10 อันดับ iPad รุ่นไหนดี 2025 รีวิว M4, M2 ตัวท็อป-ตัวคุ้ม!

ภาพไอแพดหลากหลายรุ่นพร้อมอุปกรณ์เสริม วางเรียงกันอย่างมีสไตล์ แสดงความแตกต่างของ iPad รุ่นไหนดี

บทนำ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวแกดเจ็ตทุกคน! วันนี้เรามาเจาะลึกกันแบบถึงแก่นกับคำถามสุดคลาสสิกที่วนเวียนมาทุกปีว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราได้ลงตัวที่สุดในปี 2025 นี้ บอกเลยว่าปีนี้ Apple จัดหนักจัดเต็มชนิดที่ว่าทำเอาหลายคนกระเป๋าตังสั่นกันเป็นแถว ตั้งแต่ชิป M4 ตัวใหม่ที่แรงทะลุโลก ไปจนถึงจอภาพ Ultra Retina XDR ที่สวยจนแทบหยุดหายใจ การจะเลือก iPad รุ่นไหนดี สักเครื่องเลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักกว่าเดิมเยอะเลยครับ เพราะแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสายโปรที่ต้องการพลังประมวลผลขั้นสุดยอด, สายน้องๆ นักศึกษาที่มองหาความคุ้มค่าสำหรับจดเลคเชอร์และทำการบ้าน หรือสายคอนเทนต์ที่อยากได้จอใหญ่ๆ สีสวยๆ ไว้ดูหนังฟังเพลงแบบฟินๆ การตัดสินใจเลือกซื้อจึงไม่ใช่แค่เรื่องของสเปก แต่เป็นเรื่องของการหาคู่หูที่ใช่ ที่จะมาเติมเต็มชีวิตดิจิทัลของเราให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นครับ

ในบทความนี้ ผมจะพาเพื่อนๆ ไปสำรวจ iPad ทุกรุ่นที่น่าสนใจในปีนี้แบบหมดเปลือก สไตล์เพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังเหมือนเดิมครับ เราจะมาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีดีอะไร เหมาะกับใคร และมีข้อสังเกตตรงไหนบ้าง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุดก่อนจะตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ Apple หรือเป็นแฟนตัวยงที่อัปเกรดทุกปี บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมดได้ง่ายขึ้นแน่นอน และสำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์เสริมเจ๋งๆ ไปใช้คู่กัน ลองแวะไปดูบทความแนะนำ หูฟังบลูทูธ หรือ เมาส์ไร้สาย เพิ่มเติมได้เลยครับ รับรองว่าเด็ดไม่แพ้กัน เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเริ่มกันที่ตารางเปรียบเทียบสเปกเด่นๆ ของแต่ละรุ่นกันก่อนเลยดีกว่าครับ!

🦉 เลือกอ่านหัวข้อ

จัดอันดับ 10 iPad รุ่นไหนดี แห่งปี 2025

ก่อนจะลงลึกไปดูรีวิวฉบับเต็มของแต่ละรุ่น เรามาดูตารางเปรียบเทียบภาพรวมกันก่อนดีกว่าครับว่า iPad รุ่นไหนดี ที่มีสเปกเด่นๆ อะไรบ้าง และรุ่นไหนจะเข้าตาเพื่อนๆ ตั้งแต่แรกเห็น ไปดูกันเลย!

ตารางเปรียบเทียบสรุป

คุณสมบัติ iPad Pro 13″ (M4) iPad Pro 11″ (M4) iPad Air 11″ (M2) iPad Air 13″ (M2) iPad 10th Gen iPad mini 6 iPad Pro M2 iPad 9th Gen iPad Air Gen 6 iPad Pro 12.9 Gen 6
อันดับที่ 🥇 🥈 🥉 4 5 6 7 8 9 10
รูปภาพสินค้า iPad Pro 13 (M4) iPad Pro 11 (M4) iPad Air 11 (M2) iPad Air 13 (M2) iPad 10th Gen iPad mini 6 iPad Pro M2 iPad 9th Gen iPad Air Gen 6 iPad Pro 12.9 Gen 6
ชื่อสินค้า (กดเพื่อเลื่อนไปดูรายละเอียด) iPad Pro 13″ (M4) iPad Pro 11″ (M4) iPad Air 11″ (M2) iPad Air 13″ (M2) iPad 10th Gen iPad mini 6 iPad Pro M2 iPad 9th Gen iPad Air Gen 6 iPad Pro 12.9 Gen 6
สเปกเด่น ชิป M4, จอ Ultra Retina XDR, บาง 5.1 มม., Apple Pencil Pro ชิป M4, จอ Ultra Retina XDR, บาง 5.3 มม., พกพาง่าย ชิป M2, จอ Liquid Retina, กล้องหน้าแนวนอน, Apple Pencil Pro ชิป M2, จอ Liquid Retina 13″, ลำโพงเบส 2 เท่า, Apple Pencil Pro ชิป A14 Bionic, จอ Liquid Retina 10.9″, USB-C, มีหลายสี ชิป A15 Bionic, จอ Liquid Retina 8.3″, พกพาง่าย, USB-C ชิป M2, จอ Liquid Retina XDR (12.9″), ProMotion, Apple Pencil 2 ชิป A13 Bionic, จอ Retina 10.2″, Center Stage, ราคาเริ่มต้นดีที่สุด ชิป M2, ดีไซน์ใหม่, Touch ID, กล้องหน้าแนวนอน ชิป M2, จอ Mini-LED, ProMotion, Hover, กล้องโปร
เหมาะกับใคร มือโปร, ครีเอเตอร์, คนที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด มือโปรที่เน้นการพกพา นักศึกษา, คนทำงาน, ผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า คนที่ต้องการจอใหญ่สำหรับทำงานและบันเทิง ผู้ใช้งานทั่วไป, นักเรียน, ใช้ในครอบครัว คนที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด, จดโน้ต, อ่าน e-book มือโปรที่ยังหาดีลดีๆ ได้ และไม่ต้องการชิป M4 ผู้เริ่มต้น, การศึกษา, งบจำกัดมากๆ คนที่อัปเกรดจากรุ่นเก่า ต้องการชิป M2 ในราคาดี มือโปรที่ต้องการจอ Mini-LED และยังหาซื้อได้
คะแนน ★★★★★ (9.8/10) ★★★★★ (9.6/10) ★★★★☆ (9.2/10) ★★★★☆ (9.0/10) ★★★★☆ (8.5/10) ★★★★☆ (8.7/10) ★★★★☆ (8.8/10) ★★★☆☆ (8.0/10) ★★★★☆ (8.9/10) ★★★★☆ (9.1/10)
เช็กราคาล่าสุด

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

Lazada Shopee

1. iPad Pro 13″ (M4) ★★★★★

“ที่สุดแห่งนวัตกรรมแท็บเล็ต! บางเฉียบ จอสวยสะกดใจ แรงจนคอมพิวเตอร์ต้องอาย”

iPad Pro 13 (M4)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้ามีคนถามว่า iPad รุ่นไหนดี ที่เป็นที่สุดของที่สุดในปี 2025 คำตอบเดียวเลยก็คือ iPad Pro 13″ (M4) ครับ นี่ไม่ใช่แค่แท็บเล็ต แต่มันคือนิยามใหม่ของคำว่า “Pro” ที่ Apple ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่าทุกสถิติ! แค่แรกเห็นก็ต้องทึ่งกับความบางเฉียบเพียง 5.1 มม. บางกว่า iPod Nano ในตำนานซะอีก! พอได้จับแล้วจะรู้สึกถึงความพรีเมียมและความเบาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยัดเทคโนโลยีระดับท็อปเข้ามาได้ขนาดนี้ แต่ไฮไลท์เด็ดที่สุดคงหนีไม่พ้นจอภาพ Tandem OLED ที่ Apple เรียกว่า “Ultra Retina XDR” ซึ่งให้ความสว่างและคอนทราสต์ที่เหนือชั้นกว่าจอ OLED ทั่วไป สีดำคือดำสนิทจริงๆ ส่วนสีสันก็สดใสสมจริงจนน่าทึ่ง ไม่ว่าจะใช้ทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ 4K หรือแค่ดูหนัง บอกเลยว่านี่คือจอภาพบนอุปกรณ์พกพาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้การตัดสินใจเลือก iPad รุ่นไหนดี สำหรับสายครีเอเตอร์จบลงที่รุ่นนี้อย่างง่ายดายครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M4 (CPU สูงสุด 10-core, GPU 10-core)
  • จอภาพ: Ultra Retina XDR ขนาด 13 นิ้ว (Tandem OLED) พร้อม ProMotion และ Nano-texture glass (ตัวเลือก)
  • ความจุ: 256GB, 512GB, 1TB, 2TB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, สแกนเนอร์ LiDAR, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G, Thunderbolt / USB 4
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil Pro, Magic Keyboard ใหม่
จุดเด่น
  • ชิป M4 แรงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์พกพา
  • จอ Ultra Retina XDR สวยงามเหนือคำบรรยาย
  • ตัวเครื่องบางและเบาอย่างไม่น่าเชื่อ
  • รองรับ Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard ใหม่
  • พอร์ต Thunderbolt ถ่ายโอนข้อมูลเร็วสุดขั้ว
ข้อควรพิจารณา
  • ราคาสูงมาก โดยเฉพาะรุ่นความจุสูง
  • ตัดกล้องอัลตร้าไวด์ด้านหลังออกไป

รีวิวแบบเจาะลึก

หัวใจสำคัญของ iPad Pro รุ่นนี้คือชิป M4 ที่สร้างบนสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ทำให้มันมีประสิทธิภาพ CPU เร็วกว่าชิป M2 ในรุ่นก่อนถึง 50% และ GPU ที่แรงกว่าถึง 4 เท่า! ไม่ว่าคุณจะเรนเดอร์โปรเจกต์ 3D ใน Octane, ตัดต่อวิดีโอ ProRes หลายสตรีมใน Final Cut Pro หรือเล่นเกมกราฟิกโหดๆ อย่าง “Diablo Immortal” ที่เฟรมเรตสูงสุด ทุกอย่างจะลื่นไหลแบบไม่มีสะดุดเลยครับ Neural Engine ที่อัปเกรดใหม่ยังช่วยให้การทำงานด้าน AI เร็วขึ้นมาก เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ Machine Learning เช่น การแยกวัตถุในวิดีโอ หรือการปรับแต่งเสียงแบบเรียลไทม์ นี่คือพลังที่ทำให้ iPad Pro M4 ไม่ใช่แค่ แท็บเล็ต ทั่วไป แต่เป็นเวิร์กสเตชันเคลื่อนที่ที่ทรงพลังกว่า Laptop หลายๆ รุ่นในตลาดด้วยซ้ำ การเลือก iPad รุ่นไหนดี สำหรับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุดจึงไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วครับ ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง คีย์บอร์ดเกมมิ่ง สำหรับการเล่นเกม หรือ Microphone USB สำหรับการบันทึกเสียงคุณภาพสูง ก็ยิ่งทำให้มันกลายเป็นศูนย์กลางการสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบ

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการย้ายตำแหน่งกล้องหน้ามาอยู่ในแนวนอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน ทำให้การวิดีโอคอลผ่าน FaceTime หรือประชุมออนไลน์สะดวกขึ้นมาก ไม่ต้องมองเอียงๆ อีกต่อไป และยังมาพร้อมฟีเจอร์ Center Stage ที่จะแพนกล้องตามการเคลื่อนไหวของเราโดยอัตโนมัติ ส่วน Apple Pencil Pro ที่เปิดตัวมาพร้อมกันก็เป็น Game Changer สำหรับศิลปินและนักออกแบบ ด้วยเซ็นเซอร์ใหม่ที่รับรู้การบีบ (Squeeze) และการหมุน (Barrel Roll) ทำให้สามารถเปลี่ยนเครื่องมือหรือปรับองศาของหัวแปรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ บวกกับ Haptic Feedback ที่สั่นตอบสนอง ทำให้รู้สึกเหมือนใช้เครื่องมือจริงๆ เลยครับ เมื่อรวมกับ Magic Keyboard รุ่นใหม่ที่บางเบาลงและมี Trackpad ที่ใหญ่ขึ้นพร้อมแถบฟังก์ชัน ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์การใช้งานใกล้เคียงกับ Macbook เข้าไปอีกขั้น ดังนั้น ถ้าคุณเป็นมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือที่ดีที่สุด และงบประมาณไม่ใช่ปัญหา การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องเป็น iPad Pro 13″ (M4) เท่านั้นครับ มันคือการลงทุนเพื่อประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง

คะแนนที่ได้

9.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“จอสวยจนไม่อยากกลับไปใช้จออื่นเลยครับ ทำงานสีตรงเป๊ะ ตัดต่อวิดีโอ 4K ลื่นมาก แรงกว่าโน้ตบุ๊กผมอีก” – นนท์, อายุ 35 (กราฟิกดีไซเนอร์)

“บางและเบาจนตกใจค่ะ พกไปพรีเซนต์งานลูกค้าสะดวกมาก Apple Pencil Pro ตัวใหม่ก็ใช้สนุกขึ้นเยอะเลย” – พลอย, อายุ 29 (สถาปนิก)


2. iPad Pro 11″ (M4) ★★★★★

“พลังระดับโปรในขนาดพกพาสะดวก จอสวยคมชัด บางเบาแต่ประสิทธิภาพไม่เบาตาม”

iPad Pro 11 (M4)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับมือโปรที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด แต่ยังคงต้องการประสิทธิภาพระดับท็อป การเลือก iPad รุ่นไหนดี ก็ต้องมองมาที่ iPad Pro 11″ (M4) เลยครับ รุ่นนี้คือการย่อส่วนความเทพของรุ่น 13 นิ้ว ลงมาอยู่ในบอดี้ที่กะทัดรัดและพกพาง่ายกว่า แต่ยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเดียวกันเป๊ะ! ไม่ว่าจะเป็นชิป M4 ที่แรงสุดขั้ว, จอภาพ Ultra Retina XDR แบบ Tandem OLED ที่ให้สีสันและคอนทราสต์ที่น่าทึ่ง, และการรองรับ Apple Pencil Pro กับ Magic Keyboard รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้มันเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ ความบางเพียง 5.3 มม. และน้ำหนักที่เบา ทำให้การถือใช้งานมือเดียวหรือใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก นี่คือคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะให้ความสมดุลระหว่างพลังและความคล่องตัวได้อย่างลงตัวที่สุดครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M4 (CPU สูงสุด 10-core, GPU 10-core)
  • จอภาพ: Ultra Retina XDR ขนาด 11 นิ้ว (Tandem OLED) พร้อม ProMotion
  • ความจุ: 256GB, 512GB, 1TB, 2TB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, สแกนเนอร์ LiDAR, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G, Thunderbolt / USB 4
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil Pro, Magic Keyboard ใหม่
จุดเด่น
  • ประสิทธิภาพเทียบเท่ารุ่น 13 นิ้ว แต่พกพาง่ายกว่า
  • จอ Ultra Retina XDR ให้ภาพสวยงามมาก
  • น้ำหนักเบา ถือใช้งานสะดวก
  • รองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ครบครัน
ข้อควรพิจารณา
  • พื้นที่ทำงานบนจอเล็กกว่ารุ่น 13 นิ้ว
  • ไม่มีตัวเลือกกระจก Nano-texture

รีวิวแบบเจาะลึก

แม้ว่าขนาดหน้าจอ 11 นิ้วจะเล็กกว่า แต่ประสบการณ์การใช้งานแทบไม่ต่างจากรุ่นพี่เลยครับ จอ Ultra Retina XDR ยังคงให้ความสว่างสูงสุดถึง 1600 nits สำหรับคอนเทนต์ HDR และมีเทคโนโลยี ProMotion ที่ปรับอัตรารีเฟรชได้สูงสุด 120Hz ทำให้การเลื่อนหน้าจอ การวาดเขียน หรือการเล่นเกมลื่นไหลสุดๆ การตอบสนองของ Apple Pencil Pro บนจอนี้ก็ทำได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วทันใจ สำหรับช่างภาพที่ต้องจัดการรูปภาพนอกสถานที่ หรือนักดนตรีที่ใช้ iPad เป็นเครื่องมือทำเพลง การมีพอร์ต Thunderbolt / USB 4 ทำให้การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่จาก External HDD หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Soundbar หรือจอภาพภายนอกทำได้สะดวกและรวดเร็วมาก การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับคนทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลาจึงมักจะมาจบที่รุ่นนี้ เพราะมันคือความลงตัวที่หาได้ยากจริงๆ

ในแง่ของการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขนาด 11 นิ้วถือว่าเหมาะมากสำหรับการอ่าน e-book, ดูวิดีโอ, หรือเล่นเกมบนโซฟา การที่ Apple ย้ายกล้องหน้ามาไว้แนวนอนก็ช่วยให้การวิดีโอคอลกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ เป็นธรรมชาติมากขึ้นเช่นกัน และถึงแม้จะไม่มีตัวเลือกกระจก Nano-texture เหมือนรุ่น 13 นิ้ว แต่คุณภาพของจอมาตรฐานก็ดีเยี่ยมจนแทบไม่มีแสงสะท้อนรบกวนอยู่แล้วครับ แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันสำหรับการใช้งานทั่วไป ทำให้ไม่ต้องพก Power Bank ตลอดเวลา สรุปแล้ว ถ้าคุณต้องการพลังของชิป M4 และจอ OLED ที่ดีที่สุด แต่ให้ความสำคัญกับความคล่องตัวในการพกพามากกว่าพื้นที่ทำงานบนหน้าจอที่ใหญ่ที่สุด การเลือก iPad รุ่นไหนดี ก็ไม่ต้องลังเลเลยครับ iPad Pro 11″ (M4) คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณอย่างแน่นอน มันคือขุมพลังฉบับพกพาที่พร้อมจะปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา

คะแนนที่ได้

9.6/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ขนาดกำลังดีเลยครับ พกไปทำงานที่คาเฟ่สบายมาก แรงเท่ารุ่นใหญ่แต่คล่องตัวกว่าเยอะ ชอบมากครับ” – เต้, อายุ 31 (โปรแกรมเมอร์)

“ใช้สเก็ตช์งานนอกสถานที่สะดวกสุดๆ ค่ะ จอสีตรงมาก น้ำหนักเบา ถือวาดนานๆ ก็ไม่เมื่อย” – ฝน, อายุ 27 (นักวาดภาพประกอบ)


3. iPad Air 11″ (M2) ★★★★☆

“ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ! พลังชิป M2 ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น นี่แหละ ‘Pro’ สำหรับทุกคน”

iPad Air 11 (M2)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

มาถึงรุ่นที่ผมคิดว่าเป็นจุดที่ลงตัวที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ครับ! ถ้าคุณกำลังถามว่า iPad รุ่นไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์ระดับโปรในราคาที่สมเหตุสมผล iPad Air 11″ (M2) คือคำตอบที่ใช่เลยครับ ปีนี้ Apple ได้อัปเกรดครั้งใหญ่โดยการนำชิป M2 ที่เคยอยู่ใน iPad Pro และ MacBook Air มาใส่ไว้ใน iPad Air ทำให้ประสิทธิภาพของมันก้าวกระโดดไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเอกสารหลายอย่างพร้อมกัน, แต่งรูปใน Lightroom, หรือแม้กระทั่งตัดต่อวิดีโอ 4K เล็กๆ น้อยๆ ชิป M2 ก็เอาอยู่สบายๆ ครับ นี่คือการนำพลังระดับโปรมาให้คนทั่วไปได้สัมผัสในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นอย่างแท้จริง และยังมาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม บางเบา และมีสีสันให้เลือกหลากหลาย ทำให้การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับนักศึกษาหรือคนทำงานกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M2 (CPU 8-core, GPU 10-core)
  • จอภาพ: Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว
  • ความจุ: 128GB, 256GB, 512GB, 1TB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G, USB-C
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil Pro, Magic Keyboard
จุดเด่น
  • ชิป M2 ประสิทธิภาพสูงมากในราคานี้
  • รองรับ Apple Pencil Pro ฟีเจอร์ใหม่ครบ
  • กล้องหน้าแนวนอน สะดวกสำหรับวิดีโอคอล
  • ความจุเริ่มต้นที่ 128GB เพียงพอต่อการใช้งาน
  • มีสีสันให้เลือกหลากหลาย
ข้อควรพิจารณา
  • จอภาพยังเป็น 60Hz (ไม่มี ProMotion)
  • ลำโพงเป็นสเตอริโอในแนวนอนเท่านั้น

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่ทำให้ iPad Air M2 น่าสนใจมากในปีนี้คือการที่มันรองรับ Apple Pencil Pro เหมือนกับรุ่น Pro เลยครับ! นั่นหมายความว่าคุณจะได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ทั้งการบีบเพื่อเรียกเมนู, การหมุนเพื่อควบคุมหัวแปรง, และ Haptic Feedback ในราคาที่ถูกกว่ามาก นี่เป็นข่าวดีสุดๆ สำหรับน้องๆ นักศึกษาที่ใช้ iPad จดเลคเชอร์และวาดรูป หรือคนทำงานที่ต้องใช้ปากกาเซ็นเอกสารและคอมเมนต์งานบ่อยๆ การที่ Apple นำฟีเจอร์นี้ลงมาให้ในรุ่น Air ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง Air กับ Pro บางลงไปอีก และทำให้คำถามว่า iPad รุ่นไหนดี มีคำตอบที่คุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้ การย้ายกล้องหน้ามาไว้แนวนอนก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม ทำให้การประชุมออนไลน์หรือเรียนออนไลน์ดูเป็นมืออาชีพและสะดวกสบายกว่าเดิมมากครับ ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือเรียน iPad Air M2 ก็พร้อมจะเป็นเครื่องมือคู่ใจที่ทรงพลังและไว้ใจได้เสมอ

แม้ว่าจอภาพของ iPad Air จะเป็น Liquid Retina ที่มีอัตรารีเฟรช 60Hz และไม่ใช่ ProMotion 120Hz เหมือนรุ่น Pro แต่สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานทั่วไปเลยครับ คุณภาพของจอยังคงยอดเยี่ยม สีสันสดใสคมชัด และสว่างเพียงพอสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง การดูหนังผ่านสตรีมมิ่งหรือเล่นเกมก็ยังให้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม การที่ไม่มี ProMotion ก็ช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วยครับ อีกจุดที่น่าชื่นชมคือ Apple ได้เพิ่มความจุเริ่มต้นให้เป็น 128GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เต็มเร็วเหมือนรุ่นก่อนๆ ที่เริ่มต้นแค่ 64GB หากใครกำลังมองหา แท็บเล็ตวาดรูป ที่สเปกแรง หรืออุปกรณ์สำหรับทำงานที่คล่องตัว การเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่ให้ความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ iPad Air 11″ (M2) คือตัวเลือกที่โดดเด่นและคุ้มค่าที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ

คะแนนที่ได้

9.2/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ชิป M2 เร็วมากครับ ใช้เรียน ทำพรีเซนต์สบายๆ เลย ความจุ 128GB ก็พอดีมาก ไม่ต้องซื้อเพิ่ม” – เจมส์, อายุ 20 (นักศึกษา)

“ชอบที่มันรองรับ Apple Pencil Pro ค่ะ ฟีเจอร์ใหม่ๆ ทำให้วาดรูปสนุกขึ้นเยอะเลย กล้องหน้าแนวนอนก็ดีมากเวลาประชุมงาน” – มิ้นท์, อายุ 28 (ฟรีแลนซ์)


4. iPad Air 13″ (M2) ★★★★☆

“จอใหญ่เต็มตา! ครั้งแรกของ Air ที่มีขนาด 13 นิ้ว มัลติทาสก์สะใจ ในราคาที่ใช่”

iPad Air 13 (M2)

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

นี่คือสิ่งที่หลายคนรอคอย! ถ้าคุณเคยคิดว่าอยากได้ iPad จอใหญ่ๆ แบบรุ่น Pro แต่ไม่อยากจ่ายแพงขนาดนั้น ปีนี้ Apple จัดให้แล้วครับกับ iPad Air 13″ (M2) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ซีรีส์ Air มีตัวเลือกหน้าจอขนาด 13 นิ้ว! การมีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่น 11 นิ้ว ทำให้ประสบการณ์การใช้งานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Split View เปิดสองแอปข้างกัน, การวาดภาพที่เห็นรายละเอียดได้เต็มตามากขึ้น, หรือการดูหนังที่ได้อรรถรสเหมือนมี ทีวี 55 นิ้ว ส่วนตัว นี่คือคำตอบสำหรับคำถาม iPad รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ทำงานและความบันเทิงที่กว้างขวาง แต่ยังคงอยู่ในช่วงราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ารุ่น Pro มากครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M2 (CPU 8-core, GPU 10-core)
  • จอภาพ: Liquid Retina ขนาด 13 นิ้ว
  • ความจุ: 128GB, 256GB, 512GB, 1TB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • เสียง: ลำโพงสเตอริโอในแนวนอน พร้อมเบสที่ดียิ่งขึ้น 2 เท่า
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil Pro, Magic Keyboard
จุดเด่น
  • หน้าจอ 13 นิ้ว ใหญ่เต็มตา ทำงานสะดวก
  • ลำโพงเบสทรงพลังกว่ารุ่น 11 นิ้ว
  • ประสิทธิภาพชิป M2 แรงเหลือเฟือ
  • รองรับ Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard
  • ราคาดีกว่า iPad Pro 13″ มาก
ข้อควรพิจารณา
  • จอภาพ 60Hz ไม่ใช่ ProMotion
  • ขนาดใหญ่และหนักกว่ารุ่น 11 นิ้ว อาจไม่สะดวกพกพาสำหรับบางคน

รีวิวแบบเจาะลึก

นอกเหนือจากขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแล้ว Apple ยังอัปเกรดระบบเสียงให้กับ iPad Air 13″ โดยเฉพาะ ด้วยลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงเบสทรงพลังกว่ารุ่น 11 นิ้วถึง 2 เท่า! ทำให้การดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมบนเครื่องนี้ได้อรรถรสและมิติเสียงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เหมือนมี ลำโพงบลูทูธ ดีๆ ติดมากับเครื่องเลยครับ เมื่อรวมกับจอภาพขนาดใหญ่ มันจึงกลายเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงชั้นยอดที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ส่วนในด้านการทำงาน ชิป M2 ก็ยังคงทรงพลังพอที่จะรองรับแอปพลิเคชันหนักๆ ได้สบาย การใช้ Stage Manager เพื่อจัดการหน้าต่างแอปหลายๆ ตัวบนจอขนาด 13 นิ้วก็ทำได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากกว่าจอเล็กอย่างเห็นได้ชัด การเลือก iPad รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ต้องการใช้แทน Gaming Laptop ในบางโอกาส หรือใช้เป็นจอเสริมสำหรับทำงาน iPad Air 13″ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ

แน่นอนว่าทุกอย่างยังคงเหมือนกับรุ่น 11 นิ้ว ทั้งการรองรับ Apple Pencil Pro, กล้องหน้าแนวนอน, และความจุเริ่มต้นที่ 128GB แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือชอบถือใช้งานมือเดียว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้งาน iPad ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศเป็นหลัก และต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขวางเพื่อความสะดวกสบายในการทำงานและความบันเทิงที่เต็มอิ่ม การเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยเพื่ออัปเกรดมาเป็นรุ่น 13 นิ้วถือว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ครับ มันคือการได้ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับรุ่น Pro ในราคาที่เบากว่ามาก ทำให้คำถามว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับสายมัลติทาสก์และสายบันเทิง มีคำตอบที่ชัดเจนและน่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวเลือกในปีนี้ครับ

คะแนนที่ได้

9.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“จอใหญ่ทำงานสะใจมากครับ เปิดสองแอปพร้อมกันสบายๆ ไม่ต้องเพ่งเลย ลำโพงเสียงดีกว่าที่คิดไว้เยอะ” – อาร์ม, อายุ 33 (นักการตลาด)

“ใช้ดูซีรีส์ฟินมากค่ะ จอใหญ่สีสวย เสียงก็ดี ไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มเลย ชอบมากๆ” – จูน, อายุ 25 (พนักงานออฟฟิศ)


5. iPad 10th Gen ★★★★☆

“สีสันสดใส ดีไซน์ใหม่หมดจด คุ้มค่าทุกการใช้งานพื้นฐานในชีวิตประจำวัน”

iPad 10th Gen

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับใครที่กำลังมองหา iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นเครื่องแรก หรือใช้สำหรับงานทั่วไปในครอบครัว iPad 10th Gen คือตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากๆ ครับ รุ่นนี้ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดให้มีดีไซน์เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง iPad Air ด้วยขอบจอที่บางลงและตัวเครื่องแบบเหลี่ยม พร้อมสีสันสดใสให้เลือกถึง 4 สี ทำให้มันดูทันสมัยและน่าใช้ขึ้นเยอะเลยครับ หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ก็ใหญ่และสวยงามเพียงพอสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเรียนออนไลน์, ดู YouTube, เล่นโซเชียลมีเดีย หรือเล่นเกมทั่วไป ชิป A14 Bionic ที่อยู่ภายในก็ยังคงแรงเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในปัจจุบันและอนาคตอีกหลายปี ทำให้การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับการใช้งานพื้นฐานจบลงที่รุ่นนี้ได้อย่างสบายใจครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: A14 Bionic
  • จอภาพ: Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว
  • ความจุ: 64GB, 256GB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6, 5G, USB-C
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil (USB-C หรือ รุ่นที่ 1), Magic Keyboard Folio
จุดเด่น
  • ดีไซน์ใหม่ทันสมัย มีหลายสีให้เลือก
  • กล้องหน้าแนวนอน เหมาะกับการวิดีโอคอล
  • เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แล้ว
  • ประสิทธิภาพดีเยี่ยมสำหรับการใช้งานทั่วไป
ข้อควรพิจารณา
  • ยังรองรับแค่ Apple Pencil รุ่นที่ 1 (ต้องใช้อะแดปเตอร์)
  • จอภาพไม่ใช่แบบ Laminated ทำให้มีช่องว่างระหว่างกระจกกับจอ

รีวิวแบบเจาะลึก

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของ iPad 10th Gen คือการย้าย Touch ID ไปไว้ที่ปุ่ม Power ด้านบน และเปลี่ยนพอร์ตมาใช้ USB-C ซึ่งทำให้มันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้หลากหลายและสะดวกขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการต่อกับ NAS เพื่อจัดการไฟล์ หรือต่อกับ โดรน เพื่อดึงฟุตเทจวิดีโอ ก็ทำได้ง่ายดาย นอกจากนี้ การมีกล้องหน้าในแนวนอนก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้การวิดีโอคอลดูเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายเหมือนกับรุ่น Air และ Pro เลยครับ ลำโพงสเตอริโอในแนวนอนก็ให้เสียงที่ดีสำหรับการดูหนังฟังเพลง ทำให้มันเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงในครอบครัวที่ยอดเยี่ยมมากครับ สำหรับคนที่มองหา iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของบ้าน รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ iPad 10th Gen ยังคงรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 1 ซึ่งต้องใช้อะแดปเตอร์ USB-C ในการชาร์จและจับคู่ ซึ่งอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก แต่ก็สามารถเลือกใช้ Apple Pencil (USB-C) ที่เปิดตัวมาใหม่แทนได้ครับ อีกจุดคือหน้าจอไม่ใช่แบบ Laminated display เหมือนรุ่นที่สูงกว่า ทำให้เวลาเขียนหรือวาดอาจจะรู้สึกว่ามีช่องว่างระหว่างปลายปากกากับสิ่งที่ปรากฏบนจอเล็กน้อย แต่สำหรับการจดโน้ตทั่วไปก็แทบไม่เป็นปัญหาครับ โดยรวมแล้ว ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ดีไซน์ที่สดใหม่ และประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน iPad 10th Gen จึงเป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับคำถามว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับผู้เริ่มต้น, นักเรียน, หรือใครก็ตามที่ต้องการแท็บเล็ตที่คุ้มค่าและใช้งานได้ยาวนานครับ

คะแนนที่ได้

8.5/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อให้ลูกใช้เรียนออนไลน์เวิร์คมากครับ จอใหญ่ กล้องหน้าอยู่แนวนอนพอดีเลย สีฟ้าสวยถูกใจลูกสาวมาก” – เอก, อายุ 42 (ผู้ปกครอง)

“ใช้ดู Netflix กับจดโน้ตนิดหน่อยคือดีเลยค่ะ ลื่นไหลดี ไม่ได้รู้สึกว่าช้าเลย ชอบที่เปลี่ยนเป็น USB-C แล้วด้วย” – ใบเตย, อายุ 23 (พนักงานบริษัท)


6. iPad mini 6 ★★★★☆

“จิ๋วแต่แจ๋ว! ขุมพลัง A15 Bionic ในร่างเล็ก พกพาสะดวก เพื่อนคู่ใจสายจดและสายอ่าน”

iPad mini 6

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าคำถามของคุณคือ iPad รุ่นไหนดี ที่เน้นความคล่องตัวและพกพาสะดวกที่สุด บอกเลยว่าไม่มีใครเกิน iPad mini 6 ไปได้ครับ! นี่คือแท็บเล็ตขนาดกะทัดรัดที่เหมือนสมุดโน้ตดิจิทัลชั้นดี ด้วยขนาดหน้าจอ 8.3 นิ้ว และดีไซน์แบบเต็มจอที่ทันสมัย ทำให้มันเหมาะสุดๆ สำหรับการถือใช้งานมือเดียว ไม่ว่าจะจดโน้ตด่วนๆ ระหว่างประชุม, อ่าน e-book บนรถไฟฟ้า, หรือเช็กงานขณะเดินทาง แม้ตัวจะเล็กแต่สเปกไม่เล็กตามนะครับ เพราะข้างในขับเคลื่อนด้วยชิป A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปตัวเดียวกับใน iPhone 13 Pro ทำให้ประสิทธิภาพแรงเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ นี่จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคนที่สงสัยว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นคู่หูคู่ใจในทุกการเดินทางครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: A15 Bionic
  • จอภาพ: Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว
  • ความจุ: 64GB, 256GB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อม Center Stage
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6, 5G, USB-C
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil (รุ่นที่ 2)
จุดเด่น
  • ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกที่สุด
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิป A15 Bionic
  • รองรับ Apple Pencil 2 แปะชาร์จข้างเครื่องได้
  • พอร์ต USB-C เชื่อมต่ออุปกรณ์ง่าย
ข้อควรพิจารณา
  • ไม่มี Face ID (ใช้ Touch ID ที่ปุ่ม Power)
  • ไม่มี Smart Connector สำหรับต่อคีย์บอร์ดโดยตรง

รีวิวแบบเจาะลึก

จุดเด่นที่สุดของ iPad mini 6 คือการรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ครับ ทำให้เราสามารถแปะปากกาไว้ที่ข้างเครื่องเพื่อชาร์จและพกพาไปพร้อมกันได้อย่างสะดวกสบาย หมดปัญหาเรื่องปากกาหายหรือลืมชาร์จไปได้เลย ประสบการณ์การเขียนและวาดบนจอ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้วก็ทำได้ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเขียนบนกระดาษจริงๆ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ต้องจดเลคเชอร์ หรือคนที่ชอบสเก็ตช์ไอเดียเร็วๆ นอกจากนี้ กล้องหน้ายังมาพร้อมฟีเจอร์ Center Stage ที่ช่วยให้เราอยู่กลางเฟรมเสมอระหว่างวิดีโอคอล ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อต้องประชุมงานนอกสถานที่ การมีพอร์ต USB-C ก็เป็นอีกข้อดีที่ทำให้ iPad mini มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถถ่ายโอนไฟล์จากกล้องหรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ง่ายดาย สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับจดบันทึกและจัดการตารางงานแบบพกพา รุ่นนี้คือคำตอบที่ลงตัวมากครับ

แม้ว่า iPad mini 6 จะไม่มี Smart Connector ทำให้ไม่สามารถใช้ Magic Keyboard ได้โดยตรง (ต้องใช้คีย์บอร์ดบลูทูธแทน) และใช้ Touch ID ที่ปุ่ม Power แทน Face ID แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อเสียใหญ่หลวงเมื่อเทียบกับความคล่องตัวที่ได้มาครับ ชิป A15 Bionic ยังคงทรงพลังพอที่จะเล่นเกมกราฟิกสวยๆ หรือใช้งานแอปแต่งรูปได้อย่างลื่นไหล ลำโพงสเตอริโอในแนวนอนก็ให้เสียงที่ดีเกินตัว ทำให้การดูหนังหรือฟังเพลงเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยรวมแล้ว iPad mini 6 คืออุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความรวดเร็วและคล่องตัว มันไม่ใช่แค่ iPad ที่เล็กลง แต่มันคือสมุดโน้ต, เครื่องอ่านหนังสือ, และศูนย์รวมความบันเทิงขนาดพกพาที่ทรงพลัง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับขนาดและน้ำหนักเป็นอันดับแรก การเลือก iPad รุ่นไหนดี ก็ไม่ต้องมองไปที่ไหนไกลเลยครับ iPad mini 6 คือเพื่อนคู่ใจที่พร้อมจะไปกับคุณได้ทุกที่จริงๆ

คะแนนที่ได้

8.7/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ขนาดพอดีมือมากครับ พกไปประชุมจดโน้ตสะดวกสุดๆ แรงพอๆ กับไอโฟนเลย ไม่รู้สึกช้าเลยครับ” – ท็อป, อายุ 34 (ผู้จัดการโครงการ)

“ใช้อ่านนิยายกับมังงะคือดีมากค่ะ ถือมือเดียวได้ไม่เมื่อยเลย แปะปากกาข้างเครื่องได้ก็สะดวกดี ไม่ต้องกลัวหาย” – แอน, อายุ 26 (พนักงานออฟฟิศ)


7. iPad Pro M2 ★★★★☆

“อดีตเรือธงที่ยังทรงพลัง! จอ ProMotion และฟีเจอร์ระดับโปร ในราคาที่น่าคบหากว่าเดิม”

iPad Pro M2

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถึงแม้จะมีรุ่น M4 เปิดตัวมาแล้ว แต่ iPad Pro M2 ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ครับ สำหรับคนที่กำลังถามว่า iPad รุ่นไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์ระดับโปรในราคาที่ย่อมเยาลงมา นี่คือคำตอบเลยครับ เพราะชิป M2 ยังคงเป็นชิปที่ทรงพลังมาก สามารถรองรับการทำงานหนักๆ ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอ, ทำงานกราฟิก, หรือเล่นเกม ก็ยังลื่นไหลไม่มีสะดุด ที่สำคัญคือมันมาพร้อมกับจอภาพ ProMotion 120Hz ที่ทำให้การใช้งานทุกอย่างสมูทเนียนตา ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่มีใน iPad Air และยังคงมีกล้องหลังครบทั้งเลนส์ไวด์และอัลตร้าไวด์พร้อมสแกนเนอร์ LiDAR ทำให้มันยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับงานเฉพาะทางบางอย่างได้ดีกว่า Air รุ่นใหม่ด้วยซ้ำ ถ้าคุณหาดีลดีๆ หรือซื้อมือสองสภาพสวยๆ ได้ นี่คือหนึ่งในการตัดสินใจเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่คุ้มค่าที่สุดเลยครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M2
  • จอภาพ: Liquid Retina 11″ หรือ Liquid Retina XDR 12.9″ (Mini-LED) พร้อม ProMotion
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, อัลตร้าไวด์ 10MP, สแกนเนอร์ LiDAR
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G, Thunderbolt / USB 4
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil (รุ่นที่ 2), Magic Keyboard
  • ฟีเจอร์เด่น: Apple Pencil Hover
จุดเด่น
  • ชิป M2 ยังแรงมากสำหรับทุกงาน
  • จอ ProMotion 120Hz ลื่นไหลเนียนตา
  • มีกล้องอัลตร้าไวด์และ LiDAR
  • ฟีเจอร์ Apple Pencil Hover
  • ราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์เก่ากว่า กล้องหน้ายังอยู่แนวตั้ง
  • ไม่รองรับ Apple Pencil Pro

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่ทำให้ iPad Pro M2 ยังคงโดดเด่นคือฟีเจอร์เฉพาะตัวอย่าง Apple Pencil Hover ที่ให้เราสามารถเห็นพรีวิวของหัวแปรงก่อนที่จะจรดลงบนหน้าจอได้ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับศิลปินดิจิทัลที่ต้องการความแม่นยำสูงสุด และจอภาพ Liquid Retina XDR ในรุ่น 12.9 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Mini-LED ก็ยังคงให้คอนทราสต์และความสว่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับการรับชมคอนเทนต์ HDR ซึ่งดีกว่าจอ Liquid Retina ใน iPad Air M2 อย่างชัดเจน แม้จะไม่ใช่ Tandem OLED แต่ก็ถือเป็นจอภาพระดับท็อปที่ยังคงใช้งานได้ดีเยี่ยมในปี 2025 ครับ การมีพอร์ต Thunderbolt ก็ยังคงเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมระดับโปรทำได้อย่างรวดเร็ว สำหรับคนที่ทำงานด้านวิดีโอหรือภาพถ่าย การเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่มีพอร์ตนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากครับ

แน่นอนว่าข้อเสียเปรียบหลักๆ คือดีไซน์ที่ยังคงใช้กล้องหน้าในแนวตั้ง ซึ่งอาจจะไม่สะดวกเท่ารุ่นใหม่ๆ เวลาที่ต้องวิดีโอคอลในแนวนอน และการที่ไม่รองรับ Apple Pencil Pro ก็อาจทำให้พลาดฟีเจอร์ใหม่ๆ ไปบ้าง แต่ถ้าคุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับสองจุดนี้มากนัก และมี Apple Pencil 2 อยู่แล้ว iPad Pro M2 ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและตอบโจทย์การทำงานระดับมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ มันคือโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ “Pro” ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิมมาก หากคุณกำลังลังเลว่า iPad รุ่นไหนดี ระหว่าง Air M2 ตัวใหม่กับ Pro M2 ที่เป็นรุ่นเก่ากว่า การพิจารณาฟีเจอร์อย่าง ProMotion, LiDAR, และ Apple Pencil Hover อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

คะแนนที่ได้

8.8/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ยังแรงอยู่เลยครับ ใช้ตัดต่องานวิดีโอสั้นๆ สบายมาก จอ 120Hz ก็ลื่นติดนิ้วจริงๆ” – บอย, อายุ 30 (วิดีโอครีเอเตอร์)

“ได้มาตอนลดราคาคือคุ้มมากค่ะ ฟีเจอร์ Hover ใช้ดีมากเวลาวาดรูป ช่วยให้กะตำแหน่งได้แม่นขึ้นเยอะเลย” – กิ๊ฟ, อายุ 28 (นักวาด)


8. iPad 9th Gen ★★★☆☆

“รุ่นเริ่มต้นสุดคลาสสิก ราคาดีที่สุด ฟังก์ชันครบครันสำหรับการใช้งานพื้นฐาน”

iPad 9th Gen

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ถ้าโจทย์ของคุณคือ iPad รุ่นไหนดี ที่ราคาเป็นมิตรที่สุดและเน้นความคุ้มค่าแบบสุดๆ iPad 9th Gen คือคำตอบที่ไม่มีใครเทียบได้ครับ แม้จะเป็นดีไซน์ดั้งเดิมที่มีปุ่มโฮมและขอบจอที่หนากว่ารุ่นใหม่ๆ แต่มันยังคงเป็น iPad ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับงานพื้นฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ, ดูวิดีโอ, เล่นโซเชียล, เรียนออนไลน์ หรือเล่นเกมทั่วไป ด้วยชิป A13 Bionic ที่ยังคงแรงพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน ทำให้มันเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับการศึกษา, สำหรับผู้สูงอายุ หรือเป็นเครื่องกลางของบ้านที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ นี่คือข้อพิสูจน์ว่าคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อให้ได้ประสบการณ์ iPad ที่ดี และเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถาม iPad รุ่นไหนดี สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: A13 Bionic
  • จอภาพ: Retina ขนาด 10.2 นิ้ว
  • ความจุ: 64GB, 256GB
  • กล้อง: กล้องไวด์ 8MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อม Center Stage
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, 4G LTE, Lightning
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil (รุ่นที่ 1), Smart Keyboard
จุดเด่น
  • ราคาเริ่มต้นถูกที่สุดในบรรดา iPad
  • ประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
  • กล้องหน้ามี Center Stage
  • ยังคงมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์เก่า ขอบจอหนา
  • ยังใช้พอร์ต Lightning
  • รองรับแค่ Apple Pencil รุ่นที่ 1

รีวิวแบบเจาะลึก

สิ่งที่น่าประทับใจใน iPad 9th Gen คือการที่มันมาพร้อมกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP และฟีเจอร์ Center Stage ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับในรุ่นที่แพงกว่า ทำให้ประสบการณ์การวิดีโอคอลผ่าน FaceTime หรือ Zoom ดีเยี่ยมมาก ตัวกล้องจะคอยจับให้เราอยู่กลางเฟรมเสมอแม้เราจะเคลื่อนไหวไปมา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเรียนออนไลน์หรือการประชุมทางไกล จอภาพ Retina ขนาด 10.2 นิ้วก็ให้สีสันที่สวยงามและคมชัดเพียงพอสำหรับการดูหนังและอ่านหนังสือ และการที่ยังคงมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ก็ถือเป็นข้อดีสำหรับคนที่ยังมี หูฟังครอบหู แบบมีสายคู่ใจอยู่ครับ สำหรับคนที่กำลังมองหา iPad รุ่นไหนดี ที่จะเอาไว้ให้ลูกหลานใช้เรียน หรือให้ผู้ใหญ่ในบ้านใช้ดู YouTube รุ่นนี้คือตัวเลือกที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด

แน่นอนว่าด้วยราคาที่ย่อมเยา ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างครับ ดีไซน์ที่ยังคงมีปุ่มโฮมอาจจะดูไม่ทันสมัยเท่ารุ่นใหม่ๆ และการที่ยังใช้พอร์ต Lightning ก็อาจจะไม่สะดวกเท่า USB-C ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้ยังรองรับแค่ Apple Pencil รุ่นที่ 1 ซึ่งต้องเสียบชาร์จที่พอร์ต Lightning ของตัวเครื่อง ซึ่งดูไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ถ้ามองข้ามจุดเหล่านี้ไป และโฟกัสที่การใช้งานพื้นฐานเป็นหลัก iPad 9th Gen ก็ยังคงเป็นแท็บเล็ตที่ยอดเยี่ยมมากในราคาของมันครับ มันคือประตูบานแรกสู่โลกของ iPadOS ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับความเรียบง่ายและทรงพลังของระบบนิเวศ Apple ดังนั้น ถ้าคุณมีงบจำกัดและกำลังถามตัวเองว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะให้ความคุ้มค่าสูงสุด iPad 9th Gen คือคำตอบที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

คะแนนที่ได้

8.0/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“ซื้อให้แม่ไว้ดูละครย้อนหลังกับคุยไลน์กับหลานๆ แม่ชอบมากเลยค่ะ ใช้ง่าย จอใหญ่ดี” – นุ่น, อายุ 32

“คุ้มมากครับสำหรับราคานี้ ใช้จดโน้ตกับอ่านสไลด์เรียนได้สบายๆ เลย แบตก็อึดดีครับ” – นนท์, อายุ 19 (นักศึกษา)


9. iPad Air Gen 6 ★★★★☆

“การอัปเกรดที่ลงตัว! พลัง M2 ในดีไซน์ที่คุ้นเคย คุ้มค่าสำหรับคนข้ามรุ่น”

iPad Air Gen 6

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

สำหรับคนที่ใช้ iPad Air รุ่นเก่าๆ อยู่ และรู้สึกว่าถึงเวลาต้องอัปเกรดแล้ว แต่ไม่อยากจ่ายถึงราคา iPad Pro M4 คำถามที่ว่า iPad รุ่นไหนดี อาจจะมาจบที่ iPad Air Gen 6 (M2) ครับ รุ่นนี้คือการนำเอาความสำเร็จของ iPad Air มาต่อยอดด้วยการใส่ชิป M2 ที่ทรงพลังเข้ามา ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน, การเล่นเกม, หรือการใช้แอปที่ต้องการพลังประมวลผลสูงทำได้ดีขึ้นมาก และยังมาพร้อมกับการอัปเกรดเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญ เช่น การย้ายกล้องหน้ามาไว้แนวนอน ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในดีไซน์ที่คุ้นเคย ถ้าคุณกำลังมองหา iPad รุ่นไหนดี ที่เป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่าจากรุ่นเดิม iPad Air 6 คือตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M2
  • จอภาพ: Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว หรือ 13 นิ้ว
  • ความจุ: เริ่มต้น 128GB
  • กล้อง: กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP ในแนวนอน
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil Pro, Magic Keyboard
จุดเด่น
  • อัปเกรดเป็นชิป M2 ที่แรงขึ้นมาก
  • มีตัวเลือกจอ 13 นิ้วเป็นครั้งแรก
  • รองรับ Apple Pencil Pro
  • ความจุเริ่มต้นเพิ่มเป็น 128GB
ข้อควรพิจารณา
  • ดีไซน์โดยรวมไม่ต่างจากรุ่นก่อนมากนัก
  • ยังคงใช้จอ 60Hz

รีวิวแบบเจาะลึก

การมาของชิป M2 ใน iPad Air 6 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้มันเข้าใกล้ความเป็น “Pro” มากขึ้นกว่าเดิม CPU ที่เร็วขึ้น 15% และ GPU ที่เร็วขึ้น 25% เมื่อเทียบกับชิป M1 ในรุ่นก่อน ทำให้การใช้งานแอปอย่าง LumaFusion หรือ Procreate ลื่นไหลและตอบสนองได้ดีขึ้นอย่างรู้สึกได้ และการที่มันรองรับ Apple Pencil Pro ก็เป็นการปลดล็อกศักยภาพใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งานสายสร้างสรรค์ ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์การบีบและการหมุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เหมือนกับผู้ใช้ iPad Pro เลยทีเดียว นี่คือจุดที่ทำให้การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ต้องการฟีเจอร์ระดับโปรในราคาที่ย่อมเยา มีความชัดเจนมากขึ้นครับ

นอกจากประสิทธิภาพแล้ว การมีตัวเลือกหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับ iPad Air 6 มันเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่กว้างขวางสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ไม่สูงเท่า iPad Pro และการที่ Apple เพิ่มความจุเริ่มต้นให้เป็น 128GB ก็ถือเป็นการแก้ไขจุดอ่อนของรุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่ออัปเกรดความจุอีกต่อไป โดยรวมแล้ว iPad Air 6 คือการอัปเกรดที่ชาญฉลาดและตรงจุด มันอาจจะไม่ได้มีนวัตกรรมที่ว้าวเหมือน iPad Pro M4 แต่มันคือการนำสิ่งที่ดีอยู่แล้วมาทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าคุณกำลังมองหา iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาแทนที่เครื่องเก่าของคุณ และต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ, ฟีเจอร์, และราคา iPad Air 6 คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบครับ

คะแนนที่ได้

8.9/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“อัปมาจาก Air 4 รู้สึกได้เลยว่าเร็วขึ้นเยอะครับ ใช้ Stage Manager ได้ลื่นขึ้นมาก ชอบที่มีจอ 13 นิ้วให้เลือกด้วย” – วิน, อายุ 29

“ดีใจมากที่รองรับ Pencil Pro ค่ะ ฟีเจอร์ใหม่ๆ ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นเยอะเลย ความจุ 128GB ก็กำลังดีเลยค่ะ” – เมย์, อายุ 24


10. iPad Pro 12.9 Gen 6 ★★★★☆

“จอ Mini-LED สุดอลังการ พลัง M2 ที่ยังเหลือล้น ตัวจบสายโปรในราคาที่น่าสนใจ”

iPad Pro 12.9 Gen 6

สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️

🔖 Lazada Thailand 🏷️ Shopee Thailand

ปิดท้ายลิสต์ของเราด้วยอดีตตัวท็อปที่ยังคงเก๋าไม่แพ้ใคร! หากคุณกำลังถามว่า iPad รุ่นไหนดี ที่ให้จอภาพขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดโดยไม่ต้องจ่ายราคาของรุ่น M4 คำตอบก็คือ iPad Pro 12.9 Gen 6 (M2) ครับ จุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้คือจอภาพ Liquid Retina XDR ที่ใช้เทคโนโลยี Mini-LED ซึ่งให้ความสว่างและคอนทราสต์ที่สูงมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมืออาชีพที่ทำงานกับคอนเทนต์ HDR ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ, นักตัดต่อวิดีโอ, หรือคัลเลอร์เกรดเดอร์ เมื่อรวมกับพลังของชิป M2 และจอ ProMotion 120Hz มันจึงยังคงเป็นเวิร์กสเตชันเคลื่อนที่ที่ทรงพลังและตอบโจทย์การทำงานระดับสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าคุณสามารถหาซื้อได้ในราคาพิเศษหรือเป็นเครื่องรีเฟอร์บิช นี่คือหนึ่งในการตัดสินใจเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับสายโปรครับ

สเปกเด่น

  • ชิป: Apple M2
  • จอภาพ: Liquid Retina XDR ขนาด 12.9 นิ้ว (Mini-LED) พร้อม ProMotion
  • กล้อง: กล้องไวด์ 12MP, อัลตร้าไวด์ 10MP, สแกนเนอร์ LiDAR
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E, 5G, Thunderbolt / USB 4
  • อุปกรณ์เสริมที่รองรับ: Apple Pencil (รุ่นที่ 2), Magic Keyboard
  • ฟีเจอร์เด่น: Apple Pencil Hover, Reference Mode
จุดเด่น
  • จอ Mini-LED XDR สวยงามมากสำหรับคอนเทนต์ HDR
  • ประสิทธิภาพชิป M2 ยังคงยอดเยี่ยม
  • ฟีเจอร์ระดับโปรครบครัน (LiDAR, Hover, ProMotion)
  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่ารุ่น M4 อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อควรพิจารณา
  • ตัวเครื่องหนาและหนักกว่ารุ่น M4
  • กล้องหน้ายังอยู่ในแนวตั้ง

รีวิวแบบเจาะลึก

นอกเหนือจากจอภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว iPad Pro 12.9 Gen 6 ยังมีฟีเจอร์ Reference Mode ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงสีสันได้ตรงตามมาตรฐานที่ใช้ในวงการโปรดักชัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำของสีสูงสุด และฟีเจอร์ Apple Pencil Hover ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับการพรีวิวและควบคุมงานวาดได้อย่างละเอียด การมีกล้องหลังครบชุดพร้อม LiDAR ก็ยังคงเป็นข้อได้เปรียบสำหรับงานที่ต้องใช้การสแกนวัตถุ 3 มิติ หรือแอปพลิเคชัน AR ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ iPad Air ไม่มีให้ครับ สำหรับคนที่ทำงานในสายงานเหล่านี้ การเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนจึงยังคงต้องมองมาที่รุ่น Pro เท่านั้น

แม้ว่ามันอาจจะหนาและหนักกว่า iPad Pro M4 รุ่นใหม่ และมีดีไซน์กล้องหน้าที่เป็นแบบเก่า แต่ถ้าคุณใช้งานบนโต๊ะเป็นหลักและต่อกับ Magic Keyboard เรื่องน้ำหนักก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ครับ สิ่งที่คุณได้กลับมาคือประสิทธิภาพและฟีเจอร์ระดับโปรในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น มันคือการเลือกความคุ้มค่าโดยที่ยังคงได้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการทำงานของคุณอยู่ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการความบางเบาที่สุดหรือประสิทธิภาพที่แรงที่สุดของชิป M4 การตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี ก็อาจจะมาจบลงที่อดีตเรือธงอย่าง iPad Pro 12.9 Gen 6 ซึ่งยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและน่าลงทุนในปี 2025 ครับ

คะแนนที่ได้

9.1/10

>>> 👁️‍🗨️ ดูสเปกเด่น + รีวิวแบบเจาะลึก + <<<

รีวิวสั้น ๆ

“จอ XDR คือดีที่สุดแล้วครับสำหรับงานสี ดูคอนเทนต์ HDR คือสวยตาแตกจริงๆ ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องไป M4 เลยครับ” – พีท, อายุ 38 (ช่างภาพ)

“ใช้ทำงาน AR กับสแกน 3D อยู่ครับ LiDAR ยังจำเป็นมากสำหรับผม รุ่นนี้ยังตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยมครับ” – ฟ้า, อายุ 30 (นักพัฒนาแอป)


มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: iPad ก้าวข้ามความเป็นแท็บเล็ตไปแล้วหรือยัง?

จากมุมมองของสื่อเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง TechRadar และ Rtings.com การเปิดตัว iPad Pro พร้อมชิป M4 ในปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างแท็บเล็ตและแล็ปท็อปเบลอจางลงกว่าที่เคย

“ชิป M4 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดประสิทธิภาพ แต่มันคือการประกาศว่า Apple มอง iPad Pro เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังในรูปแบบที่แตกต่างออกไป พลังของมันเทียบเท่าหรือแม้กระทั่งเหนือกว่าแล็ปท็อปหลายรุ่นในตลาด ทำให้คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า ‘มันใช้แทนคอมได้ไหม’ แต่อยู่ที่ ‘เวิร์กโฟลว์ของคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนมารับประสบการณ์ใหม่นี้แล้วหรือยัง'”

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันว่า การเลือก iPad รุ่นไหนดี ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การเลือกขนาดหน้าจอหรือความจุอีกต่อไป แต่เป็นการเลือกระดับของ “คอมพิวเตอร์” ที่เหมาะกับงานของเรา iPad รุ่นมาตรฐานและ iPad mini ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปและความบันเทิง, iPad Air ก้าวขึ้นมาเป็น “คอมพิวเตอร์สำหรับทุกคน” ที่ทรงพลังพอสำหรับงานส่วนใหญ่, ในขณะที่ iPad Pro คือ “เวิร์กสเตชันแห่งอนาคต” สำหรับมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในรูปแบบที่คล่องตัวที่สุด

iPadOS คือกุญแจสำคัญ (และข้อจำกัด)

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญก็ยังชี้ให้เห็นว่า แม้ฮาร์ดแวร์จะทรงพลังเพียงใด แต่ศักยภาพที่แท้จริงของ iPad ก็ยังคงถูกกำหนดโดย iPadOS อยู่ดี

“iPadOS ได้รับการพัฒนาให้รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ได้ดีขึ้นมากด้วย Stage Manager แต่มันก็ยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ การจัดการไฟล์หรือการใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะทางบางอย่างยังคงมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า macOS หรือ Windows การจะตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาแทนที่แล็ปท็อปของคุณได้จริงๆ จึงขึ้นอยู่กับว่าซอฟต์แวร์ที่คุณใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมีเวอร์ชันที่ทำงานบน iPadOS ได้ดีแค่ไหน”

บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS

ทีมงานของเรามองว่า การเลือก iPad รุ่นไหนดี ในปี 2025 คือการเดิมพันกับอนาคตของการทำงานที่ยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น สำหรับครีเอทีฟ, ฟรีแลนซ์, หรือนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ iPad Pro M4 หรือ Air M2 สามารถเป็นเครื่องมือหลักในการทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับผู้ที่ยังต้องพึ่งพาโปรแกรมเฉพาะทางบนเดสก์ท็อป หรือต้องการความยืดหยุ่นสูงสุดในการจัดการไฟล์ iPad อาจจะยังคงเป็น “อุปกรณ์ชิ้นที่สอง” ที่ทรงพลังที่สุดในตลาด

“คำตอบของคำถามที่ว่า iPad รุ่นไหนดี ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับ ‘งาน’ และ ‘ไลฟ์สไตล์’ ของแต่ละคน จงเลือก iPad ที่ตอบโจทย์ 80% ของสิ่งที่คุณทำในแต่ละวัน แล้วคุณจะได้คู่หูที่สมบูรณ์แบบที่สุด”


เคล็ดลับการเลือกซื้อ: ถามตัวเอง 5 ข้อ ก่อนตัดสินใจว่า iPad รุ่นไหนดี

เคล็ดลับการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนดี โดยดูจากดีไซน์ ฟังก์ชัน และความเหมาะสมในการใช้งาน

  1. ใช้งานหลักๆ เพื่ออะไร?: ถ้าเน้นดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล iPad 10th Gen ก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องวาดรูปหรือทำงานกราฟิกหนักๆ การลงทุนกับ iPad Air หรือ Pro ที่รองรับ Apple Pencil Pro จะคุ้มค่ากว่ามากครับ
  2. ขนาดหน้าจอสำคัญแค่ไหน?: คุณต้องการความคล่องตัวสูงสุด (iPad mini), ความสมดุล (11 นิ้ว), หรือพื้นที่ทำงานที่กว้างขวาง (13 นิ้ว)? ลองนึกภาพการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณดูครับ
  3. ต้องการประสิทธิภาพระดับไหน?: ชิป A-series เพียงพอสำหรับงานทั่วไป, แต่ถ้าคุณต้องตัดต่อวิดีโอ 4K หรือทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่ ชิป M-series คือคำตอบ การเลือก iPad รุ่นไหนดี ต้องดูที่ความต้องการพลังประมวลผลเป็นหลัก
  4. ความจุเท่าไหร่ถึงจะพอ?: ถ้าใช้เก็บไฟล์ใน iCloud เป็นหลัก 128GB ก็อาจจะพอ แต่ถ้าคุณต้องเก็บไฟล์วิดีโอ, แอปเกมหนักๆ, หรือทำงานออฟไลน์บ่อยๆ การเลือก 256GB ขึ้นไปจะสบายใจกว่าในระยะยาวครับ
  5. Wi-Fi หรือ Cellular?: ถ้าคุณใช้งาน iPad นอกบ้านบ่อยๆ และต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา การเพิ่มเงินสำหรับรุ่น Cellular ถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าส่วนใหญ่ใช้ที่บ้านหรือที่ทำงานซึ่งมี Wi-Fi อยู่แล้ว รุ่น Wi-Fi อย่างเดียวก็เพียงพอและประหยัดกว่าครับ

เลือกความจุเท่าไหร่ดี? คู่มือฉบับย่อสำหรับ iPad ปี 2025

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดนอกเหนือจาก iPad รุ่นไหนดี ก็คือ “ควรเลือกความจุกี่ GB?” เรามาดูกันครับว่าแต่ละขนาดเหมาะกับใคร

  • 64GB (มีในรุ่นเก่า/เริ่มต้น): เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานเบาๆ จริงๆ เช่น สตรีมมิ่งเป็นหลัก, ท่องเว็บ, เช็กอีเมล และเก็บไฟล์ส่วนใหญ่บน iCloud อาจจะไม่เพียงพอในระยะยาว
  • 128GB (จุดเริ่มต้นที่ลงตัว): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน สามารถลงแอปที่จำเป็น, เก็บเอกสาร, รูปภาพ, และเกมได้พอสมควรโดยไม่ต้องกังวลมากนัก
  • 256GB (ขนาดที่สบายใจ): เป็นขนาดที่แนะนำสำหรับคนที่ทำงานกับไฟล์ขนาดกลางๆ, ชอบเล่นเกม, หรือดาวน์โหลดหนังและซีรีส์มาเก็บไว้ดูออฟไลน์ เป็นขนาดที่ยืดหยุ่นและใช้งานได้ยาวๆ
  • 512GB / 1TB / 2TB (สำหรับมือโปร): เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่มาก เช่น ช่างภาพที่เก็บไฟล์ RAW, นักตัดต่อวิดีโอที่ทำงานกับโปรเจกต์ 4K ProRes, หรือนักพัฒนา 3D ครับ

อุปกรณ์เสริมที่ต้องมี: เปลี่ยน iPad ของคุณให้เป็นเครื่องมือสุดโปร

การเลือก iPad รุ่นไหนดี เป็นแค่จุดเริ่มต้น ประสบการณ์การใช้งานจะสมบูรณ์แบบได้ต้องมีอุปกรณ์เสริมที่ใช่ด้วยครับ

  • Apple Pencil: จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสายจดและสายวาด รุ่น Pro ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด, รุ่น 2 สะดวกสบาย, และรุ่น USB-C เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
  • Magic Keyboard / Smart Keyboard Folio: เปลี่ยน iPad ของคุณให้กลายเป็นแล็ปท็อปขนาดย่อม เหมาะสำหรับคนที่ต้องพิมพ์งานเยอะๆ Magic Keyboard ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้วย Trackpad ในตัว
  • เคสและฟิล์มกันรอย: สิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อปกป้องการลงทุนของคุณ ควรเลือกเคสที่สามารถพับตั้งได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
  • USB-C Hub: สำหรับรุ่นที่ใช้พอร์ต USB-C การมี Hub จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลายขึ้นมาก เช่น ต่อจอภาพ, อ่าน SD Card, หรือเสียบไดรฟ์ USB

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ภาพ iPad รุ่นต่าง ๆ สำหรับประกอบบทความ iPad รุ่นไหนดี พร้อมคำถามในสไตล์น่าสงสัย

  • ถาม: iPad Air M2 กับ iPad Pro M2 รุ่นเก่า เลือกรุ่นไหนดี?
    ตอบ: ถ้าคุณต้องการจอ 120Hz (ProMotion) และฟีเจอร์อย่าง LiDAR ให้เลือก Pro M2 แต่ถ้าคุณอยากได้กล้องหน้าแนวนอนและรองรับ Apple Pencil Pro รุ่นใหม่ ให้เลือก Air M2 ครับ เป็นการเลือกระหว่างความลื่นไหลของจอกับฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า
  • ถาม: จำเป็นต้องซื้อ Apple Pencil Pro สำหรับ iPad Air/Pro รุ่นใหม่ไหม?
    ตอบ: ไม่จำเป็นครับ คุณยังสามารถใช้ Apple Pencil (USB-C) ได้ แต่จะพลาดฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการบีบ, การหมุน, และ Haptic Feedback ไป ซึ่งถ้าคุณเป็นสายวาดรูป การลงทุนกับรุ่น Pro จะคุ้มค่ากว่ามาก
  • ถาม: iPad สามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้ 100% เลยไหม?
    ตอบ: ขึ้นอยู่กับงานของคุณครับ สำหรับงานเอกสาร, งานสร้างสรรค์, และงานออนไลน์ส่วนใหญ่ iPad สามารถทำได้ดีมาก แต่ถ้างานของคุณต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทางที่มีแค่บน Windows/macOS หรือต้องจัดการไฟล์ที่ซับซ้อนมากๆ คอมพิวเตอร์ก็ยังคงมีความยืดหยุ่นมากกว่า
  • ถาม: การเลือก iPad รุ่นไหนดี มีผลต่อการอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคตไหม?
    ตอบ: มีผลครับ รุ่นที่ใช้ชิปใหม่กว่า (โดยเฉพาะ M-series) จะได้รับการสนับสนุนและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ iPadOS ไปได้ยาวนานกว่ารุ่นที่ใช้ชิปเก่ากว่า (A-series) ครับ

บทสรุป: iPad รุ่นไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณในปี 2025

มาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าเพื่อนๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันแล้วนะครับว่า iPad รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นคู่หูคนใหม่ของคุณในปี 2025 นี้ จะเห็นได้ว่า Apple ได้วางตำแหน่งของ iPad แต่ละรุ่นไว้อย่างชัดเจน ทำให้การเลือกง่ายขึ้นกว่าเดิมมากครับ

ถ้าคุณคือมืออาชีพที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดแบบไม่มีข้อแม้ iPad Pro (M4) คือคำตอบสุดท้าย ด้วยพลังที่เหลือล้นและจอภาพที่สวยที่สุดในโลก สำหรับคนที่ต้องการพลังระดับโปรในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นและมีความสมดุลที่สุด iPad Air (M2) ทั้งขนาด 11 และ 13 นิ้ว คือตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ดีที่สุด ส่วนใครที่เน้นความคล่องตัว พกพาง่าย iPad mini 6 ก็ยังคงเป็นแชมป์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และสุดท้าย สำหรับผู้เริ่มต้นหรือการใช้งานในครอบครัว iPad 10th Gen และ iPad 9th Gen ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ที่สุดครับ

สุดท้ายนี้ การตัดสินใจเลือก iPad รุ่นไหนดี ที่ดีที่สุดคือการเลือกรุ่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของคุณมากที่สุด ลองพิจารณาจากสิ่งที่คุณใช้งานเป็นประจำ แล้วคุณจะเจอ iPad ที่ใช่สำหรับคุณอย่างแน่นอนครับ!

ภาพ iPad รุ่นไหนดี วางเรียงกันบนพื้นหลังเรียบเพื่อเปรียบเทียบรุ่นยอดนิยม


หมายเหตุจากผู้เขียน:

  • รายละเอียดเรื่องราคา, โปรโมชั่น, หรือการรับประกัน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมจาก Apple Store Online (TH) หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เช่น Studio7, BaNANA IT อีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อครับ
  • คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, ราคา ณ วันเปิดตัว, และการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นในตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน
  • รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “นนท์, อายุ 35”) เป็นตัวอย่างสมมติที่รวบรวมมาจากความคิดเห็นโดยรวมของผู้ใช้งานจริง เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานที่หลากหลายเท่านั้น
  • บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลล่าสุด ณ ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 คุณสมบัติหรือราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
  • การใช้งานอุปกรณ์เสริมบางอย่าง เช่น Apple Pencil หรือ Magic Keyboard อาจมีข้อจำกัดในแต่ละรุ่น ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ก่อนซื้อทุกครั้งครับ
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ขอบพระคุณครับ