อมกับการพัฒนากล้อง Ultra-Wide และเซ็นเซอร์หลักให้รับแสงได้ดียิ่งขึ้น การถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะกลายเป็นเรื่องง่ายดาย และคุณภาพวิดีโอก็จะยังคงครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดนี้ทำให้ iPhone 17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่แค่เร็วและแรง แต่ยัง “ฉลาด” และ “สร้างสรรค์” ที่สุดในยุคนี้ครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy
• หน้าจอ: 6.8″ Dynamic AMOLED 2X 120Hz, 2600 nits (peak)
• กล้องหลัง: 200MP (Wide) + 50MP (5x Optical Zoom) + 10MP (3x Optical Zoom) + 12MP (Ultrawide)
• S Pen: มีในตัวเครื่อง, Latency ต่ำ
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 7, USB-C 3.2
• ฟีเจอร์เด่น: Galaxy AI (Circle to Search, Live Translate, Photo Assist), Space Zoom 100x, Corning Gorilla Armor

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดขายที่ทำให้ S24 Ultra โดดเด่นกว่าใครในปีนี้คือ Galaxy AI ครับ มันไม่ใช่แค่กิมมิก แต่เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นจริงๆ ฟีเจอร์ที่ผมชอบมากที่สุดคือ Circle to Search แค่วงกลมสิ่งที่เราอยากรู้บนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอ ก็สามารถค้นหาข้อมูลได้ทันที สะดวกสุดๆ เวลาอยากรู้ว่า เก้าอี้เกมมิ่ง ตัวนี้ยี่ห้ออะไร หรือนักแสดงคนนี้คือใคร อีกฟีเจอร์ที่ว้าวมากคือ Live Translate ที่ช่วยแปลภาษาในการสนทนาทางโทรศัพท์แบบเรียลไทม์ ทลายกำแพงด้านภาษาไปเลย ส่วน Photo Assist ก็ช่วยให้การแต่งภาพเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาก สามารถย้ายวัตถุ, ลบเงา หรือขยายภาพได้อย่างเนียนกริบด้วยพลังของ AI สิ่งเหล่านี้ทำให้ S24 Ultra เป็น โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและชาญฉลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในด้านของฮาร์ดแวร์ S24 Ultra ก็ยังคงเป็นราชาเช่นเคย กล้อง 200MP ให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูงมาก แต่ไฮไลท์จริงๆ คือระบบซูมที่ยืดหยุ่นและมีคุณภาพสูง เลนส์ 5x Optical Zoom ตัวใหม่ให้ภาพที่คมชัดและสวยงามกว่าเลนส์ 10x ในรุ่นก่อนเสียอีก และเมื่อทำงานร่วมกับ AI ทำให้ Space Zoom 100x ยังคงใช้งานได้จริง สามารถถ่ายภาพดวงจันทร์หรือป้ายที่อยู่ไกลๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ส่วน S Pen ก็ยังคงเป็นอาวุธลับที่ไม่มีใครเทียบได้ การจดบันทึกย่อในการประชุม, วาดรูป หรือใช้เป็นรีโมตควบคุมกล้องก็ทำได้อย่างลื่นไหลและแม่นยำ ประสิทธิภาพจากชิป Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy ก็แรงเหลือเฟือ ทำให้การเล่นเกมกราฟิกสูงๆ หรือการตัดต่อวิดีโอ 4K เป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ใครที่กำลังมองหามือถือ Android ที่ทำได้ทุกอย่างและทำได้ดีที่สุด S24 Ultra คือคำตอบที่ใช่แบบไม่ต้องสงสัยเลยครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy
• จอหลัก: 7.6″ Dynamic AMOLED 2X 120Hz
• จอนอก: 6.2″ Dynamic AMOLED 2X 120Hz
• บานพับ: Flex Hinge (พับเรียบสนิท)
• ฟีเจอร์เด่น: Taskbar ที่ดีขึ้น, Multi-window, App Continuity, รองรับ S Pen Fold Edition
• ความทนทาน: Armor Aluminum, Corning Gorilla Glass Victus 2, กันน้ำ IPX8

รีวิวแบบเจาะลึก

เสน่ห์ของ Z Fold5 อยู่ที่ความสามารถในการเปลี่ยนร่างได้นี่แหละครับ ตอนพับอยู่ มันคือสมาร์ทโฟนจอ 6.2 นิ้ว ที่ใช้งานมือเดียวได้สะดวก แต่เมื่อกางออก มันจะกลายเป็นแท็บเล็ตจอใหญ่ 7.6 นิ้ว ที่มีพื้นที่ให้ใช้งานเหลือเฟือ ความสามารถที่โดดเด่นที่สุดคือ Taskbar ที่อยู่ด้านล่างจอ ซึ่งให้ประสบการณ์เหมือนใช้ โน๊ตบุ๊ค เลยครับ เราสามารถลากแอปขึ้นมาเพื่อเปิดแบบแบ่งหน้าจอ (Split Screen) ได้สูงสุด 3 แอปพร้อมกัน หรือจะเปิดเป็นหน้าต่างลอย (Pop-up View) ซ้อนกันอีกก็ได้ ลองนึกภาพการดูวิดีโอ YouTube ไปพร้อมๆ กับตอบแชทเพื่อนและเช็คอีเมล ทั้งหมดนี้ทำได้พร้อมกันบนหน้าจอเดียว มันคือที่สุดของ Productivity จริงๆ ครับ ฟีเจอร์ App Continuity ก็ฉลาดมาก เมื่อเราใช้แอปบนจอนอกอยู่ พอเรากางจอใหญ่ แอปนั้นก็จะแสดงผลต่อเนื่องบนจอใหญ่ทันทีแบบไม่มีสะดุด

ประสิทธิภาพจากชิป Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy ก็ยังคงแรงเหลือๆ สำหรับทุกการใช้งานในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกสูงๆ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันหนักๆ ก็ทำได้อย่างลื่นไหล การรองรับ S Pen Fold Edition (ต้องซื้อแยก) ยิ่งช่วยเสริมความสามารถในการทำงานให้ครบเครื่องขึ้นไปอีก สามารถจดบันทึก, เซ็นเอกสาร หรือวาดรูปบนจอใหญ่ได้อย่างอิสระ สำหรับคนที่สงสัยว่า โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาแทนที่ทั้งมือถือและแท็บเล็ตได้ในเครื่องเดียว Samsung Galaxy Z Fold5 คือคำตอบที่ใช่ที่สุดในตอนนี้ครับ มันคืออุปกรณ์สำหรับคนที่ต้องการความสามารถรอบด้านและไม่ยอมประนีประนอมกับข้อจำกัดของหน้าจอขนาดเล็กอีกต่อไป แม้ราคาจะสูง แต่ประสบการณ์ที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่าและไม่เหมือนใครแน่นอนครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Kirin 9100 (คาดการณ์)
• หน้าจอ: LTPO OLED 120Hz, Kunlun Glass รุ่นใหม่
• กล้องหลัก: เซ็นเซอร์ 1 นิ้ว พร้อมเลนส์ยืดหดได้ และรูรับแสงแบบปรับได้ (Variable Aperture)
• กล้อง Telephoto: Ultra-Lighting Macro Telephoto Camera
• การเชื่อมต่อ: รองรับ 5G, การสื่อสารผ่านดาวเทียม
• ฟีเจอร์เด่น: ระบบภาพ XMAGE 2.0, EMUI 15 (คาดการณ์), ชาร์จเร็ว 100W (มีสาย) และ 80W (ไร้สาย)

รีวิวแบบเจาะลึก

HUAWEI พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่าพวกเขาคือผู้นำด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน และ Pura 80 Ultra ก็ตอกย้ำจุดนั้นได้อย่างชัดเจนครับ หัวใจของมันคือกล้องหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว ซึ่งช่วยให้รับแสงได้ดีเยี่ยม ถ่ายในที่มืดได้สว่างและมี Noise ต่ำมาก แต่ความมหัศจรรย์อยู่ที่กลไกเลนส์ที่สามารถยืดหดได้ตอนใช้งาน ซึ่งช่วยให้ HUAWEI สามารถใส่มอเตอร์และชิ้นเลนส์คุณภาพสูงเข้ามาได้โดยที่ตัวเครื่องไม่หนาจนเกินไป บวกกับรูรับแสงที่ปรับค่าได้ (Variable Aperture) ทำให้เราสามารถควบคุมระยะชัดลึก (Depth of Field) ได้อย่างอิสระ อยากจะถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ หรือจะถ่ายวิวให้คมชัดทั้งภาพก็ทำได้ดั่งใจ นี่คือฟีเจอร์ที่ช่างภาพมืออาชีพต้องร้องว้าว! ยังไม่รวมถึงกล้อง Telephoto ที่มีระบบกันสั่นขั้นเทพและสามารถถ่ายมาโครระยะใกล้ได้คมชัดสุดๆ ทำให้ Pura 80 Ultra เป็น โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายได้หลากหลายที่สุด

แน่นอนว่าจุดที่หลายคนกังวลคือเรื่องการไม่มี Google Mobile Services (GMS) แต่ปัจจุบัน AppGallery ของ HUAWEI ก็มีแอปพลิเคชันหลักๆ ให้ใช้งานเกือบครบแล้ว และยังมี GBox ที่ช่วยให้สามารถใช้งานแอปของ Google ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับคนส่วนใหญ่ครับ ในทางกลับกัน สิ่งที่ได้มาคือระบบนิเวศของ HUAWEI เองที่ทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น มือถือ Huawei, นาฬิกา, หรือหูฟัง นอกจากนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมยังเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถ้าคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องกล้องเป็นอันดับหนึ่ง และชื่นชอบในนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใคร Pura 80 Ultra คือสมาร์ทโฟนที่จะมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือกว่าใคร และทำให้คุณโดดเด่นทุกครั้งที่หยิบมันขึ้นมาใช้งานครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Apple A18 Pro
• หน้าจอ: 6.9″ Super Retina XDR ProMotion 120Hz
• กล้องหลัง: 48MP (Main) + 12MP (Ultrawide) + 12MP (5x Optical Zoom Telephoto)
• ปุ่มใหม่: Capture Button (สำหรับกล้อง)
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, USB-C
• ฟีเจอร์เด่น: iOS 18 พร้อม Apple Intelligence, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น, Spatial Video recording

รีวิวแบบเจาะลึก

การมาของ Capture Button ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดของ iPhone 16 Pro Max ครับ มันไม่ใช่แค่ปุ่มชัตเตอร์ธรรมดา แต่เป็นปุ่มแบบ Solid-state ที่รับรู้แรงกดได้หลายระดับและยังรองรับการสัมผัสอีกด้วย เราสามารถแตะเบาๆ เพื่อโฟกัส, กดลงไปเพื่อถ่ายภาพ หรือปัดซ้าย-ขวาบนปุ่มเพื่อซูมเข้า-ออกได้ ให้ฟีลลิ่งเหมือนใช้กล้องดิจิทัลจริงๆ ซึ่งจะทำให้การถ่ายภาพแนวสตรีทหรือการถ่ายวิดีโอทำได้คล่องตัวและเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ กล้อง Telephoto 5x ที่เคยมีเฉพาะในรุ่น Pro Max ก็จะถูกนำมาใส่ในรุ่น Pro ด้วย แต่ Pro Max ก็ยังคงได้เปรียบด้วยขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าและแบตเตอรี่ที่อึดกว่า ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการ กล้องถ่าย Vlog ที่ดีที่สุดในร่างของสมาร์ทโฟน

อีกหนึ่งการอัปเกรดที่สำคัญคือ Apple Intelligence ใน iOS 18 ที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้งาน iPhone ฉลาดขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนอีเมล, สรุปบทความ, สร้างรูปภาพจากข้อความ หรือการที่ Siri สามารถเข้าใจบริบทและทำงานร่วมกับแอปต่างๆ ได้ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนชิป A18 Pro ที่มี Neural Engine อันทรงพลัง หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.9 นิ้วก็เป็นข่าวดีสำหรับคนที่ชอบดูหนังหรือเล่นเกม เพราะมันให้พื้นที่การมองเห็นที่กว้างและเต็มตายิ่งขึ้น โดยที่ขนาดตัวเครื่องแทบไม่ใหญ่ขึ้นจากเดิมมากนัก เนื่องจากขอบจอที่บางลงนั่นเองครับ สรุปแล้ว ถ้าคุณกำลังมองหา โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่เป็น iPhone ที่ดีที่สุดในตอนนี้ มีจอใหญ่สะใจ แบตทนทาน และมีฟีเจอร์กล้องใหม่ๆ ที่น่าสนใจ iPhone 16 Pro Max คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบและไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Google Tensor G5
• หน้าจอ: Super Actua Display (LTPO OLED) 120Hz
• กล้องหลัง: ระบบ 3 เลนส์ พร้อมการประมวลผลภาพด้วย AI ขั้นสูง
• ซอฟต์แวร์: Android 16 (คาดการณ์) พร้อมการันตีอัปเดต 7 ปี
• ฟีเจอร์เด่น: Magic Editor, Audio Magic Eraser, Call Screen, Real Tone, Live Translate ที่ฉลาดขึ้น
• ความปลอดภัย: Titan M3 Security Chip, Built-in VPN

รีวิวแบบเจาะลึก

เสน่ห์ของ Pixel อยู่ที่ “ความฉลาด” ของมันครับ มันอาจจะไม่ได้มีกล้องซูม 100x หรือชาร์จเร็ว 200W แต่สิ่งที่มันทำได้ดีที่สุดคือการใช้ AI เข้ามาช่วยให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นและสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง กล้องของ Pixel ขึ้นชื่อเรื่องการประมวลผลภาพที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเทคโนโลยี Real Tone ที่ทำให้การถ่ายภาพบุคคลมีสีผิวที่สวยงามและสมจริง ไม่ว่าคุณจะมีสีผิวโทนไหนก็ตาม ฟีเจอร์ Magic Editor ใน Google Photos ก็ทรงพลังมาก สามารถลบวัตถุที่ไม่ต้องการ, ย้ายตำแหน่งคน, หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนสีท้องฟ้าได้อย่างแนบเนียน ส่วน Audio Magic Eraser ก็เป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์สำหรับคนถ่ายวิดีโอ ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง เช่น เสียงลม หรือเสียงคนคุยกัน ให้เหลือแต่เสียงที่คุณต้องการได้อย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ Pixel 10 Pro เป็น โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่ต้องการ “ผลลัพธ์” ที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก

อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือก Pixel คือประสบการณ์ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีใครเหมือน คุณจะได้รับ Android OS เวอร์ชันใหม่ล่าสุดก่อนใครเสมอ พร้อมการันตีการอัปเดตยาวนานถึง 7 ปี ซึ่งหมายความว่า Pixel 10 Pro ของคุณจะยังคงได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ และแพตช์ความปลอดภัยไปจนถึงปี 2032 เลยทีเดียว! หน้าตาของระบบปฏิบัติการก็เรียบง่าย, สะอาดตา และทำงานได้ลื่นไหลสุดๆ ไม่มีแอปขยะ (Bloatware) มาให้กวนใจ ฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ อย่าง Now Playing ที่คอยบอกว่าเพลงที่กำลังเล่นรอบตัวคุณคือเพลงอะไร หรือ Call Screen ที่ให้ Google Assistant ช่วยรับสายที่ไม่รู้จักให้ก่อน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประสบการณ์การใช้งาน Pixel มีความพิเศษและแตกต่าง การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ใน Ecosystem เช่น Smart Watch ที่ใช้ Wear OS หรือหูฟัง Pixel Buds ก็ทำได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ถ้าคุณให้คุณค่ากับซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยม, ความฉลาดของ AI และกล้องที่ถ่ายรูปสวยจบหลังกล้อง Pixel 10 Pro คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9400 (คาดการณ์)
• หน้าจอ: 1.5K LTPO AMOLED, 1 พันล้านสี, ProXDR Display
• กล้อง: Hasselblad Camera for Mobile (Main + Ultrawide + Periscope Telephoto)
• ชิปประมวลผลภาพ: MariSilicon X2 (คาดการณ์)
• การชาร์จ: 100W SuperVOOC Flash Charge
• ฟีเจอร์เด่น: Hasselblad Portrait Mode, ColorOS 15, AI Eraser 2.0

รีวิวแบบเจาะลึก

หัวใจของ OPPO Find X8 คือระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ครับ มันไม่ใช่แค่การแปะโลโก้ แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้งเพื่อปรับจูนสีสันของภาพถ่ายให้มีความเป็นธรรมชาติและเที่ยงตรงเหมือนที่ตาเห็น โดยเฉพาะใน Portrait Mode ที่สามารถสร้างโบเก้ (Bokeh) หรือเอฟเฟกต์หลังเบลอได้สวยงามราวกับใช้เลนส์กล้องโปรจริงๆ การตัดขอบตัวแบบกับพื้นหลังทำได้อย่างแนบเนียน และให้มิติของภาพที่ดูมีระดับ นอกจากนี้ คาดว่า Find X8 จะมาพร้อมชิปประมวลผลภาพ MariSilicon รุ่นใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและวิดีโอ 4K HDR ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าคุณเป็นคนชอบถ่ายรูปแฟน, เพื่อน หรือครอบครัว และอยากได้ โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่แค่ยกขึ้นมากดถ่ายก็ได้ภาพสวยๆ ทันทีโดยไม่ต้องแต่งเพิ่ม มือถือ Oppo รุ่นนี้คือคำตอบที่ใช่เลย

นอกเหนือจากเรื่องกล้องแล้ว Find X8 ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่มีสเปกครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ชิปเซ็ต Dimensity 9400 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก MediaTek ให้ประสิทธิภาพที่แรงเทียบเท่ากับ Snapdragon ตัวท็อป สามารถเล่นเกมและใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหลหายห่วง หน้าจอ LTPO AMOLED ที่แสดงสีสันได้มากกว่าพันล้านสีและมีเทคโนโลยี ProXDR ช่วยให้การแสดงผลคอนเทนต์ HDR มีความสว่างและสมจริงอย่างน่าทึ่ง และแน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperVOOC 100W ที่เป็นจุดขายของ OPPO มาตลอด สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ช่วยให้คุณพร้อมใช้งานต่อได้เสมอ ดีไซน์ตัวเครื่องก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ โดยมักจะมีการใช้วัสดุอย่างหนัง Vegan Leather หรือกระจก AG Frosted Glass ที่ให้สัมผัสหรูหราและไม่เหมือนใคร ทำให้ OPPO Find X8 เป็นสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพ, ดีไซน์ที่โดดเด่น และความสามารถในการถ่ายภาพบุคคลที่เหนือกว่าใครครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 2
• จอหลัก: 7.92″ Foldable LTPO OLED 120Hz
• จอนอก: 6.43″ LTPO OLED 120Hz
• ความบาง/น้ำหนัก: 9.9 มม. (เมื่อพับ) / 231 กรัม
• บานพับ: Super-light Titanium Hinge
• แบตเตอรี่: 5000mAh Silicon-carbon battery, ชาร์จเร็ว 66W

รีวิวแบบเจาะลึก

ความสำเร็จของ Magic V5 อยู่ที่การออกแบบทางวิศวกรรมอันน่าทึ่งครับ HONOR ได้พัฒนาบานพับไทเทเนียมที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน ทำให้สามารถลดความหนาและน้ำหนักของตัวเครื่องลงได้อย่างมากโดยไม่สูญเสียความแข็งแรงไป นอกจากนี้ยังใช้แบตเตอรี่แบบ Silicon-carbon ซึ่งมีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วไป ทำให้สามารถใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ลงไปในตัวเครื่องที่บางเฉียบได้ ผลลัพธ์คือสมาร์ทโฟนจอพับที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันและมีขนาดที่พกพาสะดวกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือ โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่ทำให้คนที่ไม่เคยสนใจมือถือจอพับเพราะขนาดของมัน ต้องหันกลับมามองใหม่อีกครั้ง

ในแง่ของการใช้งาน ทั้งจอนอกและจอในของ Magic V5 ล้วนมีคุณภาพสูง เป็นจอ LTPO OLED 120Hz ที่ให้สีสันสวยงามและลื่นไหลเหมือนกัน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานต่อเนื่องและไม่รู้สึกติดขัด แม้จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นรุ่นของปีก่อน แต่ก็ยังคงให้ประสิทธิภาพที่แรงเพียงพอสำหรับทุกการใช้งานในปัจจุบันได้อย่างสบายๆ ทั้งการทำงานหลายอย่างพร้อมกันบนจอใหญ่ หรือการเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็ทำได้ดีเยี่ยม ระบบกล้องก็ให้คุณภาพที่ดีสมกับเป็นเรือธง สามารถถ่ายภาพได้สวยงามในทุกระยะ ส่วนเรื่องซอฟต์แวร์ แม้จะยังไม่มี GMS อย่างเป็นทางการ แต่ก็สามารถใช้ GBox เพื่อลงแอปของ Google ได้เช่นเดียวกับ HUAWEI ครับ หากโจทย์ของคุณคือ “มือถือจอพับที่พกพาง่ายที่สุด” โดยไม่ลดทอนประสบการณ์จอใหญ่และแบตเตอรี่ที่อึด HONOR Magic V5 คือผู้ชนะที่ชัดเจนและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 8 Gen 4
• หน้าจอ: 6.78″ 1.5K E8 LTPO AMOLED, 144Hz Refresh Rate
• RAM/ROM: LPDDR5X RAM, UFS 4.0 Storage
• การชาร์จ: 200W Ultra-Fast Flash Charging
• ฟีเจอร์เกมมิ่ง: Large VC Cooling System, Dual X-axis Linear Motors, In-display Monster Touch
• กล้อง: เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX9 series พร้อม Periscope Telephoto

รีวิวแบบเจาะลึก

iQOO 13 ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเดียวคือ “ประสิทธิภาพสูงสุด” ครับ ชิป Snapdragon 8 Gen 4 ที่คาดว่าจะใช้สถาปัตยกรรม Oryon Core ของ Qualcomm เองเป็นครั้งแรก จะให้ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ที่ก้าวกระโดด ทำให้สามารถรันเกมกราฟิกโหดๆ ที่เฟรมเรตสูงๆ ได้อย่างสบายๆ บวกกับหน้าจอ E8 LTPO AMOLED ที่มีรีเฟรชเรตถึง 144Hz ช่วยให้ภาพในเกมลื่นไหลและตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว หมดปัญหาเรื่องจอหน่วงหรือภาพกระตุกไปได้เลยครับ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจะยังคงเย็นแม้จะเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน iQOO 13 ยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ที่ช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากชิปเซ็ตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องคงที่และไม่ตกหล่นครับ การมี Gaming Laptop ดีๆ สักเครื่องก็ช่วยได้เยอะ แต่ถ้าคุณต้องการความคล่องตัว iQOO 13 คือตัวเลือกที่ใช่

จุดขายที่น่าทึ่งที่สุดของ iQOO 13 คือเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 200W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที! นี่คือตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริงครับ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแบตจะหมดระหว่างวันอีกต่อไป แค่เสียบชาร์จทิ้งไว้ช่วงพักดื่มกาแฟสั้นๆ แบตก็กลับมาเต็มพร้อมลุยต่อได้แล้ว นอกจากสเปกด้านเกมมิ่งแล้ว iQOO 13 ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องอื่นๆ นะครับ คาดว่าจะมาพร้อมระบบกล้องคุณภาพสูงที่ใช้เซ็นเซอร์ตัวท็อปจาก Sony และมีเลนส์ Periscope Telephoto สำหรับการซูมระยะไกลมาให้ด้วย ทำให้มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่อง ถ่ายรูปสวย เล่นเกมลื่น ในราคาที่มักจะเปิดตัวมาได้น่าสนใจกว่าแบรนด์เรือธงเจ้าตลาดเสมอ ถ้าคุณคือเกมเมอร์ที่กำลังมองหา โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่จะมอบความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับคุณ iQOO 13 คือคำตอบที่แรงและคุ้มค่าที่สุดแล้วครับ

สเปกเด่น

• ชิปเซ็ต: Exynos 1580 (คาดการณ์)
• หน้าจอ: 6.6″ Super AMOLED 120Hz, Vision Booster
• กล้องหลัง: 50MP (Main) with OIS + 12MP (Ultrawide) + 5MP (Macro)
• แบตเตอรี่: 5000mAh, รองรับชาร์จเร็ว 25W
• ความทนทาน: กันน้ำกันฝุ่น IP67, Corning Gorilla Glass Victus+
• ฟีเจอร์เด่น: One UI 6.1, การันตีอัปเดต OS 4 รุ่น, Knox Security

รีวิวแบบเจาะลึก

Samsung Galaxy A56 5G คือนิยามของคำว่า “คุ้มค่า” อย่างแท้จริงครับ สิ่งแรกที่ต้องชมคือหน้าจอ Super AMOLED 120Hz ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม สีสันสดใส คอนทราสต์จัด และมีความลื่นไหลในการสัมผัสไม่แพ้มือถือเรือธงเลยทีเดียว แถมยังมีฟีเจอร์ Vision Booster ที่ช่วยเร่งความสว่างของหน้าจอให้สู้แสงแดดจ้าๆ ได้สบาย ทำให้การใช้งานกลางแจ้งไม่มีปัญหา ในส่วนของกล้อง การที่ให้ระบบกันสั่นแบบออปติคัล (OIS) มาในกล้องหลัก ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญมาก มันช่วยลดการสั่นไหวเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยและทำให้การถ่ายวิดีโอนิ่งและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มือถือราคาใกล้เคียงกันหลายๆ รุ่นไม่มีครับ ใครที่กำลังมองหา มือถือ Samsung ราคาไม่เกิน 10000 (อาจจะบวกลบนิดหน่อย) ที่กล้องดี รุ่นนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจมาก

จุดขายที่ทำให้ Galaxy A Series แตกต่างจากคู่แข่งคือมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ครับ มันมอบความอุ่นใจในการใช้งานได้อย่างมาก ไม่ต้องกลัวเวลาเจอฝนตกกะทันหัน หรือเผลอทำน้ำหกใส่ สามารถเอาไปล้างน้ำทำความสะอาดได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในมือถือระดับราคานี้ แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ก็ให้มาแบบเหลือๆ สามารถใช้งานทั่วไปได้ข้ามวันสบายๆ ส่วนด้านซอฟต์แวร์ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง Samsung การันตีอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android ให้ถึง 4 รุ่น และอัปเดตความปลอดภัยนาน 5 ปี ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในบรรดามือถือ Android ระดับกลางด้วยกัน ทำให้มั่นใจได้ว่ามือถือของคุณจะยังคงทันสมัยและปลอดภัยไปอีกนานครับ สำหรับคนที่สงสัยว่า โทรศัพท์ ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์ครบๆ เหมือนเรือธงในราคาที่สบายกระเป๋ากว่าครึ่ง Galaxy A56 5G คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบและน่าจะถูกใจผู้ใช้งานส่วนใหญ่แน่นอนครับ