บทนำ
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวคนรักของทอดแต่ก็แอบห่วงสุขภาพ! วันนี้เรามาเจาะลึกไอเทมเด็ดที่กลายเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งในครัวของหลาย ๆ บ้านไปแล้ว นั่นก็คือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” นั่นเองครับ บอกเลยว่าตั้งแต่มีเจ้าเครื่องนี้ การทำของอร่อย ๆ อย่างไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ หรือหมูกรอบ ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากและไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป เพราะมันช่วยลดไขมันไปได้เยอะมาก ๆ แต่พอจะซื้อทีไร คำถามที่ปวดหัวที่สุดก็ผุดขึ้นมาทันทีว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ล่ะ? ในปี 2025 นี้ มีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเพียบ ฟีเจอร์ก็ล้ำขึ้น ดีไซน์ก็สวยขึ้น จนเลือกกันไม่ถูกเลยใช่ไหมครับ
ไม่ต้องกังวลไปครับ! เพราะวันนี้ผมในฐานะเพื่อนที่ชอบเข้าครัวเหมือนกัน ได้ทำการบ้านมาอย่างหนัก คัดตัวเด็ด ๆ ตัวท็อป ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันแบบจัดเต็มในบทความ “10 อันดับ หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025″ นี้แล้วครับ เราจะพาไปดูกันตั้งแต่รุ่นใหญ่ไฟกระพริบที่ทำได้สารพัดเมนู ไปจนถึงรุ่นเล็กดีไซน์มินิมอลที่เหมาะกับชาวคอนโด แถมยังเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ทั้งเรื่องฟังก์ชัน ความจุ ราคา และความคุ้มค่า เพื่อให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือก หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราที่สุด นอกจากทำของทอดแล้ว บางรุ่นยังใช้อุ่นอาหารได้ดีไม่แพ้ ไมโครเวฟ ยี่ห้อไหนดี เลยนะครับ
ในบทความนี้ เรามีตารางเปรียบเทียบสเปกเด่น ๆ ให้ดูกันแบบภาพรวมก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ จะได้เห็นกันไปเลยว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่มีฟีเจอร์ที่เราต้องการ หรือถ้าใครกำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวอื่น ๆ อย่าง หม้ออบลมร้อน ก็สามารถเข้าไปอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้เลยครับ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าว่า 10 พระเอกของเราในวันนี้จะมีรุ่นไหนน่าโดนกันบ้าง!
จัดอันดับ 10 หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังร้อนใจว่าสรุปแล้วจะเลือก หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าที่สุด ลองดูตารางเปรียบเทียบที่เราสรุปภาพรวมของทั้ง 10 รุ่นมาให้ดูกันก่อนได้เลยครับ ชอบตัวไหนเป็นพิเศษก็กดที่ชื่อเพื่อเลื่อนลงไปอ่านรีวิวฉบับเจาะลึกกันได้เลย!
ตารางเปรียบเทียบสรุป
1. Ninja Foodi MAX เตาย่างเอนกประสงค์ Grill & Hot Air Fryer ★★★★★
“ตัวจบสายทำอาหาร! ย่าง-ทอด-อบ ครบเครื่องในหนึ่งเดียว พลังสูงสะใจ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาคำตอบของคำถามที่ว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นมากกว่าแค่หม้อทอด ผมขอยกให้ Ninja Foodi MAX เป็นราชาแห่งเครื่องครัวอเนกประสงค์เลยครับ! ตัวนี้ไม่ใช่แค่หม้อทอดธรรมดา แต่มันคือเตาย่างไร้ควัน (Indoor Grill) ที่มาพร้อมฟังก์ชันทอดลมร้อน (Air Fryer) ในตัว ทำให้เราสามารถทำได้ทั้งสเต๊กเนื้อฉ่ำ ๆ ที่มีลายย่างสวย ๆ ไปจนถึงเฟรนช์ฟรายส์กรอบ ๆ โดยใช้อุปกรณ์แค่เครื่องเดียว เหมาะมากสำหรับคนที่อยู่คอนโดหรือบ้านที่ไม่อยากให้มีควันฟุ้งกระจาย แต่ก็ยังอยากได้ฟีลลิ่งของการย่างบาร์บีคิวเหมือนใช้ เตาปิ้งย่างแก๊ส ดี ๆ สักตัวเลยครับ
คุณสมบัติเด่น
- ฟังก์ชัน 6-in-1: ย่าง (Grill), ทอดลมร้อน (Air Crisp), อบ (Bake), อุ่น (Reheat), ย่างลมร้อน (Roast), และอบแห้ง (Dehydrate)
- เทคโนโลยี Cyclonic Grilling: ลมร้อนหมุนเวียนรอบทิศทางที่อุณหภูมิสูงถึง 260°C ช่วยให้ย่างได้สุกทั่วถึงและรวดเร็ว
- Smart Cook System: มาพร้อมเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิแกนกลางอาหาร (Food Probe) ช่วยให้ย่างสเต๊กได้ความสุกตามต้องการเป๊ะ ๆ ตั้งแต่ Rare ถึง Well-done
- ระบบควบคุมควัน: ออกแบบมาให้ลดการเกิดควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความจุขนาดใหญ่: ย่างสเต๊กได้ 6 ชิ้น หรือทำไก่ย่างได้ทั้งตัว (ประมาณ 1.4 กก.)
รีวิวแบบเจาะลึก
ต้องยอมรับเลยครับว่า Ninja Foodi MAX ทำให้คำจำกัดความของคำว่า “หม้อทอด” เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จุดขายที่ทำให้มันโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งคือฟังก์ชัน “ย่าง” ที่ทำได้ดีเกินคาดมาก ๆ ด้วยเทคโนโลยี Cyclonic Grilling ที่เป่าลมร้อนจัด ๆ ลงมาจากด้านบน ทำให้ผิวของเนื้อสเต๊กได้ลายย่าง (Grill Marks) ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมเหมือนย่างบนเตาถ่านจริง ๆ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ “ควันน้อยมาก” แทบจะไม่มีเลยครับ ทำให้ปัญหาการทำอาหารในพื้นที่จำกัดหมดไป และที่ผมชอบที่สุดคือ Smart Cook System ที่มีก้านวัดอุณหภูมิมาให้ เราแค่เลือกประเภทเนื้อ (เช่น เนื้อวัว, หมู, ไก่) และเลือกระดับความสุกที่ต้องการ (เช่น Medium Rare) จากนั้นก็เสียบก้านวัดเข้าไปในชิ้นเนื้อ แล้วเครื่องจะจัดการทุกอย่างให้เอง พอสุกได้ที่เครื่องก็จะร้องเตือน เป็นอะไรที่อัจฉริยะและแก้ปัญหาการย่างเนื้อแล้วสุกเกินไปหรือไม่สุกได้แบบ 100% เลยครับ ใครที่ชอบทานสเต๊กแต่ไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง ตัวนี้คือคำตอบสุดท้ายจริง ๆ
ในส่วนของฟังก์ชันทอดลมร้อน หรือ Air Crisp ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ ด้วยกำลังไฟที่สูงถึง 2460W ทำให้การทำความร้อนรวดเร็วมาก ไม่ต้องเสียเวลาพรีฮีทนาน ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือของทอดที่กรอบนอกนุ่มใน สีเหลืองสวยงามน่าทาน ผมลองทำทั้งปีกไก่ทอดและเฟรนช์ฟรายส์แช่แข็ง ผลลัพธ์คือกรอบอร่อยไม่ต่างจากใช้น้ำมันท่วม ๆ เลยครับ แถมยังรีดไขมันส่วนเกินออกมาได้อีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ อย่างการอบขนมปัง อบพิซซ่า หรือแม้กระทั่งอบผลไม้แห้ง (Dehydrate) ก็ทำได้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่ลงทุนครั้งเดียวแต่ใช้งานได้หลากหลายมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี และมีงบประมาณสูงหน่อย ผมว่าการเพิ่มเงินเพื่อเอาฟังก์ชันที่ครบเครื่องขนาดนี้มาไว้ในครัวถือว่าคุ้มค่ามากครับ มันช่วยเปิดโลกการทำอาหารให้สนุกและง่ายขึ้นเยอะ เหมือนมี หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ทำงานแทนเรา แต่เปลี่ยนมาเป็นเรื่องทำอาหารแทนนั่นเองครับ
คะแนนที่ได้
9.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ย่างสเต๊กคือที่สุดของแจ้แล้วครับ เนื้อนุ่ม ความสุกเป๊ะทุกครั้ง ไม่ต้องไปกินที่ร้านเลย” – คุณเอก, อายุ 42
“ตอนแรกคิดว่าแพง แต่พอได้ใช้คือคุ้มมากค่ะ ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ ล้างก็ง่ายด้วย” – คุณจิ๊บ, อายุ 35
2. Ninja Hot Air Fryer หม้อทอดไร้น้ํามัน AF160EU ★★★★★
“พลังทอดขั้นเทพ! กรอบนอกนุ่มใน ร้อนไวทันใจ ฟังก์ชันแน่นเกินราคา”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
หากรุ่น Foodi MAX ดูจะอเนกประสงค์เกินความจำเป็นไปหน่อย และเพื่อน ๆ กำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความเป็น “สุดยอดนักทอด” โดยเฉพาะ ผมขอแนะนำรุ่นน้องในค่ายเดียวกันอย่าง Ninja AF160EU เลยครับ ตัวนี้ตัดฟังก์ชันย่างออกไป แต่มาเสริมทัพความสามารถในการทอดให้เทพยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเทคโนโลยี Max Crisp ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับอาหารแช่แข็งโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถโยนนักเก็ตหรือเฟรนช์ฟรายส์จากช่องฟรีซเข้าเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องรอละลาย ผลลัพธ์ที่ได้คือความกรอบระดับสิบเต็มสิบในเวลาไม่กี่นาที เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบของคนยุคใหม่ได้ดีมาก ๆ ครับ
คุณสมบัติเด่น
- ความจุ: 5.2 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัว 3-4 คน
- กำลังไฟ: 2400W (เท่ารุ่น MAX) ร้อนเร็วมาก
- เทคโนโลยี Max Crisp: ทำอุณหภูมิได้สูงถึง 240°C เพื่อทอดอาหารแช่แข็งให้กรอบเป็นพิเศษ
- ฟังก์ชัน 6-in-1: Max Crisp, Air Fry, Roast, Bake, Reheat, Dehydrate
- ตะกร้าเคลือบเซรามิก: Non-stick ทนทาน และทำความสะอาดง่าย สามารถเข้าเครื่องล้างจานได้
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจหลักของ Ninja AF160EU คือ “ความเร็วและความกรอบ” ครับ ด้วยกำลังไฟที่สูงถึง 2400W ทำให้มันทำอุณหภูมิได้ถึง 240°C ในเวลาอันสั้น ซึ่งสูงกว่าหม้อทอดทั่วไปที่มักจะตันอยู่ที่ 200°C อุณหภูมิที่สูงเป็นพิเศษนี้เองที่เป็นเคล็ดลับของโหมด Max Crisp มันจะไล่ความชื้นออกจากผิวของอาหารแช่แข็งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่กรอบสะใจแบบที่หาไม่ได้ในหม้อทอดรุ่นอื่น ๆ ใครที่ชอบซื้อของทอดแช่แข็งติดบ้านไว้ บอกเลยว่าตัวนี้จะเปลี่ยนประสบการณ์ของคุณไปเลยครับ เหมือนยกครัวร้านฟาสต์ฟู้ดมาไว้ที่บ้าน แต่ดีต่อสุขภาพกว่าเยอะ การใช้งานก็ง่ายมากครับ หน้าจอเป็นแบบดิจิทัลพร้อมปุ่มกดที่ชัดเจน เลือกโหมด ปรับอุณหภูมิและเวลาได้สะดวก ความจุ 5.2 ลิตรก็ถือว่ากำลังดี สามารถทอดเฟรนช์ฟรายส์ได้เกือบ 1 กิโลกรัม หรืออบไก่ตัวเล็ก ๆ ได้สบาย ๆ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางเลยครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจคือคุณภาพของวัสดุครับ ตัวตะกร้าทอดเคลือบเซรามิกมาอย่างดี ทำให้อาหารไม่ติดและล้างทำความสะอาดง่ายมาก ๆ แค่ใช้ฟองน้ำลูบเบา ๆ คราบก็หลุดออกหมดแล้ว หรือจะโยนเข้า เครื่องล้างจาน ก็ยังได้ (ถ้ามี) ซึ่งช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยครับ แม้ว่าดีไซน์ภายนอกอาจจะดูทื่อ ๆ ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ แต่ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพและความทนทานแล้ว Ninja ไม่เคยทำให้ผิดหวังครับ ดังนั้น หากคำถามของคุณคือ หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นประสิทธิภาพการทอดเป็นหลัก ไม่ต้องการฟังก์ชันย่างที่ซับซ้อน และอยากได้เครื่องที่แรง เร็ว กรอบสะใจ Ninja AF160EU คือตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ผมกล้าแนะนำเลยครับ มันเหมือนมีผู้ช่วยฝีมือดีที่พร้อมเสิร์ฟของอร่อยให้เราได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะดูซีรีส์เรื่องโปรดบน ทีวี 55 นิ้ว จอใหญ่ หรือจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่บ้านก็เอาอยู่หมดครับ
คะแนนที่ได้
9.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“ทอดเฟรนช์ฟรายส์แช่แข็งได้กรอบมากครับ ลูกชายชอบมาก ไม่ต้องง้อร้านเลย” – คุณนนท์, อายุ 38
“เครื่องร้อนเร็วดีค่ะ ประหยัดเวลาไปเยอะเลย ล้างง่ายด้วย ชอบตรงนี้” – คุณฝน, อายุ 31
3. COSORI หม้อทอดลมร้อนไร้มัน Air Fryer 5.5 ลิตร ★★★★☆
“ดีไซน์มินิมอล คว้าใจสายโฮมคาเฟ่! ใช้งานง่ายด้วย 11 โปรแกรมอัตโนมัติ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอันดับสามกับแบรนด์ที่กำลังมาแรงและเป็นขวัญใจของคนรักการแต่งบ้านสไตล์มินิมอลครับ กับ COSORI Air Fryer 5.5 ลิตร ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เรียบหรูดูแพงเกินราคาไปมาก ใครที่กำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ไม่ได้มีดีแค่ฟังก์ชัน แต่ยังเป็นเหมือนของแต่งครัวชิ้นงามได้ด้วย ผมว่าตัวนี้น่าจะถูกใจแน่นอนครับ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือหน้าจอควบคุมแบบสัมผัสที่ลาดเอียงทำมุม 45 องศา ทำให้มองเห็นและใช้งานได้สะดวกโดยไม่ต้องก้มตัวลงไปดู พร้อมโปรแกรมทำอาหารอัตโนมัติมาให้ถึง 11 อย่าง ครอบคลุมตั้งแต่อาหารพื้นฐานอย่างสเต๊ก, ไก่, อาหารทะเล, เบคอน ไปจนถึงของหวานอย่างขนมปังและเค้กเลยทีเดียวครับ
คุณสมบัติเด่น
- ดีไซน์สวยงาม: ตัวเครื่องผิวสัมผัสแบบ Matte Finish ลดรอยนิ้วมือ พร้อมหน้าจอสัมผัสที่ทันสมัย
- ตะกร้าทรงสี่เหลี่ยม: ความจุ 5.5 ลิตร แต่ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าตะกร้าทรงกลมในความจุเท่ากัน สามารถใส่ไก่ได้ทั้งตัว
- โปรแกรมอัตโนมัติ 11 เมนู: แค่กดปุ่มเดียว เครื่องจะตั้งค่าอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมให้ทันที
- ฟังก์ชัน Pre-Heat และ Keep Warm: สามารถอุ่นเครื่องก่อนใช้งานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และอุ่นอาหารให้ร้อนพร้อมเสิร์ฟได้
- Shake Reminder: มีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องเขย่าหรือกลับด้านอาหาร
- ตะกร้า Non-stick ปลอดสาร PFOA และ BPA: ปลอดภัยต่อสุขภาพและทำความสะอาดง่าย
รีวิวแบบเจาะลึก
สิ่งที่ทำให้ COSORI แตกต่างและชนะใจผู้ใช้ทั่วโลก (เป็นแบรนด์ที่ขายดีมากใน Amazon) คือความใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบครับ เริ่มจากตะกร้าที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งจากการใช้งานจริงมันเวิร์คกว่าทรงกลมมากครับ เพราะเราสามารถวางอาหารชิ้นยาว ๆ อย่างซี่โครงหมู หรือจัดเรียงของชิ้นเล็ก ๆ ได้เต็มพื้นที่มากกว่า ทำให้ทอดได้ปริมาณเยอะขึ้นในรอบเดียว ตัวตะกร้ายังสามารถถอดแยกออกจากหม้อชั้นนอกได้ด้วยการกดปุ่มเดียว ทำให้การเทอาหารออกมาสะดวกและปลอดภัย และยังล้างทำความสะอาดง่ายมากด้วยครับ ฟังก์ชันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง Pre-Heat (อุ่นเครื่อง) ก็มีประโยชน์มากครับ มันช่วยให้เราใส่อาหารลงไปตอนที่เครื่องร้อนได้ที่แล้ว ทำให้อาหารสุกทั่วถึงและกรอบกว่าเดิม ส่วนฟังก์ชัน Shake Reminder ก็เป็นมิตรกับมือใหม่มาก ๆ เพราะหลายคนมักจะลืมเขย่าตะกร้า ทำให้อาหารสุกไม่เท่ากัน แต่ COSORI จะส่งเสียงเตือนเราเองเลยครับ
สำหรับประสิทธิภาพการทำงาน แม้กำลังไฟจะอยู่ที่ 1700W ซึ่งน้อยกว่าสองอันดับแรก แต่ก็ถือว่าเพียงพอและทำผลงานได้น่าประทับใจครับ อาหารสุกทั่วถึงดี ให้สีที่สวยงาม ความกรอบอาจจะไม่เท่าโหมด Max Crisp ของ Ninja แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากสำหรับหม้อทอดทั่วไปครับ ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่ได้ดีไซน์และฟังก์ชันที่ฉลาดขนาดนี้ ทำให้ COSORI เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังถามว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความสวยงาม ใช้งานง่าย และคุ้มค่าครับ มันเป็นเหมือนการลงทุนที่ได้ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพดีและของแต่งครัวสวย ๆ ไปพร้อมกันเลย เหมือนเราเลือก Smart Watch ที่นอกจากจะบอกเวลาและวัดค่าสุขภาพได้แล้ว ยังเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกสไตล์ของเราได้ด้วยนั่นเองครับ
คะแนนที่ได้
9.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบดีไซน์มากค่ะ สวยจนเพื่อนทักทุกคนเลย ใช้งานก็ง่ายมากแค่กดปุ่มเดียว” – คุณมายด์, อายุ 28
“ตะกร้าสี่เหลี่ยมใส่ของได้เยอะจริงครับ อบซี่โครงได้สบาย ๆ เลย ชอบมาก” – คุณบอย, อายุ 34
4. Philips AirFryer 2000 Series ★★★★☆
“ต้นตำรับหม้อทอด! เทคโนโลยี Rapid Air เอกลักษณ์เฉพาะตัว ลดไขมันสูงสุด 90%”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าพูดถึงหม้อทอดไร้น้ำมันแล้วไม่พูดถึง Philips ก็คงเหมือนเล่าเรื่องสมาร์ทโฟนแล้วไม่พูดถึง Apple ล่ะครับ เพราะ Philips คือผู้บุกเบิกและเป็นต้นตำรับที่ทำให้เทคโนโลยีนี้โด่งดังไปทั่วโลก สำหรับ Philips AirFryer 2000 Series รุ่นนี้ อาจจะดูเป็นรุ่นพื้นฐาน แต่ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญอย่าง Rapid Air ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ Philips ครับ ใครที่เป็นสายสุขภาพตัวจริงและกำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่มั่นใจได้ในเรื่องประสิทธิภาพการลดไขมัน รุ่นนี้คือคำตอบที่น่าเชื่อถือที่สุดครับ เพราะเขาเคลมเลยว่าสามารถทำอาหารอร่อยโดยมีไขมันน้อยลงสูงสุดถึง 90% เลยทีเดียว
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี Rapid Air: ดีไซน์ “ปลาดาว” ที่พื้นตะกร้า ช่วยให้ลมร้อนหมุนเวียนได้เร็วและแรงกว่า ทำให้อาหารกรอบนอกนุ่มในโดยใช้น้ำมันน้อยที่สุด
- ความจุ: 4.1 ลิตร (หรือ 0.8 กก.) เหมาะสำหรับ 2-3 คน
- ฟังก์ชันหลากหลาย: ทอด, อบ, ย่าง, คั่ว และอุ่นอาหาร
- ควบคุมง่าย: ใช้ปุ่มหมุนแบบแอนะล็อก 2 ปุ่มสำหรับตั้งเวลาและอุณหภูมิ (สูงสุด 200°C)
- แอปพลิเคชัน NutriU: มีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับ Airfryer โดยเฉพาะให้เลือกทำตามได้ฟรีกว่าร้อยเมนู
- ทำความสะอาดง่าย: ชิ้นส่วนที่ถอดได้ทั้งหมดสามารถนำเข้าเครื่องล้างจานได้
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดเด่นที่สุดของ Philips Airfryer คือเทคโนโลยี Rapid Air ครับ ถ้าเราลองถอดตะกร้าออกมาดู จะเห็นว่าที่พื้นของหม้อชั้นนอกจะมีลักษณะเป็นแฉก ๆ คล้ายปลาดาว ซึ่งดีไซน์นี้ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามนะครับ แต่มันถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อบังคับให้ลมร้อนที่เป่าลงมาเกิดการหมุนวนอย่างรวดเร็วและรุนแรงเหมือนพายุทอร์นาโดขนาดเล็ก ทำให้อาหารสัมผัสกับความร้อนได้อย่างทั่วถึงทุกอณู ผลลัพธ์คืออาหารที่สุกเร็ว กรอบ และที่สำคัญคือมันสามารถรีดไขมันส่วนเกินที่อยู่ในตัววัตถุดิบออกมาได้อย่างมหาศาลครับ ใครที่เคยใช้จะเห็นเลยว่ามีน้ำมันกองอยู่ที่พื้นหม้อเยอะมาก ซึ่งนั่นคือน้ำมันที่เราไม่ต้องกินเข้าไปครับ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Philips กล้าเคลมว่าลดไขมันได้ถึง 90% และเป็นจุดที่ทำให้แบรนด์อื่น ๆ ต้องพยายามพัฒนาตามครับ การควบคุมอาจจะดูโบราณไปนิดเพราะเป็นปุ่มหมุน แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้ใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ต้องมีคู่มือก็ใช้เป็นได้ทันทีเลยครับ
แม้ว่าในภาพรวมเรื่องความจุและฟังก์ชันดิจิทัลอาจจะสู้คู่แข่งในยุคใหม่ ๆ ไม่ได้ แต่สิ่งที่ Philips ให้มาทดแทนคือ “ความน่าเชื่อถือ” และ “ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ” ที่พิสูจน์มาแล้วทั่วโลกครับ การมีแอปฯ NutriU ก็เป็นข้อดีมาก ๆ เพราะเต็มไปด้วยสูตรอาหารที่สร้างสรรค์และดีต่อสุขภาพ ทำให้เราไม่เบื่อและได้ใช้เครื่องอย่างคุ้มค่า ไม่ใช่แค่เอาไว้ทอดเฟรนช์ฟรายส์อย่างเดียว เหมือนมีโค้ชสุขภาพส่วนตัวคอยแนะนำเมนูใหม่ ๆ ให้ตลอดเวลาครับ ดังนั้น สำหรับใครที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง และกำลังถามว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่มั่นใจในเทคโนโลยีได้จริง ๆ การเลือก “ต้นตำรับ” อย่าง Philips ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ถูกต้องเสมอครับ เหมือนกับที่เรามั่นใจใน เตารีดไอน้ำ Philips ว่ารีดเรียบและทนทานนั่นแหละครับ
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้มาหลายปีแล้วยังทนอยู่เลยครับ รีดไขมันออกได้เยอะจริง ๆ สบายใจเวลาทานของทอด” – คุณลุงสมชาย, อายุ 58
“ใช้ง่ายมากค่ะ แค่หมุน ๆ ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเยอะเลย เหมาะกับคนไม่เก่งเทคโนโลยีแบบเรา” – คุณปุ้ย, อายุ 45
5. Xiaomi Mi Smart Air Fryer 3.5 ลิตร ★★★★☆
“มินิมอลตัวพ่อ! สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant พร้อมสูตรอาหารอัจฉริยะ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงคิวของขวัญใจมหาชนสาย Gadget อย่าง Xiaomi กันบ้างครับ กับ Mi Smart Air Fryer 3.5 ลิตร ที่แค่เห็นดีไซน์ก็ต้องร้องว้าวแล้วครับ ด้วยสีขาวคลีน ๆ สไตล์มินิมอลที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมปุ่มควบคุมที่เป็นจอ OLED กลม ๆ ปุ่มเดียว ดูล้ำและใช้งานง่ายมาก แต่ความเจ๋งของมันไม่ได้มีแค่หน้าตาครับ เพราะนี่คือ หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ฉลาดที่สุดในลิสต์นี้เลยก็ว่าได้ มันสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Mi Home เพื่อควบคุมการทำงานผ่านมือถือได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสูตรอาหารกว่า 100 เมนู, ตั้งเวลาล่วงหน้าได้ถึง 24 ชั่วโมง, หรือแม้กระทั่งสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ได้อีกด้วย!
คุณสมบัติเด่น
- Smart Control: ควบคุมผ่านแอป Mi Home, ตั้งเวลาล่วงหน้า, และสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant/Alexa
- จอแสดงผล OLED: ปุ่มหมุนพร้อมจอในตัวสำหรับเลือกโหมดและดูสถานะการทำงาน
- ความจุ 3.5 ลิตร: เหมาะสำหรับ 1-3 คน หรือชาวคอนโด
- ฟังก์ชันหลากหลาย: ไม่ใช่แค่ทอด แต่ยังสามารถทำโยเกิร์ต (หมักที่อุณหภูมิต่ำ), อบผลไม้แห้ง, และละลายน้ำแข็งได้
- การหมุนเวียนลมร้อน 360°: ช่วยให้อาหารสุกทั่วถึง
- ตะแกรงเสริม: ช่วยให้ทอดอาหารได้ 2 ชั้นในครั้งเดียว เพิ่มปริมาณได้เท่าตัว
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดแข็งที่สุดของ Mi Smart Air Fryer คือการเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem ของ Xiaomi ครับ ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของแบรนด์นี้อยู่แล้วจะยิ่งฟิน เพราะเราสามารถควบคุมทุกอย่างผ่านแอป Mi Home ได้เลย ลองนึกภาพว่าเราเตรียมไก่หมักใส่หม้อไว้ตั้งแต่เช้า แล้วตั้งเวลาผ่านมือถือให้เครื่องเริ่มทำงานตอน 6 โมงเย็น พอเรากลับถึงบ้านก็ได้กินไก่ทอดร้อน ๆ เลยทันที มันสะดวกสบายมาก ๆ ครับ หรือตอนที่มือเลอะ ๆ กำลังทำครัวอยู่ ก็แค่พูดว่า “Hey Google, start the air fryer” เครื่องก็ทำงานให้เองเลย เป็นประสบการณ์ที่ล้ำสุด ๆ ครับ นอกจากนี้ ความสามารถในการทำงานที่อุณหภูมิต่ำ (ตั้งแต่ 40°C) ทำให้มันทำในสิ่งที่หม้อทอดอื่นทำไม่ได้ เช่น การหมักโยเกิร์ต หรือการอบผลไม้แห้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องได้เป็นอย่างดีครับ
ในแง่ของประสิทธิภาพการทอด ด้วยกำลังไฟ 1500W และระบบลมร้อน 360° ก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานครับ อาหารกรอบและสุกทั่วถึง แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลานานกว่ารุ่นที่กำลังไฟสูง ๆ สักหน่อย ความจุ 3.5 ลิตรก็เหมาะกับการทำอาหารสำหรับ 1-2 คน หรือทำกับข้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครอบครัวครับ แต่ที่น่าสนใจคือเขาให้ตะแกรงเสริมมาด้วย ทำให้เราวางอาหารซ้อนกันเป็น 2 ชั้นได้ ช่วยเพิ่มปริมาณการทอดในแต่ละครั้งได้พอสมควรเลยครับ สรุปแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายเทคโนโลยี ชอบอุปกรณ์สมาร์ท ๆ หรืออยู่กันแค่ไม่กี่คน และกำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ดีไซน์สวย ฟังก์ชันล้ำ และราคาเป็นมิตรที่สุด Xiaomi Mi Smart Air Fryer คือตัวเลือกที่นอนมาแบบไม่มีใครเทียบได้เลยครับ มันเหมือนกับที่เราเลือกใช้ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ที่ทั้งสวยและฉลาดนั่นเองครับ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบที่สั่งงานผ่านมือถือได้ค่ะ ตั้งเวลาไว้ก่อนกลับบ้าน สะดวกมาก” – คุณแอน, อายุ 29
“เครื่องสวยมากครับ วางในครัวแล้วดูดีเลย ปุ่มหมุน OLED ก็ใช้ง่ายดีครับ” – คุณอาร์ม, อายุ 32
6. ELECTROLUX หม้อทอด 5 ลิตร E6AF1-520K ★★★★☆
“แบรนด์ยุโรปคุณภาพ จุ 5 ลิตรลงตัว ใช้งานง่ายด้วย 8 โปรแกรมสัมผัส”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาต่อกันที่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพจากสวีเดนอย่าง Electrolux กันบ้างครับ กับรุ่น E6AF1-520K ที่มาในขนาดความจุ 5 ลิตร ซึ่งเป็นไซส์ที่หลายคนมองว่ากำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปสำหรับครอบครัวขนาดกลาง ๆ ครับ ใครที่กำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่มาจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดี และใช้งานไม่ซับซ้อน รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ หน้าตามาในโทนสีดำล้วน ดูสุขุม แข็งแรงทนทานตามสไตล์ยุโรป พร้อมหน้าจอควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย มีโปรแกรมทำอาหารอัตโนมัติให้เลือก 8 เมนูหลัก ๆ ที่คนนิยมทำกัน เช่น ไก่, ปลา, สเต๊ก, และเฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น
คุณสมบัติเด่น
- ความจุ 5 ลิตร: ขนาดกำลังดีสำหรับครอบครัว 3-4 คน สามารถอบไก่ตัวเล็กได้
- กำลังไฟ 1750W: ให้ความร้อนที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ
- โปรแกรมอัตโนมัติ 8 เมนู: ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส ไม่ต้องตั้งค่าเองให้ยุ่งยาก
- ช่วงอุณหภูมิ 80-200°C: ครอบคลุมการทำอาหารได้หลากหลายประเภท
- ตะกร้าทอดถอดล้างได้: เคลือบสารกันติดและสามารถนำเข้าเครื่องล้างจานได้
รีวิวแบบเจาะลึก
Electrolux E6AF1-520K เป็นหม้อทอดที่เน้นความเรียบง่ายและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ครับ ไม่มีฟังก์ชันหวือหวาซับซ้อน แต่ทำหน้าที่พื้นฐานของมันได้เป็นอย่างดี การกระจายความร้อนทำได้สม่ำเสมอ ทำให้อาหารสุกทั่วถึงและมีสีสันที่น่าทานครับ ผมลองใช้โปรแกรมอัตโนมัติสำหรับทอดปลาแซลมอน ผลลัพธ์ที่ได้คือหนังปลากรอบกำลังดี แต่เนื้อในยังคงความฉ่ำไว้ได้ ซึ่งถือว่าทำได้ดีมาก ๆ ครับ การควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสก็ตอบสนองได้ดีและเข้าใจง่าย ใครที่ไม่เคยใช้หม้อทอดมาก่อนก็สามารถใช้งานได้ทันทีครับ ตะกร้าทอดขนาด 5 ลิตรก็เป็นจุดเด่น เพราะมันใหญ่พอที่จะทำอาหารสำหรับทั้งครอบครัวได้ในครั้งเดียว ช่วยประหยัดเวลาได้ดีครับ
ในแง่ของการทำความสะอาดก็ถือว่าสะดวกสบายครับ ตะกร้าทอดสามารถถอดออกมาล้างได้ง่าย และด้วยการเคลือบสารกันติด ทำให้อาหารไม่เกาะติดแน่น แค่แช่น้ำไว้สักครู่แล้วใช้ฟองน้ำนุ่ม ๆ เช็ดก็สะอาดแล้วครับ โดยรวมแล้ว Electrolux รุ่นนี้อาจจะไม่ใช่ หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่มีฟีเจอร์ล้ำที่สุด แต่เป็นตัวเลือกที่ “ปลอดภัย” และ “ไว้ใจได้” ครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทนทาน ใช้งานได้นาน ๆ และมาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เหมือนกับที่เราเลือกซื้อ เครื่องซักผ้า Electrolux ที่เน้นความทนทานและประสิทธิภาพการซักที่เชื่อถือได้นั่นเองครับ
คะแนนที่ได้
8.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“เครื่องดูแข็งแรงดีครับ ความร้อนสม่ำเสมอดีมาก อบเค้กกล้วยหอมออกมาสวยเลย” – คุณตั้ม, อายุ 40
“ขนาดกำลังดีเลยค่ะ ไม่ใหญ่ไม่เล็กไป ทำกับข้าวให้ที่บ้าน 3 คนกินได้สบายๆ” – คุณนก, อายุ 36
7. Tefal EY505D66 ★★★★☆
“2-in-1 ตัวจริง! ทอดกรอบก็ได้ ย่างสเต๊กก็เริ่ด ด้วยตะแกรงอลูมิเนียมหล่อ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอีกหนึ่งแบรนด์ดังจากฝรั่งเศสที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอย่าง Tefal ครับ สำหรับรุ่น EY505D66 นี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจคือ Easy Fry & Grill หรือการรวมเอาฟังก์ชันทอดและย่างเข้ามาไว้ในเครื่องเดียว คล้าย ๆ กับ Ninja Foodi MAX แต่มาในราคาที่ย่อมเยากว่ามากครับ ใครที่กำลังลังเลว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถทำสเต๊กหรือของย่างได้ด้วย แต่มีงบจำกัด ตัวนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดครับ ความลับของมันอยู่ที่ “ตะแกรงย่าง” ที่ทำจากอลูมิเนียมหล่อ (Die-cast aluminum) ซึ่งเป็นวัสดุที่นำความร้อนและเก็บความร้อนได้ดีเยี่ยม ทำให้สามารถสร้างรอยย่างสวย ๆ บนชิ้นเนื้อได้นั่นเองครับ
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี 2-in-1: เป็นทั้งหม้อทอดลมร้อนและเตาย่างในเครื่องเดียว
- ตะแกรงย่างอลูมิเนียมหล่อ: ช่วยให้ย่างเนื้อได้ลายสวยงามและสุกทั่วถึง
- ความจุ XL 4.2 ลิตร: เพียงพอสำหรับทำอาหารได้ถึง 6 ที่
- โปรแกรมอัตโนมัติ 8 โปรแกรม: รวมถึงเมนูพิเศษอย่าง พิซซ่า และเค้ก
- เทคโนโลยี Extra Crisp: ช่วยให้อาหารกรอบอร่อยโดยใช้น้ำมันน้อยหรือไม่ใช้เลย
- ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ: ปรับได้ตั้งแต่ 80°C ถึง 200°C
รีวิวแบบเจาะลึก
Tefal EY505D66 ถือเป็นหม้อทอดที่เข้ามาปิดช่องว่างในตลาดได้อย่างชาญฉลาดครับ สำหรับคนที่อยากได้ฟังก์ชันย่างแต่ไม่อยากจ่ายแพงเท่า Ninja รุ่นนี้คือทางออกที่ดีมาก ๆ ครับ จากที่ได้ลองใช้ตะแกรงย่างอลูมิเนียมหล่อทำสเต๊กหมูพริกไทยดำ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อสุกกำลังดี มีลายย่างขึ้นมาจาง ๆ ให้พอสวยงาม แม้อาจจะไม่คมชัดเท่าเตาย่าง chuyên nghiệp แต่ก็ถือว่าดีกว่าการใช้ตะแกรงลวดธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดครับ มันช่วยเพิ่มกลิ่นและรสสัมผัสของการ “ย่าง” เข้ามาได้จริง ๆ ครับ ส่วนฟังก์ชันทอดก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Tefal ด้วยเทคโนโลยี Extra Crisp ที่ช่วยหมุนเวียนลมร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาหารกรอบและไม่อมน้ำมันครับ
หน้าจอควบคุมเป็นแบบดิจิทัลพร้อมโปรแกรมอัตโนมัติ 8 อย่างที่ใช้งานง่าย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาคิดเรื่องอุณหภูมิและเวลาเอง ความจุ 4.2 ลิตรก็ถือว่าเพียงพอสำหรับครอบครัวเล็กถึงกลางครับ โดยรวมแล้ว Tefal EY505D66 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่อยากได้ความหลากหลายในการทำอาหาร อยากลองทำเมนูย่าง ๆ บ้าง แต่ก็ยังต้องการหม้อทอดประสิทธิภาพดีไว้ใช้งานเป็นหลัก ถ้าถามว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ความคุ้มค่าในแง่ของฟังก์ชันที่หลากหลายในราคาที่จับต้องได้ รุ่นนี้จาก Tefal ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ผมอยากแนะนำเลยครับ เหมือนได้ทั้ง กระทะไฟฟ้า และเตาย่างเล็ก ๆ ในเครื่องเดียวเลยครับ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบตะแกรงย่างมากครับ ลองทำหมูย่างจิ้มแจ่วอร่อยเลย ควันไม่เยอะด้วย” – คุณวิน, อายุ 33
“คุ้มดีค่ะ ได้ทั้งทอดทั้งย่างในเครื่องเดียวเลย ประหยัดที่ในครัวไปได้เยอะ” – คุณเกด, อายุ 29
8. SHARP หม้อทอดไร้น้ํามัน รุ่น KF-AF70DB ★★★☆☆
“ใหญ่จุใจ 7 ลิตร! ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่หรือสายปาร์ตี้”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับบ้านไหนที่เป็นครอบครัวใหญ่ หรือชอบจัดปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ่อย ๆ แล้วเจอปัญหาหม้อทอดที่มีอยู่มันเล็กเกินไป ต้องทอดหลายรอบกว่าจะได้กินกันครบทุกคน ปัญหานั้นจะหมดไปครับ! เพราะ SHARP KF-AF70DB มาพร้อมกับความจุขนาดมหึมาถึง 7 ลิตร! เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในลิสต์นี้เลยก็ว่าได้ครับ ใครที่กำลังปวดหัวกับคำถามว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่จะทำอาหารเลี้ยงคนเยอะ ๆ ได้ในครั้งเดียวจบ รุ่นนี้จาก SHARP คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดครับ สามารถอบไก่ได้ทั้งตัวใหญ่ ๆ หรือทอดเฟรนช์ฟรายส์กองโต ๆ ได้แบบสบาย ๆ เลยครับ
คุณสมบัติเด่น
- ความจุขนาดใหญ่พิเศษ: 7 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ 5-7 คน
- กำลังไฟ 1800W: ให้ความร้อนได้รวดเร็วแม้จะมีขนาดใหญ่
- หน้าจอ Digital Touch Screen: ควบคุมง่ายด้วยระบบสัมผัส พร้อม 8 โปรแกรมอัตโนมัติ
- เทคโนโลยี Rapid Hot Air: ช่วยกระจายลมร้อนได้อย่างทั่วถึง ทำให้อาหารชิ้นใหญ่สุกถึงข้างใน
- ตะกร้าทอดถอดล้างได้: เคลือบ Non-stick ทำความสะอาดง่าย
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดขายหลักของ SHARP รุ่นนี้คือ “ขนาด” ที่โดดเด่นเหนือใครครับ การมีความจุถึง 7 ลิตรหมายความว่าเราสามารถใส่ไก่ตัวละเกือบ 2 กิโลกรัมเข้าไปอบได้ทั้งตัวโดยไม่ต้องหั่น หรือจะทำหมูกรอบชิ้นใหญ่ ๆ ก็ทำได้สบาย ซึ่งหม้อทอดขนาดเล็กกว่านี้ไม่สามารถทำได้ครับ มันช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาในการเตรียมอาหารสำหรับคนจำนวนมากได้อย่างมหาศาลครับ แม้เครื่องจะใหญ่แต่กำลังไฟ 1800W ก็ถือว่าให้มาสมตัวครับ สามารถทำความร้อนได้ดีและค่อนข้างสม่ำเสมอด้วยเทคโนโลยี Rapid Hot Air ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารชิ้นโต ๆ จะสุกถึงเนื้อใน ไม่ใช่แค่กรอบแต่ข้างนอกครับ การควบคุมก็ทำได้ง่ายผ่านหน้าจอสัมผัส มีโปรแกรมอัตโนมัติมาให้ 8 อย่างครอบคลุมเมนูพื้นฐานที่ต้องใช้ครับ
แน่นอนว่าด้วยขนาดที่ใหญ่โต ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ในการจัดเก็บครับ ใครที่ครัวเล็ก ๆ อาจจะต้องคิดหนักหน่อย แต่ถ้าบ้านไหนมีพื้นที่และสมาชิกในบ้านเยอะ การลงทุนกับหม้อทอดขนาดใหญ่อย่างนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ มันช่วยให้การทำอาหารมื้อใหญ่ ๆ ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องมานั่งทอดทีละนิดทีละหน่อยให้เสียเวลาครับ โดยรวมแล้ว SHARP KF-AF70DB คือคำตอบสำหรับคนที่มองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความจุเป็นหลัก ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ เหมือนมี เครื่องซักผ้า 20 กิโล ที่ซักผ้านวมผืนใหญ่ได้สบาย ๆ นั่นแหละครับ
คะแนนที่ได้
8.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใหญ่สะใจมากครับ บ้านผมคนเยอะ ตัวนี้ตัวเดียวเอาอยู่เลย” – คุณเป้, อายุ 45
“อบไก่ได้ทั้งตัวเลยค่ะ สะดวกมากเวลาทำอาหารเลี้ยงญาติ ๆ” – คุณติ๊ก, อายุ 41
9. PHILIPS หม้อทอดไร้น้ํามัน 1000 series รุ่น NA110/00 ★★★☆☆
“เล็กพริกขี้หนู! ไซส์มินิ คุณภาพคับแก้วจาก Philips เหมาะกับชาวคอนโด”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
กลับมาที่แบรนด์ต้นตำรับอย่าง Philips อีกครั้ง แต่คราวนี้มาในไซส์มินิกับรุ่น 1000 series NA110/00 ครับ รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนเมืองที่อาศัยอยู่ในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่ครัวจำกัดโดยเฉพาะเลยครับ ใครที่อยู่คนเดียวหรืออยู่กันเป็นคู่ แล้วกำลังถามตัวเองว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ขนาดกะทัดรัด ไม่เกะกะ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ รุ่นนี้คือคำตอบที่ใช่เลยครับ แม้จะตัวเล็ก แต่ก็ยังคงใช้เทคโนโลยี Rapid Air ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Philips ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องประสิทธิภาพการทำอาหารที่กรอบอร่อยและดีต่อสุขภาพครับ
คุณสมบัติเด่น
- ดีไซน์กะทัดรัด: ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับครัวขนาดเล็ก
- ความจุ 3.2 ลิตร: เพียงพอสำหรับการทำอาหาร 1-2 ที่
- เทคโนโลยี Rapid Air: ให้ผลลัพธ์ที่กรอบนอกนุ่มใน และลดไขมันได้ดีเยี่ยม
- ควบคุมง่าย: ใช้ปุ่มหมุนแบบแอนะล็อก ตั้งเวลาและอุณหภูมิได้สะดวก
- ประหยัดพลังงาน: ด้วยขนาดที่เล็กและกำลังไฟที่เหมาะสม ทำให้ไม่กินไฟมากนัก
รีวิวแบบเจาะลึก
Philips NA110/00 คือการย่อส่วนประสิทธิภาพของรุ่นใหญ่ลงมาอยู่ในแพ็คเกจที่เล็กลงครับ มันถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาของคนที่มีพื้นที่จำกัดอย่างแท้จริง การใช้งานก็แสนจะง่ายดาย มีแค่ปุ่มหมุน 2 ปุ่มสำหรับตั้งอุณหภูมิและเวลา ไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เลยครับ แม้ความจุจะแค่ 3.2 ลิตร แต่ก็เพียงพอสำหรับการอุ่นครัวซองต์ตอนเช้า, ทอดนักเก็ตสำหรับมื้อด่วน, หรือย่างอกไก่สำหรับสลัดมื้อเย็นของคนหนึ่งถึงสองคนครับ ประสิทธิภาพการทอดก็ยังคงทำได้ดีตามมาตรฐานของ Philips อาหารออกมาสวยงามและกรอบอร่อยครับ
แน่นอนว่าด้วยขนาดและราคาที่ย่อมเยา ก็ต้องมีการตัดทอนฟังก์ชันบางอย่างออกไปครับ รุ่นนี้จะไม่มีหน้าจอดิจิทัล, ไม่มีโปรแกรมอัตโนมัติ, และไม่มีฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ เป็นหม้อทอดที่ทำหน้าที่พื้นฐานของมันอย่างซื่อสัตย์ครับ ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ต้องการความหวือหวา แค่อยากได้ หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่เล็ก ๆ น่ารัก ๆ ไว้ทำอาหารง่าย ๆ ในคอนโด และเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์ Philips รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ได้ตรงจุดมาก ๆ ครับ เหมือนมี เครื่องซักผ้ามินิ ที่เหมาะกับพื้นที่จำกัด แต่ยังซักผ้าได้สะอาดนั่นเอง
คะแนนที่ได้
8.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ขนาดกำลังดีเลยค่ะ อยู่คอนโดคนเดียว ใช้ตัวนี้พอดีเลย ไม่เกะกะ” – คุณฟ้า, อายุ 27
“เครื่องเล็กแต่ร้อนเร็วดีครับ ใช้อุ่นของทอดที่ซื้อมาก็กรอบเหมือนเดิมเลย” – คุณท็อป, อายุ 30
10. OTTO หม้อทอดไร้น้ํามัน รุ่น CO-725 ★★★☆☆
“ตัวเริ่มต้นสุดประหยัด! ฟังก์ชันพื้นฐานครบ ใช้งานง่าย คุ้มค่าทุกบาท”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายลิสต์ของเรากันด้วยตัวเลือกสำหรับสายประหยัดงบโดยเฉพาะครับ กับ OTTO CO-725 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าคู่ครัวคนไทยมาอย่างยาวนาน ใครที่เพิ่งอยากจะลองเข้าวงการหม้อทอดไร้น้ำมัน แต่ยังไม่อยากลงทุนเยอะ หรือกำลังมองหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ราคาเป็นมิตรที่สุด แต่ยังใช้งานได้จริง รุ่นนี้คือคำตอบที่ใช่เลยครับ ด้วยราคาที่สบายกระเป๋ามาก ๆ แต่ก็ยังให้ฟังก์ชันพื้นฐานมาอย่างครบถ้วน ทั้งการปรับอุณหภูมิได้สูงสุด 200°C และตั้งเวลาได้ถึง 30 นาที ทำให้สามารถทำเมนูทอดง่าย ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
คุณสมบัติเด่น
- ราคาประหยัดมาก: เป็นเจ้าของหม้อทอดไร้น้ำมันได้ในงบไม่ถึงพันบาท
- ความจุ 3 ลิตร: เพียงพอสำหรับการใช้งาน 1-2 คน
- ควบคุมง่าย: ใช้ปุ่มหมุนแบบแอนะล็อก 2 ปุ่ม ไม่ซับซ้อน
- กำลังไฟ 1300W: เพียงพอสำหรับการทำอาหารทั่วไป
- มีไฟแสดงสถานะ: ช่วยให้ทราบว่าเครื่องกำลังทำงานและทำความร้อนอยู่
รีวิวแบบเจาะลึก
OTTO CO-725 คือหม้อทอดที่เน้นการเข้าถึงง่ายและตอบโจทย์การใช้งานขั้นพื้นฐานครับ มันอาจจะไม่มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ, ไม่มีหน้าจอดิจิทัล, หรือไม่มีโปรแกรมอัตโนมัติเหมือนรุ่นพี่ในลิสต์นี้ แต่มันสามารถทำหน้าที่หลักของมันคือ “การทอดด้วยลมร้อน” ได้ครับ จากการใช้งานจริง มันสามารถทอดนักเก็ต, ไส้กรอก, หรืออุ่นของทอดให้กลับมากรอบได้ดีในระดับที่น่าพอใจเลยครับ สำหรับคนที่แค่อยากได้เครื่องมือมาช่วยทำของทอดง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะ และไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์ระดับภัตตาคาร รุ่นนี้ถือว่าทำได้คุ้มค่าตัวมาก ๆ ครับ การควบคุมก็ตรงไปตรงมา แค่หมุนปุ่มตั้งอุณหภูมิกับเวลาที่ต้องการ แล้วก็รอจนกว่าเสียง “ติ๊ง!” จะดังขึ้น เป็นอันเสร็จพิธีครับ
แน่นอนว่าด้วยราคาขนาดนี้ เราก็ไม่สามารถคาดหวังวัสดุที่พรีเมียมหรือความทนทานระดับสิบปีได้ครับ แต่ถ้าใช้งานและดูแลรักษาอย่างดี มันก็สามารถเป็นผู้ช่วยในครัวให้เราได้นานพอสมควรเลยครับ โดยสรุปแล้ว OTTO CO-725 คือคำตอบของคำถามที่ว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่มีงบจำกัดจริง ๆ หรือนักศึกษาที่อยู่หอพักที่อยากได้เครื่องทำอาหารง่าย ๆ สักเครื่อง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความรู้จักกับโลกของหม้อทอดไร้น้ำมันโดยไม่ต้องเจ็บตัวเยอะครับ เหมือนกับ สมาร์ทโฟนราคาถูกและดี ที่แม้ฟีเจอร์ไม่เท่าเรือธง แต่ก็ยังโทรได้ เล่นเน็ตได้ ตอบโจทย์พื้นฐานครบถ้วนนั่นเองครับ
คะแนนที่ได้
7.7/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อมาลองใช้ดูเพราะราคาถูก ก็ใช้ดีเกินคาดนะครับ ทอดไก่ทอดหมูได้ปกติเลย” – คุณเบิร์ด, อายุ 25
“เหมาะกับคนงบน้อยแบบเรามากค่ะ ใช้งานง่ายดี ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ” – คุณน้ำ, อายุ 22
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องครัว
จากข้อมูลของเว็บไซต์รีวิวเครื่องครัวชื่อดังอย่าง Good Housekeeping และ Consumer Reports ได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดหม้อทอดไร้น้ำมันในปี 2025 ไว้ว่า
“ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่หม้อทอดที่ทำให้อาหารกรอบ แต่พวกเขามองหา ‘ผู้ช่วยในครัวอัจฉริยะ’ ที่สามารถทำได้หลากหลายเมนู, ใช้งานง่าย, และที่สำคัญคือต้องทำความสะอาดสะดวกด้วย เทรนด์ของหม้อทอดจึงมุ่งไปสู่การเป็นอุปกรณ์ Multi-Function มากขึ้น”
นั่นหมายความว่า การแข่งขันในตลาดไม่ได้วัดกันที่ว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่ร้อนเร็วที่สุด แต่เป็นการแข่งขันว่ายี่ห้อไหนจะสามารถมอบ “ประสบการณ์” การทำอาหารที่ง่ายและสนุกกว่ากัน ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยสำคัญหลายอย่างครับ
เทรนด์สำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญจับตามอง
- ความอเนกประสงค์ (Versatility): หม้อทอดที่ทำได้แค่ทอดกำลังจะตกยุค ผู้ผลิตต่างพยายามเพิ่มฟังก์ชันอื่น ๆ เข้ามา เช่น ย่าง, อบ, นึ่ง, หรือแม้กระทั่ง Sous-vide เพื่อให้เครื่องเดียวสามารถทำอาหารได้ครบวงจรมากขึ้น
- การเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connectivity): การควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน, การสั่งงานด้วยเสียง, หรือการเข้าถึงสูตรอาหารออนไลน์ กำลังจะกลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานที่ช่วยให้การทำอาหารง่ายและแม่นยำขึ้นสำหรับทุกคน
- ขนาดและความจุที่หลากหลาย: ตลาดมีความเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้มีหม้อทอดตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับคนโสด ไปจนถึงขนาดใหญ่พิเศษสำหรับครอบครัวใหญ่ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
- วัสดุและการทำความสะอาด: การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย (BPA/PFOA-Free) และการออกแบบชิ้นส่วนให้ถอดล้างในเครื่องล้างจานได้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างมาก
บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS
“จากการวิเคราะห์ของเรา คำถามที่ว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2025 จะไม่มีคำตอบที่ตายตัวอีกต่อไปครับ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า ‘คุณเป็นเชฟสไตล์ไหน’ หากคุณเป็นสายทดลอง ชอบทำอาหารหลากหลาย Ninja Foodi MAX คือคำตอบ หากคุณเป็นสายสุขภาพที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยี Philips ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง หรือถ้าคุณเป็นสายแต่งบ้านที่รักในดีไซน์และความคุ้มค่า COSORI และ Xiaomi ก็ทำได้น่าประทับใจ ดังนั้น การเลือกหม้อทอดที่ดีที่สุดคือการเลือกเครื่องที่เข้ากับไลฟ์สไตล์, ขนาดครอบครัว, และงบประมาณของคุณมากที่สุดครับ”
เคล็ดลับการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันให้โดนใจ
การจะตัดสินใจว่า หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี อาจจะดูน่าปวดหัว แต่ถ้าเรามีเช็คลิสต์ในใจก็จะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ลองใช้เคล็ดลับเหล่านี้ดูนะครับ
- ขนาดความจุต้องมาก่อน: นี่คือข้อที่สำคัญที่สุดครับ ลองถามตัวเองว่าปกติทำอาหารสำหรับกี่คน?
- 1-2 คน: เลือกขนาด 2-3.5 ลิตรก็เพียงพอแล้วครับ (เช่น Xiaomi, PHILIPS NA110/00)
- 3-4 คน: มองหาขนาด 4-5.5 ลิตร จะกำลังดีมาก (เช่น Philips 2000, COSORI, Ninja AF160EU)
- 5 คนขึ้นไป หรือสายปาร์ตี้: จัดไซส์ใหญ่ 6-7 ลิตรขึ้นไปเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลาทำหลายรอบ (เช่น SHARP)
- รูปทรงของตะกร้า: หลายคนอาจมองข้ามข้อนี้ แต่ตะกร้าทรงสี่เหลี่ยมมักจะมีพื้นที่ใช้สอยจริงมากกว่าทรงกลมในความจุที่เท่ากันนะครับ ทำให้จัดวางอาหารได้ง่ายกว่าด้วย
- ฟังก์ชันการใช้งาน: คุณต้องการแค่ “ทอด” หรือเปล่า? ถ้าใช่ รุ่นพื้นฐานก็เพียงพอ แต่ถ้าอยาก “ย่าง” สเต๊กสวย ๆ หรือ “อบ” ขนมเค้กด้วย ก็ควรเลือกรุ่นที่เป็น Multi-Function (เช่น Ninja Foodi MAX, Tefal)
- ระบบควบคุม: ชอบความง่ายแบบคลาสสิกของปุ่มหมุน (Analog) หรือชอบความแม่นยำและทันสมัยของหน้าจอสัมผัส (Digital)? ระบบดิจิทัลมักจะมาพร้อมโปรแกรมอัตโนมัติที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ
- การทำความสะอาด: มองหารุ่นที่ตะกร้าเคลือบ Non-stick คุณภาพดี และระบุว่าสามารถนำเข้าเครื่องล้างจานได้ (Dishwasher-safe) จะช่วยทุ่นแรงไปได้มหาศาลเลยครับ
- งบประมาณ: สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ตั้งงบในใจไว้ก่อนครับ หม้อทอดมีตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลาย ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น การมีงบจะช่วยให้เราตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไปได้ง่ายขึ้นครับ
หม้อทอดไร้น้ำมัน vs. หม้ออบลมร้อน: ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?
เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตเลยครับว่าเจ้าสองเครื่องนี้มันต่างกันยังไง จริง ๆ แล้วหลักการทำงานของมันคล้ายกันมากคือใช้พัดลมเป่าลมร้อนให้หมุนเวียนในพื้นที่ปิดเพื่อทำให้อาหารสุก แต่ก็มีความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ “ดีไซน์” และ “การใช้งาน” ครับ
- หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer): จะมีขนาดกะทัดรัดกว่า พื้นที่ทำอาหารจะเล็กและแคบ ทำให้ลมร้อนหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก ส่งผลให้อาหารมีความ “กรอบ” เหมือนการทอดจริง ๆ มากกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการความกรอบเป็นพิเศษ เช่น ไก่ทอด, เฟรนช์ฟรายส์, หมูกรอบ
- หม้ออบลมร้อน (Convection Oven): มักจะเป็นโถแก้วขนาดใหญ่ มีพื้นที่ภายในกว้างกว่า ทำให้ลมร้อนหมุนเวียนได้ไม่รุนแรงเท่าหม้อทอด ผลลัพธ์ที่ได้จะใกล้เคียงกับการ “อบ” หรือ “ย่าง” มากกว่า เหมาะกับการทำอาหารชิ้นใหญ่ ๆ เช่น อบไก่ทั้งตัว, ทำบาร์บีคิว, หรืออบขนมปัง
สรุปง่าย ๆ: ถ้าคุณคือ “สายกรอบ” ชอบของทอดเป็นชีวิตจิตใจ ให้เลือกหม้อทอดไร้น้ำมันครับ แต่ถ้าคุณคือ “สายอบ-ย่าง” ชอบทำอาหารชิ้นใหญ่ ๆ หม้ออบลมร้อนอาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าครับ
เทคนิคการใช้หม้อทอดไร้น้ำมันให้เหมือนโปร: อาหารอร่อยขึ้น 100%
ได้หม้อทอดดี ๆ มาแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มใช่ไหมครับ ลองเอาเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าอาหารของคุณจะอร่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลย!
- อย่าใส่อาหารแน่นเกินไป: นี่คือข้อผิดพลาดที่เจอบ่อยที่สุด! การอัดอาหารเข้าไปแน่นเกินไปจะทำให้ลมร้อนหมุนเวียนไม่สะดวก อาหารจะสุกไม่ทั่วถึงและไม่กรอบครับ ควรเว้นที่ว่างให้อากาศได้ไหลผ่านบ้าง
- Pre-heat เครื่องก่อนเสมอ: เหมือนกับการวอร์มเตาอบครับ การอุ่นเครื่องสัก 3-5 นาทีก่อนใส่อาหารเข้าไป จะช่วยให้อาหารสุกเร็วขึ้นและได้ผิวที่กรอบสวยงาม
- เขย่า! เขย่า! เขย่า!: สำหรับอาหารชิ้นเล็ก ๆ อย่างเฟรนช์ฟรายส์หรือนักเก็ต การเปิดออกมาเขย่าตะกร้าทุก ๆ 5-7 นาที จะช่วยให้ทุกชิ้นโดนความร้อนเท่า ๆ กันและกรอบทั่วถึงครับ (หรือเลือกรุ่นที่มี Shake Reminder อย่าง COSORI ก็จะสบายเลย)
- ซับอาหารให้แห้ง: ก่อนนำอาหารเข้าหม้อ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ควรใช้กระดาษซับให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความชื้นที่น้อยลงจะช่วยให้ผิวของอาหารกรอบเร็วขึ้นครับ
- ใช้น้ำมันเล็กน้อย: แม้จะชื่อว่าหม้อทอด “ไร้” น้ำมัน แต่การพ่นสเปรย์น้ำมันหรือคลุกน้ำมันเล็กน้อย (ประมาณ 1 ช้อนชา) กับอาหารบางชนิด เช่น ผัก หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ค่อยมีไขมัน จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นมากครับ ทั้งสีสันที่สวยงามและป้องกันไม่ให้อาหารแห้งเกินไป
- ลงทุนกับอุปกรณ์เสริม: กระดาษรองหม้อทอด (Parchment Liners) คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณครับ มันช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นเยอะมาก หรือจะลองหาซื้อถาดซิลิโคนสำหรับอบเค้ก หรือตะแกรงเสริมสำหรับทำอาหาร 2 ชั้น ก็จะช่วยให้คุณใช้เครื่องได้หลากหลายขึ้นครับ เหมือนมี อุปกรณ์เสริม Nintendo Switch ที่ทำให้เล่นเกมสนุกขึ้นนั่นแหละครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- ถาม: หม้อทอดไร้น้ำมันกินไฟไหม?
ตอบ: กินไฟพอสมควรครับ เพราะต้องใช้พลังงานสูงในการสร้างความร้อน แต่เมื่อเทียบกับการใช้เตาอบขนาดใหญ่แล้ว หม้อทอดไร้น้ำมันจะใช้เวลาทำอาหารสั้นกว่ามาก ทำให้โดยรวมแล้วอาจจะประหยัดพลังงานกว่าในหลาย ๆ เมนูครับ - ถาม: จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลยไหม?
ตอบ: สำหรับอาหารที่มีไขมันในตัวอยู่แล้วอย่างหมูกรอบหรือปีกไก่ ไม่จำเป็นต้องใช้เลยครับ แต่สำหรับอาหารที่แห้ง ๆ อย่างอกไก่หรือผัก การใช้น้ำมันเล็กน้อยจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและไม่แห้งกระด้างครับ - ถาม: ทำความสะอาดยากไหม?
ตอบ: ไม่ยากเลยครับ รุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ตะกร้าจะเคลือบ Non-stick มาอย่างดีและถอดล้างได้ง่าย หลายรุ่นยังเข้าเครื่องล้างจานได้ด้วย เคล็ดลับคือหลังจากใช้งานเสร็จ ให้แช่ตะกร้าในน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานไว้สักพัก คราบจะหลุดออกง่ายมากครับ - ถาม: นอกจากของทอดแล้ว ทำเมนูอื่นได้อีกไหม?
ตอบ: ได้สบายมากครับ! เราสามารถใช้หม้อทอดในการ ย่างปลา, อบมัฟฟิน, ทำพิซซ่า, อุ่นอาหาร, หรือแม้กระทั่งคั่วถั่วได้ด้วยครับ ลองดูสูตรอาหารจากแอปฯ ของแต่ละแบรนด์ (เช่น NutriU ของ Philips หรือ Mi Home ของ Xiaomi) จะช่วยเปิดไอเดียได้เยอะเลยครับ
บทสรุปส่งท้าย: เลือกหม้อทอดที่ใช่ ให้ชีวิตอร่อยและง่ายขึ้น
และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายของการเดินทางตามหา หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี ที่สุดสำหรับปี 2025 กันแล้วนะครับ ผมหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมาให้แบบจัดเต็มนี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ไม่มีรุ่นไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่จะมีรุ่นที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับไลฟ์สไตล์ของเราครับ
ถ้าคุณคือสุดยอดเชฟประจำบ้านที่รักการทำอาหารหลากหลายและงบถึง Ninja Foodi MAX คือคำตอบสุดท้ายที่ครบเครื่องที่สุด แต่ถ้าเน้นความกรอบสะใจและรวดเร็ว Ninja AF160EU ก็เป็นตัวเลือกที่น่าประทับใจ สำหรับสายแต่งบ้านที่ชอบดีไซน์สวยงามและฟังก์ชันฉลาด ๆ COSORI และ Xiaomi ก็โดดเด่นมาก ๆ ในขณะที่สายสุขภาพที่เชื่อมั่นในแบรนด์และเทคโนโลยี Philips ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ไว้ใจได้เสมอครับ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือก หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้เครื่องมือที่มาช่วยให้การทำอาหารเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น สนุกขึ้น และอร่อยขึ้นครับ ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขกับการเข้าครัวและสร้างสรรค์เมนูอร่อย ๆ ให้กับตัวเองและคนที่คุณรักนะครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน: หม้อทอดไร้น้ำมัน ยี่ห้อไหนดี
- รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ, ราคา, หรือการรับประกันสินค้า ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของผู้ผลิตแต่ละแบรนด์อีกครั้ง ได้แก่ Ninja, COSORI, Philips, Xiaomi, Electrolux, Tefal, SHARP, และ OTTO ครับ
- คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากข้อมูลจำเพาะ, ฟังก์ชันการใช้งาน, ราคา, รีวิวจากผู้ใช้งานจริง, และประสบการณ์ตรงของผู้เขียน เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจครับ
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “คุณเอก, อายุ 42”) เป็นความคิดเห็นสมมุติที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานในมุมมองที่หลากหลายเท่านั้น
- บทความนี้รวบรวมข้อมูล ณ ช่วงเวลาที่เผยแพร่ คุณสมบัติและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ