8 อันดับ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025 อัปเกรดเสียงให้ดูหนังสนุกสะใจ

TV Speaker Featured Image

สำหรับใครที่กำลังมองหาการอัปเกรดความบันเทิงภายในบ้านให้เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น นอกจากจะมีทีวีจอใหญ่ๆ ภาพชัดระดับ 4K หรือ 8K แล้ว เรื่องเสียงก็สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ เพราะเสียงที่คมชัด เบสแน่น มีมิติ จะทำให้ทุกการรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการโปรด หรือแม้แต่การสตรีมคอนเทนต์ออนไลน์ ฟินขึ้นได้อีกหลายเท่า หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี” เพราะในปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์และรุ่นให้เลือก เพื่อนๆ บางคนก็อาจอยากได้ลําโพงซาวด์บาร์เรียบง่าย บางคนก็เล็งแบบมีซับวูฟเฟอร์แยกออกมาเพื่อเสียงต่ำทรงพลัง หรือบางคนอาจอยากได้ลําโพงขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง

ในบทความนี้จะพาเพื่อนๆ มาจัดเต็มกับ “8 อันดับ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025” ที่คัดสรรมาทั้งในแง่ของคุณภาพเสียง ฟังก์ชันครบ ราคา และดีไซน์ที่โดนใจ ทั้งจากค่าย Xiaomi, Samsung, Sony, JBL, Yamaha, Bose, Philips และ LG ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นต่างกันไป เหมาะกับการใช้งานในหลากหลายสถานการณ์ไม่ว่าจะในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ หรือคอนโดเล็กๆ ก็มีหมด ใครพร้อมแล้วตามมาเลยครับ!

8 อันดับ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025

ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเปิดลิสต์ “ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี” ในปี 2025 อย่างเจาะลึกกัน มีตั้งแต่ Soundbar ราคาเอื้อมถึงง่าย ไปจนถึงรุ่นเรือธงระบบเสียงรอบทิศแบบจัดเต็ม ถูกใจทั้งสายดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ในบรรยากาศเหมือนยกโรงภาพยนตร์ย่อมๆ มาไว้ที่บ้าน!

อันดับที่ 🏅 🥈 🥉 4 5 6 7 8
รูปภาพสินค้า Xiaomi Mi Soundbar Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT Sony HT-S100F Soundbar 2ch JBL Bar 2.1 Yamaha YAS-306 Bose Smart Ultra Soundbar Philips TAB4208/67 LG SK1 SoundBar
ชื่อสินค้า (กดเพื่อเลื่อนไปดูรายละเอียด) Xiaomi Mi Soundbar Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT Sony HT-S100F Soundbar 2ch JBL Bar 2.1 Yamaha YAS-306 Bose Smart Ultra Soundbar Philips TAB4208/67 LG SK1 SoundBar
สเปกเด่น Soundbar 8 Drivers, Bluetooth 2.1 Ch, AirPlay 2, Slim Design 2ch, Bass Reflex, Built-in Tweeter 2.1 Ch, Wireless Subwoofer 2.1 Ch, Air Surround Xtreme Dolby Atmos, Wi-Fi, Voice Assistant 2.1 Ch, Wireless Music Streaming Compact Soundbar, Bluetooth
คะแนน ★★★★★ ★★★★★ ★★★★☆ ★★★★☆ ★★★★☆ ★★★★☆ ★★★☆☆ ★★★☆☆
กำลังขับ (โดยประมาณ) 28W 140W 120W 300W 120W Up to 500W 200W 40W
เชื่อมต่อ Optical, Bluetooth HDMI ARC, AirPlay 2, Bluetooth HDMI ARC, Optical, Bluetooth HDMI ARC, Optical, Bluetooth HDMI, Optical, Bluetooth, Wi-Fi HDMI eARC, Wi-Fi, Bluetooth HDMI ARC, Optical, Bluetooth Optical, Bluetooth
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

 

1. Xiaomi Mi Soundbar ★★★★★

“ลำโพงซาวด์บาร์สุดคุ้ม ดีไซน์เรียบง่าย เชื่อมต่อสะดวก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงกลาง”

Xiaomi Mi Soundbar

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับสายมินิมอล หรือคนที่ไม่อยากได้ลำโพงที่มีดีไซน์เทอะทะเกินไป Xiaomi Mi Soundbar ตอบโจทย์มากๆ ด้วยความเรียบง่าย ไม่ว่าจะวางหน้าทีวีหรือแขวนติดผนังห้องก็ดูสวยสบายตา ให้คุณภาพเสียงคม ฟังเพลง ดูซีรีส์หรือภาพยนตร์ได้เพลิน ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ที่ราคาไม่แรง และยังรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ Optical, Aux และ Bluetooth จึงใช้งานได้หลากหลาย แถมย้ายไปใช้กับห้องอื่นหรือเชื่อมต่อลำโพงร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็ดีงาม

ในแง่สเปก Xiaomi Mi Soundbar มีไดรเวอร์ในตัวถึง 8 ตัว แยกเป็นซับวูฟเฟอร์ในตัว (Passive Radiator) และตัวขับเสียงกลาง-สูง ผสานกำลังให้เสียงค่อนข้างครบช่วง แม้ว่าจะไม่ได้มีซับวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก แต่ก็เพียงพอในการดูรายการวาไรตี้ ฟังเพลงทั่วไป ทั้งยังติดตั้งง่าย มีสาย Optical แถมมาให้ในกล่องอีกด้วย ดีไซน์โทนสีขาวตัดกับผ้าด้านหน้าเป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนชื่นชอบ ใครต้องการลำโพง soundbar ประหยัดพื้นที่ ตอบทุกโจทย์การใช้งานพื้นฐาน ตัวนี้ถือว่าดีสุดๆ ในงบไม่ถึงหลักหลายพัน

สเปกเด่น

  • กำลังขับ: 28W (รวม)
  • จำนวนไดรเวอร์: 8 ชิ้น (2 Tweeters, 2 Wide-range + 4 Passive Radiators)
  • การเชื่อมต่อ: Optical, Aux, Bluetooth 4.2
  • ดีไซน์: มินิมอล บางเบา แขวนผนังได้
จุดเด่น
  • ราคาย่อมเยา เหมาะเป็นตัวแรก
  • การติดตั้งไม่ยุ่งยาก
  • ดีไซน์มินิมอล สวยงาม
  • มี Bluetooth เชื่อมต่อง่าย
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีซับวูฟเฟอร์แยก เสียงเบสอาจไม่ลึกมาก
  • ไม่รองรับ HDMI ARC

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ราคาน่ารัก คุณภาพเกินตัว เสียงใส ฟังชัดในห้องคอนโดเล็กๆ” – เอ็ม, อายุ 25
“พกพาง่าย ใช้ต่อกับทีวีก็ดี เปิดเพลงจากมือถือก็ดี” – วิ, อายุ 27


2. Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT ★★★★★

“ซาวด์บาร์สุดบาง ดีไซน์พรีเมียม พร้อมเทคโนโลยีเสียงชั้นเยี่ยม เหมาะกับทุกการรับชม”

Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับคนที่ลังเล ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี เน้นดีไซน์บางเฉียบดูหรู มีเทคโนโลยีเสียงล้ำสมัย Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนหมายตา ตัวซาวด์บาร์มาในขนาดเพรียว ทำให้จัดวางง่ายโดยไม่เกะกะห้อง นอกจากนี้ยังรองรับระบบเสียง Dolby Digital 2.1 ช่วยขับเสียงรอบทิศทางได้ดี และเพิ่มมิติในฉากหนังหรือรายการที่ต้องการเสียงกระหึ่มเป็นพิเศษ

HW-S700D/XT ยังเป็นซาวด์บาร์ที่รองรับ AirPlay 2 สำหรับผู้ใช้ Apple สามารถสตรีมเพลงหรือเสียงจากอุปกรณ์ iOS ได้ทันที รวมถึง Bluetooth สำหรับแอนดรอยด์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ด้วย ดีไซน์โลหะขัดผิว บางเบา แถมเสียงก็ยังทรงพลังเกินตัว เหมาะกับทีวี Samsung (และยี่ห้ออื่นๆ) ใช้งานง่ายผ่าน HDMI ARC หรือ Optical Cable อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Adaptive Sound ปรับเสียงตามคอนเทนต์อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกอย่างมาก

สเปกเด่น

  • กำลังขับ: ราว 140W (2.1 Ch)
  • การเชื่อมต่อ: HDMI ARC, AirPlay 2, Bluetooth, Optical
  • เทคโนโลยีเสียง: Dolby Digital 2.1, Adaptive Sound
  • ดีไซน์: Ultra Slim ขนาดเพรียว พรีเมียม
จุดเด่น
  • ดีไซน์บาง ติดตั้งง่าย ไม่กินพื้นที่
  • รองรับ AirPlay 2 สตรีมเพลงจาก iOS
  • Adaptive Sound ปรับเสียงอัตโนมัติ
  • เสียงกลาง-สูงคมชัด
ข้อควรพิจารณา
  • ระบบ 2.1 อาจยังไม่โอบล้อมเท่าซาวด์บาร์ที่มีซับวูฟเฟอร์แยก
  • การขับเบสอาจไม่หนักเท่ารุ่นที่มีซับแยก

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“บางและสวยมาก ตั้งคู่กับทีวีจอใหญ่ทำให้ห้องดูทันสมัยสุดๆ” – เบสท์, อายุ 30
“เสียงชัดเจน ฟังเพลงได้เพราะ ดูหนังก็โอเคครับ” – นนท์, อายุ 28


3. Sony HT-S100F Soundbar 2ch ★★★★☆

“ซาวด์บาร์ 2 แชนแนล ขนาดกะทัดรัด คุณภาพเสียงลงตัว ติดตั้งง่าย เหมาะกับทุกบ้าน”

Sony HT-S100F Soundbar 2ch

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าถามว่า ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี จากฝั่ง Sony ที่หลายคนไว้วางใจ HT-S100F เป็นซาวด์บาร์ 2 แชนแนล ขนาดค่อนข้างเล็กกระทัดรัด เหมาะกับคอนโดหรือห้องพื้นที่จำกัด ใช้งานง่ายด้วยการต่อ HDMI ARC เพียงสายเดียว ก็สามารถควบคุมเสียงผ่านรีโมททีวีได้ทันที โดย Sony เองก็ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพเสียงที่บาลานซ์ดี เสียงพูดชัด ดูหนัง ฟังเพลงก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ตัวนี้มาพร้อม Bass Reflex ให้เสียงเบสคมชัดขึ้นเล็กน้อย แม้ไม่ได้มีซับวูฟเฟอร์แยก แต่ก็ถือว่าดูหนังได้อย่างโอเค จุดเด่นคือมี S-Force Front Surround ช่วยสร้างเอฟเฟกต์เสียงรอบทิศทางแบบเสมือน ทำให้ดูภาพยนตร์หรือซีรีส์ได้อรรถรสมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี Bluetooth ให้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดเพลงสตรีมมิ่งได้สะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ไม่น้อย

สเปกเด่น

  • กำลังขับ: ราว 120W (2Ch)
  • Bass Reflex: เพิ่มมิติย่านต่ำ
  • S-Force Front Surround: จำลองเสียงรอบทิศทาง
  • การเชื่อมต่อ: HDMI ARC, Optical, Bluetooth
จุดเด่น
  • ขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่
  • เสียงพูดชัด ดูคอนเทนต์ทั่วไปสบาย
  • เชื่อมต่อง่าย HDMI ARC และ Bluetooth
  • ดีไซน์เรียบ แต่ดูพรีเมียม
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มีซับวูฟเฟอร์แยก
  • เบสอาจไม่หนักเท่ารุ่น 2.1 หรือ 5.1

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เสียงออกมาชัดเจนกว่าลำโพงทีวีทั่วไปมาก ห้องไม่ใหญ่มากก็ดีแล้ว” – โอม, อายุ 26
“Sony ไม่เคยทำให้ผิดหวังในด้านเสียง” – กุ้ง, อายุ 29


4. JBL Bar 2.1 ★★★★☆

“ซาวด์บาร์ 2.1 ชุดยอดนิยม มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ให้เบสหนักแน่น เพิ่มอรรถรสการดูหนัง ฟังเพลง”

JBL Bar 2.1

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

JBL แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังที่หลายคนไว้ใจ ไม่ว่าจะหาหูฟังหรือลำโพง ต่อมาถึงระดับซาวด์บาร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ใครที่กำลังมองหา ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ที่ “เบสหนัก” ขึ้นมาอีกระดับ JBL Bar 2.1 ถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นยอดฮิต เพราะในชุดมีซับวูฟเฟอร์แบบไร้สาย ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องลากสายยาวให้เกะกะ ดีไซน์เรียบเท่สไตล์ JBL และแน่นอนว่าเบสลึก มิติเสียงดูหนังหรือฟังเพลงก็เพิ่มความกระหึ่มได้ดี

JBL Bar 2.1 มีโหมดเสียงหลากหลาย ปรับใช้งานตามคอนเทนต์ อาทิ Movie Mode, Music Mode ส่วนตัวซาวด์บาร์ประกอบด้วยทวีตเตอร์และวูฟเฟอร์ในตัว ช่วยเสริมกับซับแยกไร้สายอีกลูก ทำให้ได้เสียงที่ครบย่าน รายละเอียดเสียงกลางและสูงไม่กลบด้วยเบส นอกจากนี้ยังมี Bluetooth ให้สตรีมเพลงจากมือถือสะดวก เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้ หรือชอบเปิดเพลงสนุกๆ ในห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย

สเปกเด่น

  • กำลังขับรวม: 300W (ซาวด์บาร์ + Subwoofer)
  • ซับวูฟเฟอร์ไร้สาย: สามารถวางได้อิสระในห้อง
  • การเชื่อมต่อ: HDMI ARC, Optical, Bluetooth
  • โหมดเสียง: Movie Mode, Music Mode
จุดเด่น
  • เบสหนักกระหึ่ม ตอบโจทย์คนชอบพลังเสียง
  • ซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ติดตั้งไม่ยุ่งยาก
  • ดีไซน์เท่ มีแบรนด์ JBL การันตี
  • รองรับ Bluetooth ใช้งานกับสมาร์ทโฟนได้
ข้อควรพิจารณา
  • อาจกินพื้นที่เพิ่มขึ้นเพราะมีซับวูฟเฟอร์
  • ไม่มีระบบ Dolby Atmos

คะแนนที่ได้

8.7/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ได้เบสที่อิ่มสะใจ ปกติชอบดูหนังแอ็กชัน ตอบโจทย์เลย” – ปิง, อายุ 28
“ราคากำลังดี แบรนด์ไว้ใจได้ เสียงเพราะใช้ได้” – แอม, อายุ 27


5. Yamaha YAS-306 ★★★★☆

“ซาวด์บาร์ 2.1 ระบบเสียง Air Surround Xtreme รองรับ Wi-Fi ฟีเจอร์ครบสำหรับคนรักเพลง”

Yamaha YAS-306

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

Yamaha ถือเป็นแบรนด์เครื่องเสียงคุณภาพสูงที่ยืนยาวในวงการมานาน เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยดี ใครอยากได้ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ที่มีระบบเสียงจำลองรอบทิศอย่าง Air Surround Xtreme ให้ความรู้สึกเหมือนมีหลายลำโพงกระจายอยู่ในห้อง ทั้งยังรองรับ Bluetooth และ Wi-Fi สำหรับการสตรีมเพลงออนไลน์ได้เต็มที่ จุดเด่นคือเสียงใส เบสพอเหมาะ เหมาะกับสายฟังเพลงและดูหนังทั่วไป

นอกจากนี้ Yamaha YAS-306 ยังออกแบบมาให้สามารถวางแนวนอนใต้ทีวี หรือจะแขวนผนังก็สวยงาม มีตัวกระจายเสียงวูฟเฟอร์ด้านข้าง ช่วยเพิ่มมิติและกระจายเสียงอย่างครอบคลุม การรองรับบริการเพลงออนไลน์ผ่านฟีเจอร์ MusicCast ของ Yamaha ทำให้เชื่อมต่อกับระบบมัลติรูม หรืออุปกรณ์ Yamaha อื่นๆ ในบ้านได้อย่างง่ายดาย เหมาะกับคนที่ชอบจัดระบบเสียงทั้งบ้านอีกด้วย

สเปกเด่น

  • กำลังขับ: ประมาณ 120W (2.1Ch)
  • เทคโนโลยีเสียง: Air Surround Xtreme
  • MusicCast: รองรับมัลติรูม เชื่อมต่อลำโพง Yamaha ในบ้าน
  • การเชื่อมต่อ: HDMI, Optical, Bluetooth, Wi-Fi
จุดเด่น
  • Air Surround Xtreme จำลองเสียงเซอร์ราวด์ได้ดี
  • รองรับ Wi-Fi เชื่อมต่อ MusicCast
  • วางหรือแขวนได้ ออกแบบให้ติดตั้งง่าย
  • เหมาะกับสายดูหนัง + ฟังเพลงสตรีมมิ่ง
ข้อควรพิจารณา
  • ขนาดค่อนข้างกว้าง ต้องมีพื้นที่พอสมควร
  • ไม่มีซับวูฟเฟอร์แยก เบสอาจไม่หนักมาก

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ใช้ต่อกับ MusicCast ลำโพง Yamaha ตัวอื่น ได้บรรยากาศมาก” – ติ๊ก, อายุ 35
“เสียงกลางชัด ฟังเพลงเพราะ ทั้งดูหนังและฟังเพลงในตัวเดียว” – ฟาง, อายุ 29


6. Bose Smart Ultra Soundbar ★★★★☆

“ซาวด์บาร์อัจฉริยะ Dolby Atmos เสียงสมจริงรอบทิศทาง พร้อมผู้ช่วยเสียงในตัว”

Bose Smart Ultra Soundbar

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าพูดถึง ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ในหมวดซาวด์บาร์ระดับพรีเมียม Bose ก็เป็นชื่อที่หลายคนเทใจให้ โดยเฉพาะรุ่น Smart Ultra Soundbar ที่รองรับ Dolby Atmos ให้เสียงเซอร์ราวด์ 3 มิติ สร้างมิติด้านความสูง ความลึกของเสียง แยกตำแหน่งแม่นยำ เติมเต็มอรรถรสการดูภาพยนตร์ได้ราวกับโรงหนังขนาดย่อม นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนในตัว รองรับ Amazon Alexa และ Google Assistant สั่งงานด้วยเสียงได้ทันที

Bose Smart Ultra Soundbar ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี ADAPTiQ Audio Room Calibration ที่วัดอะคูสติกของห้อง แล้วปรับเสียงให้เหมาะกับตำแหน่งที่ตั้งลำโพงอัตโนมัติ รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้สตรีมเพลงจาก Spotify หรือบริการอื่นๆ ได้สะดวก สามารถต่อกับลำโพง Bose รุ่นอื่นๆ เพื่อสร้างระบบ Multi-room audio ได้ ใครที่รักในคุณภาพเสียง Bose และอยากได้ซาวด์บาร์พร้อมฟีเจอร์ล้ำๆ ก็จัดไปได้เลยครับ

สเปกเด่น

  • Dolby Atmos: สร้างมิติเสียง 3D รอบทิศทาง
  • ADAPTiQ: ปรับเสียงตามสภาพห้อง
  • Voice Assistant: รองรับ Alexa, Google Assistant
  • การเชื่อมต่อ: HDMI eARC, Wi-Fi, Bluetooth
จุดเด่น
  • Dolby Atmos ให้เสียงรอบด้านสมจริง
  • ระบบปรับเสียงตามห้อง ADAPTiQ
  • สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa/Google Assistant
  • เชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth ครบ
ข้อควรพิจารณา
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ต้องการพื้นที่วางพอสมควร และไฟล์ Atmos ต้องรองรับ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เสียงโอบล้อมสุดๆ ดูหนังเหมือนมีลำโพงรอบตัวจริงๆ” – ตาล, อายุ 32
“สั่ง Alexa ให้เปิดเพลงได้เลย สะดวกมาก” – แอ๋ม, อายุ 29


7. Philips TAB4208/67 ★★★☆☆

“ซาวด์บาร์ 2.1 พร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย เบสเต็มอิ่ม ในราคาเข้าถึงง่าย ฟังเพลงก็ดี ดูหนังก็ได้”

Philips TAB4208/67

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

Philips ก็เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย สำหรับลําโพงซาวด์บาร์อย่าง TAB4208/67 ก็ทำได้ดีในด้านความคุ้มค่า เพราะเป็นชุด 2.1 Ch ที่มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย ให้เสียงเบสเสริมความกระหึ่ม ช่วยเพิ่มอรรถรสได้ชัดเจน ไม่ว่าจะดูคอนเทนต์แบบไหนก็ตาม เหมาะกับคนที่อยากได้ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ที่ราคาไม่แรงนักแต่ได้พลังเสียงเต็มที่

อีกทั้ง Philips TAB4208/67 รองรับการเชื่อมต่อ HDMI ARC, Optical และ Bluetooth ทำให้ใช้งานได้หลากหลาย รวมไปถึงสามารถเปิดเพลงจากมือถือได้สะดวก นอกจากนี้ดีไซน์ของซาวด์บาร์ก็เน้นความบาง จัดวางใต้ทีวีได้ง่าย ไม่กีดขวางสัญญาณรีโมท และมีรีโมทควบคุมแยกเฉพาะให้ ใครกำลังเล็งลำโพงซาวด์บาร์ที่ได้เบสหนักขึ้น ในราคาเอื้อมถึงได้ รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

สเปกเด่น

  • กำลังขับรวม: 200W (2.1Ch)
  • ซับไร้สาย: วางได้อิสระ
  • เชื่อมต่อ: HDMI ARC, Optical, Bluetooth
  • ดีไซน์: บาง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
จุดเด่น
  • เบสแน่นจากซับไร้สาย
  • ราคาคุ้มค่า วางงบไม่บานปลาย
  • ดีไซน์บาง น้ำหนักเบา
  • รองรับ Bluetooth, ARC
ข้อควรพิจารณา
  • วัสดุอาจไม่พรีเมียมเท่ารุ่นราคาแพง
  • ไม่รองรับ Dolby Atmos

คะแนนที่ได้

7.8/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“เบสโอเคกว่าคาด ในราคาไม่สูงมาก” – เอ, อายุ 27
“ชอบดีไซน์เรียบๆ เข้ากับทีวีในห้องนั่งเล่น” – เตย, อายุ 29


8. LG SK1 SoundBar ★★★☆☆

“เล็กกะทัดรัด เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัด แต่ยังอยากเพิ่มพลังเสียงเหนือทีวีทั่วไป”

LG SK1 SoundBar

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายกันที่รุ่นเล็กจาก LG อย่าง SK1 เหมาะมากหากพื้นที่มีจำกัด (เช่น คอนโดห้องสตูดิโอ) แต่ยังต้องการเสียงที่ดีกว่าลำโพงทีวีในตัว ใครกำลังตัดสินใจเลือก ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ในงบประหยัดและดีไซน์เล็กบาง LG SK1 คือตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้จะไม่ได้มาพร้อมซับวูฟเฟอร์แยก แต่ก็ขับเสียงได้กระจ่าง ช่วยให้การดูคอนเทนต์สนุกขึ้นพอตัว

เชื่อมต่อง่ายผ่านสาย Optical หรือ Bluetooth กับสมาร์ทโฟน ใช้ดู YouTube หรือ Netflix แบบสบายๆ ทั้งยังมีฟีเจอร์ Auto Sound Engine ของ LG ช่วยปรับเสียงให้เหมาะสมกับระดับความดัง รวมถึงโหมดต่างๆ อย่าง Standard, Bass Blast ในการฟังเพลง อีกทั้งราคาย่อมเยา ไม่ต้องกังวลเรื่องงบมากนักครับ

สเปกเด่น

  • กำลังขับ: 40W
  • การเชื่อมต่อ: Optical, Bluetooth
  • Auto Sound Engine: ปรับระดับเสียงอัตโนมัติ
  • ขนาดเล็ก: ยาวประมาณ 65 ซม. น้ำหนักเบา
จุดเด่น
  • ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับห้องเล็ก
  • เสียงดีกว่าลำโพงทีวีธรรมดาอย่างชัดเจน
  • ราคาเป็นมิตร
  • เชื่อมต่อ Bluetooth ได้
ข้อควรพิจารณา
  • กำลังขับไม่สูง เบสไม่หนัก
  • ไม่มีซับวูฟเฟอร์แยก

คะแนนที่ได้

7.5/10

>>> อ่านต่อ + (สเปกเด่น) <<<

รีวิวสั้น ๆ

“พกพาสะดวก ไม่เปลืองเนื้อที่ แม้เสียงจะไม่กระหึ่มมากแต่เกินพอสำหรับห้องเล็กๆ” – ส้ม, อายุ 25
“เทียบราคาแล้วดีเลย ต่อ Bluetooth ฟังเพลงจากมือถือสะดวกดี” – เท็น, อายุ 24


บทสัมภาษณ์ / ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

เราได้พูดคุยกับคุณต้า (ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงจากสถาบันเทคโนโลยีเสียงและสตูดิโอ) เกี่ยวกับแนวโน้มของซาวด์บาร์และลําโพงต่อทีวีในปี 2025 ซึ่งคุณต้าได้ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันผู้ใช้ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการติดตั้งและใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไร้สาย ทั้งกับทีวีและอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต จึงทำให้หลายแบรนด์เน้นการพัฒนารุ่นที่เชื่อมต่อง่าย มี Bluetooth หรือ Wi-Fi เพื่อสตรีมเพลงได้สะดวก

“การตัดสินใจ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี ควรคำนึงถึงพื้นที่ห้อง งบประมาณ และความต้องการของเราจริงๆ บางคนอยากได้เบสหนัก อาจต้องเลือกรุ่นที่มีซับแยก หรือถ้าเน้นดีไซน์ ก็ไปทาง Soundbar บางๆ ที่เน้นความสวย” – คุณต้า กล่าว

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

  1. ขนาดห้องและการจัดวาง: หากห้องมีพื้นที่จำกัด ควรเลือกลำโพง Soundbar ที่ไม่ยาวหรือสูงเกินไป หรือเลือกรุ่นที่มีซับวูฟเฟอร์ไร้สายวางแยกได้สะดวก
  2. กำลังขับและระบบเสียง: เลือกตามความต้องการของการรับชม เช่น ถ้าชอบหนังแอ็กชัน เบสหนักๆ อาจเลือกรุ่น 2.1 ที่มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ หรือถ้าอยากได้โหมดเซอร์ราวด์ 3D ก็ไปทาง Dolby Atmos
  3. ฟีเจอร์เชื่อมต่อ: HDMI ARC/eARC, Optical, Bluetooth หรือ Wi-Fi ล้วนสำคัญ ใครใช้มือถือสตรีมเพลงบ่อยๆ ก็ต้องดูว่าเชื่อมต่อไร้สายได้ง่ายไหม
  4. ดีไซน์และการตกแต่งห้อง: บางรุ่นเน้นความบางพิเศษ บางรุ่นโฉบเฉี่ยว หรือบางรุ่นเป็นมินิมอล เลือกให้เข้ากับสไตล์บ้านจะลงตัวมากขึ้น
  5. งบประมาณ: ราคามีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลายหมื่น เลือกตามความคุ้มค่า และอย่าลืมเปรียบเทียบโปรโมชั่นจากร้านค้าต่างๆ เพื่อได้ดีลที่ดีที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

  • รองรับรูปแบบเสียง: หากคุณดูหนังบลูเรย์ หรือสตรีมมิ่งที่รองรับ Dolby Atmos หรือ DTS:X ควรเลือกลำโพงที่รองรับระบบเสียงเหล่านี้ เพื่ออรรถรสที่สมบูรณ์
  • อัปเดตเฟิร์มแวร์: หลายรุ่นรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน Wi-Fi เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้ อย่าลืมเช็กและอัปเดตเป็นประจำ
  • จำเป็นต้องใช้ Soundbar หรือไม่: หากทีวีมีลำโพงคุณภาพดีพอตัว หรือห้องเล็กมากๆ อาจยังไม่ต้องลงทุนสูง แต่สำหรับคนที่อยากอัปเกรดเสียงอย่างเห็นความต่าง การมี Soundbar จะเปลี่ยนประสบการณ์ดูทีวีไปมากทีเดียว

คำถามที่พบบ่อย

  • ถาม: จำเป็นต้องใช้ HDMI ARC/eARC หรือไม่?
  • ตอบ: HDMI ARC/eARC จะส่งสัญญาณเสียงจากทีวีไปยังลำโพงด้วยสายเพียงเส้นเดียว และยังรองรับเสียงความละเอียดสูงได้สะดวกกว่าช่อง Optical หากทีวีรองรับ ก็ควรใช้ครับ
  • ถาม: เลือก Soundbar กับ Home Theater ต่างกันยังไง?
  • ตอบ: Soundbar ติดตั้งง่ายและประหยัดพื้นที่ เหมาะกับคนที่ต้องการอัปเกรดเสียงเหนือทีวีธรรมดา แต่ถ้าอยากได้เสียงรอบทิศขั้นสุด และมีพื้นที่พร้อม งบถึง Home Theater อาจให้มิติที่เหนือกว่า
  • ถาม: ลำโพงขนาดเล็กจะให้เสียงดีพอหรือเปล่า?
  • ตอบ: ขึ้นอยู่กับรุ่นและการออกแบบ ตัวเล็กอาจเสียงไม่กระหึ่มมากแต่ก็ฟังได้สบายในห้องขนาดเล็ก ถ้าอยากได้เบสหนักจริงๆ ก็ต้องไปทางชุด 2.1 หรือ 5.1 ที่มีซับวูฟเฟอร์
  • ถาม: เชื่อมต่อ Bluetooth คุณภาพเสียงต่างจาก HDMI มากไหม?
  • ตอบ: HDMI หรือ Optical จะส่งสัญญาณได้คุณภาพสูงกว่า Bluetooth แต่ Bluetooth ก็สะดวกกว่าสำหรับฟังเพลงจากมือถือในชีวิตประจำวัน

บทสรุป

หลังจากเราได้แนะนำ “8 อันดับ ลําโพงต่อทีวี ยี่ห้อไหนดี” แห่งปี 2025 ไปแล้ว จะเห็นว่ามีตั้งแต่รุ่นเล็ก ราคาเบา จัดวางในห้องคอนโดได้สบายๆ อย่าง Xiaomi Mi Soundbar, LG SK1 หรือ Sony HT-S100F ไปจนถึงตัวที่มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ไร้สาย เสริมเสียงเบสอย่าง JBL Bar 2.1 และ Philips TAB4208/67 สำหรับใครที่อยากได้ดีไซน์บางเบา ทันสมัย ก็มี Samsung Ultra Slim Soundbar HW-S700D/XT ไว้เป็นตัวเลือก ส่วนสายไฮเอนด์อยากได้ Dolby Atmos หรือฟีเจอร์ล้ำๆ ก็ต้อง Bose Smart Ultra Soundbar หรือ Yamaha YAS-306 ที่รองรับ Wi-Fi และระบบเสียงรอบทิศ Air Surround Xtreme

สุดท้ายนี้อย่าลืมเช็กงบประมาณและความต้องการของตัวเอง บางคนชอบเสียงหนักแน่น บางคนเน้นดูหนังสายแอ็กชัน บางคนอยากเปิดเพลงคลอในห้องนั่งเล่น หรือบางคนเน้นดีไซน์เก๋ๆ ให้เข้ากับทีวีและการตกแต่งบ้าน ยังไงก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะสอยรุ่นไหนกันดี แล้วอย่าลืมเปรียบเทียบราคาและเช็กโปรโมชั่นจากร้านค้าออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ได้ดีลที่คุ้มค่าที่สุดนะครับ

และถ้าอยากอัปเดตเรื่องราวสินค้าเทคโนโลยีหรือบทความจัดอันดับอื่นๆ ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของเรา TOPLISTPLUS มีเรื่องน่าสนใจให้ค้นหาอีกเพียบ!


หมายเหตุจากผู้เขียน:
– รายละเอียดเรื่องสเปก หรือการรับประกัน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจาก Xiaomi, Samsung, Sony, JBL, Yamaha, Bose, Philips, และ LG หรือเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแต่ละแบรนด์ด้วย

– คะแนน (เช่น 8.3/10 หรือ 9.5/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS อ้างอิงจากสเปก ฟีเจอร์ ราคา รีวิวผู้ใช้จริง และการใช้งานของผู้เขียน

– รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “เอ็ม อายุ 25” หรือ “โอม อายุ 26”) เป็นตัวอย่างสมมุติเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเท่านั้น

– บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากสเปกและข่าวสารช่วงต้นปี 2025 คุณสมบัติหรือราคาอาจเปลี่ยนได้ในอนาคต

– เนื้อหาและการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับบทความนี้

– หากต้องการข้อมูลเจาะลึกอื่น ๆ หรือบทความแนะนำสินค้าประเภทต่างๆ สามารถค้นหาได้ที่หน้าเว็บไซต์ TOPLISTPLUS

– ขอให้สนุกกับการเลือกซื้อลำโพงต่อทีวี ตรงใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กันนะครับ!