บทนำ
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกคน! วันนี้เรามาเจาะลึกเรื่องสำคัญที่คอเกม PS5 ทุกคนต้องเคยถามตัวเองกันแน่นอน นั่นก็คือ จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นอาวุธคู่ใจ พาเราฝ่าฟันไปในโลกของเกมได้อย่างเต็มอรรถรสที่สุด เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้ว จอยคอนโทรลเลอร์มันไม่ใช่แค่ปุ่มกดธรรมดา ๆ นะครับ แต่มันคือส่วนเชื่อมต่อระหว่างเรากับเกม เป็นทุกสัมผัส ทุกการตอบสนอง ที่จะทำให้เราอินไปกับเกมได้แบบสุดขั้ว ตั้งแต่แรงสั่นสะเทือนตอนระเบิดตูมตาม ไปจนถึงความหนืดของไกปืนที่สมจริงในเกม FPS ซึ่งจอย DualSense ที่แถมมากับเครื่อง PS5 ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากแล้ว แต่สำหรับเกมเมอร์สายจริงจังที่ต้องการความเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งปุ่มได้ดั่งใจ, ก้านอนาล็อกที่แม่นยำกว่า, หรือฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ได้เปรียบในการแข่งขัน การมองหาจอยโปร (Pro Controller) จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยครับ
ในตลาดตอนนี้มีตัวเลือกหลากหลายมากจนตาลาย ตั้งแต่จอยโปรตัวท็อปจาก Sony เอง ไปจนถึงแบรนด์ Third-party ที่ขนเทคโนโลยีเด็ด ๆ มาแข่งกันเพียบ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่จะเหมาะกับสไตล์การเล่นและงบประมาณของเราที่สุด? ไม่ต้องห่วงครับ เพราะวันนี้ผมได้รวบรวมและจัดอันดับ 10 สุดยอดจอย PS5 ที่เจ๋งที่สุดแห่งปี 2025 มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันแบบหมดเปลือก บอกเลยว่าแต่ละตัวที่คัดมานี่เด็ดดวงทั้งนั้น มีตั้งแต่จอยโปรสำหรับสาย eSports, จอยไฟท์ติ้งสำหรับคอเกมต่อสู้, ไปจนถึงจอยที่ออกแบบมาเพื่อการเข้าถึงสำหรับทุกคน บทความนี้จะเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ทั้งจุดเด่น ข้อควรพิจารณา สเปกเชิงลึก และที่สำคัญคือความรู้สึกจากการใช้งานจริง เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ข้อมูลครบถ้วนที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุนกับไอเทมชิ้นสำคัญนี้ การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี จะไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวอีกต่อไป ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูตารางเปรียบเทียบภาพรวมกันก่อนเลยครับ!
จัดอันดับ 10 จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่สุดแห่งปี 2025
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังร้อนใจอยากรู้ว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ ลองดูตารางเปรียบเทียบสรุปของเราก่อนได้เลยครับ ตารางนี้จะให้ภาพรวมของจอยแต่ละรุ่น ทั้งสเปกเด่น คะแนน และความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ก่อนจะดำดิ่งลงไปในรายละเอียดรีวิวแบบเจาะลึกของแต่ละอันดับครับ
ตารางเปรียบเทียบสรุป 10 อันดับ จอย PS5 รุ่นไหนดี
1. Victrix Pro BFG ★★★★★
“ที่สุดแห่งการปรับแต่ง! จอยโปรที่เกมเมอร์สายแข็งต้องยอมสยบ สลับโมดูลได้ดั่งใจ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้ามีใครถามว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่สุดในแง่ของการปรับแต่งแบบไร้ขีดจำกัด ชื่อของ Victrix Pro BFG ต้องขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแบบนอนมาเลยครับ จอยตัวนี้คือความฝันของเกมเมอร์สาย Customization อย่างแท้จริง เพราะมันไม่ได้ให้แค่การ re-map ปุ่ม หรือเปลี่ยนก้านอนาล็อก แต่มันให้คุณ “สลับโมดูล” ทั้งแผงได้เลย! อยากได้ Layout แบบ PlayStation ดั้งเดิม หรือแบบ Xbox ที่ D-pad กับอนาล็อกซ้ายสลับกันก็ทำได้ในไม่กี่วินาที แถมยังมีโมดูล Fight Pad 6 ปุ่มมาให้เปลี่ยนสำหรับคอเกมต่อสู้อีกต่างหาก เรียกว่าซื้อจอยเดียวเหมือนได้จอยสามแบบอยู่ในมือ เป็นจอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและลึกซึ้งของเกมเมอร์ระดับโปรโดยเฉพาะเลยครับ
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Wireless USB Dongle) / มีสาย (USB-C)
- การปรับแต่ง: สลับโมดูล D-Pad และ Analog Stick ได้, โมดูล Fight Pad 6 ปุ่ม
- ปุ่มเสริม: ปุ่มด้านหลัง 4 ปุ่ม (ตั้งโปรแกรมได้)
- ไกปืน (Triggers): Patented Clutch Triggers™ พร้อม Trigger Stops 5 ระดับ
- D-Pad: เปลี่ยนได้ 3 แบบ (Standard, Diamond, Circle)
- Analog Sticks: เปลี่ยนได้ 2 แบบ (ทรงเว้า, ทรงนูน)
- เสียง: รองรับ 3D Audio ผ่านช่อง 3.5 มม. (เฉพาะโหมดมีสาย)
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดขายที่ทำให้ Victrix Pro BFG โดดเด่นเหนือใครคือ “Modular Design” ที่แท้ทรูครับ ด้วยไขควงหกเหลี่ยมอันจิ๋วที่แถมมาในกล่อง เราสามารถคลายสกรูแค่สองตัวเพื่อถอดแผงโมดูลด้านซ้ายออกมาทั้งหมด แล้วสลับตำแหน่งระหว่าง D-pad กับ Analog Stick ได้เลยทันที ใครที่ถนัด Layout แบบ Xbox ก็แฮปปี้ หรือจะเปลี่ยนไปใช้โมดูล Fight Pad ที่มีปุ่มกด Micro Switch ถึง 6 ปุ่มเรียงกันแบบตู้เกมอาเขต ก็เหมาะสุด ๆ สำหรับเกม Street Fighter หรือ Tekken การตัดสินใจเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับคนเล่นเกมหลายแนวเลยง่ายขึ้นเยอะ เพราะ Pro BFG ตัวเดียวจบ นอกจากนี้ยังมี D-pad ให้เลือกอีก 3 แบบ, ก้านอนาล็อก 2 ความสูง, และ Gate ของอนาล็อกอีก 2 แบบ (สี่เหลี่ยม, แปดเหลี่ยม) ให้เปลี่ยนตามความถนัด แค่ของที่ให้มาในกล่องก็ปรับแต่งกันสนุกแล้วครับ ยังไม่นับปุ่มหลังอีก 4 ปุ่มที่ออกแบบมาให้กดง่าย อยู่ในตำแหน่งนิ้วกลางพอดีเป๊ะ สามารถ re-map ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านซอฟต์แวร์ให้วุ่นวายเลยครับ
ในแง่ของ Performance สำหรับการเล่นเกมแข่งขัน, Pro BFG ถือเป็นอาวุธร้ายกาจเลยทีเดียวครับ ฟีเจอร์เด็ดคือ “Clutch Triggers” ที่มี Trigger Stops ให้ปรับระยะการกดได้ถึง 5 ระดับ ตั้งแต่กดสุดเพื่ออารมณ์ในเกมขับรถ ไปจนถึงกดนิดเดียวก็ยิงได้ทันที (Hair Trigger) ในเกม FPS ซึ่งละเอียดกว่าจอยโปรส่วนใหญ่ที่มีแค่ 2-3 ระดับ การตอบสนองของปุ่มกดและอนาล็อกก็ทำได้ไวและแม่นยำมาก แม้ว่าจะต้องแลกมากับการตัดฟีเจอร์เฉพาะของ PS5 อย่าง Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ออกไป ซึ่งถ้าใครเป็นสายเล่นเกม Single-player ที่เน้นความดื่มด่ำอาจจะรู้สึกขาดอะไรไปบ้าง แต่ถ้าคุณคือผู้เล่นสาย Competitive ที่ทุกมิลลิวินาทีมีความหมาย การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่ตอบสนองได้เร็วที่สุดย่อมสำคัญกว่า และ Pro BFG ก็ตอบโจทย์นี้ได้เต็ม ๆ ครับ ตัวจอยมีน้ำหนักเบากว่า DualSense Edge ทำให้ถือเล่นนาน ๆ ได้สบายมือกว่า และถึงแม้จะใช้การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Dongle แทน Bluetooth โดยตรง แต่ก็ให้ความเสถียรและ Latency ที่ต่ำมาก ๆ แทบไม่รู้สึกถึงความหน่วงเลยครับ การมี เก้าอี้เกมมิ่ง ดี ๆ สักตัวแล้วนั่งเล่นด้วยจอยตัวนี้ยาว ๆ บอกเลยว่าฟินสุด ๆ
คะแนนที่ได้
9.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ปรับแต่งได้ทุกอย่างจริง ๆ ครับ สลับเป็น Fight Pad เล่น Tekken คือมันส์มาก คุ้มค่าทุกบาท” – โปร, อายุ 28
“น้ำหนักเบา จับถนัดมือมากค่ะ ปุ่มหลังกดง่าย ไม่ต้องเอื้อมนิ้วเลย ชอบที่ปรับ Trigger ได้ละเอียดสุด ๆ” – มิ้นท์, อายุ 25
2. DualSense Edge ★★★★★
“จอยโปรอย่างเป็นทางการจาก Sony ฟีเจอร์ครบเครื่อง จบในตัวเดียวสำหรับสาวก PlayStation”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
มาถึงอันดับสองกับ DualSense Edge จอยโปรตัวแรกจากบ้าน Sony ที่เปิดตัวมาเพื่อตอบคำถามว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับคนที่ต้องการอัปเกรดจากจอยเดิม แต่ยังอยากได้ฟีเจอร์สุดล้ำของ PS5 ครบถ้วน ทั้ง Haptic Feedback และ Adaptive Triggers นี่คือคำตอบที่ใช่ที่สุดครับ DualSense Edge คือการนำจอย DualSense ดั้งเดิมมายกเครื่องใหม่ทั้งหมด ใส่ฟังก์ชันระดับโปรเข้าไปแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นปุ่มหลังที่ถอดเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ (แบบแป้นและแบบก้าน), Trigger Stops 3 ระดับ, และที่เด็ดที่สุดคือความสามารถในการ “เปลี่ยนโมดูลสติ๊ก” ทั้งอันได้เลย หมดกังวลเรื่อง Stick Drift ในระยะยาวไปได้เปราะหนึ่ง แถมยังมาพร้อมกระเป๋าเก็บสุดพรีเมียมที่ชาร์จจอยผ่านกระเป๋าได้เลยอีกด้วย
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Bluetooth) / มีสาย (USB-C Braided Cable with Connector Housing)
- ฟีเจอร์หลัก: Haptic Feedback, Adaptive Triggers
- การปรับแต่ง: เปลี่ยนโมดูลสติ๊กได้, เปลี่ยนหัวสติ๊กได้ 3 แบบ (Standard, High Dome, Low Dome)
- ปุ่มเสริม: ปุ่มด้านหลัง 2 ปุ่ม (เปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ: Half-dome, Lever)
- ไกปืน (Triggers): Trigger Stops 3 ระดับ
- Software: ตั้งค่าโปรไฟล์ผ่าน UI ของ PS5 โดยตรง, ปุ่ม Fn สำหรับสลับโปรไฟล์
รีวิวแบบเจาะลึก
สิ่งที่ทำให้ DualSense Edge แตกต่างจากจอยโปรตัวอื่น ๆ คือการที่มันยังคงเป็น “DualSense” อยู่อย่างสมบูรณ์ครับ คุณจะยังได้รับประสบการณ์การเล่นเกมเจเนอเรชันถัดไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งแรงสั่นที่สมจริงจาก Haptic Feedback และแรงต้านของไกปืนจาก Adaptive Triggers ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จอย Third-party ส่วนใหญ่ต้องตัดออกไปเพื่อลด Latency หรือข้อจำกัดทางลิขสิทธิ์ การตัดสินใจว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี จึงมักจะมาจบที่คำถามว่า “คุณยอมเสียฟีเจอร์เหล่านี้ไปเพื่อปุ่มที่มากขึ้นหรือไม่?” แต่สำหรับ Edge คุณไม่ต้องเลือกครับ เพราะได้มาครบทั้งหมด การปรับแต่งก็ทำได้ลึกซึ้งผ่านเมนูบน PS5 โดยตรง เราสามารถสร้างโปรไฟล์ได้หลายแบบ, ปรับ Deadzone ของสติ๊ก, ปรับความโค้งในการตอบสนอง (Sensitivity Curve) ของทั้งสติ๊กและไกปืน, และ re-map ได้ทุกปุ่ม (ยกเว้นปุ่ม Create และ PS) ที่สำคัญคือมีปุ่ม Fn (Function) สองปุ่มใต้สติ๊ก ทำให้เราสลับโปรไฟล์หรือปรับระดับเสียงของ หูฟัง PS5 ได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเกมเลย สะดวกสุด ๆ ครับ
ฟีเจอร์ที่ถือเป็นไม้เด็ดและแก้ปัญหาที่เกมเมอร์ทุกคนหวาดกลัวคือ “Replaceable Stick Modules” หรือการเปลี่ยนโมดูลสติ๊กได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่เปิดฝาหน้าและปลดล็อกคันโยก เราก็สามารถดึงโมดูลสติ๊กเก่าออกมาแล้วใส่ของใหม่เข้าไปแทนได้เลย แม้ว่าโมดูลสำรองจะต้องซื้อแยกและมีราคาสูงพอสมควร แต่มันก็เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของจอยราคาแพงตัวนี้ไปได้อีกนาน ไม่ต้องทิ้งทั้งจอยเมื่อเกิดปัญหา Stick Drift เหมือนที่ผ่านมา ในส่วนของปุ่มหลัง (Back Buttons) แม้จะมีเพียง 2 ปุ่ม แต่ก็ให้สัมผัสการกดที่ดีและมีให้เลือกเปลี่ยน 2 สไตล์ตามความถนัด ส่วน Trigger Stops ก็ใช้งานง่ายแค่เลื่อนสลักด้านหลัง อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจังคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้นลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ DualSense รุ่นปกติ อาจจะต้องเล่นแบบเสียบสาย USB-C ที่แถมมา (ซึ่งเป็นสายถักอย่างดีและมีตัวล็อกกันสายหลุด) บ่อยขึ้น แต่นี่ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่หลายคนยอมรับได้เพื่อให้ได้มาซึ่งสุดยอดประสบการณ์การเล่นที่ครบเครื่องที่สุดจาก Sony ครับ ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ PlayStation และกำลังมองหา จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่เป็นที่สุดของที่สุดจากผู้ผลิตเอง DualSense Edge คือคำตอบสุดท้ายที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
คะแนนที่ได้
9.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“ฟีเจอร์ Haptic กับ Adaptive Triggers ยังอยู่ครบคือที่สุดแล้วครับ ปรับแต่งในเมนู PS5 ง่ายมาก ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่มเลย” – อาร์ม, อายุ 31
“ชอบที่เปลี่ยนโมดูลสติ๊กได้ค่ะ อุ่นใจขึ้นเยอะเลย กระเป๋าก็สวยมาก แต่แบตหมดไวจริง ๆ ค่ะ ต้องเสียบสายเล่นบ่อยหน่อย” – ฝน, อายุ 27
3. Scuf Reflex Pro ★★★★☆
“สัมผัสระดับโปร พร้อม Grip กันลื่นจับกระชับมือ ตัวเลือกยอดนิยมของเหล่าสตรีมเมอร์”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าพูดถึงแบรนด์จอยโปรแล้วไม่พูดถึง Scuf ก็คงเหมือนขาดอะไรไปครับ Scuf Reflex Pro คือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี และให้ความสำคัญกับสัมผัสการจับถือและความพรีเมียมของวัสดุ Scuf นำโครงสร้างของจอย DualSense ดั้งเดิมมาปรับแต่งใหม่ ใส่ปุ่มหลัง (Paddles) ที่เป็นเอกลักษณ์มาให้ถึง 4 ปุ่ม ซึ่งสามารถถอดออกหรือ re-map ได้อย่างอิสระ จุดเด่นของรุ่น Pro คือ “Performance Grip” บริเวณที่จับซึ่งเป็นยางกันลื่นคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกในการจับที่หนึบและกระชับมือมาก ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิสูงเป็นเวลานาน ๆ และยังคงรักษาฟีเจอร์เด่นของ PS5 อย่าง Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ไว้อย่างครบถ้วน
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Bluetooth) / มีสาย (USB-C)
- ฟีเจอร์หลัก: Haptic Feedback, Adaptive Triggers
- ปุ่มเสริม: ปุ่มหลังแบบ Paddle 4 ปุ่ม (ถอดและตั้งโปรแกรมได้)
- Grip: High-performance grip กันลื่น
- การปรับแต่ง: เปลี่ยน Thumbstick ได้ (ทรงเว้า/นูน, สั้น/ยาว), เปลี่ยนสี Faceplate และปุ่มได้
- Software: ตั้งค่าโปรไฟล์ได้ 3 โปรไฟล์ สลับได้จากปุ่มด้านหลัง
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ Scuf Reflex Pro คือระบบ Paddle ด้านหลัง 4 ปุ่มที่ออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม มันไม่ได้เป็นแค่ปุ่มธรรมดา แต่เป็นแป้นที่โค้งรับกับนิ้วกลางและนิ้วนางของเราพอดี ทำให้การกดเป็นไปอย่างธรรมชาติและรวดเร็วโดยไม่ต้องละนิ้วโป้งออกจาก Analog Stick เลยแม้แต่น้อย เราสามารถตั้งโปรไฟล์การ re-map ปุ่มได้ถึง 3 โปรไฟล์ และสลับไปมาได้ง่าย ๆ ด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ที่ด้านหลังจอย ซึ่งจะมีไฟ LED บอกสีของโปรไฟล์ที่เราใช้อยู่ (ฟ้า, แดง, เขียว) ทำให้สะดวกมากเวลาเล่นเกมต่างประเภทกัน เช่น โปรไฟล์สำหรับเกม FPS, โปรไฟล์สำหรับเกม Racing เป็นต้น เมื่อรวมกับ Performance Grip ที่หนึบติดมือแล้ว ทำให้การควบคุมจอยในสถานการณ์คับขันทำได้อย่างมั่นคงและแม่นยำ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสตรีมเมอร์และผู้เล่นระดับโปรหลายคนถึงเลือกใช้ Scuf เป็นอาวุธคู่กาย และเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคำถามที่ว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่เน้น Performance จริง ๆ
นอกจากการใช้งานแล้ว Scuf ยังโดดเด่นเรื่องการ Customization ด้านความสวยงามอีกด้วยครับ เราสามารถถอดเปลี่ยน Faceplate ด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนสีสันของจอยได้ง่าย ๆ รวมถึงเปลี่ยนสีของแหวนรอบอนาล็อก, D-pad, และปุ่มกดต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ (ต้องสั่งซื้ออะไหล่เพิ่ม) ทำให้เราสร้างจอยที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครได้เลย ในส่วนของ Thumbstick ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้เช่นกัน โดยมีทั้งแบบสั้น-ยาว และแบบหัวเว้า-หัวนูนให้เลือกใช้ตามความถนัด อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำคัญคือในรุ่น Reflex Pro นี้จะ “ไม่มี” Trigger Stops มาให้ ถ้าต้องการฟีเจอร์นี้ที่เปลี่ยนไกปืนให้เป็นแบบกดคลิกเหมือนเมาส์ (Instant Triggers) จะต้องขยับไปเล่นรุ่น Reflex FPS ซึ่งรุ่นนั้นจะถูกตัดระบบ Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ออกไปแทน ดังนั้นการจะเลือกว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ในตระกูล Scuf จึงต้องตัดสินใจให้ดีว่าเราให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ไหนมากกว่ากันระหว่างแรงสั่นกับไกปืนที่ไวกว่า แต่ถ้าคุณต้องการความสมดุลระหว่างฟีเจอร์ PS5 ดั้งเดิมกับปุ่มเสริมคุณภาพสูง Reflex Pro คือตัวเลือกที่ลงตัวมากครับ
คะแนนที่ได้
9.4/10
รีวิวสั้น ๆ
“Grip ด้านหลังคือดีมากครับ จับแล้วติดมือเลย เล่นนาน ๆ เหงื่อออกก็ไม่ลื่น ปุ่ม Paddle กดง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ” – เจมส์, อายุ 26
“ชอบที่ยังสั่นได้เหมือนจอยเดิมค่ะ แต่มีปุ่มหลังเพิ่มมาให้ใช้สกิลสะดวกขึ้นเยอะเลยในเกม Final Fantasy” – พลอย, อายุ 29
4. Sony DualSense Wireless Controller ★★★★☆
“มาตรฐานที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ต้นฉบับแห่งประสบการณ์ Next-Gen ที่ทุกคนคุ้นเคย”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
บางครั้งคำตอบของคำถามที่ว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ก็อาจจะไม่ใช่จอยโปรราคาแพงเสมอไปครับ แต่เป็นจอย Sony DualSense Wireless Controller รุ่นมาตรฐานที่แถมมากับเครื่องนี่แหละ! เราต้องยอมรับว่า Sony ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการคอนโทรลเลอร์ด้วยฟีเจอร์อย่าง Haptic Feedback ที่ให้แรงสั่นสะเทือนที่ละเอียดและหลากหลายกว่า Rumble แบบเดิม ๆ และ Adaptive Triggers ที่สามารถสร้างแรงต้านบนปืนไกได้อย่างสมจริง ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์นี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความดื่มด่ำในการเล่นเกมที่หาไม่ได้จากแพลตฟอร์มอื่น สำหรับเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ต้องการปุ่มเสริมหรือการปรับแต่งที่ซับซ้อน จอย DualSense เดิม ๆ ก็มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Bluetooth) / มีสาย (USB-C)
- ฟีเจอร์หลัก: Haptic Feedback, Adaptive Triggers
- เสียง: ไมโครโฟนและลำโพงในตัว, ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- เซ็นเซอร์: Motion Sensor (six-axis)
- แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จซ้ำได้ในตัว
- ดีไซน์: รูปทรง Two-tone ที่เป็นเอกลักษณ์, พื้นผิวแบบ Micro-texture เพื่อการจับที่ดีขึ้น
รีวิวแบบเจาะลึก
เสน่ห์ของ DualSense อยู่ที่ความเรียบง่ายแต่ทรงพลังครับ เกมอย่าง Astro’s Playroom (ที่แถมมากับเครื่อง) ได้โชว์ศักยภาพของมันอย่างเต็มที่ เราจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของพื้นผิวที่ตัวละครเดินผ่าน, สัมผัสของเม็ดฝนที่ตกกระทบ, หรือแรงต้านตอนง้างคันธนู ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่กิมมิคสวย ๆ แต่มันช่วยเพิ่มข้อมูลให้กับผู้เล่นและทำให้โลกของเกมมีชีวิตชีวาขึ้นจริง ๆ การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ก็ทำได้ดี ตัวจอยมีขนาดใหญ่กว่า DualShock 4 เล็กน้อย แต่ให้ความรู้สึกที่เต็มไม้เต็มมือและจับได้มั่นคงกว่า พื้นผิวแบบ micro-texture ที่เป็นรูปสัญลักษณ์ PlayStation เล็ก ๆ นับพันตัวก็ช่วยให้จับกระชับและไม่ลื่นง่าย การมีไมโครโฟนในตัวก็เป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่มีประโยชน์มาก ทำให้เราสามารถแชทกับเพื่อนได้ทันทีโดยไม่ต้องวุ่นวายหา หูฟังเกมมิ่ง มาต่อ (แม้ว่าคุณภาพเสียงจะสู้หูฟังโดยตรงไม่ได้ก็ตาม)
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับจอยโปร DualSense ก็มีข้อจำกัดที่ชัดเจน มันไม่มีปุ่มเสริมด้านหลัง ทำให้การทำเทคนิคขั้นสูงอย่างการกระโดดพร้อมกับเล็ง (Jump-aiming) ในเกม FPS ทำได้ลำบากกว่า และไม่มีความสามารถในการปรับแต่งใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น Trigger Stops หรือการ re-map ปุ่ม (นอกจากการตั้งค่าพื้นฐานในเมนู Accessibility ของ PS5) นอกจากนี้ ปัญหา Stick Drift ก็ยังคงเป็นฝันร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ใช้งานในระยะยาวโดยไม่มีทางเลือกในการซ่อมแซมง่าย ๆ เหมือน DualSense Edge แต่หากมองในภาพรวม ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและประสบการณ์ Next-gen ที่มันมอบให้ การมีจอย DualSense สำรองไว้สักตัวสำหรับเล่นกับเพื่อน หรือใช้เป็นจอยหลักสำหรับเกมที่ไม่ต้องการความได้เปรียบในการแข่งขัน ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลที่สุดครับ ดังนั้น หากคุณเป็นผู้เล่นทั่วไปและกำลังคิดว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่คุ้มค่าและให้ประสบการณ์ตรงจากผู้สร้าง การซื้อ DualSense รุ่นมาตรฐานเพิ่มอีกตัวก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิดเลย
คะแนนที่ได้
9.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“แค่จอยเดิม ๆ ก็เทพแล้วครับ เล่นเกม Spider-Man 2 คือฟินมากกับแรงสั่นและไกปืน” – บอย, อายุ 35
“เป็นจอยที่จับถนัดมือที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลยค่ะ ไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มก็เล่นสนุกแล้ว” – แอน, อายุ 24
5. Nacon Revolution 5 Pro ★★★★☆
“จอยโปรสายเทคฯ จัดเต็มด้วย Hall Effect ป้องกัน Stick Drift พร้อมการเชื่อมต่อเสียงผ่าน Bluetooth”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Nacon เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คร่ำหวอดในวงการจอยโปรมานาน และ Nacon Revolution 5 Pro ก็คือการกลับมาทวงบัลลังก์ในยุค PS5 ที่น่าจับตามองมากครับ จุดเด่นที่สุดที่ทำให้จอยตัวนี้แตกต่างและเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคำถาม จอย PS5 รุ่นไหนดี คือการใช้เทคโนโลยี “Hall Effect” ทั้งใน Analog Stick และ Triggers ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้แม่เหล็กในการตรวจจับการเคลื่อนไหวแทนที่ชิ้นส่วนที่ต้องเสียดสีกันแบบเดิม ๆ ผลลัพธ์คือความทนทานที่สูงขึ้นมากและช่วยป้องกันปัญหา Stick Drift ที่เป็นมะเร็งของวงการเกมได้อย่างชะงัด! นอกจากนี้ยังเป็นจอยโปรไม่กี่ตัวที่สามารถเชื่อมต่อ หูฟังบลูทูธ ได้โดยตรงจากตัวจอยเลย เพิ่มความสะดวกสบายไปอีกขั้น
สเปกเด่น
- เทคโนโลยี: Hall Effect Magnetic Technology (Sticks & Triggers)
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Wireless USB Dongle) / มีสาย (USB-C)
- เสียง: รองรับหูฟัง Bluetooth และช่องหูฟัง 3.5 มม.
- ปุ่มเสริม: ปุ่มด้านหลัง 4 ปุ่ม
- ไกปืน (Triggers): Trigger Blockers 2 ระดับ
- การปรับแต่ง: เปลี่ยนหัวสติ๊กและก้านได้, เพิ่มน้ำหนักถ่วงได้ (10g, 14g, 16g)
- แบตเตอรี่: ใช้งานได้นานกว่า 10 ชั่วโมง
รีวิวแบบเจาะลึก
การนำเทคโนโลยี Hall Effect มาใช้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Nacon Revolution 5 Pro เลยครับ เพราะมันช่วยแก้ปัญหาที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่กังวลมากที่สุดได้อย่างตรงจุด การที่ไม่มีชิ้นส่วนสัมผัสกันโดยตรงในกลไกของสติ๊กและไกปืน ไม่เพียงแต่จะทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ยังให้ความรู้สึกในการควบคุมที่ลื่นไหลและสม่ำเสมออีกด้วย สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์แย่ ๆ กับจอยที่เริ่มเดินเองหรือเล็งไม่ตรงหลังจากใช้งานไปไม่นาน การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่ใช้เทคโนโลยีนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ นอกจากนี้ การที่จอยสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายผ่าน Bluetooth ได้โดยตรงก็เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกมาก ๆ ทำให้เราเป็นอิสระจากสายระโยงระยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่จอยของ Sony เองก็ยังทำไม่ได้ครับ การปรับแต่งก็ทำได้ละเอียดไม่แพ้ใคร ทั้งการเปลี่ยนหัวสติ๊ก, D-pad, และที่พิเศษคือการใส่ตุ้มน้ำหนักเข้าไปในก้านจับเพื่อปรับสมดุลและฟีลลิ่งของจอยให้เข้ากับมือเราที่สุด
อย่างไรก็ตาม Nacon Revolution 5 Pro ก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องพิจารณาเช่นกันครับ นั่นคือการตัดฟีเจอร์เฉพาะของ PS5 อย่าง Haptic Feedback และ Adaptive Triggers ออกไปทั้งหมด โดยแทนที่ด้วยระบบสั่นแบบ Rumble ปกติ ซึ่งแม้จะปรับความแรงได้ แต่ก็ไม่สามารถให้รายละเอียดและความรู้สึกที่ซับซ้อนได้เท่ากับของเดิม และ Layout ของจอยก็ถูกกำหนดมาเป็นแบบ Asymmetrical (สติ๊กซ้ายอยู่บน) เท่านั้น ไม่สามารถสลับได้เหมือน Victrix Pro BFG ใครที่ไม่ถนัด Layout แบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักครับ แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่ให้ความสำคัญกับความทนทานเป็นอันดับหนึ่ง, ต้องการความแม่นยำที่สม่ำเสมอในระยะยาว, และชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาเดิม ๆ การลงทุนกับ Nacon Revolution 5 Pro ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกลมากครับ มันคือ จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับคนที่อยากได้ความสบายใจและประสิทธิภาพที่คงที่ไปอีกหลายปี
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“สบายใจเรื่อง Stick Drift ไปเลยครับ ใช้ Hall Effect แล้วรู้สึกได้ว่ามันลื่นกว่าจริง ๆ ชอบที่ต่อหูฟัง Bluetooth ได้ด้วย” – นนท์, อายุ 30
“ปรับน้ำหนักได้นี่ดีมากเลยค่ะ ทำให้จอยมันสมดุลในมือเราพอดี แต่เสียดายที่ไม่มีระบบสั่นแบบ Haptic” – กิ๊ฟ, อายุ 26
6. DualSense Wireless Controller (สีพิเศษ) ★★★★☆
“เพิ่มสีสันให้กับการเล่นเกมของคุณ ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายแต่ยังคงประสิทธิภาพดั้งเดิม”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
บางทีการเลือกว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฟังก์ชันโปรเสมอไป แต่อาจเป็นเรื่องของสไตล์และตัวตนครับ DualSense Wireless Controller ในเฉดสีพิเศษต่าง ๆ เช่น Cobalt Blue, Volcanic Red, หรือ Sterling Silver ก็เป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่อยากได้จอยสำรองหรือจอยสำหรับผู้เล่นคนที่สองที่ไม่เหมือนใคร โดยที่ยังคงประสิทธิภาพและฟีเจอร์ทุกอย่างของจอย DualSense ดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Haptic Feedback, Adaptive Triggers, และไมโครโฟนในตัว การมีจอยสีสันสดใสวางคู่กับเครื่อง PS5 ก็ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับมุมเล่นเกมของคุณได้เป็นอย่างดีเลยครับ
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Bluetooth) / มีสาย (USB-C)
- ฟีเจอร์หลัก: Haptic Feedback, Adaptive Triggers
- ดีไซน์: มีให้เลือกหลากหลายสี เช่น Volcanic Red, Cobalt Blue, Sterling Silver, Galactic Purple, Nova Pink, Starlight Blue, Cosmic Red
- เสียง: ไมโครโฟนและลำโพงในตัว, ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในตัว
รีวิวแบบเจาะลึก
ในทางเทคนิคแล้ว DualSense สีพิเศษเหล่านี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากจอยสีขาวมาตรฐานเลยครับ มันคือจอยตัวเดียวกันที่เปลี่ยนแค่สีของเปลือกนอกเท่านั้น แต่นั่นก็คือจุดขายของมัน การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี ในกรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ คุณอาจจะอยากได้จอยสีแดงแรงฤทธิ์เพื่อให้เข้ากับสกินของตัวละครโปรด หรือจอยสีน้ำเงินเข้มเพื่อให้ดูสุขุมเข้ากับชุด ทีวี และ Soundbar ของคุณ การที่ Sony ทยอยออกสีใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ ก็ทำให้การสะสมจอยกลายเป็นอีกหนึ่งความสนุกของแฟน ๆ PlayStation ไปด้วย การมีจอยหลายสียังช่วยให้แยกแยะได้ง่ายเวลาเล่นเกมกับเพื่อนหรือครอบครัวหลายคน ว่าจอยของใครเป็นของใคร ไม่ต้องมานั่งเถียงกันทีหลังครับ
สำหรับคนที่อาจจะยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์จาก DualSense การซื้อจอยสีพิเศษเป็นจอยแรกก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันครับ เพราะคุณจะได้รับเทคโนโลยีการเล่นเกมที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน ทั้งการสั่นที่สมจริงจนรู้สึกได้ถึงพื้นผิวที่แตกต่าง และไกปืนที่มีแรงต้านเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งช่วยยกระดับความอินในการเล่นเกมเนื้อเรื่องได้อย่างมหาศาล แม้ว่ามันจะไม่มีปุ่มเสริมหรือ Trigger Stops เหมือนจอยโปร แต่สำหรับเกมเมอร์ส่วนใหญ่แล้ว ฟังก์ชันที่มีอยู่ก็ถือว่าเกินพอและมอบความสนุกได้อย่างเต็มเปี่ยมแล้วครับ สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่แค่อยากได้จอยคุณภาพดีที่หน้าตาสวยงามไม่ซ้ำใคร การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี ก็แค่เล็งสีที่ชอบแล้วจัดได้เลยครับ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ซื้อสีแดง Volcanic Red มา สวยมากครับ วางคู่กับเครื่องแล้วเด่นเลย ฟีลลิ่งการเล่นก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เยี่ยมครับ” – ต้น, อายุ 29
“มีจอยสีชมพู Nova Pink ไว้เล่นกับแฟนค่ะ น่ารักมาก แยกง่ายด้วยว่าอันไหนของใคร” – ใบเตย, อายุ 25
7. Razer Raiju Ultimate ★★★★☆
“สัมผัสปุ่มกดแบบ Mecha-Tactile อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟ Chroma RGB สำหรับสาวก Razer”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
แม้ว่า Razer Raiju Ultimate จะเป็นจอยที่เปิดตัวมาตั้งแต่ยุค PS4 แต่ด้วยความสามารถในการใช้งานร่วมกับเกม PS4 บนเครื่อง PS5 และฟีเจอร์ระดับโปรที่ยังคงทันสมัย ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่ให้ฟีลลิ่งการกดปุ่มแตกต่างออกไป จุดเด่นของจอยตัวนี้คือปุ่ม Action Buttons แบบ Mecha-Tactile ที่ให้สัมผัสเหมือนการคลิกเมาส์เกมมิ่ง มีความนุ่มแต่ยังคงเสียงคลิกที่ชัดเจนและระยะการกดที่สั้น ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ พร้อมด้วยปุ่มเสริมอีก 4 ปุ่มและไฟ Razer Chroma RGB สุดเท่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทำให้มันเป็นจอยที่สาวก “งูเขียว” ต้องเหลียวมอง
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: ไร้สาย (Bluetooth) / มีสาย (USB)
- ปุ่มกด: Razer™ Mecha-Tactile Action Buttons
- ปุ่มเสริม: 4 Multi-Function Buttons (ตั้งโปรแกรมได้)
- การปรับแต่ง: เปลี่ยน D-Pad และ Thumbstick ได้
- ไกปืน (Triggers): Trigger Stops สำหรับการยิงที่รวดเร็ว
- ไฟ: Razer Chroma™ RGB
- Software: ตั้งค่าผ่าน Mobile App
รีวิวแบบเจาะลึก
ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดของ Razer Raiju Ultimate คือมัน “ไม่สามารถใช้เล่นเกม PS5 แบบเต็มรูปแบบได้” ครับ มันจะทำงานได้กับเกม PS4 ที่เล่นบนเครื่อง PS5 เท่านั้น ซึ่งนี่เป็นข้อจำกัดทางเทคนิคที่ Sony กำหนดไว้กับจอย PS4 ทุกรุ่น ดังนั้น หากเกมที่คุณเล่นส่วนใหญ่เป็นเกม Exclusive ของ PS5 จอยตัวนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าคุณยังมีคลังเกม PS4 ที่ชอบเล่นอยู่เป็นประจำ หรือเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์มอย่าง Call of Duty: Warzone, Apex Legends, หรือ Fortnite (ในเวอร์ชัน PS4) จอยตัวนี้จะมอบความได้เปรียบให้คุณอย่างมหาศาล สัมผัสจากปุ่ม Mecha-Tactile นั้นตอบสนองได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกที่ชัดเจนทุกครั้งที่กด ต่างจากปุ่มแบบเมมเบรนของจอยทั่วไป การมีปุ่มเสริม M1-M4 ทำให้เราสามารถใส่คำสั่งสำคัญ ๆ เช่น สไลด์, ใช้ยา, หรือ Ping บอกตำแหน่งศัตรู ได้โดยไม่ต้องปล่อยนิ้วจากสติ๊กเลย การปรับแต่งก็ทำได้ง่ายผ่านแอปบนมือถือ ทำให้การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับคอเกม FPS ที่ยังรักเกมยุคก่อนเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
นอกเหนือจาก Performance แล้ว Raiju Ultimate ยังจัดเต็มเรื่องการปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกมาให้ด้วย เราสามารถเลือกเปลี่ยน D-pad ได้ระหว่างแบบแยกทิศทาง (Individual) หรือแบบแผ่นเชื่อมกัน (Tilting) และยังมีก้านอนาล็อกให้เปลี่ยนอีกหลายแบบทั้งความสูงและความนูนของหัวสติ๊ก เพื่อให้เข้ากับขนาดมือและความถนัดของผู้เล่นแต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับไฟ Razer Chroma RGB ที่สามารถปรับแต่งเอฟเฟกต์และสีสันได้กว่า 16.8 ล้านสี ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้จอยของคุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตาม ตัวจอยมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับจอยอื่น ๆ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบจอยน้ำหนักเบา แต่สำหรับแฟน ๆ Razer ที่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ของค่ายนี้และต้องการฟีลลิ่งการกดปุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมยอมรับข้อจำกัดในการเล่นได้แค่เกม PS4 นี่คือ จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่จะมาเติมเต็มคอลเลกชันของคุณได้อย่างสมศักดิ์ศรีครับ
คะแนนที่ได้
8.6/10
รีวิวสั้น ๆ
“ฟีลลิ่งปุ่มกดคือที่สุดครับ เหมือนคลิกเมาส์เลย เล่น Warzone (PS4) บน PS5 คือเทพมาก แต่เสียดายที่เล่นเกม PS5 ไม่ได้” – มาร์ค, อายุ 28
“ไฟ RGB สวยสะใจมากค่ะ ปรับแต่งในแอปก็ง่ายดี ปุ่มเสริมก็อยู่ในตำแหน่งที่กดถนัดพอดีเลย” – นุ่น, อายุ 23
8. Nacon Daija Arcade Stick ★★★★☆
“ยกตู้เกมอาเขตมาไว้ที่บ้าน! สุดยอดจอยสติ๊กสำหรับคอเกมไฟท์ติ้งโดยเฉพาะ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับคอเกมต่อสู้ (Fighting Games) คำถามที่ว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี อาจจะไม่ได้หมายถึงจอยแพดรูปทรงปกติ แต่หมายถึง Arcade Stick หรือจอยโยกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นจากตู้เกมอาเขตแท้ ๆ และ Nacon Daija Arcade Stick ก็คือหนึ่งในตัวท็อปของตลาดที่ออกแบบมาเพื่อชาว PS5 โดยเฉพาะ จอยโยกตัวนี้พัฒนาร่วมกับ Kayane ผู้เล่น eSports หญิงระดับโปร ทำให้ทุกรายละเอียดถูกคิดมาเพื่อการแข่งขันอย่างแท้จริง ตั้งแต่การเลือกใช้อะไหล่ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Sanwa Denshi ที่วงการยอมรับ ไปจนถึงการออกแบบ Layout และตัวบอดี้ที่แข็งแรงทนทานและง่ายต่อการปรับแต่ง
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: มีสาย (USB-C to USB-A, 3 เมตร, ถอดเก็บในตัวได้)
- อะไหล่: คันโยกและปุ่มกดโดย Sanwa Denshi
- Layout: Vewlix style, ปุ่ม Option และ Create อยู่ด้านข้างป้องกันการกดพลาด
- การปรับแต่ง: เปิดฝาหน้าได้ง่ายด้วยปุ่มกด 2 ปุ่ม, มีไขควงและหัวโยกสำรอง (Bat top) ให้ในกล่อง
- ความเข้ากันได้: PS5, PS4, PC
- เสียง: มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ Nacon Daija คือคุณภาพของส่วนประกอบภายในครับ การเลือกใช้คันโยกและปุ่มกดจาก Sanwa ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้ผลิตตู้เกมในญี่ปุ่นให้ความไว้วางใจ ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความแม่นยำและความทนทาน การตอบสนองของคันโยกนั้นคมกริบและเข้าเกียร์ได้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการควงทำท่า Hadoken หรือการ Dash เข้าออกอย่างรวดเร็ว ส่วนปุ่มกดก็ให้สัมผัสที่ดี มีระยะกดที่พอเหมาะและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ การวาง Layout แบบ Vewlix ก็เป็นมาตรฐานที่ผู้เล่นส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และที่ชาญฉลาดมากคือการย้ายปุ่ม Option, Create, และ PS ไปไว้ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง เพื่อป้องกันการเผลอกดโดนกลางแมตช์สำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาที่เจอกันบ่อยใน Arcade Stick รุ่นอื่น ๆ การตัดสินใจว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับเกมเมอร์สายไฟท์ติ้งจึงต้องมองที่คุณสมบัติเหล่านี้เป็นหลัก
อีกหนึ่งจุดที่ Nacon Daija ทำได้ยอดเยี่ยมคือเรื่องของการซ่อมบำรุงและปรับแต่ง (Modding) ครับ ตัวจอยมีปุ่มกดสองปุ่มที่ด้านข้าง เมื่อกดพร้อมกันจะสามารถเปิดฝาหน้าออกมาได้เหมือนเปิดฝากระโปรงรถ เผยให้เห็นแผงวงจรและการเดินสายไฟที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้การเปลี่ยนปุ่มหรือคันโยกในอนาคตทำได้ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องใช้ทักษะช่างที่ซับซ้อนเลย ในกล่องยังแถมหัวโยกแบบ Bat top มาให้สำหรับคนที่ถนัดหัวโยกทรงยาวแบบอเมริกัน และมีไขควงเล็ก ๆ สำหรับการปรับแต่งเก็บไว้ในช่องเฉพาะภายในตัวจอยอีกด้วย ตัวบอดี้เองก็มีน้ำหนักที่กำลังดีและมีแผ่นยางกันลื่นด้านใต้ ทำให้วางบนตักหรือบนโต๊ะได้อย่างมั่นคง ไม่ขยับเขยื้อนง่าย ๆ ระหว่างการเล่นที่ดุเดือด แม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เฉพาะทางและมีราคาสูง แต่สำหรับผู้ที่จริงจังกับเกมต่อสู้แล้ว การลงทุนกับ Arcade Stick คุณภาพสูงอย่าง Nacon Daija ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจะช่วยยกระดับการเล่นของคุณไปอีกขั้นแน่นอนครับ
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“อะไหล่ Sanwa คือจบจริง ๆ ครับ ฟีลลิ่งเหมือนเล่นที่ตู้เกมเลย เปิดฝามา Mod ก็ง่ายมาก ชอบสุด ๆ” – ท็อป, อายุ 32
“มั่นคงมากค่ะ วางบนตักแล้วไม่เลื่อนเลย ปุ่มกดก็ตอบสนองดีมาก ทำให้ควงท่าติดง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ” – จอย, อายุ 27
9. PlayStation Access Controller ★★★★☆
“เปิดประตูสู่โลกแห่งเกมสำหรับทุกคน จอยที่ปรับแต่งได้ไม่สิ้นสุดเพื่อผู้เล่นที่มีข้อจำกัด”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
PlayStation Access Controller อาจจะไม่ใช่จอยโปรในความหมายทั่วไป แต่มันคืออุปกรณ์ที่สำคัญและมีความหมายมากที่สุดชิ้นหนึ่งในลิสต์นี้ครับ มันถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ “ทำให้ทุกคนสามารถเล่นเกมได้” โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย ไม่สามารถใช้งานจอยคอนโทรลเลอร์แบบดั้งเดิมได้สะดวก ด้วยดีไซน์ทรงกลมที่เป็นเอกลักษณ์และชุดอุปกรณ์เสริมที่ให้มาในกล่อง ทำให้ Access Controller สามารถปรับแต่งรูปแบบการใช้งานได้อย่างอิสระและหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือคำตอบของคำถาม จอย PS5 รุ่นไหนดี สำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชันที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง
สเปกเด่น
- ดีไซน์: รูปทรงกลม วางบนพื้นผิวเรียบได้, ปรับทิศทางได้ 360 องศา
- การปรับแต่ง: เปลี่ยนหัวปุ่ม (Button Caps) ได้หลายรูปแบบ (Pillow, Flat, Wide Flat, Overhang), เปลี่ยนหัวอนาล็อกสติ๊กได้ 3 แบบ (Standard, Dome, Ball)
- การเชื่อมต่อ: ใช้ร่วมกับ DualSense ได้สูงสุด 2 ตัว, มีพอร์ตขยาย 3.5 มม. 4 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อสวิตช์หรือปุ่มเสริมภายนอก
- Software: สร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 30 โปรไฟล์ผ่านเมนูของ PS5, ตั้งค่า Toggle Mode สำหรับการกดค้างได้
- ความเข้ากันได้: PS5
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ Access Controller คือความยืดหยุ่นครับ ตัวจอยสามารถวางบนโต๊ะ, ถาดรถเข็น, หรือยึดกับขาตั้งแบบ AMPS ได้ และสามารถปรับองศาของอนาล็อกสติ๊กให้ยื่นออกมาในระยะที่ต้องการได้ ในกล่องมีหัวปุ่ม (Button Caps) มาให้เปลี่ยนถึง 19 ชิ้น และหัวสติ๊กอีก 3 แบบ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะกับลักษณะการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ดีที่สุด เช่น ผู้เล่นที่ใช้มือได้จำกัดอาจจะเลือกใช้ Wide Flat Cap เพื่อให้กดได้ง่ายขึ้น หรือใช้ Overhang Cap ที่มีส่วนยื่นออกมาเพื่อให้กดได้ด้วยฝ่ามือหรือข้อมือ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดได้ว่าปุ่มไหนจะทำหน้าที่อะไรได้อย่างอิสระผ่านเมนูของ PS5 และที่สำคัญคือมีพอร์ตขยายขนาด 3.5 มม. ถึง 4 พอร์ต ทำให้สามารถนำสวิตช์, ปุ่มกด, หรือแม้แต่แป้นเหยียบเท้าที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาต่อพ่วงเพื่อควบคุมเกมได้อีกด้วย การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี จึงขยายขอบเขตไปไกลกว่าแค่การเล่นเกมเพื่อความสนุก แต่เป็นการสร้างโอกาสให้ทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งเกม
ในการใช้งานจริง Access Controller ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับจอยอีกตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Access Controller ตัวที่สอง หรือจอย DualSense/DualSense Edge ก็ได้ โดยผู้เล่นสามารถสร้าง “ชุดควบคุมเสมือน” ขึ้นมาหนึ่งชุด เช่น ใช้ Access Controller สำหรับปุ่ม Action และใช้ DualSense สำหรับการเคลื่อนที่ด้วยอนาล็อกสติ๊กซ้าย เป็นต้น ทำให้สามารถผสมผสานรูปแบบการควบคุมที่ซับซ้อนได้ตามต้องการ สามารถสร้างและบันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าได้ถึง 30 โปรไฟล์สำหรับเกมต่าง ๆ และสลับใช้ได้อย่างรวดเร็ว Sony ได้ทำงานร่วมกับองค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้าน Accessibility ชั้นนำหลายแห่งเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมา ทำให้ทุกรายละเอียดถูกคิดมาอย่างดีเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เล่นกลุ่มนี้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่จอยที่ผู้เล่นทั่วไปจะหยิบมาใช้ แต่การมีอยู่ของ PlayStation Access Controller ก็เป็นก้าวที่สำคัญของวงการเกมที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความพยายามที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังครับ
คะแนนที่ได้
8.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนโลกเลยครับ ทำให้ผมกลับมาเล่นเกมที่รักได้อีกครั้ง ปรับแต่งได้ทุกอย่างจริง ๆ ขอบคุณ Sony มากครับ” – เอก, อายุ 42
“ซื้อมาให้คุณพ่อใช้เล่นเกมด้วยกันค่ะ ท่านใช้งานได้สะดวกกว่าจอยปกติมาก ตั้งค่าง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ” – ฟ้า, อายุ 30
10. Hori Fighting Commander OCTA ★★★☆☆
“จอยแพด 6 ปุ่มสำหรับสายไฟท์ติ้งโดยเฉพาะ น้ำหนักเบา ตอบสนองไว ในราคาสบายกระเป๋า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายลิสต์ จอย PS5 รุ่นไหนดี ของเราด้วยตัวเลือกเฉพาะทางในราคาย่อมเยาสำหรับคอเกมต่อสู้ครับ Hori Fighting Commander OCTA คือจอยแพดที่ถูกตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเกมไฟท์ติ้งออกไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอนาล็อกสติ๊กขวา, ระบบสั่น, หรือ Adaptive Triggers และแทนที่ด้วย Layout 6 ปุ่มขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า และ Micro Switch ที่ทนทานและตอบสนองได้รวดเร็ว ทำให้มันเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบสำหรับการกดคอมโบในเกมอย่าง Street Fighter 6 หรือ Guilty Gear -Strive- ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า Arcade Stick ขนาดใหญ่มาก
สเปกเด่น
- การเชื่อมต่อ: มีสาย (USB, 3 เมตร)
- Layout: 6-button layout
- ปุ่มกด: Micro Switch ทนทาน
- D-Pad: ปรับความไวในการรับอินพุตได้
- Analog Stick: Short-throw analog stick พร้อม gate 8 ทิศทาง
- ความเข้ากันได้: PS5, PS4, PC
- เสียง: มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ในตัว
รีวิวแบบเจาะลึก
แนวคิดของ Fighting Commander OCTA นั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาครับ คือการมอบเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกมต่อสู้ในรูปแบบของจอยแพดที่คุ้นเคย การมีปุ่ม R1 และ R2 ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ ปุ่ม Action อีกสี่ปุ่ม ทำให้ผู้เล่นสามารถวางนิ้วโป้งเพื่อควบคุมการโจมตีทั้งแบบเบา, กลาง, และหนัก ได้โดยไม่ต้องขยับตำแหน่งหรือเปลี่ยนไปใช้ท่าจับแบบ “Claw Grip” ที่ไม่ถนัด ปุ่มกดแบบ Micro Switch ให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างจากปุ่มเมมเบรนอย่างชัดเจน มันมีเสียงคลิกเบา ๆ และตอบสนองทันทีที่กด ทำให้การกดคอมโบที่ต้องใช้ความแม่นยำด้านจังหวะทำได้ง่ายขึ้น อนาล็อกสติ๊กซ้ายก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ มีระยะการโยกที่สั้น (Short-throw) และมี Gate แบบ 8 ทิศทาง ช่วยให้การบังคับทิศทางทำได้อย่างแม่นยำ นี่คือ จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์เดียว และมันก็ทำหน้าที่นั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
ตัวจอยมีน้ำหนักเบามากและมีรูปทรงที่จับได้ถนัดมือ ทำให้สามารถเล่นต่อเนื่องได้นานโดยไม่เมื่อยล้า การที่เป็นจอยแบบมีสายก็ช่วยตัดปัญหาเรื่องความหน่วง (Latency) และแบตเตอรี่หมดกลางคันไปได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นเกมต่อสู้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะขาดฟีเจอร์อำนวยความสะดวกหรือความดื่มด่ำเหมือนจอยรุ่นอื่น ๆ และไม่เหมาะกับการนำไปเล่นเกมประเภทอื่นเลย แต่ด้วยราคาที่ไม่สูงนัก การมี Hori Fighting Commander OCTA ติดบ้านไว้เป็นจอยสำรองสำหรับเวลาที่เพื่อนมาท้าดวลเกมต่อสู้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่ามากครับ มันเป็นบทสรุปที่ดีสำหรับลิสต์ จอย PS5 รุ่นไหนดี ของเรา ที่แสดงให้เห็นว่ามีจอยสำหรับเกมเมอร์ทุกประเภทจริง ๆ
คะแนนที่ได้
7.9/10
รีวิวสั้น ๆ
“สำหรับคนเล่นเกมไฟท์ติ้งโดยเฉพาะเลยครับ Layout 6 ปุ่มนี่ใช่เลย กดคอมโบง่ายกว่าใช้จอยปกติเยอะครับ” – วิน, อายุ 25
“น้ำหนักเบาดีค่ะ จับถนัดมือมาก ปุ่มกดก็ไวดี แต่เอาไปเล่นเกมอื่นไม่ได้เลยนะคะ ต้องใช้สำหรับเกมต่อสู้เท่านั้น” – เมย์, อายุ 22
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ: อะไรคือหัวใจของจอยโปร?
เมื่อพูดถึงจอยโปรสำหรับเครื่องคอนโซล สำนักรีวิวชั้นนำอย่าง IGN และ Rtings.com มักจะมองไปไกลกว่าแค่จำนวนปุ่มที่เพิ่มขึ้น พวกเขามองว่าหัวใจสำคัญของจอยระดับโปรคือ “การมอบทางเลือกและลดอุปสรรคในการควบคุม” ให้กับผู้เล่น
“จอยโปรที่ดีที่สุดไม่ใช่ตัวที่มีฟีเจอร์เยอะที่สุด แต่เป็นตัวที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าจอยนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์มาขวางกั้น”
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่ตัดสินว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ในระดับโปรนั้น ประกอบด้วย:
- Ergonomics (สรีรศาสตร์): จอยต้องจับได้ถนัดมือเป็นเวลานาน ปุ่มเสริมต้องอยู่ในตำแหน่งที่กดได้โดยธรรมชาติ ไม่ทำให้นิ้วหรือข้อมือเมื่อยล้า
- Customization (การปรับแต่ง): ไม่ใช่แค่การ re-map ปุ่ม แต่รวมถึงการปรับแต่งเชิงกายภาพ เช่น การเปลี่ยนความสูงของสติ๊ก, รูปแบบของ D-Pad, และระยะของไกปืน (Trigger Stops)
- Latency (ความหน่วง): ทั้งในโหมดมีสายและไร้สาย ความหน่วงต้องต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทุกมิลลิวินาทีมีความหมายในการแข่งขัน
- Durability (ความทนทาน): จอยโปรมีราคาสูง จึงต้องสร้างด้วยวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก และควรมีทางเลือกในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้ง่าย เช่น การมาของเทคโนโลยี Hall Effect ที่ช่วยแก้ปัญหา Stick Drift
บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS
“การเลือกว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ไม่ใช่การตามหาจอยที่ ‘ดีที่สุด’ แต่คือการตามหาจอยที่ ‘ใช่ที่สุด’ สำหรับคุณ การลงทุนกับจอยโปรคือการลงทุนในประสบการณ์การเล่นเกมของคุณเอง หากจอยนั้นช่วยให้คุณเล่นเกมได้สนุกขึ้น แม่นยำขึ้น หรือสบายขึ้น นั่นก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว ไม่ว่ามันจะมีราคาเท่าไหร่หรือมาจากแบรนด์ใดก็ตาม”
เคล็ดลับการเลือกซื้อ: จะหา จอย PS5 ที่ใช่เจอได้อย่างไร?
การตัดสินใจเลือกซื้อ จอย PS5 รุ่นไหนดี อาจจะดูน่าปวดหัว แต่ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองได้ มันจะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
- คุณเล่นเกมประเภทไหนเป็นหลัก?: ถ้าคุณเป็นคอเกม FPS ที่ต้องการความเร็วในการตอบสนอง จอยที่มี Trigger Stops และปุ่มหลังอย่าง Victrix Pro BFG หรือ Scuf Reflex จะได้เปรียบมาก แต่ถ้าคุณชอบเล่นเกมเนื้อเรื่องที่เน้นความดื่มด่ำ การมี Haptic Feedback ของ DualSense Edge อาจจะสำคัญกว่า ส่วนคอเกมไฟท์ติ้งก็ควรตรงไปที่ Arcade Stick หรือ Fighting Pad โดยเฉพาะ
- คุณต้องการปุ่มเสริมกี่ปุ่ม?: จอยโปรส่วนใหญ่มีปุ่มหลัง 2-4 ปุ่ม ลองคิดดูว่าสไตล์การเล่นของคุณต้องการปุ่มลัดมากน้อยแค่ไหน บางคนอาจจะใช้แค่ 2 ปุ่มสำหรับกระโดดและสไลด์ก็เพียงพอแล้ว แต่บางคนอาจจะต้องการ 4 ปุ่มเพื่อใส่คำสั่งได้ครบถ้วน
- สรีระและขนาดมือของคุณเป็นอย่างไร?: จอยแต่ละรุ่นมีรูปทรงและน้ำหนักไม่เท่ากัน ถ้าเป็นไปได้ควรลองหาโอกาสสัมผัสของจริง หรืออ่านรีวิวที่เปรียบเทียบขนาดอย่างละเอียด จอยที่จับไม่ถนัดมือจะทำให้เล่นเกมได้ไม่สนุกและอาจทำให้ปวดมือได้
- คุณกังวลเรื่อง Stick Drift แค่ไหน?: ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์แย่ ๆ กับปัญหานี้และอยากตัดความกังวลทิ้งไปเลย การลงทุนกับจอยที่ใช้เทคโนโลยี Hall Effect อย่าง Nacon Revolution 5 Pro หรือจอยที่เปลี่ยนโมดูลสติ๊กได้แบบ DualSense Edge ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก
- งบประมาณของคุณเท่าไหร่?: ตั้งงบประมาณในใจไว้ก่อน จอยโปรมีราคาตั้งแต่หลักไม่กี่พันไปจนถึงเกือบหมื่น การกำหนดงบจะช่วยให้คุณจำกัดตัวเลือกให้แคบลงและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่าลืมว่าจอยที่แพงที่สุดอาจจะไม่ใช่จอยที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอไป
การดูแลรักษาจอย PS5 เพื่อยืดอายุการใช้งาน
เมื่อคุณลงทุนกับจอยราคาแพงแล้ว การดูแลรักษามันอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้มันอยู่กับคุณไปได้นานขึ้นครับ
- ทำความสะอาดเป็นประจำ: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดคราบเหงื่อและฝุ่นที่เกาะตามตัวจอยและซอกปุ่มต่างๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีรุนแรงที่อาจทำลายพื้นผิว
- เก็บในที่ที่เหมาะสม: เมื่อไม่ใช้งาน ควรเก็บจอยไว้ในกระเป๋าหรือบนแท่นชาร์จเพื่อป้องกันฝุ่นและการตกหล่นโดยไม่ตั้งใจ
- ระวังเรื่องการชาร์จ: ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อย ๆ และไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนเป็นประจำเพื่อถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- หลีกเลี่ยงการตกกระแทก: แม้จอยโปรจะแข็งแรง แต่การตกกระแทกแรง ๆ ก็อาจทำให้กลไกภายในเสียหายได้ โดยเฉพาะส่วนของอนาล็อกสติ๊กและมอเตอร์สั่น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับจอย PS5
- ถาม: จอย Third-party ที่ไม่มี Haptic Feedback จะสั่นไหม?
- ตอบ: สั่นครับ แต่จะเป็นการสั่นแบบ Rumble ปกติเหมือนจอยในยุคก่อน ๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่ไม่ละเอียดและซับซ้อนเท่ากับ Haptic Feedback ของ DualSense ครับ
- ถาม: จำเป็นต้องซื้อจอยโปรไหมถ้าเล่นเกมคนเดียว?
- ตอบ: ไม่จำเป็นเลยครับ จอย DualSense มาตรฐานก็มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว จอยโปรจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความได้เปรียบในการเล่นเกมออนไลน์แบบแข่งขัน หรือต้องการปรับแต่งการควบคุมให้เข้ากับตัวเองมากเป็นพิเศษ
- ถาม: จอย PS5 สามารถนำไปใช้กับ PC ได้ไหม?
- ตอบ: ได้ครับ จอย PS5 ส่วนใหญ่สามารถเชื่อมต่อกับ PC ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย (ผ่าน Bluetooth หรือ Dongle) แพลตฟอร์มอย่าง Steam ก็รองรับจอย DualSense อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ฟีเจอร์ Adaptive Triggers อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ในบางเกม
- ถาม: การเลือกซื้อ จอย PS5 รุ่นไหนดี ควรดูที่อะไรเป็นอันดับแรก?
- ตอบ: ควรดูที่ “ประเภทเกมที่คุณเล่นบ่อยที่สุด” เป็นอันดับแรกครับ เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่าฟีเจอร์ไหนสำคัญสำหรับคุณที่สุด เช่น Trigger Stops สำหรับ FPS, Layout 6 ปุ่มสำหรับเกมต่อสู้, หรือ Haptic Feedback สำหรับเกมเนื้อเรื่อง
บทสรุป: เลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณที่สุด
มาถึงตรงนี้ หวังว่าเพื่อน ๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันแล้วนะครับว่า จอย PS5 รุ่นไหนดี ที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจคนใหม่ของคุณ การเดินทางในโลกของจอยโปรนั้นเต็มไปด้วยตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นและข้อดีแตกต่างกันไป ไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงหนึ่งเดียว แต่มีคำตอบที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับผู้เล่นแต่ละคนครับ
ถ้าคุณคือเกมเมอร์สายแข็งที่ต้องการการปรับแต่งแบบไร้ขีดจำกัดและไม่เกี่ยงเรื่องฟีเจอร์ Haptic, Victrix Pro BFG คือราชาที่แท้จริง แต่ถ้าคุณยังคงโหยหาประสบการณ์ Next-gen แบบครบเครื่องจาก Sony และต้องการความอุ่นใจในการเปลี่ยนโมดูลสติ๊กได้ DualSense Edge ก็คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับคนที่เน้น Performance Grip และปุ่มหลัง 4 ปุ่มที่ใช้งานง่าย Scuf Reflex Pro ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเสมอมา หรือถ้าคุณเป็นคอเกมเฉพาะทาง Nacon Daija และ Hori Fighting Commander OCTA ก็พร้อมตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุด
สุดท้ายแล้ว การเลือก จอย PS5 รุ่นไหนดี คือการถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญที่สุดในการเล่นเกม เมื่อคุณพบคำตอบนั้นแล้ว การเลือกจอยที่ใช่ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอให้ทุกคนสนุกกับการเล่นเกมด้วยอาวุธคู่ใจชิ้นใหม่นะครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
- รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติ, ราคา, และการรับประกันของจอยแต่ละรุ่น ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของผู้ผลิต ได้แก่ PlayStation, Victrix, Scuf, Nacon, Razer, และ Hori หรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้อีกครั้ง
- คะแนน (เช่น 9.8/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากสเปก, ฟีเจอร์, การออกแบบ, ความทนทาน, ราคา, และรีวิวจากผู้ใช้งานจริงทั้งในและต่างประเทศ
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “[ชื่อเล่น] อายุ …”) เป็นตัวอย่างที่สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความคิดเห็นโดยรวมจากผู้ใช้งานจริง เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานที่หลากหลาย
- บทความนี้รวบรวมข้อมูล ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 คุณสมบัติบางอย่างอาจมีการอัปเดตผ่านเฟิร์มแวร์ในอนาคต













