บทนำ
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน! วันนี้เรามาเจาะลึกเรื่องที่คอหนังคอซีรีส์หลายคนกำลังหาข้อมูลกันอยู่ นั่นก็คือ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเปลี่ยนทีวีธรรมดา ๆ ที่บ้านให้กลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสุดอลังการในปี 2025 นี้กันครับ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเบื่อกับการต้องต่อโน้ตบุ๊กเข้ากับทีวี หรือทนดูคอนเทนต์โปรดบนจอเล็ก ๆ กันแล้วใช่ไหมครับ การมีกล่อง Android TV ดี ๆ สักเครื่องนี่แหละคือคำตอบ เพราะมันไม่ใช่แค่ทำให้เราดู Netflix, YouTube, Disney+ บนจอใหญ่ได้สะใจเท่านั้น แต่มันยังปลดล็อกโลกของแอปพลิเคชันและเกมอีกมหาศาล เหมือนยกสมาร์ทโฟนมาไว้บนทีวีเลยทีเดียวครับ
ในตลาดตอนนี้มีตัวเลือกเยอะมากจนตาลายไปหมด ตั้งแต่รุ่นเรือธงสเปกเทพไปจนถึงรุ่นเล็กราคาประหยัด คำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ถึงจะเหมาะกับเราที่สุดเลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก วันนี้ผมเลยอาสาเป็นเพื่อนซี้พาไปตะลุย รีวิวจัดเต็ม 10 อันดับ กล่อง Android TV ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริงในปีนี้ เราจะมาดูกันแบบละเอียดยิบ ตั้งแต่สเปก ความลื่นไหล ฟีเจอร์เด่น ๆ ไปจนถึงความคุ้มค่า ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นสายเกมเมอร์ที่ต้องการภาพ 4K ลื่น ๆ, สายสตรีมมิ่งที่เน้นความคมชัดและระบบเสียง Dolby Atmos, หรือเป็นสายประหยัดที่อยากได้ของดีราคาโดนใจ บทความนี้มีคำตอบให้แน่นอนครับ ถ้าอยากรู้แล้วว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจสร้างความบันเทิงให้เราไปยาว ๆ ก็ไปลุยดูตารางเปรียบเทียบกันก่อนเลยครับ!
จัดอันดับ 10 กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2025
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ลองดูภาพรวมจากตารางเปรียบเทียบสเปกเด่น ๆ และคะแนนจากทีมงานของเราก่อนได้เลยครับ ตารางนี้ออกแบบมาให้อ่านง่าย เห็นภาพรวมชัด ๆ แล้วค่อยเลื่อนลงไปอ่านรีวิวฉบับเจาะลึกของแต่ละรุ่นกันต่อได้เลยครับ
ตารางเปรียบเทียบสรุป
1. NVIDIA Shield TV Pro ★★★★★
“ที่สุดของขุมพลัง! AI Upscaling สุดเทพ เล่นเกมลื่น ดูหนัง 4K Dolby Vision/Atmos กระหึ่มสะใจ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้ามีคนถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เป็น “ตัวจบ” แบบไม่ต้องคิดเยอะ ชื่อของ NVIDIA Shield TV Pro ต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรกเสมอครับ นี่ไม่ใช่แค่กล่อง Android TV ธรรมดา แต่มันคือสัตว์ประหลาดในร่างเล็กที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นสุดยอด หัวใจหลักคือชิปเซ็ต NVIDIA Tegra X1+ ที่ทรงพลังเหลือเชื่อ ทำให้การใช้งานทุกอย่างลื่นไหลแบบหัวทิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอป, สลับเมนู, หรือเล่นไฟล์ 4K หนัก ๆ ก็ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแม้แต่น้อย จุดขายที่ทำให้ Shield TV Pro ทิ้งห่างคู่แข่งไปหลายช่วงตัวคือฟีเจอร์ AI-enhanced upscaling ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์อัปเกรดคอนเทนต์ 1080p ให้คมชัดใกล้เคียง 4K ได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้หนังหรือซีรีส์เก่า ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งบน ทีวี 4K ของเราครับ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: NVIDIA Tegra X1+
- RAM: 3 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 16 GB (ขยายเพิ่มได้ผ่าน USB)
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV (อัปเกรดได้)
- การแสดงผล: 4K HDR, Dolby Vision, HDR10
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, Dolby Digital Plus, DTS-X surround sound (pass-through)
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 5.0, Gigabit Ethernet, 2x USB 3.0, HDMI 2.0b
- ฟีเจอร์พิเศษ: AI-Enhanced Upscaling, GeForce NOW Cloud Gaming, PLEX Media Server
รีวิวแบบเจาะลึก
สำหรับคอหนังและซีรีส์ตัวจริง การที่ Shield TV Pro รองรับทั้ง Dolby Vision และ Dolby Atmos แบบครบเครื่อง ถือเป็นสวรรค์ของการเสพคอนเทนต์เลยครับ ภาพที่ได้จาก Dolby Vision จะมีไดนามิกของสีและคอนทราสต์ที่เหนือกว่า HDR10 ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อจับคู่กับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ส่งผ่าน (pass-through) ไปยัง Soundbar หรือชุดโฮมเธียเตอร์ที่รองรับ ประสบการณ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากการดูในโรงภาพยนตร์ดี ๆ เลยครับ การตั้งค่าก็ทำได้ละเอียด สามารถปรับโหมดภาพและเสียงให้เข้ากับอุปกรณ์ของเราได้อย่างเต็มที่ ทำให้มันเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับการสร้างโฮมเธียเตอร์ขนาดย่อมในบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น PLEX Media Server ได้ในตัว ทำให้เราสตรีมไฟล์หนัง-เพลงที่เราเก็บไว้ใน NAS ไปดูบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายอีกด้วยครับ
ในฝั่งของเกมเมอร์ Shield TV Pro คือประตูสู่โลกของ Cloud Gaming ผ่านบริการ GeForce NOW ครับ เราสามารถสตรีมเกม PC ฟอร์มยักษ์จากคลังเกมของเราบน Steam หรือ Epic Games มาเล่นบนจอทีวีใหญ่ได้เลย โดยไม่ต้องมี Gaming PC ราคาแพง ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และ จอยเกม ที่รองรับก็พอ ด้วยพลังของชิป Tegra X1+ และการเชื่อมต่อผ่าน Gigabit Ethernet ทำให้การเล่นเกมมีความหน่วงต่ำมากจนแทบไม่รู้สึก ภาพสวยงามและลื่นไหลสุด ๆ นอกจากนี้ Play Store บน Shield ก็มีเกม Android คุณภาพสูงให้เลือกเล่นมากมายที่ปรับมาให้เหมาะกับการเล่นด้วยจอยโดยเฉพาะ ใครที่กำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นมากกว่ากล่องดูหนัง แต่เป็น เครื่องเกม ขนาดย่อมได้ด้วย บอกเลยว่าไม่มีตัวไหนจะตอบโจทย์ได้ดีเท่านี้อีกแล้วครับ
คะแนนที่ได้
9.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“AI Upscaling คือของจริงครับ หนังเก่า ๆ ชัดขึ้นเยอะมาก เหมือนได้ทีวีใหม่เลย” – เอก, อายุ 35
“ใช้เล่นเกม GeForce NOW ลื่นมากครับ แทบไม่ต่างจากเล่นบนคอมเลย ประทับใจสุด ๆ” – พลอย, อายุ 28
2. Homatics Box R 4K Plus ★★★★★
“ตัวแรงเงียบ! สเปกจัดเต็ม RAM 4GB ภาพเสียงครบเครื่อง Dolby Vision/Atmos ในราคาที่จับต้องได้”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
Homatics Box R 4K Plus เป็นม้ามืดที่แรงขึ้นมาติดอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่ถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้สเปกมาแบบไม่กั๊กในราคาที่สมเหตุสมผลครับ รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการใช้ชิป Amlogic S905X4-K ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่รองรับ Dolby Vision อย่างเป็นทางการ พร้อมกับให้ RAM มาถึง 4GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 32GB ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับกล่อง Android TV ในระดับราคานี้ ทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลสุด ๆ เปิดแอปเยอะ ๆ หรือสลับไปมาก็ไม่มีปัญหา แถมยังได้รับการรับรองจาก Google และ Netflix อย่างเป็นทางการ ทำให้สามารถสตรีมคอนเทนต์ 4K HDR ได้เต็มความละเอียดและคุณภาพสูงสุดจากทุกแอปดัง ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Disney+, HBO Go หรือ Prime Video ใครที่อยากได้ประสบการณ์ภาพและเสียงแบบพรีเมียม แต่ไม่อยากจ่ายแพงเท่า Shield TV Pro ตัวนี้คือคำตอบที่ใช่เลยครับ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X4-K
- RAM: 4 GB DDR4
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 32 GB eMMC
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV 11
- การแสดงผล: 4K, Dolby Vision, HDR10+, HLG
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, DTS
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.0, Gigabit Ethernet, 1x USB 3.0, 1x USB 2.0, MicroSD Card Slot
- ฟีเจอร์พิเศษ: Netflix & Google Certified, AV1 Codec Support, Voice Assistant Remote
รีวิวแบบเจาะลึก
จุดเด่นที่ทำให้ Homatics Box R 4K Plus น่าสนใจมาก ๆ คือการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ Wi-Fi 6 ที่ให้การเชื่อมต่อไร้สายที่เร็วกว่าและเสถียรกว่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมไฟล์ 4K ขนาดใหญ่ หรือการรองรับ AV1 Codec ซึ่งเป็นมาตรฐานการบีบอัดวิดีโอแบบใหม่ที่ YouTube และ Netflix เริ่มนำมาใช้ ทำให้เราสามารถดูวิดีโอ 4K ได้โดยใช้แบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตน้อยลง แต่ยังคงความคมชัดไว้เท่าเดิม พอร์ตเชื่อมต่อก็ให้มาแบบจัดเต็ม ทั้ง Gigabit Ethernet สำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสายที่นิ่งที่สุด, USB 3.0 สำหรับต่อ External Harddisk, และยังมีช่องใส่ MicroSD Card เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้อีกด้วย ถือเป็นการออกแบบที่คิดมาเพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงจริง ๆ ครับ เมื่อพิจารณาถึงความสามารถรอบด้านขนาดนี้ การจะหาว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้สเปกคุ้มค่าเท่านี้ในตลาดก็คงเป็นเรื่องยากแล้วครับ
ตัวระบบปฏิบัติการ Android TV 11 ที่ให้มาก็ทำงานได้ดีมากครับ หน้าตา UI สะอาดสะอ้าน ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน รีโมตที่ให้มาก็มีปุ่มลัดสำหรับแอปยอดนิยมครบครันและมีไมโครโฟนสำหรับสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การค้นหาหนังหรือซีรีส์ทำได้สะดวกสบาย แค่พูดชื่อเรื่องที่อยากดูก็พอ การอัปเดตเฟิร์มแวร์ก็ทำได้ง่ายผ่านระบบ OTA (Over-the-Air) ทำให้มั่นใจได้ว่ากล่องของเราจะได้รับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการแก้ไขข้อบกพร่องอยู่เสมอ สำหรับคนที่ต้องการกล่องที่ “ซื้อมาแล้วใช้ได้เลย” ไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้วุ่นวาย แต่ยังคงได้ประสิทธิภาพระดับท็อป Homatics Box R 4K Plus คือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ครับ
คะแนนที่ได้
9.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ลื่นมากครับ RAM 4GB นี่เห็นผลชัดเจนเลย เปิดแอปสลับไปมาไม่มีสะดุด ภาพ Dolby Vision สวยสุด ๆ” – นนท์, อายุ 31
“ชอบที่รองรับ Wi-Fi 6 ค่ะ สตรีมหนัง 4K จาก NAS ที่บ้านได้แบบไม่มีกระตุกเลย คุ้มมาก” – ฝน, อายุ 29
3. MECOOL KM2 Plus ★★★★☆
“กล่องสามัญประจำบ้าน! Netflix Certified แท้ ลื่นไหล เสถียร คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
หากเพื่อน ๆ กำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความเสถียรและความคุ้มค่าเป็นหลัก MECOOL KM2 Plus คือตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยครับ จุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้คือการเป็น “Netflix Certified” อย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถเล่น Netflix ได้ที่ความละเอียด 4K HDR เต็มระบบ และตัวแอปจะทำงานได้อย่างราบรื่นเสถียรที่สุด ไม่เหมือนกล่อง Android ราคาถูกทั่วไปที่อาจจะมีปัญหาจอดำหรือแอปเด้งเวลาดู Netflix ครับ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก Google ทำให้เข้าถึง Play Store ได้เต็มรูปแบบและใช้งาน Chromecast Built-in ได้อย่างไม่มีปัญหา ตัวเครื่องใช้ชิป Amlogic S905X4 ที่รองรับการถอดรหัส AV1 ทำให้ดู YouTube 4K ได้ลื่นไหลและใช้เน็ตน้อยลง แม้จะให้ RAM มา 2GB แต่ด้วยระบบ Android TV 11 ที่ปรับแต่งมาอย่างดี ทำให้การใช้งานทั่วไปถือว่าลื่นไหลเกินพอสำหรับดูสตรีมมิ่งครับ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X4
- RAM: 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 16 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV 11
- การแสดงผล: 4K HDR, HDR10+, HLG
- ระบบเสียง: Dolby Audio
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 5.0, Ethernet, 1x USB 3.0, 1x USB 2.0, MicroSD Card Slot
- ฟีเจอร์พิเศษ: Netflix & Google Certified, AV1 Codec Support, Chromecast Built-in
รีวิวแบบเจาะลึก
MECOOL KM2 Plus ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนส่วนใหญ่ที่เน้นการดูสตรีมมิ่งเป็นหลักครับ การที่มันผ่านการรับรองจากทั้ง Google และ Netflix ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าจะไม่เจอปัญหาจุกจิกกวนใจเหมือนกล่อง “No name” ทั่วไปในตลาด แอปต่าง ๆ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อัปเดตได้ตลอด และมีความปลอดภัยสูง รีโมตที่ให้มาก็เป็นแบบ Bluetooth ที่มีไมโครโฟนในตัว ทำให้สั่งงาน Google Assistant ได้สะดวก ไม่ว่าจะถามสภาพอากาศ เปิดเพลง หรือค้นหาหนัง ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วกดแล้วพูด การเชื่อมต่อก็ให้มาครบทั้ง Wi-Fi แบบ Dual-band, พอร์ต LAN, USB 3.0 และช่องใส่ MicroSD Card ซึ่งถือว่ายืดหยุ่นมาก ๆ สำหรับกล่องในระดับราคานี้ครับ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเมื่อมีคนถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ชื่อของ MECOOL ถึงถูกแนะนำอยู่เสมอ
แม้ว่า KM2 Plus จะไม่รองรับเทคโนโลยีภาพและเสียงระดับท็อปอย่าง Dolby Vision หรือ Dolby Atmos แต่สำหรับทีวีส่วนใหญ่ในตลาดที่รองรับแค่ HDR10 และระบบเสียงสเตอริโอทั่วไป คุณภาพที่ได้จากกล่องนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ ภาพ 4K HDR ที่ได้มีความคมชัด สีสันสดใส และมีมิติที่ดี ระบบเสียง Dolby Audio ก็ให้เสียงที่ชัดเจนและมีพลังเกินพอสำหรับการดูหนังฟังเพลงทั่วไป หากคุณไม่ได้เป็นคนที่ซีเรียสว่าต้องได้เทคโนโลยีล่าสุดเสมอไป แต่ต้องการ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ทำงานได้ดี เสถียร และจบในตัวเดียวโดยไม่ต้องจ่ายแพง MECOOL KM2 Plus คือตัวเลือกที่สมดุลและคุ้มค่าที่สุดตัวหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยครับ
คะแนนที่ได้
9.2/10
รีวิวสั้น ๆ
“ดู Netflix 4K ชัดและเสถียรมากครับ ไม่เคยเจอแอปเด้งเลย สมกับที่เป็น Certified แท้” – ตั้ม, อายุ 33
“ติดตั้งง่ายมากค่ะ เสียบสายปุ๊บใช้ได้เลย รีโมตสั่งงานด้วยเสียงก็สะดวกดี ชอบมากค่ะ” – จิ๊บ, อายุ 27
4. Chromecast with Google TV (4K) ★★★★☆
“เรียบง่ายแต่ทรงพลัง! เปลี่ยนทีวีให้สมาร์ทด้วย Google TV UI สุดฉลาด พร้อมภาพและเสียงระดับ Dolby”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับสายมินิมอลที่กำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก และฉลาดเป็นเลิศ Chromecast with Google TV (4K) คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดครับ อุปกรณ์ชิ้นนี้มาในรูปแบบ Dongle ขนาดเล็กกะทัดรัด เสียบเข้ากับพอร์ต HDMI หลังทีวีก็พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ต้องมีกล่องมาวางเกะกะให้รกสายตา จุดเด่นที่สุดของมันคือการมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซ “Google TV” ซึ่งเป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยรวบรวมและแนะนำคอนเทนต์จากทุกแอปสตรีมมิ่งที่เราสมัครไว้มาไว้ในหน้าเดียว ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาเปิดเข้าทีละแอปเพื่อหาว่ามีอะไรน่าดูบ้าง นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงผลระดับ 4K HDR, Dolby Vision และระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้มันเป็น TV Stick ตัวเล็กที่ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียมได้ไม่แพ้กล่องใหญ่ ๆ เลยครับ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X3
- RAM: 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 8 GB (ใช้งานได้จริงประมาณ 4.4 GB)
- ระบบปฏิบัติการ: Google TV (Based on Android TV)
- การแสดงผล: 4K HDR, Dolby Vision, HDR10, HDR10+
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, Dolby Digital, Dolby Digital Plus
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 4.2, USB-C (for power)
- ฟีเจอร์พิเศษ: Google TV Interface, Voice Remote with Google Assistant, Seamless Integration with Google Ecosystem
รีวิวแบบเจาะลึก
ประสบการณ์การใช้งาน Google TV คือสิ่งที่ทำให้ Chromecast แตกต่างจากกล่องอื่น ๆ ครับ หน้า Home จะไม่ได้แสดงแค่ไอคอนแอปเรียงกันไปมา แต่จะแสดงเป็นแถวของหนังและซีรีส์ที่แนะนำโดยอิงจากประวัติการดูของเรา พร้อมบอกด้วยว่าคอนเทนต์นั้น ๆ มีให้ดูในแอปไหนบ้าง เราสามารถสร้าง Watchlist รวมจากทุกบริการได้ในที่เดียว ซึ่งสะดวกมาก ๆ รีโมตที่ให้มาก็ออกแบบมาอย่างดี มีขนาดพอดีมือ และมีปุ่มครบครันทั้งปุ่ม Google Assistant, YouTube, Netflix และที่สำคัญคือมีปุ่ม Power กับปุ่มปรับเสียงที่สามารถตั้งค่าให้ควบคุม ทีวี และ ลำโพงต่อทีวี ของเราได้ ทำให้เราใช้รีโมตอันเดียวควบคุมทุกอย่างได้เลย ไม่ต้องวุ่นวายหารีโมตหลายอันอีกต่อไป ถ้าถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ “Smart” ที่สุด Chromecast คือผู้ชนะแบบไร้ข้อกังขาครับ
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านดีไซน์ที่เป็น Dongle ทำให้ Chromecast มีข้อควรพิจารณาอยู่บ้างครับ เรื่องแรกคือพื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มาเพียง 8GB และเหลือให้ใช้จริงแค่ประมาณ 4.4GB เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนที่ชอบลงแอปหรือเกมเยอะ ๆ แม้จะสามารถต่อ USB-C Hub เพื่อเพิ่มพอร์ต USB และพื้นที่เก็บข้อมูลได้ แต่ก็ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม เรื่องที่สองคือมันไม่มีพอร์ต LAN มาให้ในตัว การเชื่อมต่อต้องพึ่งพา Wi-Fi เป็นหลัก ซึ่งถ้าสัญญาณ Wi-Fi ที่บ้านไม่เสถียรก็อาจจะเจอปัญหาได้ (แต่ก็สามารถซื้อ Adapter ที่มีพอร์ต LAN เพิ่มได้เช่นกัน) ดังนั้น Chromecast with Google TV จึงเหมาะที่สุดสำหรับคนที่เน้นดูสตรีมมิ่งเป็นหลัก ไม่ได้ลงแอปเยอะ และต้องการความเรียบง่าย สะดวกสบาย และความฉลาดของ Google TV เป็นหัวใจสำคัญครับ
คะแนนที่ได้
9.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ชอบหน้า Google TV มากครับ มันหาหนังแนะนำให้ดูได้ตรงใจดี ไม่ต้องคอยเปิดหาเองเลย” – อาร์ม, อายุ 29
“ตัวเล็กนิดเดียวแต่ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ ภาพสวยเสียงดี รีโมตอันเดียวคุมได้ทั้งทีวีทั้งกล่อง สะดวกสุด ๆ” – มิ้นท์, อายุ 34
5. Xiaomi Mi Box S ★★★★☆
“ตำนานความคุ้มค่า! กล่องขวัญใจมหาชน ใช้งานง่าย เสถียร รองรับ 4K ในราคาสบายกระเป๋า”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าจะพูดถึง กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นเหมือน “รุ่นครู” หรือเป็นจุดเริ่มต้นให้ใครหลาย ๆ คนเข้าสู่วงการนี้ ชื่อของ Xiaomi Mi Box S จะต้องถูกพูดถึงอย่างแน่นอนครับ แม้ว่าจะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ด้วยความเสถียร, การใช้งานที่ง่าย, และราคาที่เข้าถึงง่ายสุด ๆ ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน Mi Box S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android TV แบบมาตรฐานที่หน้าตาคุ้นเคย ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ได้รับการรับรองจาก Google อย่างเป็นทางการ ทำให้เข้าถึง Play Store และใช้งาน Chromecast Built-in ได้เต็มรูปแบบ สามารถสตรีมคอนเทนต์จากแอปยอดนิยมอย่าง YouTube, Netflix, Prime Video ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K HDR ให้ภาพที่คมชัดและสีสันที่สวยงามเกินราคาค่าตัวไปมากครับ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905L
- RAM: 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 8 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV 8.1 (อัปเกรดเป็น 9.0 ได้)
- การแสดงผล: 4K HDR10
- ระบบเสียง: Dolby Audio, DTS-HD
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 4.2, 1x USB 2.0, HDMI 2.0a, Audio Out
- ฟีเจอร์พิเศษ: Google Certified, Chromecast Built-in, Google Assistant Voice Remote
รีวิวแบบเจาะลึก
Mi Box S ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของคำว่า “น้อยแต่มาก” ครับ แม้สเปกภายในอาจจะดูไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับกล่องรุ่นใหม่ ๆ ในตลาด แต่ด้วยการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ดีของ Xiaomi ทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมยังคงลื่นไหลเพียงพอสำหรับการดูหนังและซีรีส์ การนำทางในเมนูต่าง ๆ ทำได้รวดเร็ว การเปิดแอปสตรีมมิ่งก็ใช้เวลาไม่นาน รีโมตที่ให้มาก็มีปุ่มลัด Netflix และปุ่ม Google Assistant ทำให้การใช้งานสะดวกสบายมาก ๆ แค่กดปุ่มแล้วพูดชื่อหนังที่อยากดู ระบบก็จะค้นหาให้ทันที นอกจากนี้ยังมีพอร์ต Audio Out แบบ 3.5mm มาให้ด้วย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ค่อยเห็นในกล่องรุ่นใหม่ ๆ ทำให้เราสามารถต่อ ลำโพงบลูทูธ หรือ หูฟังครอบหู แบบมีสายเพื่อฟังเสียงแบบส่วนตัวได้ง่าย ๆ ครับ
แน่นอนว่าด้วยความเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้ว Mi Box S ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างครับ พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB อาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับคนที่ชอบลงแอปเยอะ ๆ และพอร์ต USB ที่เป็นแค่เวอร์ชัน 2.0 ก็อาจจะช้าไปนิดสำหรับการเล่นไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่จาก External Harddisk นอกจากนี้ยังไม่รองรับเทคโนโลยีภาพและเสียงรุ่นใหม่อย่าง Dolby Vision และ Dolby Atmos ด้วย แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่แค่อยากได้ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ไว้ใจได้สักเครื่องสำหรับดู YouTube, Netflix หรือแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ บนทีวีจอใหญ่ โดยไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ที่ล้ำที่สุด และมีงบประมาณจำกัด Mi Box S ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ “ปลอดภัย” และ “คุ้มค่า” ที่สุดตัวหนึ่งอยู่ดีครับ
คะแนนที่ได้
8.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใช้มาหลายปีแล้วยังลื่นอยู่เลยครับ ทนมาก คุ้มสุด ๆ สำหรับคนงบน้อยที่อยากได้ของดี” – บอล, อายุ 38
“ใช้ง่ายมากค่ะ ซื้อให้พ่อกับแม่ใช้ที่บ้าน ท่านก็ใช้เป็นทันทีเลย รีโมตก็กดง่ายดีค่ะ” – แอน, อายุ 30
6. H96 Max ★★★☆☆
“สาย Custom ชอบปรับแต่งต้องตัวนี้! สเปกจัดเต็ม RAM สูงสุด 8GB รองรับ 8K ในราคาเบา ๆ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับเพื่อน ๆ สายเทคที่ชอบการปรับแต่งและกำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้สเปกมาแบบโหด ๆ ในราคาที่เข้าถึงง่าย H96 Max คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ กล่องรุ่นนี้มักจะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Rockchip RK3566 ที่มีประสิทธิภาพดี และมีตัวเลือก RAM ที่สูงมาก ตั้งแต่ 4GB ไปจนถึง 8GB ซึ่งหาได้ยากในกล่องแบรนด์อื่น ๆ ทำให้มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบลงแอปเยอะ ๆ, Sideload แอปจากภายนอก, หรือแม้กระทั่งเล่นเกม Android ที่ต้องการหน่วยความจำสูง ๆ นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นเรื่องการรองรับการถอดรหัสวิดีโอระดับ 8K ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันคอนเทนต์ 8K จะยังไม่แพร่หลาย แต่ก็ถือเป็นฟีเจอร์สำหรับอนาคตครับ ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 เวอร์ชันเต็ม (ไม่ใช่ Android TV) ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานเหมือนแท็บเล็ตขนาดใหญ่เลยทีเดียว ทำให้มันเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นสเปกแรง
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Rockchip RK3566
- RAM: 4 GB / 8 GB (ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก)
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 32 GB / 64 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Android 11
- การแสดงผล: 4K, รองรับการถอดรหัส 8K
- ระบบเสียง: รองรับการ Passthrough เสียง Surround
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 4.0, Ethernet, 1x USB 3.0, 1x USB 2.0
- ฟีเจอร์พิเศษ: มีตัวเลือก RAM สูง, UI ปรับแต่งได้, รองรับการ Sideload แอป
รีวิวแบบเจาะลึก
ข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดของ H96 Max คือการใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันเต็ม แทนที่จะเป็น Android TV UI ที่ออกแบบมาสำหรับทีวีโดยเฉพาะครับ ข้อดีคือมันให้อิสระกับเราอย่างเต็มที่ เราสามารถเข้าถึง Google Play Store ได้ทั้งหมด (เหมือนในมือถือ) และสามารถติดตั้งไฟล์ .apk จากภายนอก (Sideload) ได้อย่างง่ายดาย ทำให้สามารถลงแอปได้หลากหลายกว่ากล่อง Android TV ทั่วไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์เต็มรูปแบบ, แอปโซเชียลมีเดีย, หรือแอปเฉพาะทางต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียก็คือ UI ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับรีโมตได้สะดวกเท่า Android TV และที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้รับการรับรอง Widevine L1 และ Netflix Certified ทำให้ไม่สามารถดู Netflix หรือแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ ที่มีการเข้ารหัส DRM ได้ที่ความละเอียดสูง (ส่วนใหญ่จะดูได้แค่ 480p) นี่จึงเป็นข้อควรพิจารณาสำคัญในการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
ดังนั้น H96 Max จึงไม่ใช่คำตอบสำหรับคนที่ถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี เพื่อการดูสตรีมมิ่งเป็นหลักครับ แต่มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้งานอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นคือกลุ่มคนที่ชอบทดลอง, ปรับแต่ง, และใช้งานกล่องทีวีเป็นเหมือน Mini PC ขนาดย่อม เอาไว้เล่นไฟล์หนังความละเอียดสูงจากฮาร์ดดิสก์, เล่นเกม Emulator, ท่องเว็บ, หรือใช้งานแอปพลิเคชัน Android ที่ไม่มีใน Android TV Store ด้วยสเปกที่ให้มาแรงเกินตัว โดยเฉพาะพอร์ต USB 3.0 ที่ทำให้การโอนถ่ายข้อมูลรวดเร็ว และตัวเลือก RAM ที่สูงถึง 8GB ทำให้มันสามารถรับมือกับงานหนัก ๆ เหล่านี้ได้สบาย ๆ ครับ สำหรับคนที่อยากรู้ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับการใช้งานแบบ Mini PC, H96 Max คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
คะแนนที่ได้
8.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“RAM 8GB นี่มันคนละเรื่องเลยครับ ลงแอปเล่นเกมได้สะใจมาก ลื่นสุด ๆ ใครสายโมต้องจัด” – เกม, อายุ 26
“เอาไว้ต่อฮาร์ดดิสก์ดูไฟล์หนัง 4K Remux สบาย ๆ เลยครับ แต่ดู Netflix ไม่ชัดเท่าไหร่ ต้องทำใจ” – โอ๋, อายุ 40
7. Xiaomi TV Box S 2nd Gen ★★★☆☆
“การกลับมาของตำนาน! อัปเกรดใหม่ด้วย Google TV, Dolby Vision/Atmos ในราคาที่ยังคงเป็นมิตร”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
การกลับมาครั้งนี้ของซีรีส์ Mi Box ถือว่าน่าสนใจมากครับ Xiaomi TV Box S 2nd Gen คือการนำความสำเร็จของรุ่นแรกมาต่อยอดและอัปเกรดฟีเจอร์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ใครที่เคยประทับใจกับรุ่น S แล้วกำลังคิดว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาแทนตัวเก่า รุ่นนี้คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนจาก Android TV UI แบบเดิมมาใช้ Google TV UI ที่มีความฉลาดในการแนะนำคอนเทนต์มากกว่า พร้อมทั้งอัปเกรดสเปกให้รองรับเทคโนโลยีภาพและเสียงระดับพรีเมียมอย่าง Dolby Vision, HDR10+, Dolby Atmos และ DTS-HD ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์การดูหนังให้เต็มอรรถรสยิ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้มันสามารถแข่งขันกับกล่องรุ่นใหม่ ๆ ในตลาดได้อย่างสมศักดิ์ศรี ในขณะที่ยังคงจุดเด่นเรื่องราคาที่เข้าถึงง่ายตามสไตล์ Xiaomi ไว้เช่นเดิมครับ การกลับมาครั้งนี้ทำให้การตัดสินใจเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ง่ายขึ้นสำหรับแฟน ๆ Xiaomi
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X4
- RAM: 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 8 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Google TV
- การแสดงผล: 4K, Dolby Vision, HDR10+
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, DTS-HD
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 5.2, 1x USB 2.0, HDMI 2.1
- ฟีเจอร์พิเศษ: Google TV Interface, Chromecast Built-in, 360° Bluetooth & IR Remote
รีวิวแบบเจาะลึก
การอัปเกรดมาใช้ชิปเซ็ต Amlogic S905X4 ทำให้ Xiaomi TV Box S 2nd Gen มีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำงานโดยรวมมีความรวดเร็วและตอบสนองได้ดีกว่ารุ่นแรก การรองรับการถอดรหัส AV1 ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ทำให้การดู YouTube 4K ลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงคือการรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos ครับ การได้ดูคอนเทนต์จาก Netflix หรือ Disney+ ที่มีโลโก้ Dolby ติดอยู่บนกล่องราคาเท่านี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ประสบการณ์ที่ได้ทั้งในด้านภาพและเสียงถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่กำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์พรีเมียมในราคาประหยัด รีโมตคอนโทรลก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นแบบ 360° Bluetooth พร้อม IR Blaster ทำให้สามารถชี้ไปทางไหนก็สั่งงานได้ และยังสามารถตั้งค่าให้ควบคุมการเปิด-ปิดและปรับเสียงของทีวีได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Xiaomi TV Box S 2nd Gen ก็ยังคงมีข้อจำกัดคล้าย ๆ กับ Chromecast คือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อและพื้นที่เก็บข้อมูลครับ การให้พื้นที่มาเพียง 8GB และพอร์ต USB 2.0 เพียงพอร์ตเดียว อาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้งานขั้นสูง และการที่ไม่มีพอร์ต LAN ก็อาจเป็นปัญหาสำหรับบางบ้านที่สัญญาณ Wi-Fi ไม่ครอบคลุม ดังนั้นกล่องรุ่นนี้จึงเหมาะที่สุดสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการสตรีมมิ่งผ่าน Wi-Fi เป็นหลัก และไม่ได้มีความต้องการในการลงแอปจำนวนมากหรือต่อพ่วงอุปกรณ์เสริมเยอะ ๆ หากคุณอยู่ในกลุ่มนี้และกำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ประสบการณ์ Google TV พร้อมภาพและเสียงระดับ Dolby ในราคาเบา ๆ นี่คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
คะแนนที่ได้
8.3/10
รีวิวสั้น ๆ
“ภาพ Dolby Vision สวยจริง ๆ ครับ คุ้มมากกับราคานี้ หน้า Google TV ก็ใช้ง่ายดี แนะนำเลย” – วิน, อายุ 32
“อัปเกรดจาก Mi Box S ตัวเก่ามาตัวนี้ รู้สึกได้เลยว่าเร็วขึ้นเยอะ รีโมตใหม่ก็ดีมากค่ะ” – ป่าน, อายุ 28
8. Onn Google TV 4K Pro ★★★☆☆
“ของดีราคาถูกที่แท้ทรู! ฟีเจอร์ครบเครื่อง Hands-free Google Assistant, Dolby Atmos ในราคาช็อกโลก”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ถ้าคุณกำลังมองหา กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ฟีเจอร์มาแบบ “โคตรคุ้ม” จนไม่น่าเชื่อสายตา Onn Google TV 4K Pro จาก Walmart คือคำตอบที่ทำให้ทั้งวงการต้องตะลึงครับ กล่องรุ่นนี้อัดสเปกและฟีเจอร์ที่ปกติจะอยู่ในกล่องราคาสูง ๆ มาให้ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ! ไม่ว่าจะเป็นชิป Amlogic S905X4, RAM ที่ให้มาถึง 3GB, ระบบปฏิบัติการ Google TV, รองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos และที่เด็ดที่สุดคือมีไมโครโฟน Far-field ในตัว ทำให้สามารถพูดว่า “Hey Google” เพื่อสั่งงานได้เลยโดยไม่ต้องกดปุ่มบนรีโมต! ฟีเจอร์ Hands-free แบบนี้ปกติจะอยู่บน Smart TV รุ่นท็อป ๆ หรือลำโพงอัจฉริยะเท่านั้น การที่ Onn นำมาใส่ในกล่องราคาเท่านี้ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการเลยทีเดียวครับ นี่คือตัวเลือกที่ต้องพิจารณาเมื่อค้นหาว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าที่สุด
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X4
- RAM: 3 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 32 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Google TV
- การแสดงผล: 4K, Dolby Vision, HDR10
- ระบบเสียง: Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 (802.11ax), Ethernet, 1x USB 3.0
- ฟีเจอร์พิเศษ: Hands-free Google Assistant, Find My Remote, Google TV Interface
รีวิวแบบเจาะลึก
Onn Google TV 4K Pro คือการนำข้อดีของกล่องหลาย ๆ รุ่นมารวมกันแล้วขายในราคาที่ถูกกว่าใครเพื่อนครับ มันมีประสิทธิภาพที่ลื่นไหลจาก RAM 3GB และ ROM 32GB, มี Google TV UI ที่ฉลาด, มีคุณภาพของภาพและเสียงระดับ Dolby, มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครันเหมือนกล่องราคาสูง และยังมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง Hands-free voice control และ Find My Remote (สามารถสั่งให้รีโมตส่งเสียงได้) อีกด้วย การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมาก ๆ เราสามารถนั่งอยู่บนโซฟาแล้วพูดว่า “Hey Google, play The Witcher on Netflix” กล่องก็จะเปิดแอปและเล่นให้ทันทีโดยที่เราไม่ต้องขยับตัวไปหารีโมตเลย นี่คือประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียมที่หาไม่ได้จากกล่องอื่นในระดับราคาเดียวกันแน่นอน ทำให้มันเป็นคำตอบที่น่าทึ่งสำหรับคำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอครับ ข้อเสียเปรียบหลักของ Onn Google TV 4K Pro คือเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่ายและการรับประกัน เนื่องจากเป็นสินค้า Exclusive ของ Walmart ในสหรัฐอเมริกา การหาซื้อในประเทศไทยจึงต้องอาศัยร้านค้าที่นำเข้ามาขายหรือสั่งจากต่างประเทศโดยตรง ซึ่งอาจจะมีความยุ่งยากและไม่มีการรับประกันอย่างเป็นทางการในไทย นอกจากนี้ ดีไซน์และวัสดุของตัวเครื่องและรีโมตก็อาจจะดูธรรมดาไปบ้างเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ แต่ถ้าหากคุณยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ได้และให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของสเปกและฟีเจอร์ต่อราคาเป็นอันดับหนึ่งแล้วล่ะก็ Onn Google TV 4K Pro คือ “The King of Budget” ที่ยากจะมีใครมาโค่นลงได้จริง ๆ ครับ การตัดสินใจเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี จึงต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียเหล่านี้ด้วย
คะแนนที่ได้
8.0/10
รีวิวสั้น ๆ
“ฟีเจอร์ Hands-free คือดีมากครับ สะดวกสุด ๆ สเปกก็แรงเกินราคาไปไกลเลย” – ท็อป, อายุ 30
“หารีโมตไม่เจอบ่อย ๆ ค่ะ ฟังก์ชัน Find My Remote ช่วยชีวิตได้เยอะเลย คุ้มมาก ๆ” – เมย์, อายุ 25
9. Formuler Z11 Pro Max ★★★☆☆
“ราชาแห่ง IPTV! ประสบการณ์ดูทีวีออนไลน์ที่ดีที่สุด พร้อมสเปกแรงเหลือเฟือ”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
สำหรับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มที่เน้นการดู IPTV (Internet Protocol Television) เป็นชีวิตจิตใจ และกำลังถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะมอบประสบการณ์ด้านนี้ได้ดีที่สุด Formuler Z11 Pro Max คือคำตอบที่ไม่มีใครเทียบได้ครับ Formuler เป็นแบรนด์ที่สร้างชื่อเสียงมาจากการทำกล่องที่เชี่ยวชาญด้าน IPTV โดยเฉพาะ จุดขายหลักของมันคือแอปพลิเคชัน MYTVOnline3 ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับบริการ IPTV ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีฟีเจอร์ที่เหนือกว่าแอปทั่วไปมากมาย เช่น การแสดงผล EPG (Electronic Program Guide) ที่สวยงามและรวดเร็ว, การบันทึกรายการ, Time-shift, และการจัดการช่องที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังให้สเปกมาแรงแบบจัดเต็มด้วย RAM 4GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 32GB ทำให้การทำงานโดยรวมลื่นไหลไม่มีสะดุด สำหรับผู้ใช้เฉพาะทาง การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี จึงต้องมองที่คุณสมบัติพิเศษแบบนี้
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Realtek RTD1319C
- RAM: 4 GB DDR4
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 32 GB eMMC
- ระบบปฏิบัติการ: Android 11
- การแสดงผล: 4K HDR10
- ระบบเสียง: รองรับ Surround Sound
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.0, Gigabit Ethernet, 1x USB 3.0, 1x USB 2.0, MicroSD Card Slot
- ฟีเจอร์พิเศษ: MYTVOnline3 IPTV Client, Universal IR Learning Remote, Regular OTA Updates
รีวิวแบบเจาะลึก
หัวใจของ Formuler Z11 Pro Max คือซอฟต์แวร์ MYTVOnline3 ครับ มันเปลี่ยนประสบการณ์การดูทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตที่เคยยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายและสวยงาม การตั้งค่าทำได้ไม่ซับซ้อน การโหลดช่องรายการทำได้รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ และหน้าตาของผังรายการ (EPG) ก็ดูดีและใช้งานง่ายกว่าแอป IPTV ทั่วไปหลายเท่าตัว เราสามารถตั้งเวลาบันทึกรายการโปรดล่วงหน้า หรือหยุดรายการสดไว้ชั่วคราวแล้วกลับมาดูต่อได้ (Time-shift) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คอทีวีจะต้องหลงรัก นอกจากนี้ Formuler ยังขึ้นชื่อเรื่องการให้การสนับสนุนและอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจได้ว่ากล่องจะทำงานได้อย่างเสถียรและมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ครับ
อย่างไรก็ตาม Formuler Z11 Pro Max ก็มีจุดที่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกับ H96 Max คือมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแอปสตรีมมิ่งกระแสหลักเป็นหลักครับ มันไม่ได้รับการรับรองจาก Netflix ทำให้ดูได้แค่ความละเอียด SD เท่านั้น และไม่มีการรองรับ Dolby Vision หรือ Dolby Atmos ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ดู Netflix, Disney+ เป็นหลัก กล่องนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าคุณคือคนที่สมัครใช้บริการ IPTV และต้องการ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะดึงศักยภาพของบริการนั้นออกมาได้สูงสุด ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด และมีฮาร์ดแวร์ที่แรงพอที่จะใช้งานไปได้อีกยาว ๆ Formuler Z11 Pro Max คือการลงทุนที่คุ้มค่าและจะทำให้คุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
คะแนนที่ได้
7.8/10
รีวิวสั้น ๆ
“ใครเล่น IPTV อยู่แล้วจะรู้ว่าแอป MYTVOnline3 มันเทพขนาดไหน ลื่นกว่าแอปอื่นคนละโลกเลยครับ” – เฮียชัย, อายุ 45
“กล่องเร็วมากครับ เปิดปิดช่องไวดี EPG ก็สวยงามน่าใช้ สมราคาครับ” – กิ๊ฟ, อายุ 36
10. TrueID TV Box ★★★☆☆
“กล่องสำหรับแฟนทรู! รวมคอนเทนต์พิเศษ ช่องทีวี และสตรีมมิ่งไว้ในที่เดียว”
สามารถเช็คราคา ณ ปัจจุบัน และส่วนลดได้ที่ : ⬇️
ปิดท้ายลิสต์ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ด้วยตัวเลือกสำหรับลูกค้าทรูโดยเฉพาะกับ TrueID TV Box ครับ กล่องรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับ Ecosystem ของ TrueID ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด จุดเด่นหลักคือการเข้าถึงคอนเทนต์พิเศษมากมายจากทรู ไม่ว่าจะเป็นช่องทีวีดิจิทัลและช่องพรีเมียมจาก TrueVisions, หนังและซีรีส์ในคลังของ TrueID, และที่สำคัญคือการถ่ายทอดสดกีฬาต่าง ๆ โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ทรูเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ ตัวกล่องทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android TV ที่ได้รับการรับรองจาก Google ทำให้สามารถลงแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ เพิ่มเติมจาก Play Store ได้ เช่น YouTube, Netflix, Disney+ เป็นต้น ทำให้มันเป็นกล่องที่รวมความบันเทิงทั้งจากฝั่งทรูและฝั่งสตรีมมิ่งสากลไว้ในที่เดียว นี่เป็นอีกหนึ่งคำตอบสำหรับคำถาม กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี สำหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ
สเปกเด่น
- ชิปเซ็ต: Amlogic S905X2
- RAM: 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 8 GB
- ระบบปฏิบัติการ: Android TV 9.0 (หรือสูงกว่าในรุ่นใหม่)
- การแสดงผล: 4K
- ระบบเสียง: รองรับ Surround Sound
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 5 (802.11ac), Bluetooth 4.2, Ethernet, 1x USB 2.0, 1x USB 3.0, MicroSD Card Slot
- ฟีเจอร์พิเศษ: เข้าถึงคอนเทนต์ TrueID ได้เต็มรูปแบบ, Chromecast Built-in, Google Assistant
รีวิวแบบเจาะลึก
TrueID TV Box ถือเป็นโซลูชันที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้า True Online หรือ TrueMove H ครับ เพราะมักจะมีโปรโมชันพ่วงมากับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ทำให้ได้กล่องมาใช้งานในราคาพิเศษหรือฟรีไปเลย การติดตั้งและตั้งค่าก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ล็อกอินด้วยบัญชี TrueID ก็พร้อมใช้งานทันที หน้าตา UI ถูกปรับแต่งให้เข้าถึงคอนเทนต์ของทรูได้ง่าย มีแถบเมนูสำหรับดูทีวีสด, หนัง, ซีรีส์, และกีฬาแยกไว้ชัดเจน การใช้งานโดยรวมถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งสำหรับสเปกที่ให้มา การดูช่องทีวีดิจิทัลหรือสตรีมมิ่งที่ความละเอียด Full HD ทำได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา และยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และมี Chromecast ในตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสเปกของ TrueID TV Box นั้นไม่ได้แรงเทียบเท่ากับกล่องรุ่นใหม่ ๆ ในลิสต์นี้ครับ ชิปเซ็ต Amlogic S905X2 และ RAM 2GB อาจจะแสดงอาการหน่วงให้เห็นบ้างหากเปิดแอปหนัก ๆ หรือสลับแอปไปมาอย่างรวดเร็ว และมันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมหรือใช้งานแอปพลิเคชันที่กินทรัพยากรสูง ๆ ดังนั้น กล่องนี้จึงเหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นลูกค้าทรูอยู่แล้ว และต้องการ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถดูคอนเทนต์ของทรูได้ครบจบในที่เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอบอลพรีเมียร์ลีก และไม่ได้ต้องการประสิทธิภาพที่สูงที่สุดในตลาดครับ
คะแนนที่ได้
7.5/10
รีวิวสั้น ๆ
“ดีสำหรับคนดูบอลทรูพรีเมียร์ลีกครับ ภาพชัดดี ไม่ต้องคอยหาลิงก์เถื่อนดู” – พี่ศักดิ์, อายุ 42
“ได้แถมมากับเน็ตบ้านก็โอเคเลยค่ะ เอาไว้ให้แม่ดูละครย้อนหลังกับช่องทีวี สะดวกดี” – น้ำ, อายุ 31
มุมมองจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในวงการสตรีมมิ่ง
จากการวิเคราะห์ของเว็บไซต์รีวิวอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นนำอย่าง TechRadar และ Rtings.com แนวโน้มของตลาดกล่องสตรีมมิ่งในปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าการแข่งขันไม่ได้อยู่แค่เรื่องสเปกฮาร์ดแวร์อีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้กันในด้าน “ประสบการณ์ผู้ใช้” (User Experience) และ “Ecosystem”
“ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่กล่องที่เร็วที่สุด แต่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่ ‘ฉลาด’ ที่สุด ที่สามารถเข้าใจพฤติกรรมการรับชมและแนะนำคอนเทนต์ที่ตรงใจได้โดยอัตโนมัติ การมาถึงของ Google TV UI คือตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญในเรื่องนี้”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้กล่องอย่าง Chromecast with Google TV หรือ Xiaomi TV Box S 2nd Gen ได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก เพราะมันเปลี่ยนวิธีการค้นหาคอนเทนต์แบบเดิม ๆ ไปโดยสิ้นเชิง และเป็นแนวทางในการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ในยุคปัจจุบัน
ปัจจัยสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญ
- Certification คือหัวใจ: ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ควรเริ่มต้นจากการมองหากล่องที่ได้รับการรับรองจาก Google และ Netflix (หรือที่เรียกว่ามี Widevine L1) เสมอ เพราะนี่คือหลักประกันว่าคุณจะสามารถรับชมคอนเทนต์จากแอปยอดนิยมได้ที่ความละเอียดสูงสุดและมีความปลอดภัย
- RAM ไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ก็สำคัญ: แม้ว่า RAM 2GB จะเพียงพอสำหรับการสตรีมมิ่งทั่วไป แต่การมี RAM 3-4GB อย่างใน NVIDIA Shield หรือ Homatics Box R จะมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อต้องสลับแอปหรือใช้งาน Multitasking ปัจจัยเหล่านี้สำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
- การรองรับ Codec แห่งอนาคต: การรองรับ AV1 Codec กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ มันช่วยให้การสตรีม 4K มีประสิทธิภาพมากขึ้น กล่องที่รองรับฟีเจอร์นี้จึงมีความได้เปรียบในระยะยาวเมื่อต้องตัดสินใจว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
- Connectivity ที่ครบเครื่อง: การมีพอร์ต Gigabit Ethernet และ Wi-Fi 6 จะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเสถียรที่สุด ซึ่งสำคัญมากสำหรับการสตรีมไฟล์คุณภาพสูง ในขณะที่พอร์ต USB 3.0 ก็จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการเล่นไฟล์จาก External Storage
บทวิเคราะห์จากทีมงาน TOPLISTPLUS
“ตลาดกล่อง Android TV ในปี 2025 มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานที่ชัดเจนขึ้น การจะตอบคำถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่สุดนั้น ไม่มีคำตอบเดียวสำหรับทุกคนอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณคือผู้ใช้งานกลุ่มไหน: กลุ่มที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด, กลุ่มที่เน้นความคุ้มค่าและฟีเจอร์ครบ, หรือกลุ่มที่ต้องการความเรียบง่ายและชาญฉลาด การเข้าใจความต้องการของตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณได้อุปกรณ์ที่ใช่และมีความสุขกับมันไปอีกนาน ทีมงานของเราเห็นด้วยว่าการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ต้องเริ่มจากความต้องการของผู้ใช้”
เคล็ดลับการเลือกซื้อ กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ให้โดนใจ
เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ของคุณง่ายขึ้น เรามีเคล็ดลับมาฝากครับ
- เช็กการรับรอง (Certification) เป็นอันดับแรก: มองหากล่องที่ระบุว่า “Google Certified” และ “Netflix Certified” เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะดู Netflix และแอปอื่น ๆ ได้ที่ความละเอียด 4K และใช้งาน Google Assistant กับ Chromecast ได้เต็มรูปแบบ นี่เป็นสิ่งแรกที่ต้องตอบให้ได้เมื่อคิดว่าจะเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
- กำหนดงบประมาณและการใช้งานหลัก: หากคุณเป็นคอหนังตัวยงที่ต้องการภาพและเสียงดีที่สุด การลงทุนกับ NVIDIA Shield หรือ Homatics ก็คุ้มค่า แต่ถ้าดูสตรีมมิ่งทั่วไป MECOOL หรือ Xiaomi ก็ให้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในราคาที่ย่อมเยากว่า การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ต้องคำนึงถึงงบด้วย
- ดูสเปก RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล: สำหรับการใช้งานทั่วไป RAM 2GB ก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณชอบลงแอปเยอะ ๆ หรือเล่นเกม ควรเลือกรุ่นที่มี RAM 3-4GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 16GB ขึ้นไป การเชื่อมต่อเป็นหัวใจสำคัญของคำถามที่ว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
- พิจารณาพอร์ตเชื่อมต่อ: หาก เราเตอร์ อยู่ไกลจากทีวี การเลือกรุ่นที่มีพอร์ต LAN (Ethernet) จะให้ความเสถียรมากกว่า และถ้าคุณมีฮาร์ดดิสก์เก็บหนัง ควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ต USB 3.0 การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ต้องดูพอร์ตให้ครบ
- เลือกระบบปฏิบัติการที่ชอบ: ชอบความเรียบง่ายแบบดั้งเดิม? เลือก Android TV แต่ถ้าชอบให้ระบบช่วยแนะนำคอนเทนต์ฉลาด ๆ และหน้าตาสวยงามทันสมัย Google TV คือคำตอบครับ ระบบปฏิบัติการก็เป็นอีกปัจจัยในการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
Android TV vs Google TV: ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าสองอย่างนี้ต่างกันยังไง จริง ๆ แล้ว Google TV คือ “ร่างอวตาร” ใหม่ของ Android TV ครับ มันทำงานบนพื้นฐานของ Android TV เหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ “หน้าตา” หรืออินเทอร์เฟซ (UI) ในการตัดสินใจว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ความแตกต่างระหว่าง UI ทั้งสองแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
- Android TV: จะมีหน้าตาที่เรียบง่าย เน้นการแสดงแอปพลิเคชันเป็นหลัก เหมือนหน้าจอสมาร์ทโฟน เหมาะกับคนที่ชอบความตรงไปตรงมา อยากดูอะไรก็กดเข้าแอปนั้น ๆ เอง
- Google TV: จะเน้นการแสดง “คอนเทนต์” เป็นหลัก มันจะดึงข้อมูลจากทุกแอปที่เราสมัครไว้ (Netflix, Disney+, Prime Video ฯลฯ) มารวมกันแล้วแนะนำในหน้าแรก ทำให้เราเห็นภาพรวมว่ามีหนังหรือซีรีส์อะไรน่าสนใจบ้างโดยไม่ต้องเปิดทีละแอป เหมาะกับคนที่ไม่รู้จะดูอะไรและอยากให้ระบบช่วยคิดให้
สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าชอบความเป็นระเบียบและเลือกเอง เลือก Android TV แต่ถ้าชอบความฉลาดและให้ระบบช่วยแนะนำ เลือก Google TV ครับ คำตอบของคำถาม กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี อาจขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบ UI แบบไหนมากกว่ากัน
Sideload แอปพลิเคชัน คืออะไร ปลอดภัยหรือไม่?
การ Sideload คือการติดตั้งแอปพลิเคชันลงบนกล่อง Android TV ด้วยตัวเอง โดยใช้ไฟล์ติดตั้ง (.apk) จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play Store ครับ สำหรับสายเทคที่กำลังเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ความสามารถในการ Sideload อาจเป็นปัจจัยสำคัญ
- ข้อดี: ทำให้เราสามารถลงแอปที่ไม่มีใน Play Store สำหรับทีวีได้ เช่น เว็บเบราว์เซอร์เต็มรูปแบบ (Chrome, Firefox), แอปดูไฟล์, หรือแอปเฉพาะทางอื่น ๆ
- ข้อควรระวัง: มีความเสี่ยงสูง! เพราะไฟล์ .apk จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออาจแฝงมาด้วยมัลแวร์หรือไวรัสที่สามารถขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราได้ ดังนั้น หากไม่จำเป็นและไม่มั่นใจในแหล่งที่มาของไฟล์ ไม่แนะนำให้ทำการ Sideload ครับ ควรใช้แอปจาก Play Store เป็นหลักเพื่อความปลอดภัยสูงสุด อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงในการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- ถาม: ต้องมีทีวี 4K ถึงจะใช้กล่อง 4K ได้ไหม?
ตอบ: ไม่จำเป็นครับ กล่อง 4K สามารถใช้กับทีวี Full HD (1080p) หรือ HD (720p) ได้ โดยกล่องจะปรับความละเอียดภาพให้เหมาะสมกับจอทีวีโดยอัตโนมัติ แต่แน่นอนว่าถ้าอยากได้ภาพที่คมชัดที่สุด ก็ควรใช้คู่กับ ทีวี 4K ครับ ดังนั้นการเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับประเภททีวีที่มี - ถาม: ถ้าเน้นเล่นเกม ควรเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี?
ตอบ: เล่นเกมเบา ๆ ทั่วไปได้เกือบทุกรุ่นครับ แต่ถ้าต้องการเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยงามหรือเกม 3D หนัก ๆ ควรเลือกรุ่นที่มีสเปกสูงอย่าง NVIDIA Shield TV Pro ที่มีชิปประมวลผลกราฟิกที่แรงกว่าและมี RAM เยอะกว่าครับ - ถาม: การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี จำเป็นต้องมีพอร์ต LAN หรือไม่?
ตอบ: ถ้าเราเตอร์ Wi-Fi ของคุณอยู่ใกล้ทีวีและสัญญาณแรงดี Wi-Fi ก็เพียงพอครับ แต่ถ้าเราเตอร์อยู่ไกลหรือมีกำแพงกั้นเยอะ การเชื่อมต่อผ่านสาย LAN จะให้ความเร็วและความเสถียรที่แน่นอนกว่ามาก เหมาะสำหรับการสตรีมไฟล์ 4K คุณภาพสูงโดยไม่กระตุกครับ - ถาม: รีโมตหายทำอย่างไร?
ตอบ: กล่อง Android TV ส่วนใหญ่สามารถใช้แอป Google Home หรือแอป Android TV Remote Control บนสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมแทนรีโมตได้ครับ และบางรุ่นอย่าง Onn 4K Pro ก็มีฟีเจอร์ Find My Remote ให้สั่งรีโมตส่งเสียงได้ด้วย
บทสรุปส่งท้าย: เลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ให้จบในตัวเดียว
มาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าเพื่อน ๆ น่าจะได้คำตอบในใจกันแล้วนะครับว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในห้องนั่งเล่นของเราในปี 2025 นี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปชัดเจนครับ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อตอบคำถามว่า กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ให้ครอบคลุมที่สุด
- ถ้าคุณคือเกมเมอร์หรือคอหนังที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดแบบไม่มีประนีประนอม NVIDIA Shield TV Pro คือคำตอบสุดท้ายที่ไม่มีใครเทียบได้
- ถ้าอยากได้สเปกแรง ฟีเจอร์ครบครันทั้งภาพและเสียงในราคาที่สมเหตุสมผล Homatics Box R 4K Plus คือตัวเลือกที่น่าประทับใจมาก
- สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่เน้นดู Netflix และสตรีมมิ่งเป็นหลัก MECOOL KM2 Plus คือกล่องที่สมดุลและคุ้มค่าที่สุด
- และถ้าคุณรักในความเรียบง่ายและความฉลาดของ Ecosystem จาก Google Chromecast with Google TV หรือ Xiaomi TV Box S 2nd Gen ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมครับ
สุดท้ายนี้ การเลือก กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ที่ดีที่สุดก็คือการเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และงบประมาณของเราได้ลงตัวที่สุดครับ เราหวังว่ารีวิว กล่อง Android TV ยี่ห้อไหนดี ของเราจะเป็นประโยชน์ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมบนจอใหญ่ยักษ์นะครับ!
หมายเหตุจากผู้เขียน:
- รายละเอียดสเปก, ฟีเจอร์, หรือราคา อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละแบรนด์ เช่น NVIDIA, Xiaomi, Google, MECOOL หรือจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ
- คะแนน (เช่น 9.8/10 หรือ 9.2/10) เป็นการประเมินโดยทีมงาน TOPLISTPLUS โดยอ้างอิงจากประสิทธิภาพ, ฟีเจอร์, ความคุ้มค่าต่อราคา, และรีวิวจากผู้ใช้งานจริงประกอบกัน
- รีวิวสั้น ๆ จากผู้ใช้งาน (เช่น “[ชื่อเล่น] อายุ …”) เป็นตัวอย่างที่สมมติขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการใช้งานในมุมมองที่หลากหลายเท่านั้น
- บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลล่าสุด ณ ช่วงเวลาที่เขียน การอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์หรือประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้