ถ้าพูดถึงการชมภาพยนตร์หรือซีรีส์โปรดให้ฟินแบบเต็มอรรถรส หลายคนคงกำลังชั่งใจอยู่ว่า “Android TV ยี่ห้อไหนดี” ถึงจะตอบโจทย์การใช้งานที่สุดในปี 2025 เพราะสมัยนี้ Android TV ไม่ได้มีเพียงความคมชัดของภาพเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะต่าง ๆ เช่น ระบบสั่งงานด้วยเสียง การสตรีมคอนเทนต์จากมือถือได้ง่าย ๆ และยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงให้คุณได้ดู Netflix, YouTube, Disney+, HBO GO หรือแม้กระทั่งเล่นเกมจาก Google Play Store ได้อีกด้วย
บทความนี้จะขอพาทุกคนไปชม 9 อันดับ Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่คัดมาให้เน้น ๆ สำหรับปี 2025 ตั้งแต่รุ่นท็อปสเปกโหดที่แทบจะยกโรงภาพยนตร์มาไว้ในบ้าน ไปจนถึงรุ่นราคาคุ้มค่า ประหยัดไฟ และมีลูกเล่นเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ใครที่กำลังเล็งทีวีใหม่หรืออยากอัปเกรดทีวีเดิม ห้ามพลาดเลยครับ!
9 อันดับ Android TV ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025
1. Sony BRAVIA Series (Google TV) ★★★★★
“ภาพสวยเต็มอารมณ์ เสียงกระหึ่ม มาพร้อม Google TV ในตัว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Sony BRAVIA Series (Google TV) เป็นตัวแทนความหรูหราสุดล้ำของโลกทีวีที่หลาย ๆ คนตกหลุมรัก จุดเด่นคือความคมชัดของภาพระดับ 4K HDR พร้อมเทคโนโลยีประมวลผลภาพเฉพาะของ Sony อย่าง XR Processor (ในรุ่นสูง) ที่วิเคราะห์ภาพเชิงลึกได้แบบอัจฉริยะ สีสันที่ได้จึงสมจริง คอนทราสต์โดดเด่น และเอาใจคอภาพยนตร์ที่อยากสัมผัสความละเอียดขั้นสุด แม้จะดูในที่มีแสงจ้า ภาพก็ยังเคลียร์สบายตา
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: มีให้เลือกตั้งแต่ 43 นิ้ว ไปจนถึง 85 นิ้ว (4K HDR)
- ระบบปฏิบัติการ: Google TV (อัปเกรดจาก Android TV รุ่นเก่า)
- ชิปประมวลผล: Cognitive Processor XR / X1 (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
- เทคโนโลยีเสียง: Acoustic Surface / Acoustic Multi-Audio / Dolby Atmos
- พอร์ตเชื่อมต่อ: HDMI, USB, LAN, Wi-Fi, Bluetooth ฯลฯ
ระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos
อินเทอร์เฟซ Google TV ใช้งานง่าย มีแอปให้เลือกเยอะ
วัสดุงานประกอบดี ดีไซน์เรียบหรู
###ER##GF#### ราคาสูงเมื่อเทียบกับบางแบรนด์ในสเปกใกล้เคียง
บางรุ่นขาตั้งทีวีค่อนข้างกว้าง ต้องมีพื้นที่วางพอสมควร
[/i2pc>
คะแนนที่ได้
9.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“จัดมา 55 นิ้ว ภาพสวยคมจริง ๆ ดูหนังใน Netflix ฟินมาก เสียงกระหึ่มไม่ต้องซื้อลำโพงเพิ่ม” – บอล, อายุ 29
“เคยใช้ Sony BRAVIA มาตลอด ไม่เคยผิดหวังเรื่องคุณภาพ แนะนำเลย” – ปู, อายุ 34
2. TCL QLED Android TV Series ★★★★☆
“คุ้มค่าเกินราคา ภาพสวยคมชัดระดับ QLED พร้อมระบบเสียง Dolby”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
TCL เป็นอีกหนึ่งคำตอบสำหรับใครที่กำลังมองหา Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าด้านราคาและสเปก โดยใน QLED Series นี้ โดดเด่นที่การแสดงผลด้วย Quantum Dot Technology ให้สีสันสดใสสมจริง และยังมี Dolby Vision กับ Dolby Atmos ติดตั้งมาให้ในบางรุ่น ทำให้ได้ทั้งภาพและเสียงที่กระหึ่มดีเกินคาดเมื่อเทียบกับราคาจับต้องได้ง่าย
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 50–75 นิ้ว (4K QLED)
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV (อาจมีรุ่นใหม่ใช้ Google TV)
- เทคโนโลยีภาพ: Quantum Dot, Dolby Vision, HDR10+
- เทคโนโลยีเสียง: Dolby Atmos, DTS-HD
- การเชื่อมต่อ: HDMI, USB, Wi-Fi, Bluetooth
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“คุ้มมาก ภาพสวยโดดเด่น ดีไซน์ขอบบาง ดูโมเดิร์น” – ชาย, อายุ 27
“ทีวีใหญ่ 65 นิ้วราคาดีเกินคาด ใช้งาน Android TV ลื่นไหล” – แพรว, อายุ 30
3. Xiaomi TV Q Series / A Pro Series ★★★★☆
“สมาร์ตทีวีราคาคุ้ม ฟีเจอร์ครบ สายคอนเทนต์ต้องไม่พลาด”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Xiaomi TV Q Series / A Pro Series เป็นทีวีที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องดีไซน์เรียบหรูและสเปกแน่น ปรับตั้งค่าหรือควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนได้สะดวก ถ้ายังลังเลอยู่ว่าจะเลือก Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับคนชอบดู YouTube, Netflix หรือเล่นเกมใน Google Play Store บ่อย ๆ รุ่นของ Xiaomi น่าสนใจมาก เพราะมีระบบ PatchWall UI มาช่วยคัดสรรคอนเทนต์จากหลายแหล่งมาอยู่หน้าเดียวกัน ดูง่ายสุด ๆ
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: ตั้งแต่ 43–75 นิ้ว (4K HDR)
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV + PatchWall UI
- เทคโนโลยีภาพ: Quantum Dot (เฉพาะ Q Series), HDR10+, Dolby Vision
- ลำโพง: Stereo, บางรุ่นรองรับ Dolby Audio
- การเชื่อมต่อ: HDMI, USB, Wi-Fi, Bluetooth
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ราคาดีงาม ได้ 50 นิ้ว ภาพสวย ดู YouTube, Netflix อะไรลื่นมาก” – โอม, อายุ 26
“แฟนผมชอบมาก เชื่อมกับมือถือ Xiaomi ได้สะดวกดี” – เป้, อายุ 28
4. Hisense ULED Android TV ★★★★★
“สเปกจัดเต็ม ULED ภาพคม เน้นคอนทราสต์สูง เหมาะดูหนังแบบสุดฟิน”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Hisense นับว่าเป็นแบรนด์ที่มาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดทีวี ด้วยจุดขาย ULED (Ultra LED) ที่เน้นคุณภาพของภาพ ความสว่าง และคอนทราสต์ที่สูง ทำให้ฉากมืดดูชัดและฉากสว่างก็ดูเปล่งประกาย เต็มตา หากยังไม่แน่ใจว่า Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนที่ชอบดูหนังแอ็กชันหรือซีรีส์สไตล์ดราม่า Hisense ULED ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์เรื่องภาพได้ดีทีเดียว
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 50–75 นิ้ว (4K ULED)
- เทคโนโลยีภาพ: ULED, Full Array Local Dimming, Dolby Vision
- รีเฟรชเรต: รองรับได้ตั้งแต่ 60Hz ถึง 120Hz (ขึ้นกับรุ่น)
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, DTS Virtual:X
- เชื่อมต่อ: HDMI, USB, Wi-Fi, Bluetooth
คะแนนที่ได้
9/10
รีวิวสั้น ๆ
“เคยไม่ค่อยรู้จักยี่ห้อนี้ แต่ลองดูของเพื่อนแล้วภาพสวยจัด ซื้อเองไม่ผิดหวัง” – เอก, อายุ 31
“ใครดู Netflix บ่อย ๆ แนะนำเลย สเปกโอเค คุ้มสุด” – วิน, อายุ 33
5. Sharp AQUOS Android TV 4K ★★★★☆
“ความทนทานคือจุดขาย ภาพสวยคมชัด ฟีเจอร์ใช้งานง่าย”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Sharp AQUOS เป็นซีรีส์ที่โด่งดังเรื่องความทนทานและคุณภาพจอมาอย่างยาวนาน รุ่น Android TV 4K นี้ก็ยังคงคุณสมบัติดังกล่าวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใครถามหา Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นซื้อครั้งเดียวใช้ยาว ๆ แบบสบายใจ Sharp ก็เป็นคำตอบที่ปลอดภัย ด้วยการเคลือบหน้าจอที่ลดแสงสะท้อนและช่วยถนอมสายตา ทำให้ดูได้สบายตาเป็นเวลานาน
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 40–70 นิ้ว (4K HDR)
- เทคโนโลยีภาพ: X4 Master Engine Pro II / Deep Chroma Display
- ระบบเสียง: Original Surround, Dolby Audio
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV
- ความทนทาน: บางรุ่นผ่านการทดสอบ 7 Shields (กันฟ้าผ่า, ทนแรงดันไฟ)
คะแนนที่ได้
8/10
รีวิวสั้น ๆ
“บ้านผมใช้ Sharp มาตลอด ทนจริง ๆ ใช้นานไม่ค่อยมีปัญหา” – โอ๋, อายุ 37
“จอสวย ราคาไม่แรง แบรนด์ญี่ปุ่นไว้วางใจได้” – ปิ๊ก, อายุ 25
6. Philips Android TV Ambilight Series ★★★★☆
“แสง Ambilight สุดล้ำ เพิ่มอรรถรสในการดูทีวีให้เหนือชั้น”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าใครเคยเห็นทีวีที่มีระบบไฟส่องสว่างรอบตัวเครื่องขณะรับชม นั่นก็คือ Ambilight จาก Philips ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ การแสดงสีไฟจะเปลี่ยนตามภาพบนหน้าจอ ช่วยขยายขอบเขตภาพให้ดูอลังการ ใครกำลังคิดว่าจะซื้อ Android TV ยี่ห้อไหนดี ลองพิจารณาซีรีส์ Ambilight ของ Philips ไว้เป็นตัวเลือก รับรองว่าดูหนัง ฟังเพลง จัดปาร์ตี้ในห้องจะได้บรรยากาศที่แปลกใหม่กว่าที่เคย
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 43–70 นิ้ว (4K HDR)
- เทคโนโลยี Ambilight: มีแบบ 2 ด้าน / 3 ด้าน ตามรุ่น
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, DTS HD
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV
- จุดเด่น: ไฟ Ambilight ปรับตามภาพ สร้างบรรยากาศ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“Ambilight ทำให้ดูหนังเพลินมาก เหมือนจอขยายออกมา” – ป้อม, อายุ 35
“เปิดปาร์ตี้คือสวย ฟีลไฟในผับเล็ก ๆ ย่อม ๆ เลย” – ใบตอง, อายุ 29
7. Panasonic 4K Android TV HX/MX Series ★★★★★
“ภาพสวยตามมาตรฐาน Panasonic สีสันเป็นธรรมชาติ ใช้งานคุ้มค่า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Panasonic เป็นอีกค่ายญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ด้านภาพและเสียงมายาวนาน โดยในซีรีส์ 4K Android TV อย่าง HX หรือ MX ก็ยังคงจุดเด่นเรื่องสีสันที่เป็นธรรมชาติ ความคมชัดในแบบ 4K พร้อมฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับการเป็น Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่แนะนำสำหรับการดูทีวีทั่ว ๆ ไป พร้อมเล่นแอปออนไลน์ได้ครบ ตอบสนองได้ดีตามมาตรฐาน ทั้งนี้อาจจะไม่หวือหวาเท่ารุ่นแฟล็กชิปของแบรนด์อื่น แต่ถ้าเน้นใช้งานง่าย ราคาไม่แรง ก็น่าพิจารณา
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 43–75 นิ้ว (4K HDR)
- เทคโนโลยีภาพ: HDR10, Dolby Vision (บางรุ่น)
- เสียง: Dolby Atmos (บางรุ่น), Surround Basic
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV
- ฟีเจอร์เพิ่มเติม: Google Assistant, Chromecast built-in
คะแนนที่ได้
8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ภาพชัด ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง แบรนด์นี้ยังไว้ใจได้อยู่” – ไกด์, อายุ 38
“เน้นดูทีวีทั่วไปกับ YouTube ไม่ต้องจัดสเปกโหด ๆ ก็พอแล้ว” – เมเปิ้ล, อายุ 26
8. Toshiba 4K Android TV (V35, M550 Series) ★★★★☆
“AI อัจฉริยะช่วยปรับภาพคม สีสด ฟีเจอร์ Android TV จัดเต็ม”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Toshiba อาจไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากในช่วงหลัง ๆ แต่ความจริงแล้วก็ยังเป็นแบรนด์ที่มีเทคโนโลยี TV คุณภาพดีไม่แพ้เจ้าตลาด โดยเฉพาะซีรีส์ M550 ที่มี REGZA Engine และ AI Intelligent Scene Optimizer ช่วยปรับภาพและเสียงอัตโนมัติให้เหมาะกับคอนเทนต์ที่ดู ส่วนรุ่น V35 จะราคาย่อมเยาลงมา ใครถามหา Android TV ยี่ห้อไหนดี แบบไม่อยากจ่ายหนัก Toshiba ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 43–75 นิ้ว (4K HDR)
- REGZA Engine: ช่วยอัปสเกลภาพและปรับความคมชัด
- AI Intelligent Scene Optimizer: วิเคราะห์ฉาก ปรับเสียงและภาพอัตโนมัติ
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV
- เสียง: Dolby Atmos, DTS Virtual:X
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“เคยใช้ Toshiba มานาน ชอบ AI Optimizer ปรับภาพกับเสียงได้โอเคดี” – ฟิล์ม, อายุ 29
“รุ่น V35 ราคาไม่แพงมาก แต่ได้ Android TV คุ้มแล้ว” – แบงค์, อายุ 32
9. Skyworth Android TV 4K ★★★★
“ภาพ 4K ใช้งาน Android TV ได้ง่าย ราคาประหยัด จับต้องได้”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายกันด้วย Skyworth แบรนด์ทีวีจากจีนที่ตีตลาดเอเชียมาหลายปี ดีไซน์อาจไม่ได้โดดเด่นเท่าเจ้าตลาดรายอื่น ๆ แต่สเปกถือว่าเกินราคา มีรุ่น 4K HDR ที่ให้ภาพค่อนข้างคม ใครมองหา Android TV ยี่ห้อไหนดี ในงบประหยัด หรืออยากได้ทีวีขนาดใหญ่ในราคาที่ไม่แพงเกินไป Skyworth ก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจ ลองเช็คโปรโมชันตามร้านค้าออนไลน์ดู บางทีราคาดรอปได้คุ้มยิ่งขึ้นไปอีก
สเปกเด่น
- ขนาดหน้าจอ: 43–65 นิ้ว (4K HDR)
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV
- เทคโนโลยีภาพ: HDR10, Wide Color Gamut (บางรุ่น)
- เสียง: Dolby Digital, DTS
- ราคา: จับต้องได้ง่ายเมื่อเทียบกับทีวี 4K
คะแนนที่ได้
7.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“อยากได้ทีวี 4K แต่ไม่อยากจ่ายแพง Skyworth ก็ตอบโจทย์อยู่” – แอน, อายุ 24
“คุณภาพคุ้มราคา เอาไว้ดูทีวีทั่วไปกับซีรีส์โอเคเลย” – ต้น, อายุ 31
ตารางเปรียบเทียบสรุป Android TV ทั้ง 9 รุ่น
ถ้าต้องการดูข้อมูลแบบรวม ๆ เพื่อเปรียบเทียบง่าย ๆ เรามีตารางสรุปด้านล่างนี้ให้เลื่อนซ้าย-ขวา (ในมือถือ) เพื่อเช็คสเปกและราคาคร่าว ๆ ของแต่ละรุ่นได้เลย
อันดับ | รูปสินค้า | ชื่อสินค้า | สเปกเด่น | คะแนน | ขนาดจอ (นิ้ว) | ระบบเสียง | Shopee / Lazada |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | Sony BRAVIA Series (Google TV) | XR/X1 Processor, 4K HDR, Dolby Atmos | 9.5/10 | 43–85 | Acoustic Audio | Lazada Shopee | |
2 | TCL QLED Android TV Series | QLED, Dolby Vision, Dolby Atmos | 8.5/10 | 50–75 | Dolby Atmos | Lazada Shopee | |
3 | Xiaomi TV Q Series / A Pro Series | Quantum Dot (Q Series), PatchWall, Dolby Vision | 8.5/10 | 43–75 | Dolby Audio | Lazada Shopee | |
4 | Hisense ULED Android TV | ULED, Full Array, Dolby Atmos | 9/10 | 50–75 | Dolby Atmos | Lazada Shopee | |
5 | Sharp AQUOS Android TV 4K | X4 Master Engine, HDR, Dolby Audio | 8/10 | 40–70 | Dolby Audio | Lazada Shopee | |
6 | Philips Android TV Ambilight Series | Ambilight, Dolby Vision, Dolby Atmos | 8.5/10 | 43–70 | Dolby Atmos | Lazada Shopee | |
7 | Panasonic 4K Android TV HX/MX Series | HDR10, Android TV, ราคาเข้าถึงง่าย | 8/10 | 43–75 | Dolby Atmos (บางรุ่น) | Lazada Shopee | |
8 | Toshiba 4K Android TV (V35, M550 Series) | REGZA Engine, AI Scene Optimizer, Dolby Atmos | 8.5/10 | 43–75 | Dolby Atmos | Lazada Shopee | |
9 | Skyworth Android TV 4K | HDR10, ราคาประหยัด, Android TV | 7.5/10 | 43–65 | Dolby Digital | Lazada Shopee |
เคล็ดลับการเลือกซื้อ Android TV ให้ตรงใจ
สำหรับใครที่อาจจะยังลังเลอยู่ว่าควรจัด Android TV ยี่ห้อไหนดี เราก็มีเคล็ดลับในการเลือกซื้อมาฝากครับ เพื่อให้ได้ทีวีที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณจริง ๆ
- ขนาดจอและระยะรับชม: เลือกตามระยะที่นั่งดูและพื้นที่ในห้อง ถ้าห้องนั่งเล่นใหญ่ สัก 55–65 นิ้ว กำลังสบายตา แต่ถ้าห้องนอนหรือคอนโดเล็ก อาจจะเลือก 43–50 นิ้ว เพื่อไม่ให้เกินพอดี
- ความละเอียด: ปัจจุบัน 4K กลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว ถ้าใครต้องการภาพที่คมมาก หรือชอบคอนเทนต์ Dolby Vision / HDR10+ ก็ควรเลือกทีวีที่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้
- ภาพและเสียง: ถ้าชอบดูหนังเป็นหลัก ควรใส่ใจกับระบบเสียง (Dolby Atmos / DTS) และเทคโนโลยีภาพอย่าง QLED, ULED, OLED (หากงบถึง) เพื่อให้ได้อรรถรสที่ครบถ้วน
- งบประมาณ: ตั้งงบล่วงหน้าแล้วเลือกยี่ห้อ/รุ่นที่อยู่ในช่วงราคา ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินก้อนใหญ่เสมอไป เพราะทุกวันนี้ทีวี 4K คุณภาพดีในราคาไม่แรงก็มีเยอะ
- ฟีเจอร์เสริม: Android TV จะมี Google Play Store ในตัว ตรวจสอบด้วยว่ารองรับแอปที่คุณต้องการ เช่น Netflix, Disney+, HBO GO, YouTube, Viu, หรือฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียง Google Assistant
- ช่องต่อและการเชื่อมต่อ: เช็คจำนวน HDMI, USB, การรองรับ Wi-Fi Dual-band หรือ Bluetooth สำคัญมากถ้าคุณต้องต่ออุปกรณ์เสริม เช่น ซาวด์บาร์, เครื่องเล่นเกม, หรือ External HDD
- ดีไซน์: ถึงจะเป็นเรื่องรอง แต่ก็สำคัญ ถ้าชอบทีวีแบบขอบบาง ดูโมเดิร์น หรือขาตั้งไม่กินพื้นที่ ก็ต้องมองหาแบรนด์ที่ออกแบบตอบโจทย์ตรงนี้
- รับประกัน: แบรนด์ใหญ่ ๆ มักรับประกัน 1–3 ปี พร้อมบริการหลังการขาย ตรวจสอบรายละเอียดก่อนซื้อเสมอ
วิธีใช้งาน Android TV แบบง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้ Android TV หรือกำลังลองครั้งแรก อาจสงสัยว่าการตั้งค่าต่าง ๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง เราขอแชร์ทิปง่าย ๆ ดังนี้
- เชื่อมต่อบัญชี Google: หลังเปิดเครื่องครั้งแรก ทีวีจะให้ล็อกอินด้วยบัญชี Google เพื่อซิงก์ข้อมูลแอป, รายการโปรด, และการตั้งค่าของคุณ
- ดาวน์โหลดแอปจาก Play Store: เช่น Netflix, YouTube, Disney+, Viu, หรือแอปเกมต่าง ๆ สามารถค้นหาได้ง่าย ๆ ใน Play Store บนทีวี
- สั่งงานด้วยเสียง: รีโมต Android TV มักมีปุ่มไมโครโฟน ให้เรากดแล้วพูด “เปิด YouTube” หรือ “ค้นหาหนัง Marvel” ก็สะดวกทันใจ
- แคสต์คอนเทนต์จากมือถือ: ถ้าเป็นสมาร์ตโฟน Android ให้ใช้ฟีเจอร์ Chromecast Built-in แคสต์วิดีโอ/เพลงจากมือถือขึ้นทีวีได้เลย
- ปรับปรุงคุณภาพเสียง/ภาพเพิ่ม: บางคนชอบต่อซาวด์บาร์เพื่อให้เสียงกระหึ่ม หรือปรับโหมดภาพ (Movie, Standard, Dynamic) ตามการใช้งาน
- อัปเดตระบบสม่ำเสมอ: เช็คการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เพื่อรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และอุดช่องโหว่ต่าง ๆ
เท่านี้การใช้งาน Android TV ก็จะเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ แล้วครับ
บทสรุปส่งท้าย
ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะได้คำตอบกันแล้วว่าถ้าถามว่า Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับปี 2025 ก็มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่ Sony ที่ขึ้นชื่อเรื่องภาพและเสียงจัดเต็ม TCL ที่ราคาคุ้มค่า Xiaomi ที่เชื่อมต่อสมาร์ตโฟนได้ง่าย Hisense ภาพสวยด้วย ULED หรือจะเป็น Sharp, Philips, Panasonic, Toshiba, Skyworth ต่างก็มีรุ่นเด็ด ๆ เป็นทางเลือกให้แต่ละงบและความชอบ
ก่อนตัดสินใจ อย่าลืมเช็คปัจจัยสำคัญอย่างขนาดห้อง งบประมาณ ฟีเจอร์ภาพเสียงที่ต้องการ และโปรโมชั่นจากร้านค้า ถ้ายังอยากอ่านรีวิวสินค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น Soundbar ก็สามารถดูได้ที่ TOPLISTPLUS เพื่อประกอบการตัดสินใจมากขึ้นนะครับ
ขอให้ได้ทีวีถูกใจ แล้วไปเพลิดเพลินกับความบันเทิงบนจอใหญ่กันเลย!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
– คะแนน (เช่น 9.5/10 หรือ 8.7/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS อ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, ราคา, รีวิวผู้ใช้จริง และการใช้งานของผู้เขียน
– รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน เช่น “ตั้ม อายุ 29” หรือ “แหม่ม อายุ 34” เป็นตัวอย่างสมมุติ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเท่านั้น
– บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากสเปกและข่าวสารช่วงต้นปี 2025 คุณสมบัติหรือราคาอาจเปลี่ยนได้ในอนาคต